034 | ไอ้ลูกหมา

wc_aibo

หลายวันก่อน มีลูกค้าอุ้มลูกหมามาที่ร้าน ตาของมันเป็นสีฟ้าซีดๆ ดูแล้วน่าจะดุและเหี้ยมเกรียม แต่ตรงกันข้าม ความเด็กของมันทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาขนฟูๆ ..หล่อและน่ากอด

ไอ้หมาตัวนี้ (จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร) มันเป็นพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ตัวเล็กๆ พอดีอุ้ม ..ปกติแล้วหมาพันธุ์นี้มันน่าจะไปอยู่แถวขั้วโลก เอาไว้ลากเลื่อนขึ้นเขาลุยหิมะ แต่นี่เจ้าของพามาเล่นแร็ก.. ตากห้องแอร์ (เอาวะ.. หนาวพอๆ กัน ให้อภัยๆ)

ผมจับมันมาอุ้มและแสดงท่าทางเอ็นดูอย่างสุดขีด เพราะปกติเป็นคนที่ชอบสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะหมาแล้ว ยิ่งเป็นหมาที่ท่าทางไม่ไฮโซละก็.. รักตายห่าเลย เลยจับมันมากก มากอด และซุกไว้ตรงพุงขณะนั่งหน้าคอม แล้วเอามือลูบขนนุ่มๆ ของมันจนหลับคามือ (หรือไม่ก็ใกล้จะเฉาตาย)

พอถามราคากับเจ้าของ (ชายหนุ่มขาวตี๋และมีรถ) ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ถึงจะมีสิทธิ์ได้ไอ้ก้อนนุ่มๆ นี้ไว้ในครอบครอง ก็ปรากฏว่าคำตอบคือ ไอ้หล่อตัวนี้ดูดตังค์เขาไปแปดพันบาท

โอว… เย็ดครก แปดพันแลกกับความหล่อและสาวมองเหลียวหลัง (ด้วยการอุ้มหมาไง) ….. ถ้าเป็นกู ขอแก้ผ้าเดินดีกว่า ได้มองกันตั้งกะต้นซอยยันท้ายซอย

สองสามวันต่อมา พี่โอมที่ร้านบอกผมว่า ไอ้ลูกหมาตัวนั้นมันตายแล้ว!!! ไม่ได้ตายเพราะว่ามันทนกลิ่นผมในวันนั้นไม่ไหวนะโว้ย แต่ด้วยโรคประจำตัวบางอย่างซึ่งบอกได้ว่า สุขภาพมันไม่ดีมาตั้งแต่ร้านที่ขายมันมา ผมค่อนข้างตกใจ (ตกใจแบบเก็บอาการ) เพราะว่ามันเห็นกันอยู่หลัดๆ นี่เอง เพิ่งลูบหัวลูบหางเกาพุงหลับตาพริ้มอยู่บนตัก ..แต่ตอนนี้มันคงโดนฝังกลบไปแล้ว

พอกำลังจะเริ่มยืนไว้อาลัยเป็นเวลาหนึ่งนาที เจ้าของหมาก็บอกว่า เขากำลังจะไปเคลมที่ร้าน

…………….. .. ….. .. .. ….. … …..
เจ๊ยยยยยยยย
เคลมหมาเหรอ!!!!!!

ม… หมายถึงเอาหมาเก่าที่ชำรุดไปเปลี่ยนเป็นตัวใหม่น่ะนะ
หมานะเว้ย หมา ..ไม่ใช่กางเกง ถึงจะมาคลงมาเคลมกันได้เนี่ย!!

เรื่องในวันนั้นคงผ่านไปเป็นอีกหนึ่งกระผีกของความทรงจำในสมอง เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาก่อนหน้า ถ้าตาเจ้าของหมาไม่มานั่งเล่นเกมอีกครั้ง และบอกว่า หมาที่เขาจองไว้ (เปลี่ยนเป็นตัวนี้) มันตายซะแล้ว ด้วยโรคเดียวกันกับไอ้หล่อตัวเก่า ..งั้นก็อดเคลมเลยสิ แล้วก็แสดงว่าสายพันธุ์นี้หรือสุขอนามัยในร้านขายหมานั้นไม่ดีเท่าไหร่

แถมหลังจากนั้นไม่กี่วัน ตาเจ้าของหมาก็มาที่ร้านและบอกอีกว่า ร้านนั้นปิดกิจการหนีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!

จากนิทานเรื่องนี้ จะเห็นได้ถึงความสัมพันธ์ของคนที่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นเพียง “อุปกรณ์” ไว้แสดงความรัก หรือเอาไว้เสริมสร้างบารมี ไม่ต่างจากมีนาฬิกา กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรืออะไรที่พอมีแล้วเท่ เท่านั้น ซึ่งการใช้ชีวิตในระบบนี้มันทำให้เราอาจหลงลืมไป ว่าไอ้เจ้าหล่อแปดพันนั่นน่ะ มันไม่ใช่ตุ๊กตา แต่มันเป็นหมา.. หมาที่ต้องกิน ต้องขี้ ต้องปี้ และต้องนอนเมือนกับเราๆ .. ทำไมหนอทำไมถึงเห็นมันเป็นเพียงแค่วัตถุชิ้นนึงที่อยากได้ก็ซื้อ พอเสียก็เปลี่ยนเท่านั้นเอง

ป.ล.
รูปประกอบคราวนี้ค้นจากกูเกิ้ลแล้วเอามาเย็บติดกันครับ เห็นได้ว่าคนญี่ปุ่นเขาพยายามจะสร้างชีวิต สร้างวิญญาณให้กับอะไรที่มันไม่เคยมีหัวจิตหัวใจมาก่อน นั่นแสดงถึงความรู้สึกที่ตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว ระหว่างวัฒนธรรมหนึ่ง ที่แปลงชีวิตเป็นสินค้า และอีกหนึ่งที่ใส่ชีวิตให้สินค้า

ป.อ.
แต่ทั้งคู่ก็ยังขายสินค้าเหมือนกันเลย ใช่ไหม

ป.ฮ.
ทดลองเขียนแบบเป็นย่อหน้าๆ ดู ..ลำบากเหมือนกันว่ะ

คอมเมนต์