ทรมาน [ Official Ultra Pro Max MV ]

ช่วงนี้พอไม่ได้วาดรูปทุกวัน ก็เลยมีเวลามานั่งหัดเล่นอูคูเลเล่เกือบทุกเย็นหลังกินข้าว

หัดมาหลายเดือนแล้วครับ คือผมเล่นดนตรีแทบจะไม่เป็นเลย ได้แค่ตีกลองกีฬาสี เคาะโต๊ะ ตีกรับ แล้วก็เป่าขลุ่ย ด้วยความอิจฉาคนเล่นเป็น เลยอยากหัดดูบ้าง (มาหัดเอาตอนแก่นี่แหละ ไม่ได้ใช้เจีบสาวก็คงไม่มีปัญหามั้ง)

ทีนี้พอเริ่มจิ้มๆ ท่องจำคอร์ดไปเรื่อยๆ มันจะมีเนื้อเพลงอยู่ประมาณนึงปรากฏขึ้นมา แล้ววนหลอนอยู่ในหัว สลัดไม่ยอมหลุดซะที เหมือนเป็นคำสาปสักอย่าง… ก็เลยแต่งให้มันออกมาเป็นเพลงๆ ไปซะ

กลายเป็นเพลง “ทรมาน” ครับ

ก็อยากจะร้องเป็นเพลงให้เธอได้ฟัง
ไม่กล้าเล่นดังเดี๋ยวคนรำคาญ
กว่าจะตะแง้วๆ แบบนี้ ฉันหัดตั้งนาน
ทน (จง) ทรมานฟังเสียงฉันหน่อย

เนื้อร้องมีแค่นี้แหละ วนสองรอบละกัน จะได้ยาวๆ หน่อย

ให้เล่นคอร์ดสุดฮิต F / G / C วนๆ ไป

อันนี้ตอนแต่งเนื้อก็เขียนๆ ใน Procreate ไอแพด ขออภัยลายมือห่วยเพราะต้องเบ่งมันออกมา ไม่งั้นเดี๋ยวลืม 55555

เออ พอคอร์ดมันไม่ยาก เลยพอจะทำให้เป็นเพลงตัวแทนของการหัดเล่นได้อยู่นะ ใครหัดเหมือนกันลองเอาไปเล่นดูครับ ทำคลิปไว้ด้านล่างแล้ว ถามว่าอายไหม อายครับ

ขอบคุณครับ
แอน
12/9/65

พรปีใหม่ ๒๕๖๓

ดึกแล้ว มาอวยพรปีใหม่กัน!
ปีใหม่นี้ขอให้คุณมีความสุข
สนุกสนาน
ไม่เซ็ง
ไม่เศร้า
ไม่ซวย
ไม่รมณ์เสีย
ไม่ๆๆๆๆๆ
ม้ายยยยยยยย
ว่าแต่คนเราจะต้องการอะไรกันเยอะแยะนะ
ความสุขมันอยู่ที่ได้กิน
ได้ขี้
ได้ปี้
ได้นอน
ที่เหลือก็พยายามเอาเองละกัน
(โคตรเปลืองเน็ต)

เที่ยวงานสถาปนิก’61

รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าผมไปงานสถาปนิกติดต่อกันมาหลายปีมากแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็นสถาปนิก แต่พอนึกดู ตัวเองก็ดันทำงานที่เกี่ยวข้องกับวงการนี้โดยบังเอิญ (บังเอิญอะไรล่ะ แกเรียนมา) ที่สำคัญคือหลายปีมานี้ต้องใช้ประโยชน์จากการเดินชมงานเพื่อหาความรู้เสริมโปรเจกต์ที่ทำอยู่เยอะเลย

น่าเสียดายที่พอจะมาค้นดูว่าช่วงที่ทำโปรเจกต์สร้างบ้านสร้างอาคารก่อนหน้านี้ ดันหาข้อมูลของงานปีก่อนๆ ที่จดไว้อย่างละเอียด (ในกระดาษ) ไม่เจอแล้ว

ต่อไปนี้ก็จะขอจดใส่บล็อกไว้เลย ไม่หาย แถมย้อนดูได้ เหมาะกับวิถีชีวิตมนุษย์ไดโนเสาร์ในยุคโซเชียลเรียลไทม์แบบนี้จริงๆ

งานสถาปนิก’61 ปีนี้จัดที่เดิม คืออิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ (ในอีเมลประชาสัมพันธ์ดันบอกว่าเป็นอารีน่า) ใช้สโลแกนว่า “ไม่ธรรมดา” หมายถึงการเอานั่นนี่ที่ธรรมดา มาใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ก็กลายเป็นสิ่งใหม่ที่ว้าวได้

งานมีวันที่ 1-6 พ.ค.61 ลงทะเบียนออนไลน์ได้ตั้งแต่เริ่มเห็นเขาโปรโมต ของผมคือได้รับอีเมลเพราะไปอยู่ในถังของปีที่แล้ว ส่วนตัวแล้วแนะนำอย่างยิ่งให้ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนวันงาน (ปิดรับก่อนงาน 7 วัน) เพราะแถวลงทะเบียนหน้างานยาวมากกกกกกกกกกกกกก ในขณะที่แถวพรินต์บัตรห้อยคอสำหรับมนุษย์ออนไลน์นั้นใช้เวลารอ 0 วินาที

การจอดรถก็เฮงซวยเหมือนเดิม เพราะงานจัดชนกับมหกรรมสินค้าลดราคาที่อิมแพคอารีน่าข้างๆ ถ้าเป็นได้ให้แว้นมา (สิทธิพิเศษของชาวปทุม)

งานปีก่อนๆ ผมใช้เวลาเดินนานมาก (8 ชั่วโมงเดินได้แค่ครึ่งงาน อีกปีก็ 10 ชั่วโมงเต็มๆ คืองานแม่งใหญ่มาก) แต่ปีนี้ดันติดปัญหาที่จอดรถ เลยมีเวลาแค่ 4 ชั่วโมง โอเค ก็จะข้ามอันที่ไม่ดึงดูดไปเลยละกัน พุ่งสู่สิ่งที่สนใจในโปรเจกต์ก่อสร้างของปีนี้ทันที

สิ่งที่ไม่สนใจคือนมของพริตตี้ในงาน (ซึ่งเยอะมากกกกก) บูทไหนที่เอานมนำ เราถือว่าไม่ได้สื่อสารกับเราที่จะมาหาข้อมูลของวัสดุและสินค้าโดยเฉพาะ ขี้เกียจเสียเวลาจีบปากจีบคอคุยกับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องจริงๆ ก็จะขอข้ามเลยละกัน

ซึ่งดันมีบูทนึงที่จัดอีเวนต์เปิดตัวซัมติง ที่เปิดไมค์ส่งเสียงดังคึกคักครึกครื้น นักข่าวสื่อมวลชนและคนเดินเที่ยวงานมุงอออยู่ด้านหน้าเพียบเลย ผมชะโงกดูก็พบว่า โอเคแหละ พริตตี้กำลังเดินนวยนาด พรีเซนต์นมอย่างออกรส

พอกำลังจะเดินผ่าน ก็ดันเห็นว่าแบรนด์นี้พี่ไม่ใช่แค่นมพริตตี้…

ครับ และนั่นคือภาพแรกของงานนี้…

Continue reading เที่ยวงานสถาปนิก’61

บันทึกถึงบันทึกลับเซินเจิ้น

อ่านจบแล้ว หนังสือเรื่องเซินเจิ้นฯ สักอย่างของศิลา บัวเพชร (สนพ.แซลมอน / 275 บาทมั้ง / เป็นตัวอักษรปนๆ กับการ์ตูน / ภาพสีทั้งเล่มทั้งที่บางภาพมันวาดแบบใช้แต่สีดำก็ยังจะพิมพ์สีให้เปลือง)

ขอพูดถึงโจ้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนักเขียนการ์ตูนที่เราชอบที่สุดในประเทศไทย (อีกคนคือสะอาด)

รู้จักโจ้มานานตั้งแต่มันอยู่ปีหนึ่ง เวลาโจ้อยู่กับเพื่อนๆ ทีไร พลังมันจะมา มาแรงมากครับ ด้วยความเนิร์ดโอตาคุของแก๊งนี้ เวลามันเปิดประโยคสนทนากันแต่ละเรื่อง แม่งจะจริงจังเหมือนแบบที่เราเห็นกันในคุโรมาตี้ แต่เป็นคุโรมาตี้ที่มีเส้นสปีดอยู่ในช่องตลอดเวลา

เมื่อโจ้มาวาดการ์ตูนเขี่ยๆ ให้เพื่อนอ่าน มันถ่ายทอดเสียงเหล่านี้ลงมาเป็นภาพได้อย่างชัดเจน อันนี้ทึ่งว่ามันทำได้ไง เลยเฝ้าติดตามมาตลอดด้วยความทึ่ง

วันหนึ่งการ์ตูนของโจ้ก็มาโผล่ใน Way นิตยสารที่เรารัก

แบบงงๆ ว่า บ.ก.คิดอะไรอยู่วะ โจ้มันยัดเงิน หรือว่า บ.ก.เห็นอะไร ทำไมวิสัยทัศน์ก้าวไกลขนาดนี้ เพราะการ์ตูนของโจ้มีแต่เรื่องส่วนตัวทั้งหมด

ส่วนตัวแบบไม่ประนีประนอมใครใดๆ ทั้งสิ้น คือมึงอยากรู้จักกูใช่ไหม มาสิ แต่กูไม่แนะนำตัวนะ พยายามเอาเอง แม่งคุยกันแต่ศัพท์เฉพาะทางของวงการกันดั้ม เกมกระดานสำหรับโอตาคุอะไรแบบนี้

ไอ้วิธีเล่าเรื่องแบบไม่เห็นใจคนอ่านแบบนี้ สำหรับนักเขียนแล้วใครที่ทำได้จริงๆ นี่โคตรน่าอิจฉา เพราะเรื่องเล่ามันต้องมีเสน่ห์พอที่จะกระชากคนดูให้อยู่กับตัวเราจริงๆ ได้

และศิลาทำได้

ส่วนทำแล้วจะเวิร์กกับคนอื่นขนาดไหนนั้น ยอดขายของ Way ก็เป็นข้อพิสูจน์…

ใครอยากรู้จักโจ้แบบดิบๆ ไปหา “เมื่อก่อนก็ยังดีๆ อยู่หรอก” มาอ่านได้ (สนพ.เวย์นั่นแหละ) (จำชื่อไม่ได้ทั้งชื่อหนังสือทั้งชื่อสำนักพิมพ์) เล่มนั้นดีมาก ดิบมากๆ และรู้สึกว่าเขาเอามาลดราคาเทกระจาดอยู่

กลับมาที่เล่มใหม่ของโจ้กับสำนักพิมพ์แซลมอน

เอาตรงๆ ความรู้สึกเหมือนวงดนตรีใต้ดินที่เล่นเถื่อนๆ เพลงหยาบๆ จนไปต้องตาค่ายใหญ่เข้า (แต่เรารู้ว่าแซลมอนร่วมงานกับโจ้มานานแล้วนะ ไม่ได้เพิ่งมารู้จัก) ความเป็นสตูดิโอของแซลมอนนั้นกลับกลายเป็นว่า มันทำให้กลิ่นฉุนๆ ตลกร้ายๆ หน้าตายแต่ฮาเกรงใจคนข้างๆ ของศิลา มันหายไปพอสมควร

แง่หนึ่งเข้าใจว่าเป็นความเกร็งมากกว่า ซึ่งมันสื่อสารออกมาทางรูปเล่มที่ดูเป็นทางการ ภาพถ่าย การจัดวาง กราฟิกชี้ๆ ในเล่มที่ดูประดิษฐ์มากกว่าความระห่ำของเนื้อหา ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เสียดายนิดหน่อย

แต่นิดหน่อยจริงๆ คือรู้เลยว่าโจ้ยังมีของมาปล่อยอีกเยอะ

เนื้อหาในเล่มว่าด้วยประสบการณ์การไปใช้ชีวิตหลายปีในเซินเจิ้น ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ไปทำงานเป็นสถาปนิก

เล่าเกริ่นตั้งแต่เริ่มออกไข่ (เห็นมะ พอทำงานกับสตูดิโอเลยต้องแนะนำตัวเอง อีตอนเขียนให้เวย์มึงไม่มียั้งแบบนี้เลย) ออกไข่จนตั้งไข่ ไปยันประสบการณ์ไข่ออก

คาดหวังได้กับความฮาที่แบบ ไอ้สัสมึงเอางี้เลยเหรอ

และคาดหวังได้กับมุมมองแหลมคมของศิลาในอีกร่างหนึ่งที่หลายคนก็น่าจะพอนึกออกว่า คนที่ตลกๆ เนี่ย ที่จริงมันคือคนฉลาดๆ หรือคนจริงจังที่แค่หันด้านตลกใส่เราเท่านั้นเอง

ความสนุกของเล่มนี้จะค่อยๆ มาแบบเนิบๆ ไต่กราฟขึ้นเรื่อยๆ จนจะจบเล่มอยู่แล้ว ช่วงที่เพื่อนๆ มาเยี่ยมที่เมืองจีนนั่นแหละก็เป็นจังหวะรถไฟเหาะตีลังกา!

แล้วก็ตัดจบ ไอ้สัส เดี๋ยวก่อนเซ่!

อย่างที่บอกว่าโจ้จะมีพลังเยอะมากเมื่ออยู่กับเพื่อน เราได้เห็นวาบหนึ่งของพลังนี้เปล่งประกายมาในช่วงค่อนหลังของเล่ม แล้วก็ตัดจบเลยทั้งที่ยังสนุกค้างเติ่งอยู่แบบนั้น

1. อาจเป็นความตั้งใจของผู้เขียนและบรรณาธิการที่จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกเสี้ยน อยากอ่านผลงานเล่มถัดไปเร็วๆ จากฟอร์มสุดยอดในช่วงท้าย เป็นจิตวิทยาชั้นเซียนที่เกิดจากการบ่มเพาะมาอย่างโชกโชน

2. มันเขียนไม่ทันจริงๆ

สรุปว่าเล่มนี้ดีครับ สมหวังที่ถ่อเข้ากรุงเทพฯ ไปงานหนังสือเพื่อไปขอลายเซ็น 5555555 ถึงจะมีจุดผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบที่ให้อภัยได้ แต่ให้อะไรกับสมองเรามากกว่าความฮา เยอะเลย เยอะมาก

แนะนำครับ!

ป.ล. นี่อ่านจบบนรถไฟฟ้า ออกจากขบวนรถมาเจอเก้าอี้เลยนั่งพิมพ์ในมือถือรัวๆ เวลาเกินยังวะ จะโดนปรับไหมวะ