ที่ได้แต่มองเธอข้างเดียวนี่ ไม่ใช่อะไร เพราะฉันตาบอดไปข้างนึง
เหตุการณ์ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ หลังจากตาบวมไปข้างนึงก็พบว่ามันอักเสบ อีอาการอักเสบแบบนี้เราสรุปง่ายๆ และให้ภาพลักษณ์ออกมาอย่างน่าอับอายว่า “เป็นตากุ้งยิง”
ขอโทษนะ ที่จริงกุ้งไม่ได้ยิงหรอก ลูกสาวกูนี่แหละยิง เต็มเบ้าตาเลย
แต่พออ่านเพิ่มเติมก็พบว่าเมื่อตามันโดนทำร้ายจนอ่อนแอแล้วมึงไม่รู้จักพักผ่อน เอาเวลามาเปิดคอม ตอบเมลลูกค้า รวมทั้งเขียนบล็อก (อุ้ย) และเขียนต้นฉบับสนองนี้ดคุณ บ.ก.ที่เริ่มทวงยิกๆ แล้ว (อุ้ยยยย) นั่นเอง
สายตาจึงอ่อนล้าหนักขึ้น จนพ่ายแพ้แก่แบคทีเรียที่เหิมเกริมสำแดงพลังบุกยึดอาณาเขตบริเวณต่อมน้ำตาพอดี ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่าไปแอบดูน้องนางแบบจริงๆ ด้วย
เมื่อบอกเมียไปดังนั้น เมียผู้แสนดีก็เลยออกไปร้านขายยา และจัดสำรับใหญ่มาให้ มีทั้งยาหยอดตา ขี้ผึ้งป้ายตา ยากินแก้ปวดลดไข้ และยาปฏิชีวนะอีกสองแผง จัดเต็มแบบต้องมานั่งท่องกำหนดการประจำวันกันเลยว่าอันไหนกินตอนไหน ก่อนอาหารหรือหลังอาหาร
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีอุปกรณ์ปิดตามาให้ด้วยหนึ่งปึก หน้าตาเหมือนพลาสเตอร์ปิดแผลตราเสือ แต่ตัดแต่งเล็มขอบมาขนาดพอดีเบ้าตา คือเป็นพลาสเตอร์เวอร์ชันตา พอแปะปั๊บ ส่องกระจกดู อย่างเหี้ยครับ (ภาพวาดด้านบนนั่นคือที่เห็นในกระจกนะครับ เพราะผมเองไม่เคยเห็นหน้าตัวเองจริงๆ เห็นแต่ในกระจก เลยวาดออกมาสลับข้างกับความเป็นจริง)
วันนี้เลยเป็นวันที่โดนเมียสั่งว่า จงนอน เปิดคอมให้น้อยที่สุด แต่ลูกค้าก็ต้องตอบนะ เช็กตังค์ร้านโอนเข้าโอนออกก็ต้องเช็กนะ ทำแบบให้ลูกค้าก็ต้องทำนะ แต่ต้องนอนนะ เปิดคอมให้น้อยที่สุดนะ แต่งานก็ต้องทำนะ…
นี่เมียไม่รู้อย่างเดียวว่ามีแอบเขียนบล็อกด้วย ไม่งั้นโดนด่าแน่
ความสนุกมันเริ่มขึ้นก็ตอนที่ปิดตาข้างนึงนี่แหละครับ วันนี้ทั้งวันเลยใช้ชีวิตอยู่ด้วยทัศนวิสัย 50% มาตลอด
ก็เลยได้เรียนรู้ว่า การปิดตาขวานั้นไม่ใช่แค่ทำให้ฝั่งขวามองไม่เห็นอะไรเท่านั้น แต่ยังทำให้ “การรับรู้มิติ” สูญเสียไปโดยสิ้นเชิง
เพราะปกติเวลาเรามองอะไรจากสองตา ภาพที่เห็นจะมีการเหลื่อมกันเล็กน้อยทำให้สมองกะความตื้นลึก และระยะทางได้ แต่เราไม่ต้องไปรู้มันหรอกครับ เอาเป็นว่าตั้งแต่เกิดมามีสองตาเนี่ย เราก็ไม่ได้โง่ไปเดินชนอะไรบ่อยๆ
แต่พอเหลือตาเดียว โลกทั้งโลกก็แบนราบ ทุกอย่างเป็นเพียงภาพที่เห็นจากจอทีวี 2 มิติ คือไม่เหลือความลึกให้สมองได้รับรู้
อย่างยุงบินมานี่ จ้างร้อยนึงก็ตบไม่ถูก เพราะเราไม่รู้ไงว่ามันอยู่ห่างจากเราแค่ไหน จะอาศัยการกะระยะทางจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ยังไม่ช่วยให้ตบโดน แค้นมาก รู้สึกแพ้มาก เห็นยุงผ่านหน้าทีไรเหมือนมันเย้ยหยันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เราทุกครั้ง (หรือจะเป็นสัญชาตญาณที่ได้มาแบกกับการสูญเสียการมองเห็นวะ)
หรือตอนที่เมียใช้ให้หยิบนั่นนี่บนโต๊ะกินข้าวส่งให้นี่ก็แขนเหวี่ยงไปชนนั่นนี่ ล้มต่อเนื่องกันถึง 3 ครั้ง คือเหวี่ยงโดน หล่น เก็บขึ้นมาวาง แล้วเหวี่ยงอีก หล่นอีก เก็บอีก เหวี่ยงอีก หล่นอีก จนเมียสงสัยว่ามึงประชดหรือเปล่า
ที่น่ากลัวที่สุดคือการขับรถ อ่านเจอคำเตือนจากหมอสารพัดเลยครับว่าห้ามเลยนะ อีพวกตาเดียวเนี่ย มึงนั่งเฉยๆ เลยนะ อันตรายมากๆ เพราะนี่ไม่ใช่แค่มองรถหรืออะไรที่โผล่มาจากฝั่งขวาไม่เห็นเท่านั้น แต่การที่มีตาเดียวแล้วกะระยะไม่ถูกนั่นแหละที่อันตรายจนห้ามขับ ห้ามขี่ ถ้ามีแฟนคลับก็ให้แฟนขับไป
ฉะนั้นการออกไปกินข้าวเย็นและซื้อของที่บิ๊กซีวันนี้ ก็เลยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบปีได้มั้ง ที่ผมนั่งอยู่เฉยๆ เล่นกับลูก และดูเมียขับรถ (ซึ่งเจ๊ก็ขับโหดเหมือนเดิม จนอยากรีบๆ หายซะเดี๋ยวนี้เลย เสียวได้ลงข่าวหน้าหนึ่ง)
ถ้านับรวมถึงการได้นอนไปเมื่อตอนบ่ายหน่อยนึงด้วยข้ออ้างที่ว่าร่างกายกำลังอ่อนแอ ควรฟื้นะลัง นี่ก็พอสรุปได้ว่าการไม่สบายมันก็สบายดีนะ เพียงแค่อย่าบ่อย อย่านานเท่านั้นเอง เข้าใจคนมีปัญหาด้านการมองเห็นแล้วครับว่าการใช้ชีวิตของคุณยากไม่เบาเลย
นี่ก็เพิ่งป้ายตาไปอีกปื้ด หวังว่ากุ้งมันจะหายยิงเร็วๆ
หายแล้วจะได้ปั่นต้นฉบับให้ บ.ก. ไง
ป.ล.
เขียนมาทั้งหมดนี่เพื่อเป็นข้ออ้างสำหรับบรรทัดสุดท้าย
_______
เขียนเพิ่ม หมอเถื่อนเพื่อนผมบอกว่า
– มันเป็นต่อมไขมันนะไม่ใช่ต่อมน้ำตา
– ตากุ้งยิงไม่ต้องปิดตานะ ใช้ประคบร้อนเอา