รายงานตัวตามสูตรครับ กลับจากงานหนังสือแล้วหนอนที่ดีก็ควรอวดว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหน
ปีนี้จดลิสต์รายการเอาไว้แล้วไปเพื่อมุ่งหาเป้าหมายอย่างเดียว กะว่าจะไม่ซื้อเรื่องอื่นเลย
ผลคือได้มาประมาณ 90% ของลิสต์ นอกนั้นเป็นนิตยสารฉบับล่าสุดซึ่งมาคิดดูแล้วกูไปซื้อที่ร้านทั่วไปก็ได้
และนี่คือรายการที่โดนไป
Bambino!
ผมไม่เคยอ่านเลยครับ แต่ทุกคนรอบกายบอกว่าควรอ่านและควรเก็บ เลยจัดมาซะเลย
คับแค้นใจกับการหาซื้อตามร้านมือสองมาสามครั้ง แต่ไม่เจอหลงมาเลยสักครั้ง
ก็เลยกะว่าเอาวะ ซื้อมือหนึ่งก็ได้ ที่สยามอินเตอร์เขาขายพวกรวมห่อในราคาลด 30% ก็เลยเอา
ไอ้ที่ซื้อนี่คือภาคหนึ่ง มี 15เล่มจบ ราคา 478 บาท
นิทานโลก
ยังยืนยันว่านักเขียนการ์ตูนที่ผมชอบที่สุดแบบสุดๆ คนหนึ่งคือสะอาด
เล่มนี้ซื้อเพราะชื่อสะอาดเหมือนเดิม คือสะอาดแม่งบ้า เขียนอะไรก็สนุกไปหมด
เอาง่ายๆ ว่าถ้ากินไข่เจียวแล้วดันเทซอสพริกหกรดกระดาษ กระดาษแผ่นนั้นนั่นก็ฮาแล้ว
ตามธรรมเนียมของการซื้อหนังสือ ผมจะไล่อ่านการ์ตูนที่รอคอยมานานก่อน นิทานโลกเนี่ยเป็นเรื่องที่สอง
พออ่านจบไปตะกี้ จึงได้รู้สึกว่ามันเป็นนิทานจริงๆ (แหงล่ะ) ต่างจากชายผู้ออกเดินทางตามเสียงของตัวเองของปีก่อน
สำหรับผมแล้วชอบเรื่องก่อนมากกว่า เพราะรู้สึกมีส่วนร่วม-ผูกพันกับมนุษย์ในนั้นมากกว่าสัตว์ในนิทานของสะอาด
แต่เห็นแล้วอยากกลับไปอ่านฮิโนโทริของ อ.โอซามุอีกที เรื่องนี้หาซื้อมือสองเก็บเท่าไหร่ก็ไม่ครบซะที
กลับหลังหัน
คราวที่แล้วไปเยี่ยมยูท สนพ.แซลมอน คุยกันตั้งนานแต่กลับมาถึงบ้านก็นึกได้ว่ากูยังไม่ได้อุดหนุนเขาเลยนี่หว่า
คราวนี้เลยตั้งใจไปซื้อ “กลับหลังหัน” ของอาร์ต จีโน่ โดยเฉพาะ แล้วก็เปรมมากครับ อ่านจบรวดเดียวสองเล่มเลย
คืออุตส่าห์พยายามละเลียดๆ อ่านแล้ว แต่ก็ทนความมูมมามไม่ไหว เสพอย่างตะกละที่สุดจนจบ และฟินมาก
ถ้างานของสะอาดคือการ์ตูนของมือสมัครเล่น(ไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่ถ้าบังอาจเรียกว่าเป็นสไตล์ มันคือสไตล์การ์ตูนวาดเล่น)
งานของอาร์ต จีโน่ก็คือมืออาชีพที่ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นเรื่องงานวาด เอาพูกันตวัดๆ ก็ออกมาเป็นภาพแล้ว สวยด้วย
ที่เจ๋งคือการ์ตูนแม่งเท่ฉิบหาย (ในนั้นจะมีคำว่าเท่โผล่มาเป็นระยะๆ) อ่านแล้วรักเลย ขอเป็นแฟนคลับอีกคนเหอะอาร์ต
รื่นรมย์ในโลกหนกขู
เห็นชื่อโตมรก็ซื้อแล้ว ไม่ได้คิดอะไร ยิ่งมันอยู่ในโซนขายเล่มละ 50 บาทของมติชนด้วยเลยหยิบแบบไม่ได้คิด
เชื่อว่าหลายคนก็เป็นแบบผมนี่แหละ ที่ซื้อเพราะชื่อคนเขียน ไม่ได้ซื้อเพราะอยากอ่านอยากเสพเนื้อหาอะไรนัก
จะเรียกว่าดีไหมก็คงไม่ แต่ก็เป็นแบบนี้มาตลอดนี่หว่า
เส้นสมมุติ
คำว่าสมมติ จะมีสระอุหรือไม่มีก็ได้ แต่คุณวินทร์เลือกให้มี .. ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนึงสือนี่หว่า
ทีนี้ผมก็เหมือนคนอื่นๆ ที่นับถือความเคร่งครัดในการเขียนของคุณวินทร์ คนบ้าอะไรงานหนังสือทีก็คลอดเล่มใหม่ทีละคู่
บวกด้วยชอบดีไซน์ปกหนังสือและอาร์ตเวิร์กในเล่มที่ทำออกมาได้น่าสะสม ก็เลยไล่เก็บขึ้นแผงโชว์สันเท่ๆ ตลอดมา
แต่คงเก็บไม่หมดเพราะบางแนวก็ไม่ชอบ อย่างเล่มนึงที่ชื่อควายบินๆ อะไรนี่ซื้อมาแล้วแทบร้อง ไม่ชอบเลย
..แต่สำหรับเส้นสมมติแล้ว เฮียแกพาดหัวไว้ว่าคล้ายๆ “สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน” .. เอ้า เชื่อ ซื้อๆ
ชีวิตมันก็เท่านี้แหละ
ความมืดกลางแสงแดด
ปกติผมจะแวะบูทโอเพ่นเสมอ แต่คราวนี้พลาด หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ (เพิ่งรู้ว่าอยู่แถวตัว R) เลยไม่ได้อุดหนุนเขาเลย
แต่กระนั้นก็ยังดีที่พอผ่านหนังสือใต้ดิน เจอ อ.วรเจตน์กำลังให้สัมภาษณ์รายการสักอย่างของมติชนอยู่ มีคนมุงพอควร
ผมเลยพุ่งเข้าไปต่อย ไม่สิ เข้าไปดูว่าแกมีอะไร แล้วก็เพิ่งรู้ว่าเฮียคนข้างๆ คือคุณวรพจน์ พันธุ์พงศ์ โอ้วซื้อเลย (ยัง!)
ก็เดินเข้าไปพลิกๆ ดู เนื้อหาเป็ฯเรื่องที่เราสนใจแต่ก็ไม่ได้ตกผลึกอะไร คือเป็นพวกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับสิ่งที่แกพูด
ซึ่งถ้าไม่ใจแคบเกินไป นี่มันก็เป็นโอกาสอันดีไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้เรา (ซึ่งยังไม่วางใจกับอะไร) ได้อ่านเยอะๆ
พอแลกเปลี่ยนเยอะๆ มันก็ทำให้เรามีอะไรมาชั่งตวงวัดได้นี่นา เลยจัดซะ
(ถ่ายไว้ใน อตก ด้วยแหละ เป็นภาพที่มีคนกด Like น้อยที่สุด 5555 แต่ผมชอบแฮะ)
อ้อๆ บทสัมภาษณ์(หลายๆ คน)นี้คุณวรพจน์เขียนกับ “ธิติ มีแต้ม” ได้เจอตัวจริงในบูทด้วย เด็กมาก แต่แววตาไม่เลว
ตอนเอาไปให้คุณวรพจน์เซ็น แทนที่แกจะประดิษฐ์คำหรูๆ แต่นี่ไม่ แกจรดปากกาขีดเส้นใต้ข้อความในบรรทัดสุดท้าย
แล้วหันมามองเรา แล้วยิ้ม แล้วก้มลงไปเซ็นอีกที ช็อตนี้แม่งเท่มากครับ
ตรวจภายใน
แค่ชื่อนิ้วกลมก็ขายดีแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าหนังสือพี่แกแมสระดับเทพขนาดไหน แต่เราไม่ค่อยได้อ่าน (กร๊าก)
คือแนวที่แกเขียนไม่ใช่แนวที่เราอ่าน เราดันชอบอ่านการ์ตูนมากกว่า แต่เล่มนี้โอเค เป็นเรื่องที่เราสนใจว่าแกคิดอะไร
เลยต่อแถว(ยาวเหยียด)ซื้อมา เวลาถืออ่านบนรถไฟฟ้าก็กะว่าจะหันปกออกให้คนอื่นเห็นว่าเรานี่หล่อฉิบหายด้วยนะ
เธอเขาเราผม
นี่เราซื้อรวมบทความจากนิตยสารรายสัปดาห์ตั้งสองเล่มเลยเหรอเนี่ย
คืองี้ เหมือนเดิม เห็นชื่อโตมรก็ซื้อแล้ว แล้วก็รู้สึกผิดตอนเขียนบล็อกนี่อีกที
ว่าแม่งเป็นพฤติกรรมที่คนเขียนเองก็คงไม่ชอบหรอกว่ะ
เฮ้ย จะอ่านจะสนใจก็สนใจที่งานกูสิ อย่ามาอ่านเพราะชื่อกู
แต่คนอ่านก็งี้แหละครับ ขี้เหม็น คุณดันทำผลงานดีๆ ออกมาทำไม คนเขาก็เชื่อ ก็ศรัทธาคุณสิ
จบ