บอกหน่อยได้ไหมชื่ออะไรจ๊ะ

เห็นชื่อหนังอนงค์มาตั้งแต่ก่อนจะเข้าโรง แต่ก็ไม่ได้สนใจจะดู เพราะเราเห็นข้อมูลของหนังเรื่องนี้น้อยมากๆ รู้แต่นางเอกคือโบว์ เมลดา (ที่น่ารักมากๆ แต่เราก็ไม่เคยดูงานที่น้องแสดง) และกำกับโดยคุณเอส ผู้กำกับที่เราเชื่อฝีมือมาเกินสิบปี และเห็นตัวอย่างหนัง 1 ครั้ง จบ

เราไม่โทษตัวเองที่ไม่ได้ขวนขวายอยากรู้ต่อ แต่โทษอัลกอริทึมละกัน สบายใจดี…

ทั้งหมดนี้ทำให้เราพลาดการดูหนังไทยที่น่ารักมากๆ โคตรๆ เรื่องนึงในโรงไป เสียดายที่ไม่ได้อุดหนุนผู้มีส่วนร่วมที่ทำให้เกิดอะไรน่ารักขนาดนี้ขึ้นมา

มาได้ดูเอาก็เมื่อคืน ตอนลง นฟ และลูกเมียว่างพร้อมกันพอดี เลยเปิดดูเป็นเซสชันครอบครัวตอนค่ำๆ โดยที่ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอดูไปแค่ 10 นาทีแรก เฮ้ย รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของหนังไทยที่มันตลก สนุก ไม่เก๊ก ไม่หยาบคาย แต่ก็ไม่จืดจาง แบบที่เราเคยรู้สึกกับหนังยุคเพื่อนสนิท (ของคุณเอส) มันกลับมาปรากฏต่อหน้าต่อตาเราอีกครั้ง

ใช้คำว่าอร่อยกลมกล่อมก็ดูจะตรงกับที่ใจคิด

นางเอกน่ารักมากกกกก ต้องเป็นคนนี้เท่านั้นด้วย เป็นคนอื่นก็ไม่ได้แบบนี้ (ถ้าให้นึกเท่าที่ความรู้เรื่องดารามีจำกัด อีกคนก็น่าจะเป็นน้องเต้ยที่ได้มู้ดใกล้เคียง แต่น้องเต้ยยังดูไม่คุณหนูคุณนายตามคาแรกเตอร์เป๊ะ)

แก๊งตัวประกอบ และคามิโอต่างๆ ที่โผล่มา ทั้งแบบที่เรารู้จักและไม่รู้จัก มันคือเครื่องปรุงรสที่ใส่มาแล้วอร่อยหมดเลย เวิร์กหมดเลย และตลกฉิบหาย ทำไมพี่เก่งจังง่ะ

วิธีการเล่าเรื่อง วิธีการต่อบท วิธีการเดินเรื่องไปสู่เป้าหมาย การอธิบายชัดๆ แบบเคี้ยวมาให้ย่อยง่ายสุดๆ คงเพราะอยากให้บันเทิง ไม่ต้องมาคิดเยอะอะไร ไม่ต้องยากสักอย่าง นั่นก็ทำได้อย่างสร้างสรรค์และแนบเนียน

จบเรื่องแล้วลุกขึ้นปรบมือ อร่อย อิ่ม มีความสุขครับ

ไม่รู้จะสรรเสริญอะไรเพราะไม่ใช่คนวิจารณ์หนัง แต่แค่บอกว่าชอบ และขอแสดงความขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันสร้างมันขึ้นมา

เลยมาไล่อ่านประวัติจนได้รู้ว่าอ๋อ นี่เป็นบริษัทใหม่ที่เวิร์คพอยท์จับมือกับเอ็มพิกเจอร์ส ขอเข้ามาสร้างสีสันให้หนังไทยอีกค่าย

สัมผัสได้เลยว่าหนังไทยมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ต้องมารอรัฐบาลสนับสนุนห่าอะไรแล้ว … (อ้าวเครียดเฉยเลย)

คอมเมนต์

ไปดูผีที่ยุดยา

ฟังเรื่องผีมาตั้งแต่เด็กๆ สถานที่ที่ถูกปลูกฝังมาให้หลอนที่สุดเมื่อพูดถึงเรื่องผีก็คืออยุธยา จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ททท. ใช้โอกาสนี้ จัดเทศกาลขนหัวลุก ณ สถานที่จริงๆ วัดจริงๆ โบราณสถานเอย สถูปเจดีย์เอย ศาลเพียงตาเอย เป็นของจริงที่แทบไม่ต้องตกแต่งเพิ่ม แค่จัดไฟสวยๆ และเปิดซาวด์หลอนๆ เพิ่มบรรยากาศก็พอแล้ว

ในเมื่อเขาชวนให้ไปดูผี ในสถานที่ที่ขลังระดับนี้ ก็แจ๋วสิครับ เมื่อวานเลยขับพาลูกเมีย ค่อนชั่วโมงจากบ้านก็ถึงวัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ ** ระวังไปผิดสาขานะ วัดนี้มีสองที่ ต้องไปนอกเกาะ)

เตือนก่อนเลยว่ารถเยอะมาก เราไปวันเสาร์ คาดหวังว่าคนน่าจะเยอะอยู่แล้ว แต่ก็เกินคาดนะครับ ไปถึงประมาณ 17:00 น. นิดๆ รถก็เต็มแน่นสองข้างถนนยาวไปสุดลูกหูลูกตา (พอค่ำๆ ก็ไม่ต้องหาเลยครับที่จอด แนะนำให้ขึ้นสองแถวอย่างเดียว มีรับส่งตลอด) ครั้นจะใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการหาที่จอดก็แทบไม่มีหวัง สุดท้ายโชคดีเลี้ยวเข้าอู่รถฝั่งตรงข้ามวัดพอดีเป๊ะ ค่าจอด 50 บาทก็รีบควักจ่ายโดยไว สัมภาษณ์เจ้าของอู่ก็บอกว่าเพิ่งคิดได้ว่าควรเปิดเป็นที่จอดรถเมื่อวานนี้เอง เรียกว่ารับทรัพย์อย่างมโหฬาร

สำหรับวัดวรเชษฐ์ (วัดวรเชต) นั้น เป็นวัดร้าง ตั้งอยู่ในตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดมีรูปแบบสถาปัตยกรรม ราวสมัยอยุธยาตอนกลาง และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยอยุธยาตอนปลายอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการสร้างปรางค์เป็นประธานของวัดทางด้านทิศตะวันตกหลังปรางค์ประธานเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ ปรางค์ประธานมีขนาดใหญ่มีบันไดทางขึ้น 4 ทาง… ย่อหน้านี้ก๊อปมา ไปอ่านจากต้นทางเอาเอง เดี๋ยวมีสาระเกิน

เรามาเที่ยวยุดยาบ่อยเนื่องจากไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ แต่วัดนี้เรากลับไม่เคยแวะมาก่อน เนื่องจากเที่ยวในเกาะจนอิ่มแล้วก็ใช้เป็นทางผ่านกลับบ้าน แต่สังเกตทุกครั้งว่าปรางค์ประธานโดดเด่นเป็นสง่าและสภาพดีอย่างเหลือเชื่อ (แน่นอนว่าเขาบูรณะมาแล้วหลายรอบเนอะ) คราวนี้ก็เลยพาเด็กเดินดูโบราณสถาน โม้นั่นนี่เรื่องสถาปัตย์วัดวังเท่าที่พอรู้ ชี้ชวนกันดูร่องรอยการบูรณะ ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า เพราะเดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นโหมดผีละ

ที่ถ่ายมานี่ยังไม่ได้เห็นตัวงานเลยนะ เพราะตัวสถานที่เดิมๆ ก็ขลังอยู่แล้ว จะมีก็บางอย่างเช่นศาลปลอมตรงป้ายหลักของงาน ที่เอามาเติมให้ดูร่วมสมัยขึ้น นอกนั้นคือ คนเยอะมากๆ จริงๆ นี่ถ่ายแบบไม่เห็นคนได้ถือว่ากลั้นหายใจเหนื่อยอยู่

โดยเฉพาะ “บ้านผีสิง” ไฮไลต์ของงานที่เปิดให้เข้าชมรอบแรกห้าโมงครึ่ง แต่คิวก็ยาวร้อยเมตรแล้ว เราตัดสินใจว่ายอมแพ้ไฮไลต์นี้ แต่ขอพาเด็กๆ ไปแวะกินข้าวกินปลาแทน

งานนี้ของกินเพียบครับ แต่งร้านกันหนุกหนาน พ่อค้าแม่ค้าก็จัดคอสตูมกันหลอนๆ ทั้งนั้น เรียกว่าแสงเด่น ซาวด์ดี ดนตรีหลอน มีอะไรสวยๆ งามๆ ให้เหล่มองอยู่เยอะเลย แน่นอนว่าไม่ได้ถ่ายมา…

เออพอมาเปิดรูปดู แม่งยังกะงานร้าง 555555 สงสัยเพราะมัวแต่ถ่ายหลบคน

อิ่มแล้วเดินต่อครับ (ไหนล่ะผี!)

ยังๆ เรามาดูวัดดูวังกันก่อน ชอบที่เขาจัดแสงแดงๆ น้ำเงินๆ วัดร้างแห่งนี้เลยดูสวย แบบสวยนะ ไม่ใช่สวยแบบหลอน เป็นความเท่ที่ไม่ค่อยได้เห็น เพราะปกติจะเป็นสีอิฐส้มๆ จนเป็นภาพจำ เลยขอบันทึกไว้หน่อย

แล้วตรงไหนที่พอทำให้หลอนได้ เช่นต้นไม้ที่ผูกผ้าไว้จริงๆ ศาลจริงๆ ก็เอาไฟไปส่องไฮไลต์ซะ คนทำนี่ต้องมีความไม่กลัวผีอยู่แหละ เพราะนึกออกเลยว่าเวลาโทรไปเล่าแล้วพี่แจ็คต้องถามก่อนเลยว่าไปทำอะไรมาถึงโดนหลอก ก็ทำแบบนี้แหละ

อุโมงค์เลเซอร์นี่เราชอบมาก แต่เดิมเป็นพื้นที่รกๆ ป่าๆ ยุงเยอะๆ แต่เขาเอาเครื่องพ่นควัน รวมพลังกับเครื่องฉายเลเซอร์สีเขียว ให้พ่นออกมาเป็นวงรอบ กลายเป็นอุโมงค์อากาศ ที่มีกรอบเป็นควันเหลวๆ ฟิวเจอริสติกแบบหลอนๆ ล่อคนให้เดินต่อขบวนกันเข้ามา เพื่อดูว่าปลายทางเป็นอะไร กว่าจะรู้ตัวว่าผนังมันเดินทะลุได้ ก็เกือบปลายทางแล้ว (ขอเตือนว่าอย่าเอากล้องมือถือไปส่องให้โดนลำแสงเลเซอร์ตรงๆ นะ กล้องพังนะเธอ) ทั้งนี้ปลายทางเป็นศาลพระนเรศวร พร้อมไก่บริวารจำนวนมาก

สังเกตว่า คนที่นี่ในยุคหนึ่งที่ตั้งใจทำยุดยาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เขามักเล่าสตอรี่โดยหยุดเวลาไว้ที่ยุคพระนเรศวร ดังนั้นองคาพยพต่างๆ ก็จะเป็นพระนเรศวร (และไก่) เสียมาก เรื่องนี้ก็ต้องให้กาลเวลาเป็นผู้ทำละลายกันอีกที

อีกไฮไลต์ของงานก็คือแม่นากไททันสิบเมตร ที่ยืนตระหง่านอยู่หน้าบ้านผีสิง (ที่เราไม่ได้เข้า เพราะตอนนี้คิวยาวกว่าเดิมอีก) เราชอบตรงนี้มาก เพราะแม่ทั้งสวยทั้งสง่าเมื่อมายืนในจุดที่ถูกต้องแบบนี้ เนื่องจากมันมืดจนมือถือถ่ายแล้วดูหลอกลวง งั้นขอใช้กล้องโซหนี้ถ่าย

โอเค ก็ยังได้เท่านี้ แต่ของจริงดูดีมากแหละแก๊

เท่านั้นยังไม่พอ น้องผีที่จัดวางได้ถูกต้องที่สุดอีกตัวคือน้องคนนี้

น้องเป็นผีแนวบุปผาราตรี หรือใครเสพสื่อเกาหลีก็จะบอกว่าผีเกาหลีก็ได้ ไม่ต้องเถียงกัน เป็นผีร่วมสมัยแนวชุดขาว ผมยาว นั่งเศร้าอยู่บนหอระฆัง สวยดูดีทุกคนต้องเงยมองน้อง ดูว่าจะขยับเมื่อไหร่ (สปอยล์ : ไม่ขยับ) (ดีแล้ว)

นอกนั้นตลอดงานก็จะเห็นผีๆ ตัวเร้กตัวน้อยโผล่มาจ๊ะเอ๋อยู่ตามจุดต่างๆ ถือว่าทำดี ทำถึง ทำได้ เราชอบมาก ขอบคุณมากๆ

บรรยากาศส่งท้าย นี่ประมาณ 2 ทุ่ม ขนาดว่าเราจะกลับกันแล้ว ยังมีคนอีกมากหมายไหลหลั่ง ที่เพิ่งเดินทางมาเติมอีกเรื่อยๆ เลย จนรถติดยาวววววววว กว่าตอนก่อนพระอาทิตย์ตกดินมากๆ ดีใจแทนคนจัดที่งานได้รับความนิยมขนาดนี้

ขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการที่สร้างสรรค์อะไรแบบนี้ขึ้นมา ผีไทยนี่แหละสุดยอดซอฟต์เพาเวอร์แล้วจริงๆ ครีเอทีฟอีโคโนมี การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ บัซเวิร์ดอะไรอีกดีล่ะ เอาเป็นว่าเราเหล่านักท่องเที่ยวแฮปปี้มากและอยากให้มีอีก จบแล้วครับ สวัสดี

คอมเมนต์

มาม่าผักชี ของดี(?) จากเซี่ยงไฮ้

วันนี้มีกล่องพัสดุส่งมาให้น้าแอน แกะดูข้างในมีห่อกันกระแทกแบบนี้ พร้อมจดหมายที่อ่านยังไงก็ไม่น่าไว้ใจเลย

คุณซีเป็นมิตรสหายท่านหนึ่งที่มีความสุขกับการส่งอะไรมาทำไมวะ ว่างนักเหรอ ซึ่งในวาระนี้คุณซีไปจีนมา แล้วเห็นอะไรแปลกๆ เลยซื้อมาฝาก ซึ่งเราควรจะดีใจในน้ำจิตน้ำใจนี้

แต่ ช้าก่อน

นี่มันคุณซี

เราจึงได้เห็นมาม่า 1 ซองใหญ่ สีเขียวสด รูปผักชีเต็มๆ เน้นๆ กดส่องแปลภาษา บรรทัดบนบอกประมาณว่าหอมสุดๆ หอมสัสๆ เข้ หอมโว้ย ส่วนบรรทัดไตเติล บอกว่าเป็นบะหมี่ผักชี! (เออ กูเห็นก็รู้แล้ว!)

เท่านั้นยังไม่พอ เห็นซองข้างๆ ไหม นั่นคือกุ้งสำเร็จรูป และตีนไก่สำเร็จรูป (อ่านไม่ผิด) เพียงคุณฉีกซองก็ใส่ปากเคี้ยวได้เลย ทราบภายหลังจากคุณซีว่าคนจีนชอบเดินดูดตีนไก่แบบยนี้แหละ ทซื้อมา แกะ ดูดตีน แล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นกอง จริงหรือไม่เราไม่รู้ แต่เราได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆ ในช่องแชต

และนี่คือการท้าทายครั้งล่าสุดของมิตรสหายท่านนี้ ที่อุตส่าห์ส่ง “อะไรแปลกๆ” มาให้กิน

โอเค ในเมื่อคุณส่งมา เราก็ขอสนองด้วยการจับทุกอย่างมารวมกัน แล้วแดกแม่งเลย เริ่ม!

พอฉีกซองผักชีปั๊บ กลิ่นงี้ฟุ้งไปถึงในครัว ไม่ใช่ครัวบ้านเรานะ แต่เป็นบ้านปากซอยถัดไปอีก 15 ไมล์

เราซื้อเต้าหู้มาหวังว่าวันหนึ่งจะทำหมาล่ากิน แต่วันนั้นยังมาไม่ถึง งั้นเอามาใส่อาหารประหลาดนี่ก่อน

เทน้ำรดลงไปให้ผักชีงอกงาม

เฮ้ย มันก็ดูดีอยู่นะ ใช่ไหม ได้โปรด

ปิดฝา (หม้อสุกี้นี่ก็เพิ่งแกะมาใช้ครั้งแรกหลังจากพ่อตาได้มาในงานปีใหม่แล้วไม่มีใครเอา วางไว้ในครัวเฉยๆ)

สุกแล้ว กลิ่นเหรอ ก็เหมือนน้ำซุปเครื่องปรุงหอมๆ ของมาม่าแปลกๆ แหละ มีกลิ่นของตีนไก่ไม่รู้กี่ตีนที่สละชีพมาเพื่อการนี้ด้วย แต่เอาจริงสุดท้ายกลิ่นผักชีกลบหมด ทุกอย่าง สูญสิ้นกลายเป็นต้มผักชี

เอาล่ะ ถึงเวลาลองของ

เฮ้ยเส้นนุ่มอยู่นะว่าไป อร่อยเลยแหละ (เราว่าเทียบได้กับนิสชิน) สำหรับคนที่ชอบลองของแปลกอย่างเรานี่ให้ผ่านสบายเลย แล้วเนื่องจากเราใส่น้ำลงไปเยอะให้มันท่วมก้อน ก็เลยจืดกว่าพวกนิสชินปกติ แต่บวกรวมโซเดียมต่างๆ แล้วไม่น่าแพ้กัน แถมพอใส่ฟองเต้าหู้ม้วนลงไปให้มันซับน้ำซุป ก็เลยหอมอร่อยกำลังดี

กินเสร็จแล้วก็เอาตีนไก่มาลองแทะดู แม่ง หนังติดกระดูกนี่มันแทะยังไงก่อน ลองพยายามแล้วพยายามอีกก็พบว่า

เรามาไม่รอดตรงตีนไก่นี่แหละ T-T

ขอบคุณผู้สนับสนุนอีพีนี้ คุณซี ซี้ซั้ว สวัสดีครับ

คอมเมนต์

โลโก้หมูเด้ง

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ZPOT) เขาจัดประกวดโลโก้หมูเด้ง 🦛 (กติกาตามนี้) สรุปคร่าวๆ คือ

  • เปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่ประกาศ ปิดรับวันที่ 7 ต.ค.67 (5 วัน!)
  • ผู้ชนะ จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท
  • ต้องมีคำว่า “หมูเด้ง” หรือ “Moodeng” ประกอบในภาพโลโก้ด้วย
  • เปิดกว้างไม่มีข้อจำกัดด้านแนวคิดหรือการออกแบบ
  • ส่งผลงานทางอีเมล

มีกติการะบุไว้เท่านี้ครับ มีคนถามว่าใช้ AI ได้ไหม แอดมินก็บอกว่าได้ครับ แต่ก็มีผลต่อการพิจารณางั้นงี้แหละ ประมาณว่าออกแบบเองจะได้คะแนนเยอะกว่า

เราเห็นแล้วก็อยากลองทำส่งดู แต่เวลามันกระชั้นเหลือเกิน เลยเอาเวลาคืนนึงที่ว่างจากงาน มานั่งทำ ไม่ได้หวังจะชนะหรอกเพราะกติกากว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ แต่อย่างน้อยก็ได้เข้าร่วม 55555

กลางดึกในคืนวันที่ 5 ก็เลยนั่งออกแบบมาประมาณนี้

.

รูปหน้าน้องจะเอา ref มาจากรูปตอนผู้ดูแลเขาเกาคางแล้วน้องทำตาพริ้ม นิ่ง ไม่กัด ถือว่าเป็นโพสที่น่ารัก แล้วอยน่าจะอยู่ได้นาน ใจนึงก็อยากเอารูปที่เป็นมีมมาทำเหมือนกัน แต่กลัวว่า(ถ้าชนะ 555)เดี๋ยวใช้ๆ ไป น้องโตแล้วจะเปลี่ยนโหมด

เอาจริงๆ การเลือกจิ้มสีของฮิปโปให้ดูเป็นกราฟิกได้นี่ย้ากยากเหมือนกันนะ 5555 คือสีน้องจะตุ่นๆ เลยลองดึงมาทางม่วงชมพู แล้วก็ลองปรับให้สดกว่าปกติ เอ้า พอได้นี่นา เลยนั่งปรับนั่งขยับไป โดยตั้งใจอย่างยิ่งว่าโลโก้นี้น่าจะเอาไว้สื่อสารได้ในหลายภาชนะ หลายสื่อ อยู่บนสิ่งพิมพ์ เสื้อผ้า ของฝาก ของสะสมก็ได้ แสดงผลบนหน้าจอดิจิทัลก็ได้ เล็กได้ ใหญ่ได้ สื่อที่สีจำกัดก็ปรับให้ลงได้ มีเวอร์ชันขาวดำ-ลายเส้นล้วนด้วย ฯลฯ

แล้วก็เลือกส่งหลายๆ อันที่ชอบจากในนี้มาใช้ ส่งไปทางอีเมล เขียนเรียงความไว้อย่างดีเหมือนขายงาน แต่ ส่งไปแล้ว 1 วัน 2 วัน เขาก็ไม่ตอบ ส่งทางข้อความก็ไม่ตอบ 555555 T_T อะไรเนี่ย

จนวันที่ 8 หลังจากปิดรับผลงาน แอดมินเพจก็โพสต์ว่า มีผลงานเข้าส่งประกวดถึง 1,895 ผลงาน เราก็สบายใจละ เลิก! 55555555555555

และสุดท้ายวันนี้ก็มีการประกาศ 10 ผลงานสุดท้ายที่เข้ารอบ มาเปิดให้โหวตกัน ใครชนะก็ชนะเลยกติกานี้ไม่ได้บอกไว้ก่อนหน้า (ถ้าบอกจะได้ไม่ส่ง อ้าว)

ที่เจ๋งคือ 10 ผลงานที่เข้ารอบสุดท้าย จะได้บัตรเข้าชมทุกสวนสัตว์ รวม 6 สวนสัตว์ พร้อมผู้ติดตาม 2 ท่าน แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ระยะเวลา 1 ปี!!! นี่มันว้าวกว่ารางวัลชนะเลิศอีก (ถ้าบอกก่อนจะตั้งใจทำมากๆ อ้าว)

ก็เลยขอลงไว้เป็นบันทึกว่าเราเคยตกรอบการเข้าประกวดโลโก้หมูเด้งนะ ไม่เข้ารอบ แต่ก็ได้เข้าร่วม สนุกดี ยินดีกับผู้เข้ารอบทั้ง 10 ผลงานด้วยนะครับ

แถมท้ายด้วยงานสเก็ตช์ใน Illustrator สังเกตว่าใน sketchboard จะมีช่วงที่นั่งหาสีอยู่นานมาก

ใจจริงอยากให้เขาตอบรับอะไรสักหน่อย อย่างน้อยให้รู้ว่าผลงานเราถูกส่งไปถึงปลายทางแล้ว ตกรอบก็ไม่เป็นไร แค่อยากฟินว่าได้ร่วมกิจกรรมน่ะ (ก็พอจะนึกออกว่ากรรมการตัดสินเขาก็คนในองค์กรฯ น่าจะไม่ได้ว่างขนาดนั้น และผลงานก็ดันส่งกันถล่มทลาย ทั้งที่มีเวลาแค่ไม่กี่วัน)

ถ้าจะให้ดี ถ้าวันนึงทางองค์การฯ ผ่านมาเห็นโลโก้ พาเลตต์สี ไทโปกราฟี่ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของงานสเก็ตช์เหล่านี้ แล้วจะเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในสักงาน ก็จะดีใจนัก

คอมเมนต์

TK Park

ไม่ได้ไปมาหลายปีมากกกก น่าจะนับได้สิบปีแล้ว ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ยังอยู่กรุงฯ แล้วก็เคยไปขอจัดอีเวนต์สอนทำฟอนต์ในนั้น

จนวันนี้ลองวางทริปพาลูกเมียเที่ยวกรุงเทพฯ (ใช่ เรามันบ้านนอกเข้ากรุง) บวกลบไปมา ดูฟ้าฝน จึงไปจบที่กินข้าวห้าง และไปเยี่ยมเพื่อนแม่ที่ TK Park (เมียมีเพื่อนทำงานในนั้น)

กำหนดการถูกวางไว้อย่างหลวมๆ ทีแรกจะไปเดินเล่นบรรทัดทอง ไปสวนเบญจกิติ อุทยานจุฬาร้อยปี แล้วก็หอศิลป์ด้วย สุดท้ายคือ กินข้าวกินหนมกันเสร็จ ก็เข้าไปนอนกลิ้งอยู่ TK Park เกือบครึ่งวัน

ทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่นาน คือลืมความรู้สึกของการอยู่ห้องสมุดแบบคนเยอะๆ ไปแล้ว เพราะระยะหลังๆ มานี้เราอ่านการ์ตูนทุกวัน จนรู้สึกว่าเสพหนังสือเยอะเกินไปอยู่แล้ว (การ์ตูนก็นับนะ ขอร้อง) แล้วจะไปห้องสมุดเพื่ออะไร

อ๋อ ไปรอรับลูกเลิกเรียนไงล่ะ ที่โรงเรียนของลูกมี Learning Center ซึ่งก็คือ TK Park ฉบับย่อส่วน คนไม่เยอะ ถ้าไม่นับห้องบอร์ดเกม ก็มีมุมเงียบๆ ไว้นั่งอ่านหนังสือได้ แน่นอน เราพกการ์ตูนจากบ้านไปอ่านเอง (ที่จริงเขามีห้องสมุดการ์ตูนด้วย แต่ไม่ค่อยเยอะ) นอกนั้นก็นั่งทำงาน นั่งไถมือถือในห้องแอร์เล่นๆ

แต่กับวันนี้มันไม่ใช่แบบนั้น เราเข้าห้องสมุดไปเพื่ออ่านหนังสือ นอนกลิ้งอ่าน จนง่วงสัปหงก ตื่นมาก็อ่านต่อ ง่วงอีกทีแล้วก็ตื่นมาอ่านอีก

แม้จะเป็นการ์ตูนเรื่องเดียวกับที่มีที่บ้าน แต่ของที่บ้านยังไม่ได้แกะ ก็จะเป็นมือหนึ่ง ขายต่อได้ราคาอยู่เสมอ (แฮ่)

ทั้งนี้เราพบว่า การเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่บรรยากาศเอื้อต่อการอ่านมากๆ มีผู้คนที่เข้ามาอ่านหนังสือ มาทำงาน มาเปิดคอมพิวเตอร์ ก๊อกแก๊กๆ ห้องเด็ก(เราอยู่ห้องนี้เพราะเบาะมันนุ่ม)ก็มีเด็กวิ่งเล่นตะโกนไปมา เขาไม่ห้าม ซึ่งก็โอเคนะ

และที่สำคัญคือมันมีหนังสือดีๆ หลากหลายจนไม่เกิดความรู้สึกว่า “ไม่รู้จะอ่านอะไรดี” คือเดินจิ้มไปเถอะ แป๊บเดียวต้องโดนสักเล่มจนได้

เราอ่านการ์ตูนเงือกเสร็จ ลูกชวนไปหาวันพีซ (อ่านเล่มต่อจากที่บ้าน) จบแล้วก็เดินไปตู้ค้นหนังสือ หาหนังสือผีอ่าน

ส่วนอีพ่อ เจอสาวตึงอยู่โซนหนังสือออกแบบ เลยเลี้ยวเข้าไปซะหน่อย แหะๆ แล้วก็ได้เจอหนังสือโชว์งานออกแบบฟอนต์ของคัดสรรดีมาก เล่มละ 1,600 บาท (ซึ่งเราไม่มีปัญญาซื้อ) ก็นั่งเสพอยู่นาน

ขณะที่เมียขลุกอ่านนิยายจีนเรื่องที่แพงจนไม่มีตังค์ซื้อ และลูกสาวคนโตเอาไอแพดมานอนวาดรูปในช่องรูปรังผึ้ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกำหนดการเดิมที่จะไปหอศิลป์ก็ต้องงดไปก่อนเพราะรถติดมหาศาลแล้ว

แถมฝนก็ทำท่าจะตกอีก บรรทัดทองก็เลยต้องงดไปโดยปริยาย

ถึงกระนั้นเราก็ฝ่ารถติดออกจากใจกลางเมือง แวะกินข้าวแถวอารีย์ และขึ้นทางด่วนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

ลูกเมียต่างแฮปปี้ และนัดกันว่าเดี๋ยวเดือนนี้เรามากันอีก เท่านี้ก็เป็นอันปิดจ็อบอย่างสมบูรณ์แบบ

คอมเมนต์