เริ่มเริม

ผมเป็นเริมครับ
เป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับ ตอนนั้นใช้ชีวิตกินนอนอยู่ที่คณะซะมากกว่าหอพักของตัวเอง ที่มีไว้แค่เก็บของและเสื้อผ้า เวลาอยู่คณะก็ทำตัวสกปรกซกมกแบบเด็กถาปัดที่บ้านจนทั่วไปนี่แหละครับ ทำงานจนถึงตีสี่ตีห้า ตื่นมาก็ออกไปกินข้าวท่าช้าง ท่าพระจันทร์ตามเรื่องตามราว เวลาง่วงก็ล้มตัวลงนอนบนโต๊ะบ้าง ใต้โต๊ะบ้าง (พื้นสตูปูกระเบื้องเชียวนะ) ไม่เคยซีเรียสเลย เพราะใครๆ ในยุคนั้นเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น และรู้สึกว่าการใช้ชีวิตแบบนี้มันก็สุขสบายดี จนอยู่มาวันหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนมีสิวขึ้นมาเม็ดนึงตรงมุมปากล่างด้านขวา

ตอนนั้นก็เฉยๆ เพราะตัวเองเป็นสิวเต็มหน้าอยู่แล้ว (คือเป็นคนสกปรกน่ะครับ เจ๋งปะล่ะ) แต่ที่ต่างออกไปคือสิวนี่มันไม่ขุ่นแฮะ มันใส เหมือนตุ่มน้ำ และแสบแปลกๆ เหมือนเป็นแผลอยู่ ยิ่งสงสัยก็ยิ่งบีบ พอบีบมันก็แตกหน่อ กระจายตัวเป็นพุ่มไสว กินพื้นที่กว้างยาวประมาณเล็บนิ้วก้อย

คุณหมอที่อาศัยอยู่ในกูเกิลบอกผมว่า นี่แหละเริม

image

เอ้า เหี้ยแล้วไหมล่ะ เริมเลยเรอะ เริมเลยเรอะะะะะะ

ผมนึกภาพตามบอร์ดให้ความรู้ด้านสาธารณสุขตามโรงพยาบาล ที่ให้เกียรติจัดโรคเริมให้อยู่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คล้ายๆ หนองใน ซิฟิลิส หูดหงอนไก่อะไรเทือกนั้น พร้อมภาพประกอบสุดสยอง ที่เป็นกระเจี๊ยวมนุษย์ที่เป็นเริมระยะร้ายแรง หนุบหนับหยุบหยับฝีหนองพุพองแดงเถือกไปทั่วทั้งอวัยวะเพศ ใครนึกภาพไม่ออกผมว่าแค่ค้นกูเกิลอิมเมจด้วยคะว่าเริม รับรองภาพสุดคัลต์ที่ว่าน่าจะปรากฏให้เห็นนับร้อยพัน ดูไปกินข้าวไปรับรองอรรถรสมาเต็ม

อะไรทำให้เริมกลายเป็นโรคติดต่อที่น่ารังเกียจขนาดนี้กันนะ ในเมื่อคนที่เป็นเริมนั้นถือเป็นเหยื่อนะ คือโดนกระทำนะ ไม่ใช่เป็นโจรหรือซอมบี้นะ 囧

ไอ้ครั้นจะไปตั้งเพจทวงคืนสิทธิมนุษยเริม ก็มั่นใจว่าคนไทยหกสิบล้านคนแม่งไม่มีใครอยากจะไปกดไล้ให้มีชื่อตัวเองปรากฏอยู่ในนั้นเป็นแน่

แล้วใครล่ะที่จะลุกขึ้นมาปฏิวัติและช่วยปรับทัศนคตินี้ออกไปเสียที

ท่ามกลางความสิ้นหวังและแสงสปอตไลต์ที่ส่องลงมาเพียงลำพัง ผมก็ไปเจอป้ายข้อมูลจากโรงพยาบาลเอกชนที่จัดอาร์ตเวิร์กสะอาดๆ ไม่ดูอี๋แหวะ คงเพราะเขามองคนไข้ว่าเป็นลูกค้า และไม่ได้มาอย่างอนาถาอย่างที่พวกโครงการรณรงค์ต้านเอดส์แบบราชการๆ เขามองกัน

ทำให้สบายใจขึ้นมากครับ ว่าที่จริงแล้วเริมมันก็แค่คล้ายๆ โรคหวัดเหมือนกันนี่หว่า (ตรงไหน) ที่ใครเป็นก็ควรจะเสียเซ้วแค่นิดหน่อยกับร่างกายที่แสดงอาการป่วยออกมา รีบดูแลรักษาตัวเองให้หาย แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข ไม่ใช่ถูกสังคมคว่ำบาตรเพียงเพราะการถูกประทับยี่ห้อ “โรคติดต่อที่สังคมรังเกียจ” และพ่วงด้วยแท็กอัปมงคลมากมายให้หดหู่และเป็นปมด้อยในชีวิตเล่นๆ

ขอเพียงกำลังใจให้มนุษย์เริมทุกท่านได้มีพื้นที่เล็กๆ ไว้ยืนหยัดในสังคม เท่านี้ก็พอครับ กระซิกๆ

เข้าสาระกันสักนิด…

เริมนั้นเป็นโรคติดต่อที่มีตัวการคือเชื้อไวรัสตัวนึงที่ชื่อเฮอร์ปิ๊ด อีไวรัสบ้านี่สำแดงเดชได้ที่ปากและอวัยวะเพศ สำหรับผมนั้นเป็นที่ปาก แน่นอนว่าติดต่อทางอื่นที่ไม่ใช่เพศสัมพันธ์แน่นอน (เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย) แต่จากสาเหตุอื่นๆ ก็คือภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งเปรียบเสมือนรักยมนั้นเกิดงอแงขึ้นมา เพราะเราดันเลี้ยงดูไม่ดี น้ำก็กดกินจากก๊อกแถวประตูมหาลัย (ติดสนามหลวง มีลุงป้าข้างนอกมาใช้บริการกันเยอะจนเดี๋ยวนี้เขาเอาออกไปแล้ว) แถมยังใช้ชีวิตได้ผิดสุขลักษณะอย่างสุดๆ ซะด้วย มันก็ต้องโดนเข้าสักโรคจนได้

ทีนี้อาการของโรคเริมที่ผมเจอก็คือ ระยะแรกปากจะเป็นตุ่มใส แสบ แล้วตุ่มนั้นก็จะเพิ่มดาวน์ไลน์ ขยายสาขาออกมาจนได้พื้นที่ประมาณนึง ถ้าทายารักษาเริม (มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ซื้อเลย ไม่ต้องอาย) ก็จะหายเร็ว แต่ถ้าไปบีบให้แตกก็จะเป็นสะเก็ดสีน้ำตาล ชัดกว่าเดิม แสบกว่าเดิม จังไรชีวิตมาก

ผ่านไปสักสิบวัน อาการนี้ก็จะหายไป

แต่อย่าเพิ่งดีใจไปครับ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นไวรัสทั้งที แม่งไม่เคยหายขาดอยู่แล้ว อีเฮอร์ปิ๊ดนรกเนี่ยไม่ได้ตายนะครับ แต่แค่หนำใจแล้ว มันก็จะไปหลบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ในเส้นประสาทปลายสมองสักมุมของเรา จำศีลอยู่อย่างนั้นจนกว่ากุมารทองในร่างกายจะอ่อนแอ มันถึงจะกลับมาสำแดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้ง ที่เดิม สเต็ปเดิมเลย

ถ้ามองในแง่ไสยศาสตร์ การเป็นเริมนี่ก็เหมือนมิเตอร์บอกอาการดวงตกเลยครับ ช่วงไหนดวงตก แม่งมาละ ปากเป็นตุ่มละ งดจูบเมียหอมลูกไปสิบวัน และต้องกักขังคัดแยกตัวเองไม่ให้ใช้ภาชนะร่วมกัน มือก็ต้องล้างให้สะอาดตลอดเวลา ตาก็ห้ามขยี้ จนกว่าจะหายจากอาการในอีกสิบวันข้างหน้า

แม่งเป็นช่วงที่เสียเซ้วสุดๆ เลยครับ

แถมตอนนี้ป่วยด้วย เป็นหวัดคัดจมูก ไอ เจ็บคอ แถมยังนอนดึกอีกต่างหาก (นี่คือสาเหตุที่ทำให้รักยมในร่างกายอ่อนแอลง) เลยเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อบำบัดความเสียเซ้วของตัวเอง ว่าจงรู้ทันโรค และรู้ทันตัวเอง จะได้เตือนตัวเองและคนอื่นด้วย ว่าจงใส่ใจสุขภาพตัวเองให้ดี จะได้ไม่ต้องมาคอยอธิบายให้ใครต่อใครเข้าใจว่าโรคนี้มันไม่ได้เกิดจากการตีกะหรี่อย่างเดียวเว้ยสัส

ป.ล.
เขียนและวาดภาพประกอบบนรถตู้ กำลังไปเชียงคานกับเพื่อน (ถนนคอร์รัปชั่น รถสั่นมาก วาดได้เท่านี้ถือว่าสวรรค์โปรดแล้ว)

ป.อ.
อ่านหนึ่งบทความทางการแพทย์ ที่เขาบอกว่าเริมจะหายขาดถาวรตอนเราอายุ 35 คือไม่กลับมาหลอกหลอนอีกแล้ว ตอนนี้เลยเห็นข้อดีของการแก่เพิ่มขึ้นอีกข้อ

ป.ฮ.
ช่วงนี้สงสารนิทานมากเลยครับ

คอมเมนต์