ฟรีแลนซ์: ห้ามอะไรดีวะ เขาเล่นกันไปหมดแล้ว

อย่าว่าแต่การรีวิวเลย นี่ผมนึกได้ว่าผมแทบไม่เคยเขียนบล็อกเกี่ยวกับหนัง

แต่กับเรื่องนี้ ไปดูมาเมื่อวานซืน จนตอนนี้มันยังวนอยู่ในหัว สลัดไม่หลุด สมควรต้องระบายออกด้วยการเขียนถึงใช่ไหม

(มีคติอยู่อย่างนึงว่า พอดูหนังจบ เดินออกจากโรงแล้ว ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ถ้าหนังมันยังวนเวียนในหัว อันนั้นคือหนังที่มีคุณค่าทางโภชนาการ)

ผมไม่ชอบหนัง GTH ยุคหลังๆ เลย โอเครู้ว่ามันเป็นที่ตัวเองด้วยแหละที่พ้นจากกลุ่มเป้าหมายของคนทำหนังออกมาไกล ทั้งวัย ทั้งหน้าที่การงาน และทั้งรสนิยม

คือดูหน้าหนังแต่ละเรื่องแล้วก็เฉยๆ แบบ ถ้าว่างค่อยไปดูโรงก็ได้ แต่ถ้าไม่ว่างก็ค่อยไว้ดูที่บ้าน และความรู้สึกหลังดูก็คือ เฉยๆ ซะเป็นส่วนใหญ่

รู้สึกว่าเรื่องสุดท้ายที่ดูแล้วชื่นชมก็คือลัดดาแลนด์…

สำหรับหนังเรื่องล่าสุดที่มนุษย์ออนไลน์รอบตัวทุกคนคงเคยเล่นเครื่องผลิตโลโก้ออนไลน์สนุกๆ มาแล้ว (มารู้ทีหลังว่ามีสองเวอร์ชัน เวอร์ชันออริจินัลนั้นกลับเป็นการทำเอาสนุก และโด่งดังเป็นอันมากโดยไม่ต้องมีเจตนาเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมนับถือคนแบบนี้)

เป็นครั้งที่ค่ายหนังตั้งใจขายหน้าตาของผู้กำกับพอๆ กับนักแสดงนำ จนตอนนี้คนเริ่มรู้กันแล้วว่า เต๋อนวพลมันเป็นคนละคนกับอีกเต๋อโว้ย

นั่นจึงแปลว่า เหล่าแฟนคลับเต๋อ (และซันนี่) จงมาดู ส่วนคนอื่น ถ้าสนใจเนื้อเรื่องในหนังตัวอย่าง จงมาดู เห็นไหมว่ากลุ่มเป้าหมายนั้นชัดและแข็ง ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อเสียคือมันไม่กว้าง คือถ้าหนังแม่งโคตรดี สมควรดู แต่รายได้ก็คงไม่เยอะเท่าหนังผีตลกที่ค่ายเคยทำ ซึ่งตรงนี้ค่ายเองก็รู้ และตัดสินใจว่าเอาแบบนี้แหละ ขอให้มีหนังแบบนี้บ้าง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผมนับถือ

อ้อ ลืมบอกไปว่าผมมาดูเพราะใหม่ดาวิกา อันนี้เรียกว่ารักเลยเถอะ (เมียอย่าอ่านบรรทัดนี้นะ)

ยังไม่ได้พูดเรื่องหนังเลยว่ะ ขี้จะเสร็จแล้วเนี่ย

รีวิวสั้นๆ คือ “ไอ้ห่า โคตรจี้ใจดำ ขอดูซ้ำและเชียร์” ส่วนรีวิวยาวๆ ก็จะกล่าวถึงต่อไปนี้

image

เอาตั้งแต่ชื่อเรื่อง: ผมไม่ชอบนะ แต่มาชอบเอาตอนที่ทุกคนต่างเล่นคำพลิกแพลงกันออนไลน์นี่แหละ อีตาลุงคนคิดชื่อแกคิดถึงเรื่องนี้ด้วยแล้วแน่ๆ ถ้าใช่ก็เซียนมาก ถ้าไม่ใช่ก็ลุงโชคดีมาก

หน้าหนัง: ก็อย่างที่บอก มันแคบกว่าเรื่องอื่น อันนั้นช่างมัน พูดไปแล้ว แต่ที่เจ็บใจคือถ่ายนางเอกมาไม่สวย รอยยิ้มเหมือนแม่นาคเลย โกรธ

เนื้อหนัง: (ไม่สปอยล์) ไม่ได้ดูการแสดงของซันนี่แล้วชอบมานานมากแล้ว เรื่องนี้นับถือผู้กำกับที่ดึงเสน่ห์ของซันนี่ออกมาได้เต็มร้อยมาก แล้วแม่งก็มีเสน่ห์จริงๆ ถือว่าใช้คนถูกทางมากๆ ผิดกับเรื่องก่อนหน้า (อ๊ะ เราจะไม่ด่าพาดพิง)

ส่วนใหม่ดาวิกานี่โคตรเซอร์ไพรส์ ผมคิดว่าใหม่เป็นนางฟ้าหรือนางในวรรณคดีมาตลอด คือหนังแต่ละเรื่องนี่ถ้าไม่พูดช้าก็ต้องพูดเป็นภาษาเขียน มันไกลความเป็นมนุษย์จนนึกว่าหญิงสาวคนนี้พูดแบบนั้นในชีวิตจริง ซึ่งในเรื่องนี้ แม่ง (นั่นไง มีคำว่าแม่ง) แม่งเป็นมนุษย์มากๆ มันจริงมาก

ไม่ต้องไปพูดถึงฉาก หรืองานภาพในหนังที่ตั้งใจเซ็ตให้เหมือนถ่ายส่งๆ ไม่ตั้งใจ (ตั้งใจให้เหมือนไม่ตั้งใจว่าตั้งใจไง งงไหม) ข้อนี้เหล่าคนดูหนังของเต๋อคงชินแล้ว แต่ผมแทบไม่เคยดูเลย 55555 แต่รู้แหละว่านี่คือความตั้งใจ ซึ่งมันดีมาก ชอบทุกฉากที่ดูรกตา ขอคารวะ

เนื้อเรื่อง: ผมตกใจที่สุดคือการเห็นตัวเองไปโผล่ในหนัง (ช่วงแรก) ได้เป๊ะขนาดนี้ ตอนฉากแบกคอมไปทำงาน หรือฉากหลับคาโฟโต้ช็อปที่แต่งภาพเบี้ยวๆ นี่ร้องเย็ดเข้ออกมาเลย นั่นมันกู! มึงเอาทวีตกูไปทำหนังใช่ไหมอีเต๋อ บอกมา

การออกแบบสถานการณ์นั่นนี่ในหนัง แม่งใช่เลยครับ มันก็คือการเอาตัวเอง (ผู้กำกับ) มาเล่าเรื่องเสียดสีจิกกัดประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ต้องจริงกว่าการมโนเรื่องที่ไม่ถนัดอยู่แล้ว ดังนั้นมันเลยเป๊ะไปทุกช็อตแบบแทบไม่มีไขมันส่วนเกิน

พอเข้าสู่ช่วงที่เจอหมอ และสู่ช่วง “Whiplash” ร้อยเรียงไปจนจบเรื่อง อันนั้นไกลตัวออกไปละ แต่ก็เป็นการมโนที่กลมกล่อม

และตั้งคำถามมากมายให้คนดูอย่างผม ซึ่งเป็นกลุ่มที่สัมผัสประสบการณ์ร่วมเต็มๆ ได้คิดวนเวียน วนเวียนอยู่ในหัว

คิดถึงเหตุการณ์ในปีนี้ ที่เห็นเลยว่าตัวเองสุขภาพแย่จากการทำงาน (ของผมไม่ใช่ตุ่มขึ้น แต่เป็นตาบวมสลับซ้ายขวามาตลอด หาหมอเป็นสิบรอบแล้ว นี่ตอนเขียนบล็อกนี้กำลังบวมข้างขวา)

คิดถึงการไปตรวจสุขภาพครั้งแรกในชีวิต กับเพื่อนหมอที่ผมเคยแอบชอบสมัยเป็นสาวแว่นอยู่ ม.ต้น แต่ตอนนี้มีผัวแล้วและกำลังจะมีลูก (รู้ว่าท้องในวันที่ผมไปตรวจกับมันพอดี เฮ้ยอะไรวะ) ประเด็นสำคัญคือตอนนี้สนิทกับเมียผมจนเมียบังคับให้ไปตรวจกับมันนั่นแหละ ไงล่ะ… ชะตาชีวิตก็แบบนี้

ที่แน่ๆ คือสารพัดคำเตือนจากหมอ มันช่างเหมือนกับในหนัง และพฤติกรรมเหลวแหลกที่พระเอกทำเพราะห้ามทิฐิตัวเองไม่ได้ นั่นก็คือสิ่งที่ผมโดนตีเข้าจังๆ

ดูจนจบแล้วก็ยิ้ม ว่าเออ ทำมาดี เป็นหนังเพื่อมนุษย์อย่างเรา แต่ก็ยังเป็นมิตรกับคนที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างเรา เลยใครถามว่าดีไหม ก็จะเชียร์ในนามของเรา

ขอบคุณที่ทำหนังดีๆ ครับ (โค้ง)

อาชีพฟรีแลนซ์มันไม่ได้อิสระเสรีอย่างที่คนข้างนอกมองกันนะครับ แต่ทำไมก็ไม่รู้ วิถีชีวิตแบบนี้แหละที่มันใช่จริงๆ นี่ถ้าไม่มีลูกเมียและร่างกายเริ่มเตือนว่ามึงควรถนอมสังขารดูบ้าง

ผมก็คงเป็นพวกห้ามป่วยห้ามพักเหมือนกัน

แต่รักหมอนี่คงไม่ไหว เมียกูเอาตาย

.

ป.ล.
เพิ่งผ่านตามาว่ามีคนรีวิวด่าเรื่องนี้เยอะ ผมยังไม่ได้อ่าน (กลัวความรู้สึกคนอื่นมาเปื้อนไปด้วย) เขียนเสร็จแล้วค่อยไปหาอ่าน

ป.อ.
ไม่ได้ดูทีวี และไม่ได้ติดตามช่องทางการโปรโมตของ GTH เลยแม้ในสื่อออนไลน์ใดๆ นึกได้ว่าค่ายนี้ขยันทำสกู๊ปเกร็ดนั่นเกร็ดนี่นี่นา เดี๋ยวไปหาดูดีกว่า (เลือกเฉพาะที่มีน้องใหม่)

ป.ฮ.
สารพัดหมอและเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ-หัวหิน ตึงมากครับ

คอมเมนต์