เคยได้ยินมานานว่า “ห้ามต้มไข่ในเตาไมโครเวฟ เพราะมันจะระเบิด”
ด้วยความไม่เคยต้องสงสัยอะไร ก็เลยไม่ต้ม เอาจริงๆ คือไม่ได้ชอบกินไข่ต้มเป็นพิเศษอยู่แล้ว ตอกดิบๆ ใส่ใส่มาม่า แล้วโยนลงไปในเตายังจะถนัดกว่า ประสาคนขี้เกียจแม้แต่จะจุดเตาแก๊ส
แต่วันนี้ลูกสาวบอกว่าอยากกิน (พ่อทำไข่น้ำให้เอาไหม — ไม่เอา ทานจะกินไข่ต้ม)
ส่วนเมียก็ยุ่งอยู่ชั้นบน ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า #พ่อบ้านใจกล้า จากทั่วโลกคงเคยเจอสถานการณ์บีบบังคับนี้มาบ้างแหละ ก็เลยเปิดตู้เย็น และปรึกษากูเกิล ได้คำตอบมาประมาณนี้
- อย่านะครับ ของผมนี่ระเบิดตูม ฝาหน้าไมโครเวฟหลุดกระจายมาแล้ว
- ไม่ได้ยากอะไรหรอก แต่ต้องจ้องดีๆ ถ้ามันทำท่าจะระเบิด ให้รีบกดปิดทันที (แม่งใครจะไปกล้าจ้องวะ)
- ของเราใส่น้ำให้ท่วมไข่ แต่พอทำออกมาแล้วตอกดู มันมาระเบิดข้างนอก เต็มหน้าเลย ร้อนมาก
- เคยมีเคสที่ต่างประเทศ การระเบิดของไข่นี่แหละทำให้คนที่ทำเกือบตาบอด เพราะเปลือกไข่ร้อนๆ ที่พุ่งเข้ามาแรงๆ มันคือสะเก็ดระเบิดดีๆ นี่เอง
- ฯลฯ
เหี้ยแล้วไหมล่ะ กำลังใจแต่ละอย่างมาเต็ม
แต่กระนั้นก็ต้องมีคนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว ผมเลยทำเป็นลืมข้อมูลเชิงลบจากพวกนู้บข้างบน แล้วหาข้อมูลจนสรุปออกมาได้วิธีการดังนี้
- เทน้ำใส่ถ้วยในปริมาณเยอะพอที่จะท่วมเหนือไข่สัก 1 นิ้ว (ไข่ไก่นะไม่ใช่อัณฑะ …ถ้าอัณฑะนี่ สูงขึ้นมา 1 นิ้วก็คงอยู่กลางดงหมอย) เอาไปต้มให้ร้อนก่อน นี่ถามจริงๆ ว่าแกจะให้ต้มทำไมในเมื่อนี่คือหลักสูตรการใช้ไมโครเวฟ งี้ถ้ารักจะต้มกิน แค่เอาไข่โยนลงไปด้วยก็จบแล้วเนอะ อีบ้า (ดังนั้นผมเลยเอาน้ำเปล่าไปเวฟ 1.30 นาที ได้น้ำอุ่นค่อนข้างร้อน
- โยนไข่ลงไปแล้วตรวจสภาพ ต้องแน่ใจว่าน้ำท่วมไข่นะ ถ้าไข่ลอยห้ามดื้อดึงทำต่อ ระเบิดแน่ คือต้องจมน้ำเท่านั้น (แนะนำแบบคนที่ไม่เคยทำอ่านแล้วเสียวมาก) แช่ไว้ประมาณ 2 นาที (ทำไมนาน)
- เสร็จแล้วลากทุกอย่างไปเข้าเตาไมโครเวฟ เลือกความร้อนสูงสุด 5 นาทีสำหรับไข่ยางมะตูม และ 7 นาทีสำหรับไข่สุก
- เมื่อได้ยินเสียงติ๊ด (บางบ้านก็ปี๊บ บางบ้านก็นิ้งหน่อง แต่นั่นใช่เรื่องที่จะใส่ใจไหม ก็ไม่นะ) ให้เอาออกมาแช่น้ำเย็นด้วย ไม่งั้นระเบิดใส่หน้า (มีการขู่ปิดท้ายอีก สัสเอ๊ย)
อีกแหล่งข้อมูลนึงบอกว่า ไม่เห็นยากเลย ใส่เกลือลงไปในน้ำ 1 ช้อนชา (ไม่ได้บอกปริมาตรน้ำ) แล้วเวฟตามปกติ โซเดียมในเกลือจะทำให้การสั่นเทิ้มของแอมปลิจูดส้มตำอะไรสักอย่างที่เป็นภาษาวิชาการสารประกอบทางเคมี อันนี้ผมอ่านข้ามไปอย่างไม่ไยดี สรุปว่ามึงใส่เกลือก็พอ
ด้วยความเป็นมือใหม่ เลยเอาสองวิธีมาปนกันแม่งเลย และไหนๆ ก็ขอทดลองทีเดียว 3 ฟองดังนี้
ขอแนะนำตัวละครทั้งสาม: ไพโรจน์ผู้เป็นไข่เบอร์ 0 ส่วนฉวีวรรณและอุไรรัตน์ เธอเป็นไข่เบอร์ 4 ที่ซื้อมาหลังสงกรานต์จากแผงหน้าร้าน CP (เขาลดราคาเธอทั้งสองเหลือแค่กระบะละ 69 บาท ก็ตกฟองละ 2 บาทนิดๆ เอง)
ทีแรกจะลองแค่ 2 ฟอง คือไพโรจน์กับฉวีวรรณ แต่พอแช่น้ำร้อนไปได้สัก 30 วินาที ก็สังเกตพบปัญหาคือ ฉวีวรรณเธอมีฟองพรายผุดออกมา เอ๊ะ ไข่รั่ว หรือมีรอยร้าว หรือเธอต้องการเรียกร้องความสนใจกันแน่ ผมเลยไปเปิดตู้เย็น เรียกอุไรรัตน์ลงมาออนเซ็นอีกฟอง
ก็นั่นแหละครับ ด้วยความป๊อด ผมเลยทำทุกวิธีทางที่กูรูแนะนำมา คือใส่เกลือด้วย ต้มน้ำร้อนก่อนด้วย แล้วค่อยเอาไปเวฟด้วยใจระทึก ระหว่างนี้ก็บอกลูกสาวให้ไปหลบหลังบังเกอร์ แล้วอีพ่อมาเกาะดูห่างๆ อย่างห่วงๆ เหงื่อเริ่มซึมตามง่ามนิ้วมือ อ้อ ผมตั้งเวลาไว้ 4 นาทีเท่านั้นเอง กะว่าถ้าระเบิดตูมขึ้นมา ลูกจะได้ปลอดภัย พรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียนวันแรกด้วย (อีพ่อก็คาดว่าอีหวีวรรณมึงตูมแน่ แววมึงมาตั้งแต่แช่นำ้แล้ว)
หลังจากนาฬิกาเดินผ่านไปอย่างเยือกเย็น ในที่สุดก็ครบ 4 นาทีแห่งความทรมาน ผมเชิญทั้ง 3 ออกมาจากห้องเซาน่า แล้วตรวจดูสภาพ
นั่นไง อีหวี ปริเชียวนะแก นี่แกเตรียมเปลี่ยนเป็นร่างสามแล้วสิ!
เอ้า ย้ายลงไปแช่น้ำก๊อกธรรมดา (นี่ก็เพราะความป๊อด เขาบอกอะไรมานิดๆ หน่อยๆ ก็เชื่อหมด อารมณ์คนมีญาติเป็นมะเร็งแล้วโดนหมอผีหลอกให้กินยาหม้อ) เสร็จแล้วจัดการใช้มีดผ่าออกมาดูผลการทดลองเลยทั้งสามฟอง
ไพโรจน์: สุกสนิท แบบนี้เหมือนไข่ต้มเซเว่น ซึ่งโอเค นั่นแสดงว่าการแช่น้ำร้อน 2 นาทีแรก ทำให้แกสุกจนเวลดัน
อุไรรัตน์: เป็นไข่ยางมะตูมพอดี!!! ยูเรก้า!!! นิทานชอบกินเยิ้มๆ แบบนี้เลย แล้วเซเว่นนะ แม่งขายแพงมาก ทั้งที่ทำเองได้ แค่เสี่ยงระเบิดนิดเดียวเอง งั้นนิทานรอพ่อแป๊บนะ ขอถ่ายมาโซเชียลก่อน
ขอดูอุไรรัตน์อีกมุมนึง อื้อหือ เซ็กซี่สุดๆ!
ส่วนฉวีวรรณที่น่าเป็นห่วง ผมเอามาเคาะๆ ถอดเสื้อผ้าดู ก็พบว่ามีความสุกประมาณไพโรจน์ (เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อนเหมือนกัน) ซึ่งแสดงว่าการที่ไข่มีฟองอากาศตั้งแต่แรกนั้นไม่ได้มีผลอะไรนัก สบายใจ ไม่ใช่ไข่เน่าอย่างที่คิด (เพราะมันจมน้ำด้วยแหละ)
แต่ไม่ทันได้ถ่าย เพราะนิทานทนหิวไม่ไหว เลยคว้าไปกิน …ก็พ่อมัวแต่เล่นอยู่ได้
.
สรุปผลการทดลอง: โลกโซเชียลทำให้เสียเวลาทำมาหากิน