อ่านความเห็นของคุณคนนี้ที่มีต่อสมศักดิ์เจียม (ไม่รู้จักนะ เห็นเขาแชร์ๆ กันมาเลยกดอ่าน หาต้นตอไม่เจอแล้วว่ามาจากไหน) คุณคนนี้ได้โพสต์แสดงความเห็นต่อสมเจียม โดยก่อนหน้านี้สมเจียมได้โพสต์แสดงความเห็นต่อโฆษณาเรื่องการยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงหนัง ที่ชาวเน็ตได้แสดงความเห็นต่อโฆษณานี้กันอย่างกว้างขวาง ชมบ้างด่าบ้าง (ทำไม refer หลายชั้นจัง)
สำหรับผมนั้นเฉยๆ ค่อนไปในทางไม่ชอบครับ โฆษณามันยาวยืดไป ที่จริงตัดต่อให้กระชับและ impact ได้มากกว่านี้เยอะ พอดูจบแล้วก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าการที่คนที่ไม่จะไม่ยืนในโรงหนังเพราะอะไร ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ที่จะเอามีดไปจี้กันให้ทำตามซะหน่อย เพราะตอนนี้คนรุ่นใหม่ๆ (ต่ำกว่า 30 ขวบ) ในบ้านเราส่วนใหญ่ก็รู้จักในหลวงผ่านตำนานและคำบอกเล่ากันทั้งนั้น ถ้าเขาไม่เชื่อ นั่นก็คงเพราะวิธีสื่อสารมันยังไปไม่ถึง หรือโลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นต่างจากคนที่เชื่อก็ได้… ทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่เรื่องทัศนคติ
ในยุคที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ทัศนคติ บรรทัดถัดจากนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทัศนคติ
เกิดมาเป็นคนเพชรบุรีก็ดีอย่าง
เวลามีคนเถียงกันว่าในหลวงนั้นเป็น “ของจริง” หรือเปล่า เจ๋งจริงอย่างที่เห็นในสารคดีแกล้มเสียงดนตรีไทยน่าเบื่อๆ ที่โรงเรียนเปิดให้ดูบ่อยๆ ไหม หรือเราโดนข่าวสองทุ่มกล่อมมาตลอด
อยากพิสูจน์ใช่ไหม มา เราพาทัวร์ได้เลย
เอาใกล้บ้านหน่อยก็หุบกะพง ห้วยตะแปด ห้วยทราย แหลมผักเบี้ย ดอนขุนห้วย และล่าสุดคือโครงการชั่งหัวมัน
นี่แค่โครงการที่เรานึกออกทันทีนะ ที่จริงมีแบบอินดี้ๆ ที่ไม่ได้พีอาร์อีกเพียบ หลายแห่งก็เพิ่งมารู้ตอนหลังว่า อ้าว นี่ก็ของในหลวงเหรอ
จะว่าไป แค่โครงการที่นึกออกข้างบนนี่ ถึงจะพาไปทัวร์ดูของจริงยังสถานที่จริงแบบผ่านๆ ได้หมดคงต้องใช้เวลาสามวันสามคืนแหละ
แต่ไปผ่านๆ ก็คงรู้จักแค่ผิวๆ ถ้าจะไป “พิสูจน์” กันจริงๆ (แบบที่พี่ป๋องพาทีมงานเดอะช็อกไปบ้านร้าง)เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็คงต้องศึกษาข้อมูลล่วงหน้ากันหน่อย ว่าโครงการนี้ๆ คอนเซปต์คืออะไร สมัยนั้นเป็นยังไง ปัญหาในยุค “บีฟอร์” คืออะไร ในหลวงคิดอะไร ทำอะไร แล้วผล “อาฟเตอร์” ออกมาเป็นยังไง
โดยเฉพาะโครงการที่ผมยกให้เป็นสุดยอดแล็บวิทย์ในตำนานอย่างแหลมผักเบี้ยนี่ ได้เห็นตั้งแต่สมัยยังเด็กมากๆ ที่ยังเป็นช่วงบีฟอร์ มาจนเห็นผลประจักษ์ตาว่าอลังการขนาดไหน หรืออย่างหุบกะพงที่พ่อเคยพาตะลอนๆ ไปดูของจริงตั้งแต่ยังเด็กๆ เทียบกับสมัยนี้แล้ว …เรียกว่าสิ้นสงสัยแบบไม่ต้องดูผ่านข่าวสองทุ่มที่ผู้ประกาศจะต้องนั่งหลังตรงและรายงานกระดกลิ้นชัดถ้อยชัดคำอีกเลย
ตอนนี้โปรเจกต์ล่าสุดของในหลวงอย่าง “ชั่งหัวมัน” ที่กำลังผ่านช่วงบีฟอร์มาแล้ว คือทุกอย่างลงตัวแล้ว เปลี่ยนไปจากทะเลทรายตอนแรกแบบผิดหูผิดตา ภาพที่แปะไว้ข้างบนนี่ ผมถ่ายตอนที่เพิ่งพาแม่ไปดูโครงการอีกรอบหลังจากที่แม่เคยไปเองในสมัยที่เขากำลังเริ่มไถหว่านกัน ที่ชั่งหัวมันนี่เหล่าญาติโยมที่บ้านผมจะชอบกันมาก เพราะได้ไปช่วยเขาบุกเบิกโครงการนี้ตั้งแต่ตอนที่ยังต้องบุกป่าฝ่าดง เดินทางเข้าไปในพื้นที่ด้วยถนนที่เห็นสภาพแล้วอย่าเรียกว่าถนนเลยดีกว่า นั่งรถทีไส้สะเทือน …อ้อ แม่ถ่ายรูปโรงนาแห่งแรกๆ แล้วอัดขยายใส่กรอบติดฝาบ้านไว้ด้วยแหละ (ไม่เห็นจะสวยเลย แต่ได้ความเอ็กซ์คลูซีฟ)
ถ้าจะมีสิ่งที่ผมจะสงสัยเกี่ยวกับในหลวง ก็คงสงสัยเรื่องที่ว่า ขนาดท่านแก่แล้วและสุขภาพไม่ค่อยดีแบบนี้ ยังมีพลังเยอะขนาดที่คิดโปรเจกต์ชั่งหัวมัน รวมถึงไปติดตามผลการทดลองบ่อยๆ ขนาดนี้ได้ยังไง (และนั่งรถเข้าไปที่ site ยังไงไม่ให้ไส้สะเทือน)
ผมไม่ใช่คนประเภทที่เห็นในหลวงเสด็จผ่านแล้วซาบซึ้งน้ำตาไหลโบกธง ไม่ได้เห็นในหลวงเป็นเทพเทวดาของศาสนาที่เหนือมนุษย์จนจับต้องไม่ได้ วันที่ใครๆ ใส่เสื้อสีเหลืองกันก็ไม่ได้ซื้อใส่ นี่เขียนบล็อกเรื่องในหลวงก็ใช้ราชาศัพท์ไม่ถูก ขนาดคำว่าไส้สะเทือนยังนึกไม่ออกเลยว่าเขาเรียกไส้ว่าอะไร (ทำไมไม่กูเกิล)
แต่การได้เกิดที่เพชรบุรี ได้มีโอกาสได้เห็นของจริงมาตั้งแต่เด็กจนโตนั้น ก็ถือว่าโชคดี ที่เวลาคนที่มีทัศนคติต่างๆ นานา มาทุ่มเถียงกันบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ผ่านจินตนาการ เราก็จะอ่านแล้วยิ้ม