Vlog

มานึกได้ว่าตัวเองก็เคยทำไอ้สิ่งที่คล้ายๆ กับ Vlog เมื่อสิบกว่าปีก่อนเหมือนกัน สมัยที่ยังใช้กล้องวิดีโออยู่ (ยุคที่เริ่มมีฮาร์ดดิสก์ข้างในกล้องแล้ว แต่ไฟล์ยังออกมาเป็น .mpg = 240p) ลืมไปแล้วว่ายืมใครมา หรือใครให้มาเป็นค่าจ้างทำงาน

ตอนนั้นยังเป็นยุคสังคมเว็บบอร์ด ได้ไปเที่ยวทะเล ไปมีตติ้งกับชาวคณะอยู่บ่อยๆ พอเบื่อๆ ถ่ายภาพนิ่งก็เลยใช้กล้องวิดีโอที่ว่า ถ่าย, ก๊อปลงคอมพ์ ตัดต่อ (ใช้ โปรแกรม Sony Vegas เถื่อน ยุคนั้นยังใช้ของเถื่อนอยู่) เสร็จแล้วก็อัปขึ้น Google Videos! ลืมชื่อนี้ไปกันแล้วหรือยัง! ใครจะไปนึกว่าวันนึงมันจะเจ๊งเพราะกูเกิลเสือกไปดันแพลตฟอร์มใหม่สุดๆ ของโลกอย่างยูทูบล่ะ!

ก็นั่นแหละ พอวันนี้มานั่งย้อนดูต้นฉบับไฟล์ที่เก็บไว้บน Google Drive ก็สนุกดี แต่สัมผัสได้ว่าลักษณะการสื่อสารและการแสดงออกจะเป็นคนละแบบกับ Vlog ในทุกวันนี้ คือเราไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นพิธีกร และเป้าหมายของเราคือคนกลุ่มเล็กๆ ไม่ใช่หวังว่าคุยกับผู้ชมทางบ้านกว่า 8 ล้านคนที่อยู่อีกฝั่งนึงของก้อนเมฆอย่างทุกวันนี้

ที่นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็เพราะวันนี้เพื่อนลูกมาเที่ยวบ้าน เลยได้คุยกับผู้ปกครองของเพื่อนลูก ลามไปถึงเรื่องแชนเนลยูทูบสำหรับเด็กหลายๆ ช่องที่เด็กในนั้นอายุเท่าๆ กับลูกเรา แต่ทำรายได้โคตรเป็นกอบเป็นกำ เรียกว่าทำเป็นอาชีพ กลับมาบ้านก็วางกระเป๋าแล้วเดินเข้าสตูดิโอถ่ายทำรายการ หรือไม่ก็ไปเที่ยวไปกินที่ไหนๆ ฟรีบ้างจ่ายบ้าง แลกกับการรีวิว แสดงกันเป็นครอบครัวโดยมีเด็กเป็นตัวชูโรง และมีพ่อแม่ชักใยกำกับอยู่

แล้วกลุ่มผู้ชมคือเด็ก อันนี้เป็นความลับสวรรค์เฉพาะคนที่มีลูกหรือได้เลี้ยงเด็กมาแล้วเท่านั้นเลยนะ ว่าบ้านใดมีเด็กที่ถูกสะกดวิญญาณโดยยูทูบนั้น เพลย์ลิสต์ในแอปดังกล่าวจะล้ำกว่าใคร เพราะจะมีแต่รายการเด็ก, การ์ตูนเด็ก, Vlog ของช่องเด็ก และอะไรๆ ที่เกี่ยวพันกับเด็ก แม่งก็จะกด next ไปเรื่อยๆ ไล่ไปทีละคลิป ไม่บ่นเรื่องโฆษณา ไม่บ่นอะไรทั้งนั้น เป็นผู้ชมที่ดี ทำได้เพียงเสพติดมัน น้ำลายยืด เซลล์ประสาทถูกเบบี้ชาร์กและผองเพื่อนทำลายลงไปเรื่อยๆ ส่วนฝั่งครีเอเตอร์นั้นน่ะหรือ รวยไม่รู้เรื่องเลยแหละเธอ

ก็เคยเห็นเคสที่เขาทำแล้วเอาตัวเลขมากางให้ดู ในยุคสมัยที่คนทำยูทูบบ่นกันว่าโดนกดรายได้ แต่ขอโทษ คลิปในหมวดครอบครัวนั้นเป็นข้อยกเว้น เราจึงตื่นตาตื่นใจและร่วมแสดงความยินดีด้วย …บอกกงๆ ว่าอิจฉาจังโว้ยยยย

วันนี้เลยได้คุยกันว่า ทำแบบนี้มันโคตรง่ายและรายได้ดี เป็นงานที่แจ๋วมากเลยเธอว่าไหม / ใช่ ฉันก็ว่า / แล้วทำไมเธอไม่ทำล่ะ ฉันว่าเธอทำได้สบาย / ไม่ล่ะ ฉันอยากไปเที่ยวกับครอบครัวมากกว่า ไม่ได้อยากไปเที่ยวแล้วต้องทำการแสดงต่อหน้าคนแปดแสนคนทั่วโลกนั่น

ไม่ใช่แค่คนที่คิดเรื่องการเอามันมาเป็นรายได้หรอก แต่รู้สึกเหมือนกันว่าตอนนี้เทรนด์มันเป็นแบบนี้จริงๆ ยิ่งพอเทคโนโลยีแม่งโคตรง่าย เราตัดต่อรายการสนุกๆ ได้แม้ในมือถือ (วันก่อนโหลดแอปตัดต่อวิดีโอฟรีมา แม่งเง้ย ง่ายจนอยากรีไฟแนนซ์ตัวเองให้มาเกิดใหม่ทันโตยุคนี้) เหล่าเน็ตไอดอล Vlogger จึงถือกำเนิดขึ้นมารัวๆ ทั้งมือใหม่มือเก่าต่างก็แฮปปี้กับการเป็นดาราหน้ากล้อง เป็นซัมวันแห่งกระแสวัฒนธรรมนี้

ดาราจักรมันเคลื่อนย้ายจากทีวี นิตยสาร มาสู่โลกของสื่อใหม่กว่า …ใหม่กว่าเฟซบุ๊กด้วยซ้ำ

กระทั่งการไปเที่ยวกับครอบครัวหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ยังต้องคอยเกรงใจเหล่า Vlogger หนุ่มสาวหลายๆ คณะ ที่ขอยึดสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก หรือคาเฟ่ร้านอาหารที่เราเองก็จ่ายตังค์กินเหมือนกัน แต่กลับต้องคอยหรี่เสียงและเกรงใจเขาและเธอเมื่อยามเดินผ่านกล้อง…

พอคุยถึงตรงนี้แล้วก็พบว่า เอาจริงๆ ถึงแม้ในใจเราจะมีอคติเต็มไปหมด เช่น อะไรวะ เฮ้ยมึงมาเที่ยวกับเพื่อนกับครอบครัวนะ จะมาแสดงทำไม แต่ก็ต้องข่มใจไว้ ไม่ให้มองวิถีนี้เป็นเรื่องประหลาดแปลกปลอม สิ่งที่ควรทำจึงน่าจะเป็นการทำความเข้าใจ จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องยอมรับว่าโลกมันหมุนมาทางนี้แล้วจริงๆ ไม่ใช่หลับตาลงแล้วแอนตี้ คนที่วิจารณ์มัน (ถึงแม้จะแค่ในใจอย่างเรา) ต่างหากที่ตกยุค

แบบเดียวกับที่เราเคยรู้สึกสมัยวัยรุ่นว่าพ่อแม่ลุงป้านั้นไหงโบราณเหลือเกินนั่นแหละ

คุยกันจบแล้วก็มองไปยังลูกเต้าของพวกเราที่กำลังค่อยๆ เติบโตขึ้น ไปในโลกใหม่ที่เราไม่รู้จักขึ้นทุกที

สัญญาว่าพ่อจะยังไม่รีบแก่นะ

คอมเมนต์