รูของทีน

เรื่องน่าเศร้าก็คือ นี่เราแก่ป่านนี้แล้วยังจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตไม่ถูกเลย ไม่ได้เฉพาะเรื่องงาน แต่เป็น To-do list หลายๆ อย่างในชีวิต

เรียกว่าการบริหารเวลาส่วนตัวพังพินาศเลยก็คงไม่ผิด

ชั่วระยะเวลาที่ผ่านมาก็ลองนึกอยู่ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็พอจะเดาได้ว่า ที่ผ่านมาเราเกลียดการทำอะไรแบบรูทีน (รวมถึงการใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือน) ก็เลยหนีรูทีนมา พอหมดข้อจำกัดที่เคยมาฟาดแส้บังคับให้เราทำนั่นนี่ปั๊บ อิสระที่ได้มากลับทำให้วินัยพัง

ไม่ใช่แค่เรื่องงาน เพราะเรื่องงานไม่ค่อยซีเรียส เราห่วงเรื่องเล่นมากกว่า

ทั้งกองการ์ตูนที่วางพะเนิน รอให้เปิดอ่าน (ก่อนหน้านี้ไม่เคยเลยนะ การ์ตูนนี่เป็น priority แรกสุดเสมอไม่ว่าจะยังไงก็ตาม) ตอนนี้ซื้อมาตุนไว้เต็มมุมห้อง นี่ถ้าแอนตอนมัธยมหรือมหาลัยมาเห็นเข้าคงชี้หน้าด่าเหี้ยเลยนะ ถือเป็นปาราชิกขั้นสูงสุด

ขนาดการ์ตูนยังดอง นับประสาอะไรกับหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กเอย นิตยสารเอย ที่กะว่าเดี๋ยวนี้เราตั้งกฏเหล็ก งดซื้อเล่มที่พิจารณาว่าถ้าซื้อมาแล้วคงยังไม่ได้อ่านทันที (ว่างๆ ค่อยอ่าน ไรงี้) แต่สุดท้าย ทุกเล่มตอนนี้ก็ไปกองอยู่ในโซนว่างๆ ค่อยอ่านไรงี้ทั้งหมด

ไหนจะสีน้ำที่อุปกรณ์พร้อม มิตรสหายร่วมอุดมการณ์ในกรุ๊ปไลน์ก็ขยันเอางานมาอวด

ไหนจะการลุกมาออกกำลังกายทุกวัน วันละนิดหน่อยก็ยังดี ที่ตั้งใจว่าจะเริ่มทันทีหลังจากหายปวดหลังครั้งใหญ่ที่ผ่านมา

ไหนจะการเขียนบล็อกทุกสัปดาห์ (เคยคุยกับพี่ปอง พี่ปองโยนมาประโยคนึง บอกว่าต้องลับสมองด้วยการเขียนซะบ้าง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี อะไรงี้แหละ จำเป๊ะๆ ไม่ได้ นี่ไง สมองไปแล้ว) ที่จริงประเด็นเขียนมีล้นไปหมด อยากเล่านั่นนี่ แบบที่ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนอ่านไหม (เป็นข้อดีของยุคที่แทบไม่มีใครอ่านบล็อกกันแล้ว) — เออ เสริมหน่อยว่า กะว่าจะเขียน Year in Review 2016 แล้วก็ปล่อยไว้นานจนลืม กะว่าจะเขียนอะไรเกี่ยวกับตัวเองในวินาทีแรกที่อายุ 35 แล้วก็ปล่อยไว้นานจนลืม กะว่าจะเขียนการ์ตูนที่ปิ๊งมุกแว้บขึ้นมาแล้วก็ปล่อยไว้นานจนลืม ฯลฯ

ไหนจะการขี่จักรยานเล่นไปเรื่อยๆ แบบร้อนก็ช่างแม่ง

ทั้งหมดนี้นับว่าเหลวสิ้นดี

กลายเป็นว่ากิจกัตรประจำวัน (ไม่นับงานรายวันนะ อันนั้นไม่อยู่ในโฟกัส) ที่ยังทำอย่างแข็งแรงมั่นคง คือตื่นเช้าเสมอ และไปส่งลูกเข้าโรงเรียนให้ทันมาตรฐานเวลาที่ตั้งใจไว้ แล้วก็การจัดรายการพอดแคสต์ที่ตรงเวลาเป๊ะๆ ทีแรกมียูธูปรายการเดียว นี่แม่งงอกเสาเสาเสามาอีกรายการ แล้วเสือกสนุกและมีแนวโน้มจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ก็น่าจะทำไปอีกนาน

นอกนั้นพังหมด เปิดฮาวทูของอดีตรัฐมนตรีท่านไหนก็ไม่ช่วย

ลองวิเคราะห์ดูว่าแต่ละวันเราใช้เวลาไปกับอะไร แน่นอน โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เน้นไปทางการนั่งทำงาน สลับกับเปิดนั่นนี่ดู ต้องบอกไว้นิดนึงว่าถึงจะเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในใจกลางโซเชียล แต่ไม่เสพติดโซเชียลเท่าไหร่ เสือกไปติดพวกการอ่านข้อมูลล้นเกินมากกว่า เนี่ย เวลาเหลือนิดหน่อยก็ถูกใช้ไปกับสิ่งเหล่านี้ รวมๆ แล้วก็เยอะนะ

จนกลายเป็นว่าวันอาทิตย์หรือวันจันทร์เช้าๆ ที่เคลียร์กองฟีดหมดแล้ว นั่นแหละเป็นเวลาที่เราได้ทำอะไรหลายอย่างที่มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกดี รู้สึกว่าเกิดมาคุ้มค่า ไม่ได้หายใจและขี้ไปวันๆ

แต่เมื่อเทียบกับการเสียเวลาไปอาศัยอยู่บนหน้าจอ ก็ทุเรศตัวเองอยู่ไม่น้อย

ตะกี้พิมพ์แล้วย้อนขึ้นไปอ่านตรงที่บอกว่าไม่เสพติดโซเชียล อันนี้มันแว้บขึ้นมาว่าที่จริงมึงติดนะ ไม่ติดแค่เฟซบุ๊กอย่างเดียว แต่หนักมากในทวิตเตอร์นะ สารภาพเลย เวลาว่างถูกถมไปกับการรูดจอดูคนอื่นเล่นมุก และหักห้ามใจไม่ให้ทวีตวันละเยอะๆ ให้ได้ แต่แม่ง ก็นะ

ไอ้การถมเวลานิดๆ หน่อยๆ ให้หมดไปกับการรูดจอเนี่ย แม่งจั๊งก์ฟู้ดในโลกของการบริหารเวลาเลย

สิ่งนี้ต้องแก้โดยไว และขอบันทึกไว้ตรงนี้.

คอมเมนต์