เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา กดดูคลิปเลยครับ
เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากการที่อยู่ดีๆ ผมก็ลาออกจากงานประจำ (ที่รายได้ดี) โดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร อดีตเจ้านายเรียกไปถามก็บอกไปตรงๆ ว่าขี้เกียจ
พอลาออกเสร็จแล้วก็มานั่งเลี้ยงลูกและอ่านการ์ตูนเป็นงานหลักอยู่ที่บ้าน ส่วนงานรองคือสกรีนเสื้อขาย รับงานออกแบบกรุบกริบ และช่วยเมียทำร้านเดรสแฟชั่น (ลิงก์ SEO นี่มาเต็ม) ซึ่งเรื่องงานนั่นช่างมันเถอะ ในแต่ละวันผมใช้เวลาไปกับมันวันละไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง (ยังกะพวกรับจ้างโพสต์สแปมตามเว็บบอร์ด) ส่วนเวลาที่ใช้ไปในแต่ละวันที่เยอะจริงๆ นั้นคือเลี้ยงลูกครับ
ถ้าเทียบกับงานที่เคยทำมาตลอดหลายปี ก็คงเรียกได้แล้วแหละว่าผมเกษียณตัวเองมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกเรียบร้อย
ก็คงมีคนสงสัยนั่นแหละว่าอยู่ว่างๆ แบบนี้ ไม่ได้ทำงานทำการอะไรแบบนี้ ลูกสองเมียหนึ่งแบบนี้ แกไม่อดตายเหรอวะ ผมก็บอกไปตลกๆ ว่าอ๋อ กูเกาะเมียกิน (ซึ่งความจริงคือเกาะเมียกิน)
ผมเป็นพวกซื้อหนังสือมาดอง (ส่วนการ์ตูนนั้นอ่านจริงๆ) นี่ดองสารพัดหนังสือที่อยากได้อยากมี สะสมมาได้เป็นเมตรๆ แต่ยังไม่ได้อ่านให้สมกับหน้าที่ของมันซะที จนไม่กล้าโผล่ไปงานหนังสือเพื่อสร้างกิเลสให้กับตัวเองอีกต่อไปแล้ว เพราะมีความรู้สึกผิดบาปฝังอยู่ในใจว่าถ้าตราบใดที่ยังเคลียร์กองภาระที่บ้านได้ไม่หมด การไปซื้อหามาเพิ่มนั้นถือเป็นเรื่องผิดบาป ความผิดบาปในใจนี้ทำให้รู้สึกผิดทุกครั้งที่สำนักพิมพ์เรียกเราว่า ‘นักเขียน’
ตัดภาพไปที่แซลมอน ที่ตอนนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่นักอ่านกันเยอะมาก ว่าเป็นสำนักพิมพ์ ที่ดี อีตอนผมออกหนังสือไป สอง เล่ม (ทิ้งช่วงห่างกันเล่มละปีพอดีเลยวุ้ย) นั่นก็ไม่รู้หรอกว่ามันดีหรือไม่ เพราะก็เคยคลุกคลีกับที่นี่อยู่แค่เจ้าเดียว เลยคิดว่าที่ไหนๆ เขาก็เป็นงี้กันหมด แต่เปล่าเลย พอหลังๆ มานี้มีโอกาสไปซื้อหนังสือในยุคที่เขาขยันรวมเพจจากเฟซบุ๊กมาอ่าน ก็แทบร้องไห้ ทำไมงานมันเผาจัง เสียดายต้นฉบับออกจะดี — เดี๋ยวๆๆ เข้าเรื่องก่อน สรุปว่าย่อหน้านี้เป็นการอวยว่าแซลมอนนั้น ที่ดี
และเรียกเราว่านักเขียน
ขออธิบายโครงสร้างของสำนักพิมพ์นี้ให้คนที่ไม่ได้เอี่ยวกับวงการนี้ได้เข้าใจง่ายๆ ว่า แซลมอนนั้นมีกองบรรณาธิการเป็นทีมงานฝ่ายต่างๆ แล้วมี บ.ก.เป็นเหมือนโปรดิวเซอร์ของศิลปิน (เล่มนี้คือ บ.ก.กาย – @patikal) ส่วน บ.ก.ใหญ่ ที่เป็นเหมือนหัวหน้าทีม (คืออีแบงค์ – @natchanon) …อ้อ แล้วยังมีสำนักพิมพ์บัน ซึ่งเป็นแฝดน้องที่กุ๊กกิ๊กกว่า ที่เจ๋งคือมีบอสเป็นคุณป้าหัวล้าน (@notsosad) และทั้งหมดอยู่ภายใต้ร่มเงาของบันลือบุ๊คส์อีกที ซึ่งมีท่านผู้นั้นในตำนานที่เรามิอาจกล่าวถึงในทางเสียหายได้ คอยนั่งยิ้มดูอยู่
ความซวยของการเป็นนักเขียนก็คือ บ.ก.จะเข้าใจว่าเรามีอะไรให้เขียนตลอดเวลา ไม่ว่าจะปฏิสัมพันธ์กันผ่านสื่อออนไลน์แขนงไหน การทวงต้นฉบับก็จะเกิดขึ้นในประโยคที่สองทุกครั้ง
“เอาต้นฉบับมาคุยกันเลย” อันนี้เป็นคำตอบเวลาแซวแฟนอีกายว่าน่ารัก
“โอเคพี่ เล่มหน้าออกตุลาเลยนะ” อันนี้โยนมุกอะไรสักอย่างไปให้อีแบงค์ แล้วดูมันตอบ
“ออกเล่มใหม่ซะทีสิ” ส่วนอันนี้ประโยคแรกเลย จากปากท่านผู้นั้นในตำนาน
ผมนี่อึ้งไปเลยครับ
วงการนี้ดูจะหิวกระหายตัวอักษร ตรงกันข้ามกับผมที่โคตรจะขี้เกียจเลยบ่องตรง คือขี้เกียจจนอายอะ ใครมันจะไปเข้าใจวะว่าเวลาเราปฏิเสธงานของใครต่อใครที่มาชวนด้วยคำกล่าวอ้างอื่นๆ ที่สวยงามกว่า เช่น ช่วงนี้ไม่มีเวลาเลยครับ หรือขอดูคิวงานก่อนนะครับ (แล้วเฟดหายไปเงียบๆ) เนี่ย ความจริงแล้วกูขี้เกียจทำงาน! กูอยากชิลอยู่บ้านอ่านการ์ตูน!
พอนานๆ เข้า ไอ้ความชิลนั้นก็เริ่มตกผลึกครับ จนรู้แนวทางของตัวเองแล้วว่าอะไรที่ขัดขวางความชิล ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของชีวิต ผมจะค่อยๆ เขี่ยมันออกไปทีละหน่อย ทีละหน่อย จนตอนนี้ถ้าไม่นับเรื่องลูกที่ยุ่งฉิบหายแล้ว นอกนั้นผมถือว่าตัวเองโคตรประสบความสำเร็จในชีวิตเลย
“โอเคพี่ เขียนเลย เรื่องมนุษย์ชิล” อ้าวอีห่า ไวต่อกลิ่นสุดๆ
“ไม่เอาอะ ขี้เกียจ” ผมตอบมันแบบนี้ซ้ำๆ ตลอดหนึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมา
ถามว่าพวกมันหยุดความพยายามในการทวงไหม ก็ไม่นะ จนบางทีก็นึกชื่นชมเหมือนกันที่ความมีไฟของคนทำงานมันทำให้เรานึกสนุกไปกับมันด้วย แต่คิดได้แป๊บเดียวก็รีบสลัดออกจากหัว กูจะไม่หลงกลพวกมึง กูจำได้ บรรยากาศสมัยทำเล่มปะป๊าฯ นั่น อีฟรีคลับ (บ.ก.คนก่อน ที่ตอนนี้ลาออกไปเลี้ยงไก่ชนสลับกับเฝ้าบ่อนแถวบ้าน) แม่งทวงเช้าทวงเย็นทวงดึก ทวงทะลุบุกทะลวงจนไม่กล้าแหงนหน้าไปคุยกับหน้าจอ เป็นความเข็ดหลาบและเสี้ยนหนามชีวิตชิ้นใหญ่เท่าที่มนุษย์ขี้เกียจตัวหนึ่งจะถึงมี
จนท่านผู้นั้นในตำนานผู้มิอาจปฏิเสธได้-ได้ดำริขึ้นมาว่า
“แอนควรจะเขียนเล่มใหม่ได้แล้วนะคะ เริ่มเลยค่ะ”
(มีแสงทองเฮ้ากวงเปล่งประกายออกมาจากด้านหลัง)
ครับ ผมเลยเริ่มเลยครับ เดินไปบอกทั้ง บ.ก.เล็ก บ.ก.ใหญ่ และ บ.ก.หัวล้านว่า เดี๋ยวเจอกันครับ ไว้จะไปคุยที่สำนักพิมพ์ อยากเขียนเรื่องที่คุยกันมาตั้งนานแล้ว (หมายถึงเอ่ยปากพูดมาทีเดียวเมื่อนานมาแล้ว) — คือเรื่องชีวิตของมนุษย์ขี้เกียจนี่แหละ
แล้วนรกก็เริ่มขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ชื่อ ‘สลอธแมชชีน’ นี่คิดขึ้นมาตั้งแต่แวบแรกว่าจะเขียนเรื่องนี้ แล้วดันเสนออีแบงค์ผ่านในแวบแรก แสดงว่าของมันมาจริงๆ ครับ ส่วนที่มาของชื่อนั้นมาจากคลิปนี้
ที่เหลือไปอ่านเอาเองในเล่มละกัน (อ้าว ก็ต้องขายของหน่อยสิ)
พอพูดถึงกระบวนการการทำงานกับอี บ.ก.กายแล้ว ถ้าเปรียบกับฟรีคลับผู้เป็น บ.ก.คนก่อนนั้นออกแนวทวงโหด ไล่ล่าทุกโซเชียลที่ผมไปแวะพักผ่อนหย่อนใจเหมือนกัน แต่สำหรับกาย จะมาแนวเชือดนิ่มๆ มีชั้นเชิง และเหี้ยมเกรียม แบบที่เงื้ออาวุธทีไรก็เข้าเป้าทุกดอก แต่สุดท้ายแม่งก็ทวงงานยิกๆ เหมือนกัน ดั่งได้รับการปลูกฝังค่านิยม 12 ประการมา
มีใครสักคนเปรียบเทียบให้ฟัง (น่าจะเป็นบัฟโฟ่ในตำนานแห่งอะบุ๊ก) ว่า ฟรีคลับมันเป็นฆาตกรโรคจิตถือเลื่อยไฟฟ้าและเตะต่อยกำแพงได้ มาแนวไล่ล่าฆ่าไม่ยั้ง ส่วนกายนี่เป็นแนวมันสมอง วางแผนฆ่าไว้แยบยลแบบเรื่อง SAW แค่ถือไว้จิ้มฟันเล็กๆ แค่ก้านเดียวก็ปลิดชีวิตนักเขียนได้
ก็เพิ่งมาเห็นกับตาตัวเองว่าแม่งจริง
ผลงานเขียนที่ผ่านการเฆี่ยนตีทั้งต่อหน้าและลับหลัง จึงเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นเล่มจนได้ ที่ลากยาวมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะขายของครับ ขายเลยนะ
หนังสือสลอธแมชชีน โดย iannnnn / สำนักพิมพ์แซลมอน
208 หน้า / 180 บาท / โดนจัดเข้าหมวดจิตวิทยาประยุกต์ (ได้ไงวะ)
ของแท้หน้าปกต้องมีรูปสลอธนอนขี้เกียจอยู่บนโลโก้ที่ออกแบบมาสวยงามดั่งใช้ตีนข้างที่ไม่ถนัดปาด บนพื้นหลังสีเขียวๆ เหลืองๆ (มีคนบอกว่าเหมือนสีถังขยะ กทม. เออว่ะ)
เนื้อหาข้างในคุ้นๆ ว่ามี 10 บท แต่ลองอ่านดูจะรู้ว่าแม่งไม่ได้จบเป็นบทๆ เลย นึกอยากจะใส่ก็ใส่ อยากจะเพิ่มก็เพิ่ม อยากจะเขียนการ์ตูนบทไหนก็เขียน บางทีท้ายบทดันยาวกว่าเนื้อหาในบท ฯลฯ อะไรแบบนี้ สนุกดี ทรมานกอง บ.ก. จนกระทั่งงานเสร็จช้ากว่าชาวบ้านเขา งานหนังสือมีไปครึ่งนึงแล้วเพิ่งได้รับข่าวดีเมื่อบ่ายๆ วันนี้เองว่าหนังสือเราเสร็จพร้อมขายแล้ว เย้!
–––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––
พบกับสลอธแมชชีนครั้งแรกที่งานหนังสือ บูธสำนักพิมพ์แซลมอน (X05)
ผมไปประจำบูธช่วงเย็นๆ ห้าหกโมงของวันที่ 23-24-25 ตุลาคมนี้
ถ้าเจอกันทักได้ครับ เมียไม่ว่า ยิ่งทักแล้วซื้อหนังสือด้วยแล้วยิ่งดี
(บรรทัดตะกี้มีคำว่ายิ่งทักด้วย เท่ดี ยิ่งทักษณ์ๆๆๆๆ)
ถ้าไม่ว่างไปงานหนังสือ หรืออยากแง้มอ่านฟรี เชิญที่ min.ms/slo
เฮ้ยเว็บเจ๋งนะ มีให้อ่านตั้งบทนึงแน่ะ แถมถ้าซื้อก็ได้ส่วนลดด้วย จิ้มเลย จิ้มม์ม์ม์ม์