ตอนนี้เพื่อนมัธยมชาวพรหมาฯ กำลังบิ๊วกันใหญ่เลยครับ ว่าไปเดินงาน “เพชรบุรี ดีจัง” แล้วแม่งเจ๋งมากๆ
เผอิญผมอยู่พัทยา (อยู่มาสามคืนละ) กับลูกเมีย เลยไม่ได้กลับไปเพชร ทั้งที่งานนี้เป็นงานที่คิดเออออว่าอยากไปตั้งกะได้ยินข่าวแรกๆ
จังหวัดเพชรบุรี ได้รับการกล่าวขานว่า “เป็นอยุธยาที่ยังมีชีวิต” จากวัดวาอารามโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ มีศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่นด้วยช่างสิบหมู่ หัตถกรรม และ การแสดงพื้นบ้าน ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ มีวิถีชุมชนที่สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น มีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งป่าเขา แม่น้ำ ทะเล มีแม่น้ำเพชรบุรีที่ถือเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์มาช้านาน ประกอบกับมีภาคประชาสังคมทั้งเครือข่ายพลเมืองและเยาวชนที่เข้มแข็ง มีหน่วยงานราชการและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นความสำคัญในการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
กลุ่มลูกหว้า จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคีพื้นที่สร้างสรรค์ต้นแบบ พร้อมด้วย เครือข่ายเยาวชน 14 กลุ่มจาก 8 อำเภอของจังหวัดเพชรบุรี ภายใต้การสนับสนุนของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี, สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี, เทศบาลเมืองเพชรบุรี และ สถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี จึงได้ร่วมกับ โครงการพื้นที่นี้…ดีจัง2กำลังสอง จัดมหกรรมพื้นที่สร้างสรรค์ “เพชรบุรี…ดีจัง” ขึ้น ในวันเสาร์ และ อาทิตย์ ที่ 28-29 มกราคม 2555 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ ถนนด้านหน้าและภายในลานวัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี
ทุกพื้นที่ในวัดใหญ่สุวรรณารามและถนนพงษ์สุริยาด้านหน้าวัด จะถูกเนรมิตเป็นลานกิจกรรรมพื้นที่สร้างสรรค์ ให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ ใช้เวลาร่วมกัน สานสัมพันธ์ครอบครัว แสดงออกซึ่งจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้วิถีชุมชน ภูมิปัญญาพื้นบ้าน พบกับ ซุ้มกิจกรรมพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและครอบครัว จากเครือข่ายเยาวชน“เพชรบุรี..ดีจัง” อาทิ มหัศจรรย์พวงมโหตร โคมยิ้มอิ่มสุข ใบตาลสานสนุก โดย กลุ่มลูกหว้า อ.เมือง, ปูนปั้นหรรษา จากกลุ่มเอเซียปูนปั้น อ.เมือง, ผ้ามัดย้อมพืชชายเลน โดย กลุ่มเยาวชนรักษ์ป่าชายเลน โรงเรียนบางตะบูนวิทยา, ผ้าทอก่อรักษ์ กลุ่มกระสวยน้อย ท่าโล้ อ.ท่ายาง, โคมไฟรีไซเคิล จาก กลุ่มบ้านชะอาน อ.ชะอำ, ซุ้มน้ำพริกกะทิ วัฒนธรรมอาหารกะเหรี่ยง โดย กลุ่มยุวธรรมทูต อ.แก่งกระจาน, บายศรีสู่ขวัญ กลุ่มพุทธอาสา วัดแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน, โมบายกะเหรี่ยง โดย กลุ่มหญ้าปล้องรักษ์ถิ่น อ.หนองหญ้าปล้อง
อันนี้ก็อปมาจากเว็บกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เลยนะ (ที่เหลือยาวและ “ไม่” น่าสนุกสุดๆ ตามไปอ่านเองที่นี่) ซึ่งดูดีๆ สิ มันเป็นข้อมูลตั้งกะปี 2555!!
ซึ่งแบบ ก็อย่างที่รู้กันว่าอะไรก็ตามที่พอมันขับเคลื่อนด้วยความเป็นราชการ มันก็จะราชการ และน่าเบื่อง่วงเหงาอย่างที่เห็น
แต่อยู่ดีๆ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา อ.ท่ายาง (บ้านผมเอง) ก็ไปรื้อๆ เอาที่ดินติดแม่น้ำเพชรบุรี มาทำเป็นตลาดนัดเท่ๆ ตอนเย็น มีสะพานสลิงข้าม มีเรือเป็ด จัดสถานที่สวยงามน่าเดินเที่ยว และตั้งชื่อว่า “ท่าย์ข้ามภพ” (ท่าย์ คือท่ายาง ไม่รู้ไปเอาภาษาอะไรมาสมาสสนธิ) ซึ่งนั่นทำให้ผมหัวใจเต้นแรงมาทีนึงแล้ว เพราะมันไม่ใช่ตลาดที่เอาไว้ดึงดูดคนกรุงมาเที่ยวแบบสถานที่ฮิตๆ ที่เราเคยเห็นหรือเคยไป
แต่นี่คือทำมาเพื่อคนแถวนี้เลย ความชิกจงบังเกิดกับชาวบ้านชาวช่องจริงๆ!
กอปรกับสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ ที่เอาไว้ดึงดูดคนกรุง (ผมเรียกกันเองเวลาคุยกะเมียกะเพื่อน ว่าแบบนี้เรียกว่าสถานที่แบบ “สลิ่มๆ” ขอบคุณคนคิดคำว่าสลิ่มขึ้นมา เวลาเราใช้คำนี้จะไม่ได้เป็นการดูถูกเหยียดหยามอะไรนะ แค่มันเป็นคำวิเศษณ์ที่ดูเจ๋งดี บอกพฤติกรรมรวมๆ แบบ stereotype ของคนที่ชอบอะไรแบบนี้ได้ดี อยากให้เป็นศัพท์ที่บรรจุลงพจนานุกรม) เช่นฟาร์มแกะ ซานโตรินี่ ชิคาด้า หรือ เวเนเซียที่เพิ่งเปิดใหม่ย่านชะอำหัวหิน ซึ่งสร้างมาอย่างมีระบบแบบแผนเพื่อเอาไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างถิ่น โดยไม่ได้สนใจหรอกว่าบริบทรอบข้าง หรือพื้นฐานวัฒนธรรมของท้องถิ่นเป็นยังไง ผมจะเฉยๆ กับที่แบบนี้ (ในขณะที่ลูกเมียชอบมาก ก็สลิ่มไงคะ)
แต่กับท่าย์ข้ามภพมันไม่ใช่ มันเท่ และเป็นความเท่ที่ลุงป้าชาวบ้านบ้านเราเก็ต
จนพอมีงาน “เพชรบุรี ดีจัง” (ที่จริงไม่น่าเว้นวรรคเลยนะ) ปั๊บ แรกๆ ผมก็เออ ไม่ได้อะไร จนพอเพื่อนที่อยู่เพชรมันบอกว่าเฮ้ย งานนี้เจ๋ง อารมณ์แบบงานวัดที่ปรุงสุกแล้ว ไม่ใช่แบบแสงสีเสียงตระการตาสมบัติเมทะนีแบบงานพระนครคีรี ซึ่งอันนั้นน่าเบื่อมาก มีแต่เฟอร์นิเจอร์ไม้ กับเต็นท์ขา่ยของกับขบวนพ่อค้าแม่ค้าคาราวานเดิมๆ
นั่นก็ไม่น่าเสียดายเท่าไหร่ เพราะพอจะนึกภาพออกว่า มันก็น่าจะเป็นงานเก๋ๆ ที่วัยรุ่นเดินแล้วยิ้มๆ แหละ เท่านั้นเอง
จนมาปีนี้ มาจัดอีกครั้งในช่วง 17-19 ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ผมมาพัทยาพอดี (เลื่อนไม่ได้) ก็ปรากฏว่าใครๆ ก็พูดถึงกัน พี่ชาย พี่สะใภ้ พ่อเพื่อน ลุงป้าที่ไหนก็บอกว่ามันเจ๋ง และอีแก๊งเพื่อนมัธยมแม่งก็แข่งกันอวดรูปความเท่ของงานมาให้ดูในไลน์
ไอ้ผมก็ไม่ได้อะไร ได้แต่ส่งสติกเกอร์ร้องไห้สวนกลับไป 36 แบบเท่านั้นเอง
คือความเก๋มันระดับเดียวกะงานมันใหญ่มากที่เขาใหญ่ หรือที่ปาย หรือที่เชียงคาน สวนผึ้งอะไรแบบนี้เลยนะครับ (อ้าว ไอ้ที่ยกตัวอย่างมานั่นก็มีแต่สถานที่ประดิษฐ์ๆ สำหรับกินเงินสลิ่มชาวกรุงนี่นา) แต่อันนี้คือคนที่มาเที่ยวก็คือคนท้องถิ่นเอง! มันคือท่าย์ข้ามภพที่ขยายสเกลมาเป็นระดับจังหวัด และทำออกมาได้ดีมาก ตีโจทย์แตกกระจาย
กระจายขนาดที่เรียกได้ว่าล้างภาพเดิมๆ ของงานคนแก่อย่างงานพระนครคีรีประจำปีไปเสียหมดสิ้น และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับเพชรบุรีว่าเป็น “เมืองแห่งวัฒนธรรมที่มีชีวิต” ได้อย่างสุดยอด
นั่นเพราะผมมั่นใจมาตั้งแต่เกิดแล้วว่าจังหวัดนี่ฐานวัฒนธรรมแม่งเจ๋งจริง แต่ที่ผ่านมาหลายสิบปี คือโดนอิทธิพลของอะไรบางอย่างกดไว้ ทำให้กลายเป็นเมืองที่อุตส่าห์มีทรัพยากรที่ดีเลิศ แต่ดันวางไว้บนหิ้ง ไม่ได้เอามาปัดฝุ่นและทำให้มันดูสดใหม่อยู่เสมอ คือรอวันตายมานานมากๆ แต่วันนี้ “เพชรบุรี ดีจัง” ได้ทำลายความกากนั้นลงอย่างราบคาบ และสถาปนาตัวเองมาเป็นเมืองที่ไม่ต้องพยายามก็ชิกและเท่โคตรๆ ได้ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่แบบเน้นๆ แบบเดียวกับที่อยู่ดีๆ ราชบุรีเพื่อนบ้าน ก็กลายเป็น “เมืองแห่งศิลปะ” ขึ้นมา และมันก็เท่ตามที่เขาต้องการจริงๆ
และจะยินดียิ่งถ้าทุกๆ จังหวัด หรือทุกๆ ชุมชน (แบบท่ายางเป็นต้น) ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นและ “รีบูต” ตัวเอง จนสร้างชีวิตให้ชุมชนได้เป็นปัจจุบันแบบนี้ แม่งเท่ฉิบหายเลยครับ
ไม่รู้ใครบ้างที่เหน็ดเหนื่อยและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้บ้าง ถ้าเผอิญกูเกิลผ่านมาเจอบล็อกตอนนี้ ผมขอกราบทีนึงนะครับ
ป.ล.
ไอ้ที่กรี๊ดมาทั้งหมดนี่คือพิมพ์ด้วยความเจ็บใจนะครับ โคตรอยากไป คราวหน้าไม่พลาด ใครจะไปมั่ง เดี๋ยวเรียก
ป.อ.
อ้อ มีเฟซบุ๊กด้วย แต่ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
ป.ฮ.
อย่างที่บอกว่าตอนนี้อยู่พัทยา เหมือนมานั่งทำงานนอกสถานที่ ซึ่งเดินออกไปไม่เกิน 50 เมตรก็จะมีสถานรูดเสา และจิ๋มพ่นไฟแล้ว คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งแปลกแยกอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะยี่ห้อนี้มันพะเข้ามาตามหลังสโลแกนคำว่าไทยแลนด์ในสายตาประชาคมโลกไปเรียบร้อย ก็ได้แต่ยิ้มสยามภูมิใจแหละเนอะ จิ๋มสาวกลางคืนนี่เพิ่มจีดีพีให้ประเทศนี้ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว