คิดถึงวิเคราะห์แยกแยะ

ขอบคุณภาพจาก www.gth.co.th

บล็อกตอนนี้นี่คงเป็นเอฟเฟกต์จากคิดถึงวิทยาที่เพิ่งดูเมื่อเย็น รู้สึกว่าต้องจดอะไรไว้หน่อย

ตั้งกะมีลูกนี่ ปีนึงจะมีโอกาสได้ดูหนังแค่ไม่กี่เรื่อง เราจึงเลือกเรื่องที่ต้องระเบิดภูเขาเผากระท่อมสุดๆ เอาให้แบบค่าตั๋วเราไปจุนเจือค่าทำเอฟเฟกต์ของเขา หรือไม่ก็ต้องเป็นเรื่องที่สนุกจริงๆ แบบที่คาด (และนั่นทำให้ไม่เคยดูหนังแล้วผิดหวังเลยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา)

นี่ยิ่งได้ข่าวมาเลาๆ ว่าคิดถึงวิทยานั้นเป็นหนังแนวฟีลกู๊ด เห็นลายเซ็น GTH ชัดเจ๊นชัดเจน (คืออีคนเขียนนี่ออกจะวิจารณ์เชิงเหยียดๆ นิดนึงน่ะนะ) แต่ก็ช่างแม่งไง เราคาดหวังอยู่แล้วว่าถ้าเห็นตัวอย่างแบบนี้ การประชาสัมพันธ์แนวนี้ และคนเห็นยี่ห้อ GTH แล้วเบะปากแบบนี้ ข้าพเจ้าและเมียจะได้ดูหนังแบบที่เขาว่าอย่างแน่นอน ซึ่งดีไง อยากดูแนวนี้ 55555

อีกทั้งเมียวางแผนฝากลูกไว้กับแม่ยายเรียบร้อยแล้ว เราจึงไปดูกัน และฟินกลับมาบ้านทั้งคู่

ไม่รู้เมียจะฟินกับอะไร ภาพสวย เรื่องซึ้ง นางเอกเก่ง โรงเรียนเจ๋ง ฯลฯ (แต่พระเอกหล่อนี่ไม่ได้ยินจากปากนะ แสดงว่าอีบี้นี่เฉยๆ จริงๆ) แต่ผมฟินกับสามอย่าง ได้แก่ 1.น้ำเขื่อน 2.สมุดบันทึก 3.สะดือพลอย

1.น้ำเขื่อน

ผมเป็นมนุษย์น้ำเขื่อน ผมยินดีรับคำชวน และยินดีชวนญาติมิตรทุกท่าน ไปเที่ยวเขื่อน เที่ยวแพกัน เพราะผมถูกชะตากับมันมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ให้โดดน้ำแช่น้ำเล่นสามวันติดกันก็ยังไหว (ไม่ใช่แบบขึ้นอืดนะ) นั่นเป็นเพราะค้นพบตัวเองแล้วว่าเราเลิฟเขื่อนมาก แต่ที่หลังๆ ไม่ค่อยได้โดด แม้กระทั่งครั้งล่าสุดที่เพิ่งไปเขื่อนวชิราลงกรณ์มากับเพื่อนแก๊งโรงเรียนมัธยม ก็พบว่าเราใช้ชีวิตอยู่ในน้ำไม่นานเลย นั่นเพราะเพื่อนแม่งไม่เน้นลงน้ำกัน ไอ้เราจะลงอยู่คนเดียวก็สงสารเมียต้องคอยจับลูกสาว เลยไม่ได้แช่นานอย่างที่ใจหวัง

เมื่อไหร่แก๊งฟร้อนจะนัดมีตติ้งเขื่อนกันอีกวะ เดี๋ยวเมียตูท้องโตกว่านี้แล้วไปยากนะโว้ย

.

2.สมุดบันทึก

กลับมาบ้านรีบโดดเข้าหาสมุดบันทึก และเขียนเล่านั่นนี่อีกทีเหมือนอย่างที่ตั้งใจว่าจะทำเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ทำ (บันทึกครั้งล่าสุดคือช่วงสิ้นเดือนมกราคม!) แต่คราวนี้ต่างจากคราวก่อนตรงที่พอเขียนบันทึกทีไรก็จะเห็นหน้าพลอยยิ้ม มีฉากหลังเป็นภูเขา เมฆหมอกสวยงาม (ทั้งที่จริงบ้านอยู่ลาดปลาเค้า) จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือเนื้อหาง่ายๆ กากๆ แบบที่ตัวละครในหนังเขียนเล่าลงในสมุดนั่นมันมีค่ามาก ยิ่งดูยิ่งคิดถึงการเขียนและย้อนกลับมาอ่าน จนอยากโดดออกจากโรงมาเขียนบันทึกสักห้านาที แล้วค่อยกลับเข้าไปดูใหม่ (ให้พนักงาน pause ไว้ก่อน) นี่คือขอบคุณทุกท่านที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไง แต่เห็นเลยว่าขับพลังของการเขียนบันทึกด้วยปากกากระดาษออกมาได้อย่างสุดติ่งจริงๆ เลยพี่เอ๊ย

และจุดเปลี่ยนที่สำคัญกว่านั้นคือเรามีลูกที่กำลังเข้าสู่วัยที่มีเรื่องให้ฮาทุกวัน มีเรื่องที่อยากเล่าให้ตัวเองและลูกในอนาคตอ่านมากมาย แบบที่ไม่จำเป็นต้องเอามาแชร์ เอามาโซเชียลให้คนอื่นอ่าน (ซึ่งบางทีมันคือการสร้างภาพไง มันไม่เป็นเรา) เลยสัญญาครั้งที่ร้อยว่าคราวนี้เราจะเขียนบันทึกออฟไลน์ไว้อ่านเองอย่างรื่นเริงอีกครั้ง และคงเป็นการสัญญาครั้งแรกว่าต่อไปจะสะสมอะไรที่เอาไว้อ่านเองเยอะๆ จึงน่าจะผละออกจากการเสพติดโลกออนไลน์ให้ได้ในระดับหนึ่ง

แถมสมุดบันทึกนี่ก็ดันเป็นสิ่งที่ตัดขาดความเป็นพิธีรีตรองของการเขียนบล็อก หรือแม้แต่การทวีตก็ยังสู้ไม่ได้ คือมึงเขียนๆ ไป แล้วอยากวาดขึ้นมา เอ้าวาดสิ กลัวอะไร ปากกาด้ามเดิมนั่นแหละ วาดเลย! อยากเปลี่ยนขนาดฟอนต์เหรอ มึงก็เขียนตัวโตๆ สิวะ ง่ายยังกะแมวน้ำ

ดังนั้นตอนนี้ไฟในการเขียนบันทึกของเราจึงเต็มปรี่ นี่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเขียนทุกวัน 5555

.

3.สะดือพลอย
ไม่เล่าละกัน ที่จริงเห็นความวับๆ แวมๆ ของเพื่อนนางเอกอีกอย่างประปราย แค่นั้นก็พอแล้ว แฮก แฮก แฮก

.

ป.ล. บล็อกเมื่อวานประทับใจคอมเมนต์มาก ขอจับภาพไว้เลย
long-john