ถ้าไม่ใช่ iPhone ยังไงก็ไม่ใช่ iPhone

บล็อกไว้หน่อย กลัวสูญหายไปตามกาลเวลา

เห็นแล้วขึ้น นอนไม่หลับเลยครับ ทำไมถึงคิดแบบนี้หละ ถถถปล.เพื่อไม่ให้เป็นการเข้าใจผิดเกี่ยวกับ เจ้าของทวิตเตอร์ คนนี้ เค้าโพสท์อ้างอิงมาอีกทีนะครับ

Posted by SpecPhone on Sunday, September 20, 2015

ผมชอบมหกรรมกีฬาสีแบบนี้ครับ สนุกดี

เมื่อกี้ส่งข้อความไปหาแอดมินเพจนี้แล้วว่าไม่ต้องลบนะครับ ผมโอเค คือทีแรกก่อนแอดมินเพจนี้จะกดแก้ไขข้อความตามที่มี 1 (ในหลายร้อย) คอมเมนต์ทักมาว่านี่เขาแคปมาอีกทีนะ ไม่ได้พูดเอง แอดมินก็เข้าใจว่าผมเป็นคนเขียนจริงๆ 55555 (ที่บอกไม่ให้ลบเพราะกลัวว่าแอดมินจะเขินแล้วลบโพสต์ปลิวอะไรแบบนี้ เลยบอกเขาไว้ก่อนว่าผมโอเค)

ดังนั้นก็จะมีคนด่าทวีตนี้แบบ มึงไม่ต้องอยู่ประเทศไทยแล้ว เดี๋ยวรอดูนะ ได้มีทวีตกราบขอโทษ เปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์อะไรแบบนี้ เอาๆ เอาเลย เอาที่พี่สบายใจ

และนอกจากนี้ก็ยังมีอีกสารพัดเพจและกรุ๊ปมือถือทั่วไทย ที่เซฟภาพนี้ไปปล่อยต่อและร่วมสังฆกรรมกันอย่างสนุกสนาน

อันนี้ทวีตต้นตอ

อันนี้ทวีตก่อนหน้า (ที่จริงคือทวีตต่อกัน แต่ไม่ได้กด reply ข้อความต่อเนื่องมันก็เลยไม่โยงกัน แล้วอีอันหลังมันล่อเป้ามากกว่า ก็เลยนลามไปที่อื่นง่ายกว่า)

ทีนี้ความเหี้ยก็คือ ข้อความต้นทางแม่งโดน Droidsans ลบไปแล้ว 55555555555555 อ้าว ทีนี้ก็กลายเป็นคำพูดจากกูโดยสมบูรณ์แล้วสินะ 555555555 เชี่ยยยยยย :41:

รักษาอาการเสพติดมือถือ ด้วยแอปมือถือ (งงไหม)

เข้าเรื่องทันที… แอปนี้ชื่อว่า UBhind ครับ โหลดฟรีเช่นเคย

เรื่องของเรื่องก็คือ มีอยู่พักนึงที่ชาว #ทีมโน้ตสี่ ในกรุ๊ปไลน์ (มีอยู่แค่ 6 คน) ลุกขึ้นมาแข่งกันว่าในแต่ละวัน ใครจะสามารถลดละเลิกการเสพติดมือถือได้มากกว่ากัน แน่นอนว่ามันก็คงมีแอปอะไรที่สร้างขึ้นมาตอบโจทย์แบบนี้อยู่แล้ว เลยลองดูหลายๆ แนวทาง

บางแอปคิดออกมาได้ซิมเปิลมาก ก็คือดักพฤติกรรมการกด unlock ว่าเราเปิดจอดูวันละกี่ครั้ง บางแอปก็เพิ่มลูกเล่นขึ้นมาอีกหน่อยคือมีเปรียบเทียบกะวันก่อนๆ เป็นกราฟได้ บ้างก็มีปุ่มแชร์ให้ชาวบ้านดู อะไรก็ว่ากันไป

แต่อี UBhind นี่คือขั้นสุดครับ พอลงปั๊บมันจะแอบทำงานอยู่เบื้องหลัง (กินแบตและทรัพยากรเครื่องแน่นอน อันนี้ต้องดูว่าจะยอมแลกกับความสามารถที่มันให้มาไหม พอดีมือถือแบตอึดน่ะนะ เลยไม่ซี) แล้วแอบบันทึกสถิติการใช้งานของเราหลายอย่างมาก เช่น

UBhind

ดูว่าวันหนึ่งเราใช้มือถือไปกี่ชั่วโมง ใช้ดาต้าไปกี่กิ๊ก ไวไฟไปเท่าไหร่ เปิดหน้าจอวันละกี่ครั้ง เปิดแอปอะไรไปกี่นาทีกี่ชั่วโมง! คืออันหลังนี่โหดเลยครับ มันจะบอกว่าเราซื้อมือถือมาทำอะไรบ้าง พฤติกรรมการใช้งานในแต่ละวันคุ้มตังค์ไหม 5555 แต่พอดีเมื่อวานนี้ผมทำงาน (นี่ทั้งเดือนเพิ่งได้มานั่งทำงานจริงจังก็เมื่อวาน ชีวิตสลอธน่ะนะ) ก็เลยเปิดยูทูบไปเป็นเพื่อน สรุปคือล่อไป 5 ชั่วโมงรวด

งั้นลองสุ่มมั่วเอาของวันก่อนๆ ละกันครับ เหตุการณ์ปกติ กราฟจะออกมาทำนองนี้ Continue reading รักษาอาการเสพติดมือถือ ด้วยแอปมือถือ (งงไหม)

ลองทำคลิป Hyperlapse ด้วยแอปของ Microsoft

ก่อนอื่นดูคลิปนี้นะ เขาทำมาสักพักละ

เป็นโครงการเจ๋งๆ ของไมโครซอฟท์ที่ทำให้การถ่ายวิดีโอมีความราบรื่นจนน่าตกใจเหมือนใช้อุปกรณ์กันสั่นเมพๆ (แต่อันนี้ไม่ต้องลงทุนอะไรนอกจากมือถือ) หลักการทำงานคือ โปรแกรมมันจะซอยคลิปที่เราถ่ายมาแบบสั่นๆ นี่แหละ แล้วคำนวณ ปะผุ ซ่อมสภาพแวดล้อมโดยอาศัยเนื้อภาพจากเฟรมก่อนหน้าและถัดไป ผลออกมาจึงทำให้คุณต้องอึ้ง! เมี้ยว (พ่อง)

จนในที่สุดพอเห็นข่าวนี้ที่ Droidsans (ถ้าขี้เกียจกดไปอ่าน ข่าวเขาบอกว่า แอปนี้ออกรุ่นทดสอบแล้ว ใครมีมือถือรุ่นที่แอปรองรับ แล้วอยากลองเล่นก็เชิญ) ก็เลยตื่นเต้นกระพือปีก ว่าเฮ้ย เขาทำมาแจกเลยว่ะ ต้องโหลดมาลองเล่นดูบ้าง

จะว่าไปก็เคยเจอประสบการณ์ที่ดีกับบริษัทนี้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน กับโปรเจ็กต์ Microsoft ICE ในยุคที่ยังไม่มีโปรแกรมไหนที่ต่อพาโนรามาได้ดีเลย (สมัยนั้นยังโหลดเถื่อนมาแคร็กเล่นอยู่ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีเถื่อนตัวไหนที่ดีเลย) แล้วอีบ้าตัวนี้ก็ทำออกมาแจกฟรี!

กลับมาเข้าเรื่อง คราวนี้เป็นตัวแอปบนแอนดรอยด์บ้าง ไปกดเข้าร่วมทดสอบรุ่นเบต้าได้ที่ Microsoft Hyperlapse Mobile for Android Preview

แล้วก็โหลดมา ถ่าย กดเรนเดอร์ เสร็จแล้ว! ประทับใจที่มันเย็บและผลิตออกมาเร็วมาก ทีแรกคิดว่าจะคิดเยอะ ช้า อืด อะไรแบบนี้ แต่ไม่เลย


เร่งความเร็วเป็น 8x แล้วดูความเนียน น่ารักดี รถวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ

.


นี่เร่ง 16x ภาพเนียนมาก เหมือนคลิปเก่าๆ เลย (ว่าแล้วก็เปิด YuTube Editor แล้วย้อมเป็นสีซีเปีย)

เสียดายไม่ได้เก็บต้นฉบับตอนถ่ายดิบๆ เอาไว้ แต่ช่างมัน เพราะมีเสียงพูดจากน้องเมียที่กำลังนินทาคนนั้นคนนี้ลอดเข้ามาด้วย มันจะไม่งาม

ทีนี้ใครถ่ายพระอาทิตย์ตกดินแบบเร่งสปีด (Time-lapse) หรือพาทัวร์อาคารสถานที่แบบเก๋ๆ ก็คงง่ายขึ้นกว่ามานั่งถ่ายภาพนิ่งทีละแชะๆๆ แล้วหาทางเย็บติดกันเป็นคลิป หรือต้องไปพึ่ง After Effects (เสียเงิน) แล้วลงนั่นนี่ให้เมื่อยละ ใช้ไอ้ตัวนี้เจ้าเดียวอยู่

มือถือเดี๋ยวนี้มันต้องกี่บาท

บล็อกทุนนิยมอีกแล้ว จดไว้หน่อย เดี๋ยวอีกสองสามปีก็ลืม จะได้กลับมาดู

มือถือตอนนี้ก็คงเหมือนคอมในยุคนึงที่แข่งกันทั้งด้านเทคโนโลยีและราคาอย่างดุเดือด จนตอนนี้คอมพันจุดอิ่มตัวและเข้าสู่ยุคหดตัว กำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์เฉพาะทาง ที่ไม่ใช่ว่าทุกบ้านต้องมีเหมือนสมัยก่อนแล้ว ซึ่งอุปกรณ์พกพาที่เราแทบทุกคนมีกันในมือตอนนี้ก็เบียดเข้ามาทำหน้าที่นั้นแทน (อันนี้ย้อนไปสิบปีก่อนใครมันจะไปนึกวะ ตี๊บจ็อบเองจะนึกหรือเปล่า)

ผมเกิดทันในยุคที่ออเร้นจ์เปิดตัวในไทย พอดีได้โควตาญาติพนักงานเทเลคอมเอเชีย รับส่วนลดโปรโมชันสักอย่างที่ทำให้สามารถซื้อมือถือเครื่องแรกในชีวิตมาได้ นั่นคือโนเกีย 3310 ในตำนาน

ราคาท้องตลาดตอนนั้นประมาณ 8-9,000 บาท แต่ญาติพนักงานคนนี้ทุบกระปุกซื้อมา 5,000 บาท! สเป็กตอนนั้นถือว่าเจ๋งสุดๆ ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ก็คงเหมือนวีออสเพิ่งเปิดตัวใหม่ๆ และหลังจากนั้นมันก็ขายดีระเบิดระเบ้อ กลายเป็นรุ่นยอดนิยม มีหน้ากากขายสารพัด มีนวัตกรรมเสียงริงโทน หรือสายโมดิฟายมากมายที่เอามาต่อกับคอมแล้วแต่งนั่นนี่ได้ แม้จะหน้าจอสีเดียว และเป็นเม็ดพิกเซลเหลี่ยมๆ ก็เถอะ แต่ความมันส์มันอยู่ที่ใครจะแต่งมือถือตัวเองได้แซบกว่ากัน (ตูก็บ้าซื้อมาเล่นนะ ตอนนั้นอดข้าวซื้อไอ้สายที่ว่านี่เส้นละสองสามร้อยมั้ง มานึกดูแล้วน่าต่อยมาก) และที่สำคัญคือมือถือในตำนานเครื่องนี้ดันทนทานดุจชัชชาติผลิตให้ ใช้มาหลายปีกว่าจะพินาศไป ทำให้เครื่องต่อๆ มาที่ใช้ก็เป็นฟีเจอร์โฟนเครื่องละสองสามพันแนวๆ ไอโมบาย ฯลฯ ที่ใช้งานได้แค่ปีเดียวก็เจ๊ง

จนมาถึงยุคสมาร์ทโฟน ที่จริงพวกโนเกีย ซัมซุง แอลจี อะไรนี่ ก็มีความสมาร์ทอยู่พอสมควรนะครับ ดูหนังฟังเพลงได้แบบขลุกขลักหน่อยในราคาเฉียดหมื่น (ซึ่งตอนนั้นก็ดูสมเหตุสมผลกับราคานี้ แต่ผมยังมีความสุขกับมือถือธรรมดาอยู่) แต่พอแอปเปิลเปิดตัวไอโฟน โลกสมาร์ทโฟนก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ตอนนั้นก็นั่งดูและกรี๊ดแบบที่ใครๆ ก็เป็นกันนี่แหละ ชอบดีไซน์ ชอบนวัตกรรม ถึงจะงงๆ อยู่หน่อยว่า มือถือมันจะแข่งกันมีกล้องทำไม? (สมัยนั้นโลกยังไม่มีคำว่าเซลฟี่ไง) สรุปว่าชอบเกือบทุกอย่าง แต่ไม่ชอบอยู่อย่างเดียวคือราคา..

อีห่า มือถือเครื่องนึงซื้อเครื่องสูบน้ำได้ตั้ง 4 เครื่อง

(ผมชอบเทียบราคาของเล่นไฮเทคพวกนี้กับเครื่องสูบน้ำครับ พอดีเมื่อก่อนที่บ้านน้ำประปายังไม่เข้า ต้องสูบน้ำใต้ดินใช้ เลยพอรู้ราคาว่าเออ จ่ายเท่านี้ได้ฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพขนาดนี้ ต่อมาเวลาเห็นอะไรแพงๆ ก็จะเทียบกับเครื่องสูบน้ำไว้ก่อน // พี่ในฟอนต์คนนึงแกเลี้ยงควาย แกเลยเทียบกับควายบ้าง ว่าต้องขายควายกี่ตัวถึงจะซื้อได้งี้ น่ารักดี)

ด้วยจำนวนเงินในบัญชี และค่าครองชีพตอนนั้นที่ไอโฟนออก เงินสองหมื่นกว่าบาทกับมือถือหนึ่งเครื่องมันเป็นสิ่งไกลตัวมาก จนอีกค่ายคือแอนดรอยด์เปิดตัวมือถือของตัวเองบ้าง (รู้สึกว่ามันก๊ากกาก) จนไอโฟนออกรุ่นถัดมา ถัดๆ มา แอนดรอยด์ก็อปไอ้นั่นล็อกไอ้นี่ ไอโฟนก็เลยก็อปกลับบ้าง

ในที่สุดก็เลยทนกิเลสไม่ไหว ทุบกระปุกอีกครั้งเพื่อซื้อมือถือจอสัมผัสเครื่องแรกมาเป็น hTC Legend มือสอง (รับของที่บีทีเอสหมอชิต) ได้มา 15,000 บาทถ้วน ในขณะที่ท้องตลาดมือหนึ่งอยู่ที่ 17,900 บาท ก็ถือว่าโอเคมากนะครับ แอนดรอยด์ตอนนั้นเป็น 2.2-2.3 แล้ว ในขณะที่แอปเปิลก็ยังนำอยู่ห่างไกลทั้งประสิทธิภาพและราคา แต่ไม่เป็นไร ดูแววของกูเกิลยาวๆ แล้วขอลงทุนเชียร์ค่ายนี้ดีกว่า (ตอนนั้นยังไม่เป็นติ่ง)

และแล้วก็เสร็จเลยครับ เคยใฝ่ฝันมาตลอดว่าวันหนึ่งจะขอออกแบบชีวิตตัวเองให้ทำงานที่ไหนก็ได้ (ข้ออ้าง) แล้ววันนั้นก็เปิดศักราชใหม่เลย ปรับระบบนั่นนี่จนสามารถพกมือถือเครื่องเดียวทำงานนอกบ้านได้สบายจนทุกวันนี้ (บล็อกนี้ก็เขียนในมือถือ)

พอ hTC Legend หมดอายุขัยไปหลังจากทำตกครั้งที่ 86 สภาพรอบเครื่องบุบบิบยับเยินแต่ตัวถังเป็นโลหะเลยยังคงทนอยู่นะ แต่ปุ่มเปิ่มนี่ไม่ไหวแล้ว เลยมองหาเครื่องถัดมา โดยมีโจทย์เดิมว่าต้องทำงานนอกบ้านได้ คราวนี้ขอเพิ่มอีกข้อคือต้องโซเชียลได้ด้วย นั่นเพราะเริ่มมีตังค์พอจะซื้อเน็ตใช้ได้แล้ว แบะประเทศไทยเริ่มมีแววจะได้เห็นสามจีในอีกไม่นาน

พอดี ณ พ.ศ.นั้น ระดับราคาที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างความเจ๋งกับความพอใช้ได้คือ 15,000 บาท จึงจัด Galaxy Note มาในราคาเฉียด 20,000 มั้ง (ลืมเป๊ะๆ ไปแล้ว) เล่นของแพงเลยครับ กะว่าลงทุนกับมันไปเลยจะได้ใช้นานๆ ซึ่งก็ใช้คุ้มฉิบหายโดยเฉพาะปากกาของมัน (ตอนนั้นก็ยังถือว่ากากนะ แต่มันยังไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ไง) ตอนนั้นก็อวยปากกามันจนเวอร์เหมือนรับเงินซัมซุงมาโฆษณา แถมพอใช้ไปปีนึงยังไม่ทันจะพังเลย ก็ดันไปประกวดวาดรูปชนะ จนได้รุ่น Galaxy Note 2 มาอีก ทีนี้ของมันดันเจ๋งกว่าเดิมเยอะ คือราคาของในระดับเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่องเนี่ย มันควรต้องดีให้สมกับความแพงเลยนะ

ก็โอเคนะครับ รู้สึกคุ้มดี ข่าวมือถืออะไรก็ติดตามตลอด ยังรู้สึกว่ามันเป็นของดีจริงๆ อยู่ (เป็นคนบ้าอ่านฟีดเทคโนโลยีล้นสมองเพื่ออะไรไม่รู้) แม้ตอนแรกไม่เคยคิดจะซื้อเลยก็ตาม เพราะโน้ตตัวแรกมันยังดีอยู่มาก แต่พอเทียบกับเครื่องรุ่นสองแล้วมันดันดีกว่ากันชัดเจนแบบก้าวกระโดด ก็เลยกะว่าจะอยู่กับมันไปอีกนาน..

แล้วโน้ตสามก็มา..

พอดีได้ไปงานเปิดตัวของซัมซุงด้วยน่ะครับ (เขาคงเห็นว่าเราอวยบ่อยเลยให้ไปด้วย) ก็เลยได้ลองเล่นของจริงดูก่อนที่มันจะวางขาย คือมันก็เจ๋งกว่าเดิมมากๆ อีกครั้ง แต่พอเปิดราคามาที่สองหมื่นกว่าบาทก็ถอดใจครับ จำได้ว่าแพงกว่าไอโฟนซะอีก เลยนึกไว้ว่าราคาระดับนี้ไม่ไหวนะ คงใช้จนโน้ตสองในมือพังไปก่อนแล้วค่อยหาใหม่

ปรากฏว่ากลับบ้านไปเมียถามว่าเป็นไง ดีไหม ตอบไปว่าดี เมียบอกดีก็ซื้อเลย คนอย่างเตงใช้คุ้ม

อ้าว ไฟเขียวมาจากเมียแบบนี้ ซวยเลยครับ สุดท้ายก็กลืนน้ำลาย ซื้อไปจนได้ T-T ยังดีที่เอาเครื่องเก่าไปขายต่อได้ เลยเหมือนตอนนี้เราเสียค่าอัปเกรดให้ทันเทคโนโลยีติ่งๆ ประมาณปีละแปดเก้าพัน บวกลบดูแล้วน่าจะเป็นราคาที่โอเคอยู่ เพราะตัวเองก็อยู่ในโลกทุนนิยม กิเลสนิยม และบ้าเทคโนโลยี ที่สำคัญคือเราหาเงินได้จากทางนี้ ก็ควรเสียเงินเพื่อมัน
ต่อมาทันดันมีโน้ตสามรุ่นใหม่ที่ปรับตัวขยับขึ้นไปรองรับ 4G ได้อีก (ที่จริงคือมีอยู่แล้วแต่เพิ่งเอาเข้ามาขายในไทย และเพิ่มราคาพอสมควร) ไอ้ผมก็มาฟอร์มเดิม ซื้อทำไม ทุกวันนี้แฮปปี้อยู่แล้ว เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เว็บ Droidsans ดันมีเกมให้เล่นแข่งกันชิงมือถือรุ่นที่ว่านี้ ผมเลยไปแข่งแล้วชนะมา แม่งได้มาอีกเครื่อง 囧 ก็ปล่อยเครื่องเดิมไปเพื่อใช้เครื่องใหม่จนทุกวันนี้

แน่นอนว่าแฮปปี้ทุกอย่างกับของเล่นชิ้นปัจจุบันนี้ เพราะตอบโจทย์ชีวิตได้ทุกอย่าง แบบที่เป็นมากกว่าของเล่นหรือเอาไว้อวดกัน (คือผมไม่เล่นเกม แต่ใช้ทำงาน อ่านข่าว กับโซเชียลหนักๆ อันหลังนี้เสพติดสุด) จะติดอยู่ก็แค่เกลียดแอปอ้วนๆ รกๆ จากผู้ผลิตเอง ที่ติดมากับเครื่องที่ชาตินึงก็ไม่ได้ใช้ และลบออกไม่ได้ กับอินเทอร์เฟซโบราณๆ ของซัมซุง นอกนั้นโอเคนะ เวลามีปัญหา เข้าศูนย์บริการก็โอเค ไม่เจอปัจจัยดราม่าแบบที่ใครเขาเจอกันเมื่อก่อน

ก็คงปากดีเหมือนเดิม ว่าจะใช้มันไปจนกว่าจะพัง หรือเมียไฟเขียวให้อัปเกรดไปอีกรุ่นงี้

ทีนี้จุดเปลี่ยนมันดันเป็นช่วงสองสามอาทิตย์ก่อนนี่เองครับ

คือเมียผมให้หาข้อมูลไว้ซื้อมือถือใหม่ให้แม่ยาย ก่อนหน้านี้เคยตั้งงบไว้ 5-6,000 บาท ก็ซื้อ Oppo เครื่องนึงตามงบเพื่อให้แกหัดเล่น (หลักๆ คือไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ) ปรากฏว่าได้มาสมราคา คือเล่นได้ แฮปปี้ดี แต่มันก็ไม่ได้ดีอะไร อยู่ในระดับที่ใช้ได้เฉยๆ พอลองดูมือถือในตลาดตอนนั้น การจะให้ดีไปเลย (ในสายตาข้าพเจ้า) ก็ต้องมีประมาณ 12,000 ขึ้นไปแหละ

แต่พอสองสามอาทิตย์ก่อน ลองสำรวจราคาดูอีกที เฮ้ย โลกนี้มันมีสิ่งที่เรียกว่า Zenfone 5 อยู่ด้วย ราคา 5,990 บาท (เครื่องสูบน้ำเครื่องเดียวพอดี) แต่เครื่องสวยจอใหญ่กล้องดี สเป็กจัดเต็ม นอกนั้นก็มี Xiaomi Mi3 ที่เทพกว่านี้ขึ้นไปอีกเยอะมาก ในราคาที่แพงกว่ากันเกือบเท่า แต่มันก็โคตรคุ้มในระดับที่ถ้าซื้อใหม่ผมก็คงเอาตัวนี้เลย คุ้มที่สุดในโลกนี้เลย ซึ่งข้อเสียของมันก็คือ ณ วันนี้ยังไม่ทำตลาดในไทย แปลว่าถ้าอยากได้ให้หิ้วเอาเท่านั้น (ใครอยากรู้ความดีของมัน ลองกูเกิลเอาเองครับ)

ดังนั้นของแม่ยายเอา Zenfone ไปละกัน ได้ถูกกว่างบหลายพันด้วย แต่เพราะความที่มันดันคุ้มราคาไง เลยหาซื้อที่ไหนก็ไม่มีของซะที …เอ๊ะ มีร้านที่เขารับหิ้วจากสิงคโปร์ในราคาที่แพงขึ้นมาอีกพันเดียวนี่นา ได้รุ่นที่ดีกว่าบ้านเราพอสมควร แถมยังมีของทันทีด้วย ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อไป และได้ของมา

พอลองเล่นดูแล้วสรุปสั้นๆ เลยครับ ว่าคุ้มเหี้ยๆ

ถึงจะคิดได้ช้าไปหน่อย แต่มือถือเครื่องต่อไปก็คงพิจารณาอะไรแบบนี้ครับ คือพวกราคาระดับเดียวกับที่ฟาดฟันกับไอโฟนนั่นคงปล่อยให้เป็นเรื่องของคนชอบเล่นของแพงไป ส่วนเราพอมาเห็น Zenfone และ Xiaomi แล้วก็รู้สึกเสียดายเงินส่วนต่างตั้งสองสามเท่า เอาไปซื้อขนมให้ลูกกินดีกว่าเลยครับ

ที่เขียนบล็อกนี้เลยเถิดก็เพราะนึกได้สั้นๆ ว่า เส้นแบ่งระดับราคาของ “พอใช้” กับ “เจ๋ง” ที่เมื่อก่อนอยู่ที่ 15,000 ขยับลงมาเป็น 12,000 นั้น เดี๋ยวนี้ล่าสุด อีเส้นนี้มันขยับลดลงมาเหลือไม่ถึง 6,000 บาทแล้ว

ยิ่งพอ Xiaomi เปิดตลาดในไทยเมื่อไหร่ (เดาแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย ว่าอาจปีหน้า) รับรองวงการมือถือบ้านเราสั่นสะเทือนพลิกฟ้าดินแน่นอน

อย่าลืมว่าตลาดกลุ่มที่พร้อมจ่ายเงินค่าอะไรพวกนี้ในราคาไม่เกิน 4-5,000 มันมหาศาล และในฐานะคนขายของออนไลน์อย่างผม (โฆษณา) บอกเลยว่า ตอนนี้รอจุด mass crisis รอวันที่ชาวบ้านร้านตลาดสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์(ผ่านมือถือ)ได้แบบเจ๋งๆ ไม่ขลุกขลัก ซึ่งปีหน้าเตรียมตัวสนุกได้ มาแน่นอน 100%

ป.ล.
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคือในไทย จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กผ่านมือถือในครึ่งปีที่ผ่านมานั้น มีมากกว่าจากคอมแล้ว! ดังนั้นคนทำเว็บโดยคิดอะไรแบบ Mobile First นั้นถึงเวลาของท่านแล้วครับ

ป.อ.
นี่ใช้แอป WordPress ในมือถือ มันทำลิงก์โยงไปบล็อกตอนอื่นๆ ที่อ้างถึงลำบากจัง เดี๋ยวไว้ขยันค่อยมาปรับเป็นลิงก์เพิ่มนะ

ป.ฮ.
คอยดูนะ เดี๋ยว Galaxy Note 4 ออกมา ตูก็กลืนน้ำลายไปซื้ออีก เขียนมาตั้งยาว สัส

รีวิว TSwipe-Pro Keyboard for Android (คร่าวๆ)

เมื่อคืนนี้ดู WWDC2014 (ที่จริงไม่ได้ดูสดหรอก มันชนเวลาทำงานพอดี เลยมานั่งอ่านสรุปเอาหลังงาน) แล้วมีฟีเจอร์นึงของ iOS 8 ที่ผมว่าเจ๋งมาก คือเราสามารถ “เปลี่ยนคีย์บอร์ด” ไปใช้คีย์บอร์ดนอกได้แล้ว!!!! มหัศจรรย์!!! นี่ถ้าจะแขวะกันก็คงบอกว่า แอนดรอยด์แม่งทำได้มาห้าสิบกว่าปีแล้ว แต่เราจะไม่ทำ เพราะอะไรดีๆ เราก็อยากให้ก็อปกันครับ ผู้ใช้ได้ประโยชน์นี่นา

เผอิญว่ามีคนสงสัยว่าคีย์บอร์ด iOS แต่เดิม (ที่ฉันก็ว่ามันเลิศอยู่แล้วนะ)เนี่ย มันสู้ของแอนดรอยด์ไม่ได้จริงๆ เหรอ ก็จะบอกว่าสู้ไม่ได้เลยครับ ห่างชั้นกันมากๆ (แต่ต่อจากนี้ไปจะสู้ได้และแซงไปด้วยซ้ำ) เพราะมือถือแอนดรอยด์นั้นให้อิสระกับผู้ใช้ในการเลือกแป้นพิมพ์สำหรับ input ค่าต่างๆ ลงในระบบได้มาแต่ไหนแต่ไร มันก็เลยมีคนที่ออกแบบคีย์บอร์ดสารพัดยี่ห้อ และหลากหลายเทคโนโลยี ไม่เว้นแม้แต่นักพัฒนาไทยที่ทำออกมาก็หลายเจ้า

ส่วนของผมเองนั้นใช้ของ TSwipe ครับ เป็นคีย์บอร์ดที่ทำอะไรได้เยอะมากกกก มากจนนั่งอธิบายให้ฟังหรือทวีตเกทับกันสั้นๆ คงมีเวลาไม่พอ ผมเลยทำคลิปนี้ขึ้นมาอวดครับ

ถ้าขี้เกียจฟังน้ำๆ ก็จิ้มเอาเฉพาะช่วงเวลาได้นะ

2:32 ทดลองเปลี่ยนฟอนต์ได้นะ
3:30 เปลี่ยนตีม
4:30 การเพิ่มลบคำศัพท์ลงไป
5:40 การจัดการคลังคำศัพท์
6:49 อีโมจิ และความสามารถอื่นๆ
7:28 โหมดภาษา / สัญลักษณ์ / Navigation tools
8:10 การพิมพ์ข้อความด้วยเสียง (อันนี้สาธิตแล้วแป้ก)
9:10 Web key (พิมพ์ข้อความผ่าน url)

ที่จริงยังมีฟีเจอร์อีกเยอะแนะเลยครับ หรือแม้แต่ความเมพของการ swipe ภาษาไทยที่แม่นมากๆ และฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ตามนิสัยของผู้ใช้เอง แต่ตอนอัดคลิปดันลืมโชว์ เฮ้ย 5555 :05: