วันนี้ไปงานหนังสือมาครับ
ทีแรกกะว่าจะไปตอนไปนั่งเฝ้าแจกลายเซ็นช่วงเย็นวันที่ 23-24-25 ต.ค.นะ แต่อยู่ดีๆ เมียเห็นเราทำท่ากระสับกระส่าย ตื่นเต้นดีใจที่หนังสือเสร็จจากโรงพิมพ์ซะที (เพิ่งวางขายในงานเมื่อวานเป็นวันแรก) เลยอนุญาตให้ไปเที่ยวชมก่อนในวันนี้ เพื่อไปเที่ยวจริงๆ แล้วสามวันตามกำหนดการค่อยไปปฏิบัติหน้าที่
จนกระทั่งพอไปถึงงานตอนประมาณบ่ายโมง บูธแซลมอนปีนี้รวมร่างกับของบันลือ ก็ดีเหมือนกันนะครับ เด่นมาก เพราะเดินเข้าจากทางรถไฟฟ้าโผล่หัวไปก็เห็นเลย ผมไปแอบด้อมๆ มองๆ อยู่ห่างจากบูธพอสมควร (คืออยากรู้ว่าหนังสือตัวเองขายออกไหม 55555) ก็พบว่าเฮ้ย ท่าทางขายได้เลยนี่หว่า คนหยิบกันเยอะมากๆ …หยิบมาพลิกๆ ดู แล้วก็วาง
การได้เห็นหนังสือตัวเองตัวเป็นๆ วางขายปะปนอยู่กับงานเขียนของนักเขียนและนักวาดที่เราชื่นชม เฮ้ยมันดีมากเลยนะ
เนื่องจากกล้องที่แบกไปมันเป็นเลนส์ 75mm (x2) เลยสามารถแอบถ่ายไกลๆ โดยเหยื่อไม่รู้ตัวเท่าไหร่ เลยได้เห็นภาพแรกของหนังสือตัวเองบนชั้น ที่พนักงานกำลังจัดอยู่ จากที่มันดีๆ…
เออ พอเดินเข้าไปพลิกๆ ดูด้วยความเห่อ แถมยังเปิดดูงานคนอื่นด้วยความอิจฉา ก็มีผู้อ่านหลายคนดันรู้ว่าไอ้แว่นนี่เป็นคนเขียน ก็พุ่งเข้ามาต่อแถวให้เซ็น เลยเซ็นไปเหงื่อแตกไปด้วยความประหม่า
ตอนยังไม่ได้เขียนหนังสือ ผมก็ไม่เคยรู้หรอกครับว่าประโยชน์ของการเซ็นหนังสือคืออะไร ทำไมต้องไปขอลายเซ็น ทำไมนักเขียนต้องมานั่งยิ้มแห้งๆ ให้คนมาขอลายเซ็น แล้วถ้าวันหนึ่งเราเขียนหนังสือเองขึ้นมา ใครมันจะอยากได้ลายเซ็นกู …คือเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไง รู้สึกว่าการที่เราชอบหรือไม่ชอบหนังสือสักเล่มนี่ มันควรเป็นเพราะเนื้อหาในเล่ม ไม่ได้ชอบเพราะคนเขียนเป็นดารา
แต่พอก้าวเข้ามาสู่วงการนี้ ได้เซ็นไปสัมภาษณ์คนอ่านไปว่าคิดยังไงกัน แน่ใจแล้วเหรอที่จะให้เซ็น ฯลฯ ก็พบว่าวินาทีนั้นมันมีค่ามากครับ นี่ไม่ได้จะตอบเอาใจแม่ยกหรืออะไร แต่เฮ้ย มันเจ๋งจริงๆ เพราะตอนที่มันยังเป็นต้นฉบับดิบๆ นั้น คนที่ขลุกอยู่กับหนังสือมีเพียงเราและกอง บ.ก.ผู้เหี้ยโหด (โทษๆ พิมพ์ตก) เท่านั้น แต่พอหนังสือเสร็จออกมาเป็นเล่มแล้ว โอกาสที่เราจะได้คุยกับคนที่ต้องการจะสื่อสารด้วยแบบตรงๆ ไม่ได้ผ่านหน้าจอโซเชียล แต่ได้เห็นหน้ากันตัวเป็นๆ อุ่นๆ นิ่มๆ (นี่มึงคุยหรือไปแต๊ะอั๋งเขาวะ) คำตอบของธรรมเนียมการเซ็นหนังสือที่เคยเป็นสิ่งไร้สาระสำหรับผมนั้นมันพรั่งพรูออกมาเลย ขอบคุณมากๆ นะครับ
อ้าวลืม นี่มันบล็อกโชว์ภาพนี่หว่า งั้นเข้าเรื่องต่อนะ
ลุงเนลสัน (ต้องเรียกว่าปู่นะที่จริง) กลายเป็นสัญลักษณ์นำโชคของค่ายนี้ไปแล้ว ถึงขนาดมีทำสติกเกอร์มาขายด้วย (สติกเกอร์จริงๆ)
สักพักก็เดินไปบูธอื่นๆ ครับ (มีแก้ว @kejuliso มาเดินเป็นเพื่อนด้วย กลัวจริงๆ ว่าคนอื่นจะเข้าใจว่าสองคนนี้แอบมาเป็นชู้กันแบบลับๆ ตอนเมียผมเฝ้าลูกอยู่บ้าน …ถ้าใครเข้าใจแบบนั้นแต่ไม่กล้าถามต่อหน้า ผมจะบอกให้นะครับว่ากูก็เลือก)
บูธอะบุ๊กมีน้องคนขายน่ารักที่เขาร่ำลือกัน น่ารักจริงๆ ด้วย! มัวแต่ดูน้อง ไม่ได้ดูหนังสือเลยครับ (จะดีไหมวะ) เดี๋ยวไปคราวหน้าจะอุดหนุนนะ (อุดหนุนหนังสือ?) อุดหนุนน้อง! …เฮ้ย จะชงเองทำไม
แล้ววงการหนังสือนี่มีความน่ารักอยู่อย่าง คือในงานจะมีการฝากวาง กระจายหนังสือไปยังร้านอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงเหยื่อได้ง่ายขึ้น ดูเป็นวงการที่เหมือนจะโหด แต่ก็กลมเกลียวกันดี (อย่างภาพด้านบนนี่ไปเจอที่โอเพ่นบุ๊กส์ ใครจะไปนึกว่าสำนักพิมพ์นี้จะมีหนังสือตลกปัญญาอ่อนวางขายด้วย)
หรือที่บูธสายน้ำ (คนขายน่ารัก) ก็มีเล่มแรกของผมฉบับพิมพ์ครั้งแรกสุด (พิมพ์ครั้งต่อมาปกจะไม่เจาะรูแบบนี้นะ) ไปวางขายในราคา 50 บาท โคตรถูกจนอยากเหมามาเก็บในครัว คือเนื้อหาข้างในมันยังคุ้มเกิน 50 บาทอยู่เยอะเลยนะครับ ไปจัดมาได้
โชคดีมีวาสนาได้เจอสองเล่มนี้วางเรียงกันในสักบูธ
วันนี้วันธรรมดานะครับ (วันอังคาร) แต่คนมาเดินกันยั้วเยี้ยเลย ถามน้องๆ ในแซลมอนบอกว่านี่ถือว่าน้อยนะถ้าเทียบกับเสาร์อาทิตย์ …ไม่อยากจะนึกภาพ
วนกลับมาแซลมอน เจอเขาวางแผงนิตยสารแจกฟรียี่ห้อยีราฟ เป็นเล่ม 0 ด้วย วางไว้ข้างหน้าเลย แต่คนหยิบกันเร็วมาก และพนักงานก็เอามาเติมเร็วมาก ส่วนสาวข้างหลังที่ตัวสูงๆ พอจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ยีราฟได้นั่นคือปลารี่ คนเขียน ‘โสดนี้ไม่ลืม’ ภาคต่อจาก ‘โสดนี้อีกนาน’ (เราจะไม่พูดถึงปลาในทางเสียหายปลาวาดน่ารักจริงๆ แถมเล่มนี้มีรูปนึงเป็นครอบครัวเราด้วย)
อันนี้เป็นเข็มกลัดสลอธที่ทางสำนักพิมพ์ทำไว้… น่ารักง่ะ
กลับมาถึงบ้านพร้อมสำรวจความเสียหาย นี่ส่วนหนึ่งจากที่แบกหลังแอ่นกลับมาครับ (ที่เหลือพอถ่ายเสร็จจะเขียนบล็อกแล้วเพิ่งเหลือบไปเห็น ช่างเถอะ อันนั้นหนังสือแนวจริงจังกับชีวิต) เรียกว่านอกจากหนังสือแปะสติกเกอร์ที่ซื้อมาฝากลูกและจากเพื่อนนักเขียนท่านอื่นๆ แล้ว ไอ้ที่เล็งไว้ว่าจะไปจัดในงานและจัดมาแล้ววันนี้ก็เป็นการ์ตูนล้วนๆ เลย (ปึกดราก้อนบอลนั่นแพงสุดครับ เพราะหนาเป็นศอก)
และสุดท้าย โฆษณาเล่มนี้อีกที Sloth Machine: กำเนิดมนุษย์ชิล
เล่มของจริงสวยง่ะะะะ ตายตาหลับไปอีกเทอม