ผมคงเคยคิดเหมือนกับที่น้องอีกหลายคนกำลังคิดอยู่ละมั้งครับ
ว่าการรับปริญญานี่ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลย กูไม่รับได้ไหม
แต่พอได้เห็นแม่ใส่ชุดผ้าไหมสวยๆ
เห็นพ่อเดินยิ้มเผล่ พกญาติโยมมาเต็มเลย
เพื่อที่จะมาแสดงความยินดีกับผมเมื่อปีก่อน
ไอ้ความรู้สึกอวดดีที่ว่าก็หายไปเลยครับ
จริงๆ แล้วคนที่ควรได้รับการชื่นชมน่าจะเป็นพ่อแม่ผมมากกว่า
ที่เลี้ยงไอ้เหี้ยนี่ให้โตจนเลียตูดหมาไม่ถึง
และประคองตนจนจบ ได้ “กระดาษแผ่นนั้น” ที่ผมไม่เคยคิดจะอยากได้
ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ครับ
อัลบั้มรูปนี้นี่ถ่ายเป็นการส่วนตัวอยู่สักหน่อย (ปกติหมวดแอนถ่ายก็เป็นส่วนตัวอยู่แล้วหนิ)
ครึ่งแรกเป็นบรรยากาศวันซ้อมรับปริญญาเมื่อเสาร์ที่ ๑๖ ก.ค.๔๘
เพื่อนผมที่ยังตกหล่นจากหลักสูตร ๕ ปี มาเป็น ๖ ปี (เรียนเท่าหมอเชียวนะ)
ซึ่งมีราวๆ เกือบ ๑๐ คน รวมกับรุ่นพี่ๆ (ที่เรียนนานกว่าหมอ) อีกสี่ห้าคน
ก็เลยเป็นสีสันของการรับปริญญาในคณะเด็กสร้างบ้านนี้
ขอแสดงความยินดีกับพ่อแม่ของพวกเขา และของน้องๆ ที่จบในปีนี้ด้วยครับ
นี่เป็นบรรยากาศใต้ต้นก้ามปูที่พระตำหนักทับขวัญ ร่มรื่นน่านอนมาก
ยัยกิ๊บๆ (เพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันตอน ม.ปลาย) กำลังเล็งมาที่หัวใจผม:15:
น้องคนนี้ตกเป็นเหยื่อปาปารัสซี่โดยไม่ทันได้ระวังตัว
รูปนี้ต้องย่อหน่อยเพราะขนาดมันใหญ่เหลือเกิน .. (ช่างมันเถอะครับ )
เจอบักบอล ขาประจำ ThaiFlashDev ด้วย (ขอลายเซ็นไม่ทัน)
คนที่นั่งส่ายหน้าเสื้อขาวอ้วนๆ นั่นผมเองครับ:05:
ตัดฉากมาคืนวันรับจริง (๑๘ ก.ค.) มาเลี้ยงส่งบัณฑิตที่โรงแรม SD ปิ่นเกล้าคนนี้ “ขวัญข้าว” เป็นคนบ้าประจำคณะครับ ตัดผมใหม่สมเป็นเด็กแนว
พฤติกรรมสามอย่างของเพื่อนๆ คือ เหล่สาว แดกเหล้า และถ่ายรูป
ไอ้ปิงไม่ได้เจอไอ้ทอยนาน ก็มีการทวงบัญชีแค้นกันหน่อย
ไอ้คมผู้เป็นฮีโร่ในการลดน้ำหนักของผม (จาก 80 เหลือ 50 เศษๆ .. มันทำได้ยังไง)
น้องทาว (ม.๒) น้องของไอ้ทอยที่หลงมาในงาน กำลังโดนพี่เชหม้ออยู่
แต่ละชั้นปีก็มีเห่าหอนกันตามวาระ (รุ่นสตู ๔๖ นี้ชื่อรุ่นไข่หอมครับ)
ไม่ได้เจอทิดเต้ยนานเกือบ ๒ ปี ถ่ายรูปคู่ซะหน่อย
จบแล้วครับ (ช่วงปลายเดือน ไม่มีเวลาเขียนง่ะ)