ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมนอนดึกและตื่นสายมาโดยตลอด
เป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย เข้าใจว่าคนอื่นก็เป็นกัน แต่บางคนที่มีวินัยทางการนอนคงไม่เป็น
พอดีพ่อผมชื่อวินัย (วินัยๆๆๆ) ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยคงต้องทำอะไรกับชีวิตตัวเองบ้างแล้วล่ะ
เพราะตัวเองมีนิสัยที่พออยู่ดีๆ เกิดตระหนักขึ้นมาก็จะเลิกแบบหักดิบทันที เป็นแบบนี้มานานละ
ก่อนหน้านี้เคยมี “ปฏิญญากุมภาพันธ์” และเขียนสิ่งที่ต้องการหักดิบ พร้อมรายงานไว้ในบล็อกทุกวัน
(แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีเวลาซ่อมบล็อกตอนเก่าที่เน่าไปเหมียนเดิม ไม่งั้นจะทำลิงก์กลับไปซะหน่อย)
ล่าสุด พอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกินน้ำอัดลม และเฉาก๊วย(!) มากไป ก็เลยลุกขึ้นมาเลิกแม่งซะเลย ง่ายๆ งี้แหละ
น้ำอัดลมยังพอว่า คือไม่ได้ติด แต่เวลายกพวกไปกินข้าวเที่ยงเห็นสั่งกันทุกวัน เลยกลัวตัวเองจะติด เลิกซะ
แต่อีเฉาก๊วยนี่สุดยอดครับ หน้าตึกจะมีเจ้านึง เอาเฉาก๊วยชากังราวมาใส่นมคาร์เนชั่น (แบบไม่ข้นนะ)
โอ้โห โคตรอภิมหามหึมาอลังการอร่อยถล่มโลกเลยครับ ผมงี้กินวันละแก้วจนหน้าจะเป็นเฉาก๊วยอยู่แล้ว
แถมยังไปซื้อเฉาก๊วยถุงกับนมคาร์เนชั่นในเซเว่นไว้รีฟิลเองยามอยากที่บ้านอีกด้วย
อยู่ดีๆ นึกขึ้นมาได้เมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว ก็เลยเลิกกินไปซะดื้อๆ กะว่าจะเลิกเดือนนึง ..ตอนนั้นถือว่าหินมาก
แต่ตอนนี้เฉยละครับ พี่จะมาวางขายยั่วก็ขายไป นี่พอเลิกติดปั๊บ จะขยายขอบเขตเป็นเลิกกินตลอดไปก็ยังได้ละ
(แต่ไม่เอาหรอก มันสุดโต่งเกินไป – ไอ้บ้า เรื่องกินเฉาก๊วยนมเนี่ยนะ)
ทีนี้ประเด็นร้อนส่วนตัวขณะนี้ก็คือ
ผมจะเลิกนอนดึกครับ
จริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่านอนดึกไม่ดี มันส่งผลลบต่อเข็มนาฬิกาธรรมชาติในร่างกายยังงั้นยังงี้
แต่ตัวเองเสพติดความเงียบของกลางคืนมานาน นานเป็นสิบๆ ปีตั้งแต่สมัยเรียนมาแล้ว
คนทำงานประเภทเดียวกันก็จะรู้ว่าเวลาทำงานกลางคืนๆ โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืนเนี่ยมันสุดยอดเลยนะ
แถมถ้าเป็นเด็กๆ หน่อยก็จะเอามาอวดเพื่อนได้บ่อยๆ ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนดึก (มันเท่มากใช่ไหม)
แถมยังมีข้อดีอย่างปฏิเสธไม่ได้คือ
– ขโมยไม่เคยขึ้นบ้าน (เคยประสบเหตุตอนอยู่บ้านเดิม ขโมยขึ้นทุกหลังเว้นแต่บ้านเราที่นั่งทำงานอยู่)
– ได้ฟังเดอะช็อก (ไม่ได้กลัวผีสักนิด แต่เปิดไว้เป็นเพื่อน บางเรื่องงมงายเกินไปก็ฟังแล้วฮาดี)
– ได้ดูรายการที่เขาบอกว่าถ้าพลาดแล้วพรุ่งนี้จะคุยกะใครไม่รู้เรื่อง (ไอ้คนที่ดูนี่แหละที่คุยไม่รู้เรื่อง)
– เน็ตเร็ว (โหลดบิตแม่ง)
ซึ่งข้อเสียที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็คือ
– เมียบ่น
โอ้โห พอแล้วครับ ข้อเดียวพอเลย เลยมองย้อนไปว่าถ้าเรานอนไม่เกินเที่ยงคืนจะเสียอะไรไปบ้าง
– ขโมยขึ้น? (ย้ายบ้านหนีซอยเก่ามาแล้ว มียามแล้ว มีแมวเฝ้าบ้าน คงยังไม่โดนยกเค้าล่ะนะ)
– เดอะช็อก? (เดี๋ยวนี้โหลดย้อนหลังมาฟังที่ทำงานตลอดเลย กรอข้ามโฆษณาเว็บพนันบอลได้ด้วย)
– อดดูรายการทีวีหลังละครจบ? (ช่างแม่ง เดี๋ยวนี้ยูทูบช่วยได้แล้ว)
– เน็ตเร็วตอนดึก? (เพิ่งไปปรับแพ็กเกจ TOT มาเป็น 15 เม็ก วิ่งเต็มสูบเลย ขอคารวะครับ)
โอเค หมดข้ออ้าง แถมยังได้ข้อดีมากๆ อีกเรื่องคือ
1.ได้ดูสรยุทธ์!!!!!
เป็นความใฝ่ฝันมานมนานเลยนะครับ คือเดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูทีวีตอนเช้าๆ มานานแล้ว
ตื่นมาก็แจ๋วพากิน แจ๋วพาเที่ยวตลอดเลย แถมรายการผู้หญิงๆ ก็หดหู่เกิน ผู้ชายแม่งจัญไรทั้งประเทศ
เราจำเป็นจะต้องตื่นมาดูซะหน่อยว่าเสี่ยแกพูดอะไรบ้าง แล้วเอามาเป็นมุกไว้ตั้งชื่อเฟล
2.ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น
ก่อนหน้านี้ก่อนจะทำงานบริษัท เคยตั้งโครงการออกวิ่งตอนเช้าทุกวัน
ก็วิ่งได้ประมาณ 2 วันด้วยรองเท้าแตะ (ไม่มีรองเท้าวิ่ง) แล้วพบว่าพระอาทิตย์มันสวยสวดยวดจริงๆ
เลยไปซื้อรองเท้าวิ่งมาซะดิบดี แต่แม่งกัดตีนเพราะสรีระตีนเราไม่เหมาะกับมัน อีห่า เสียดายตังค์
หลังจากนั้นมีข้ออ้างนู่นนี่เลยไมไ่ด้วิ่งมาตลอด แต่ยังจำได้ว่าพระอาทิตย์ลาดปลาเค้ามันสวยฉิบหาย
3.สุขภาพดี
จริงๆ อยากคาดหวังกับข้อนี้ ก็เพราะไอ้เรื่องนาฬิกาชีวภาพตามธรรมชาติของมนุษย์อะไรนี่แหละ
ที่บอกว่าช่วงเที่ยงคืนร่างกายจะหลั่งอะไรสักอย่างให้เผาผลาญอะไรไม่รู้ จำมาไม่ได้ศัพท์สักอย่าง
แต่หลายๆ ตำราพูดเข้าก็คงดีแหละ ยิ่งตอนนี้ “ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย” การนอนคงช่วยได้
4.เมียเลิกด่า
ข้อนี้ฟินครับ ไม่มีอะไรประเสริฐกับชีวิตไปมากกว่านี้อีกแล้ว
จะว่าไปก่อนหน้านี้ผมก็เคยนอนหัวค่ำและตื่นเช้ามาก่อนเหมือนกัน คือตอนที่ตัวเองเป็นทหารเกณฑ์
สมัยนั้นเขาบังคับนอนตอนสามทุ่ม และตื่นมาวิ่งตอนตีห้าทุกๆ วัน ช่วงนั้นรู้สึกสุขภาพดีโคตรๆ
(ดีขนาดเคยคิดจะท้าต่อยกับพ่อบากิอยู่แล้ว แต่มันไม่ยอมมาไทย มันบอกกลัวจาพนม)
แม้จะพ้นช่วงทหารใหม่ และต้องไปทำงานหน้าห้องเจ้านายที่ดอนเมืองอีกปีครึ่ง
แต่ก็ต้องตื่นตีห้า ใส่เครื่องแบบทหารตึงเปรี๊ยะ (ขนาดตอนนั้นยังตึงนะ) แล้วเริ่มงานหกโมงเช้าทุกวัน
โห เราผ่านช่วงชีวิตที่โคตรมีวินัย (วินัยๆๆๆ) แบบสุดๆ ขนาดนั้นมาได้ ..ตอนนี้ก็ต้องได้สิวะ
ปัญหาและอุปสรรค
(ใครเป็นคนชอบยัดคำนี้ลงในรายงานวะ อ่านแล้วชิน โคตรผ่านตาเลย แต่พอมานึกดูมันก็เป็นคำสำคัญนะ)
จนถึงวันนี้ผมทำงานบริษัท ตื่นแปดโมงปลายๆ แล้วแต่วันไหนขี้เซามากก็ปลายมาก ปลายสุดก็เก้าโมง
เลิกงานทุ่มนึง(อันนั้นเป็นอุดมคติ แต่เลิกจริงก็ทุ่มกว่า สองทุ่ม สามทุ่ม) ถึงบ้านก็ดึกแล้ว
นั่นทำให้การกินมื้อเย็นจะต้องเย็นกว่าชาวบ้าน นึ่นคือสามสี่ทุ่มเป็นปกติ แล้วก็เลยยังนอนไม่ได้ ไม่งั้นอ้วก
ไหนจะมีงานอดิหลักอย่างเว็บนู่นนี่ที่นั่งเสพบ้างทำเองบ้าง อยู่หน้าคอมสักสองสามชั่วโมง เท่านี้ก็ดึกแล้วครับ
นี่ขนาดไม่ได้ทำงานนะ ถ้าวันไหนมีงานด่วนจากออฟฟิศหรืองานส่วนตัว ก็ล่อไปตีสามตีสี่อยู่บ่อยๆ
นั่นแปลว่าถ้าจะนอนห้าทุ่ม ต่อจากนี้ไปผมจะต้องเลิกงานปั๊บ หาอะไรเล็กๆ กินแล้วกลับถึงบ้านนอนเลย
คุณเมียที่กำลังท้องอ่อนๆ และเห็นด้วยกับโครงการนี้ก็บอกว่าโอเค ตอนเย็นจะหาอะไรกินเองละกัน
แล้วย้ายภาระการงานทุกอย่างมาไว้ช่วงเช้า รวมถึงเพิ่มมื้อเช้าเบาๆ ทำให้เป็นนิสัยซะ
ตอนนี้ตั้งเป้าไว้ว่าวันไหนได้กินน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋และดูสรยุทธ์ไปด้วยจะบรรลุมาก!
ยังจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำไหวไหม แต่ขอท้าตัวเองไว้ก่อนเหมือนเคยว่ากูต้องไหว
ใครผ่านมาอ่านลองหาเรื่องท้าทายตัวเองสักเรื่องดูบ้างก็ได้นะครับ หนุกดี
อย่าลืมกดดอกจันเก้าๆๆๆๆๆ เพื่อโหวตให้มนุษย์นอนกลางคืนตื่นกลางวันด้วยนะครับ
One thought on “นอนห้าตื่นหกแมนถือกำเนิดแล้ว~”
Comments are closed.