(ไม่สปอยล์ / ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบ เม้นด่าได้ครับ)
จำได้ว่าผมแทบไม่ได้เขียนบล็อกที่พูดถึงหนังที่ดูเลย ส่วนมากจะทวีตสั้นๆ แค่ สนุกดี จบ หรืองั้นๆ จบ เพราะผมไม่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ รู้แค่ว่าหนังสนุกมันก็สนุก หนังเหี้ยมันก็เหี้ย มีเท่านั้นเอง
แต่กับหนังของผู้กำกับคนนี้ ที่ทำออกมากี่เรื่อง ก็จะออกมาแบบก้ำกึ่งเสมอ คือจะมีคนชอบครึ่งนึง อีกครึ่งนึงด่าเสียหมา แถมผู้กำกับก็ดันไปมีดราม่าปะทะชาวโซเชียลใหญ่โตก่อนหนังลงโรงซะยังงั้น
ผมขอไม่พูดถึงดราม่าที่ว่าละกัน เพราะไม่เกี่ยวอะไรกับหนัง จะเกี่ยวก็ตรงที่พอเขาฉายรอบสื่อปั๊บ เราก็ได้เห็นคำวิจารณ์ในไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ ที่ออกมาสวิงแบบขาว(เกือบ)จัด และดำจัดสุดๆ คือฝั่งที่ด่าก็ด่าพินาศ ฝั่งที่ชอบก็ชอบไป แต่เรื่องนี้เห็นเลยว่าฝั่งด่านี่เสียงดังกว่าเย้อะ
แต่ผมเพิ่งดูจบตะกี้ เดินออกมาจากโรงแล้วก็พบว่า “เออ เราอยู่ฝั่งที่ชอบว่ะ”
เอาเหตุผลที่ชอบก่อน
ก็นั่นล่ะครับ โอเคนะ เข้าใจกันนะ
คืองี้ การจะบอกว่าเรื่องนี้มันดีไม่ดี ชอบไม่ชอบเนี่ย แม่งยาก 5555 เพราะว่า “หนังยุทธเลิศ” มันเป็นหนังแบบที่ต้องทำใจก่อนเข้ามาดู
เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งรู้สึกแบบ “อ้าว มันเป็นภาระของคนดูอย่างกูไหม ที่จะต้องทำใจในการดูหนังสักเรื่อง กูเสียตังค์นะ ฯลฯ” สิ
ก่อนอื่น เวลาเราไปดูสตาร์วอร์ส เราต้องจูนทัศนคติของตัวเองก่อนไหมว่าเราจะดูสตาร์วอร์ส เช่นเดียวกับหนังจิบลิ หนังพี่เจ้ย หนังพี่เก้ง (ใครดูบุปผาฯ แล้วอ่านถึงตรงนี้ น่าจะฮา) หนังพจน์อานนท์ หรือหนังฝรั่งก็ได้ อย่างพวกหนังไมเคิลเบย์ หนังเควนติน หนังโนแลน หนังตั้งกล้อง หนังทุนต่ำ หนังคัลต์ หนังมาร์เวล หนังดีซี หนังเพลง หนังดิสนีย์ หนังจีทีเอช (ที่ตอนนี้ชื่อค่ายว่าอะไรไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว) หรือหนังคานส์ต่างๆ ฯลฯลฯลฯ
แต่ละอย่างมันก็เป็นอาหารคนละแบบ คนละรสชาติกันใช่มะ คนที่เดินเข้าไปร้านอาหารอินโด เจออาหารอินโด ก็ต้องกินอาหารอินโดใช่มะ จะไปกินแล้วออกมาบอกว่า แม่งรสชาติยังกะแกงไตปลาที่ใส่กระชายลงไป อี๋ แหวะๆๆๆ แบบนี้ แล้วมาบอกว่าคนอื่นอย่าไปกินนะ ไม่อร่อยอย่างแรง กินแกงไตปลาไปเลยดีกว่า ไรงี้
มันก็ไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ไง ดังนั้นเปิดใจเปิดกบาลนิดนึงนะ
อย่าง “บุปผาราตรี” ก็เป็นอาหารประเภทหนึ่งเหมือนกัน มีคนชอบ มีคนไม่ชอบ มีคนชอบบางภาค หรือรังเกียจบางประการ นั่นก็ว่าไป แล้วแต่จริตของใครต่อใคร
เพราะหนังยุทธเลิศก็มีขึ้นมีลง มีดีมีกาก น้ำขึ้นน้ำลงตามเหตุปัจจัยต่างๆ ทั้งทุนสร้าง ทัศนคติ อีโก้ ความหยิ่งผยองของผู้กำกับเอง
ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบหนังที่มีคนชมครึ่งนึง คนด่าอีกครึ่ง ถ้าหนังเรื่องไหนที่กระแสมาแบบก้ำกึ่งแบบนี้ มันจะมีเสน่ห์เฉยเลย ก็จะอยากดูมากกว่าแบบที่ชมอย่างเดียวจนเราคาดหวังฉิบหาย แล้วพอไปดูเลยผิดหวังออกมา อย่างหนังฮีโร่ตีกันเรื่องล่าสุดนี่ไง 5555555
เข้าเรื่องตัวหนังซะทีนะ
บุปผาอาริกาโตะ เป็นเหมือนเล่าเรื่องในจักรวาลเดียวกันกับบุปผาราตรี แต่ก็สามารถดูได้โดยไม่ต้องเคยดูบุปผาราตรีมาก่อน (พูดให้นึกออกง่ายๆ คือเรื่อง MAD MAX งี้ ที่ไม่ต้องรู้มาก่อนก็ได้ว่ามีภาคก่อน)
ว่าด้วยแก๊งแฟนฉันตอนโต นำโดยแน็คและแจ๊ค (ที่ต่างก็ใช้ชื่อจริงกันทั้งคู่ และปูพื้นตัวละครแบบถ้าเก็ตและไม่อคติกับความปากจัดของนักแสดงและบทที่ส่งมา ก็จะขำ — นะ เราขำ) ที่ไปถ่ายทำมิวสิกวิดีโออินดี้ของตัวเองที่เมืองสกีในญี่ปุ่น แล้วก็ไปพักที่บ้านเช่าชื่อ “ออสก้าร์ ลอดจ์” (ชื่อเดียวกะอพาร์ตเมนต์ในตำนานในบุปผาราตรี)
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนนึงโผล่มา (นั่นแหละ น้องเก้า) แล้วความโรแมนติกก็เริ่มขึ้น ซึ่งเราจะไม่เล่า เพราะกลัวสปอยล์
แต่จะเล่าว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านออสก้าร์เนี่ย มันเป็นบ้านผีสิงเว้ย ตามที่เห็นในหนังตัวอย่างเลยว่าในบ้านมีผีกิโมโนถือมีด แล้วก็ผีเด็กหน้าขาวนั่นแหละ เป็นแม่ลูกกัน เอาเป็นว่ามันคือบ้านผีสิงละกัน แล้วก็มีความพยายามของเจ้าของบ้านเช่า (นาวินต้าร์ ในเรื่องชื่อเน) ที่พยายามไปหาหมอผีสารพัดชนิดมาไล่ผี แล้วก็เสร็จผีไปซะทุกราย ตามสูตรการ์ตูนเล่มละบาทของบุปผาราตรีไง ส่วนปมของเรื่องจะผูกจะคลายจะดำเนินยังไง ก็ไปตามกันเอาเอง
แต่หนังคลายปมได้หมดนะครับ ดูแล้วไม่สงสัยค้างคา ปิดคดีทุกดราม่า และขยายจักรวาลใหม่ของบุปผาฯ (ที่ไม่รู้ภาคต่อไปจะเอาคำว่าอะไรมาต่อท้าย) ได้ หนังจบออกมาแล้วมีเรื่องคุยกันต่อนิดหน่อย และสรุปตรงกันว่าชอบ
เอ้า สุดท้ายแค่บอกชอบก็พอนี่หว่า จะเขียนยาวทำไม 55555
อื่นๆ ประกอบการตัดสินใจเผื่อมีโครงการว่าจะดูหรือไม่ดูดี:
- ดูไปสักพักก็จะรู้ว่านี่คือหนังทุนต่ำ ถ่ายทำกันแบบหนังผีอินดี้เลย
- ไม่ชอบชื่อเรื่อง “บุปผาอาริกาโตะ” เลย แต่พอดูหนังจบแล้วก็เข้าใจว่าทำไมต้องชื่อนี้ เป็นเหตุผลที่รับได้ แต่ มันไม่ดึงดูดเรา (ในฐานะคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง)
- ไม่ชอบตัวอย่างหนัง ทั้งเวอร์ชันธรรมดา และเวอร์ชัน 18+ ที่ไม่รู้จะทำมาทำไม ไม่ได้ส่งเสริมหนังเลย
- ไม่ชอบกระทั่งคำโปรยบนโปสเตอร์หนัง (ทิ้งกูมึงตาย) อะไรนั่น แล้วมีหน้าน้องเก้ายิ้มสวยๆ ไมไ่ด้เกี่ยวกับข้อความนั้น คือไร ผิดมาก นี่สปอยล์ให้เลยว่า “มันไม่ควรโปรยแบบนี้” จะได้สบายใจว่าหน้าหนังเรื่องนี้ทำให้หนังดูแย่
- นี่คือหนังผีตุ้งแช่ ที่ถึงเราจะอยู่ในยุคที่เหยียดหนังแนวผีตุ้งแช่ว่าเป็นผีแบบกากๆ แต่ก็นะ ถ้าเตรียมใจไว้พร้อมแล้วว่านี่กูกำลังจะไปดูผีตุ้งแช่ มันก็เป็นผีตุ้งแช่ที่สนุก
- และตลกด้วย คือเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอแล้ว ผีที่แบบ เหี้ยเอ๊ย เล่นกูอยู่ได้ แต่ก็หัวเราะลั่นไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ยังคงทำได้หลายช็อต
- น้องที่ไปดูด้วยกันกรี๊ดนาวินต้าร์มากๆ หล่อสัสๆ หล่อทะลุหิมะ อันนี้ผมเห็นด้วย
- แน็ค ชาลีเล่นดี ร้องเพลงเจ๋งดีด้วย เซอร์ไพรส์ (ไมไ่ด้ตามติดชีวิตน้องคนนี้ แต่พอมาเห็นมาดล่าสุดนี่เราว่าโอเคมาก)
- แจ๊คแฟนฉันที่ปกติจะถ่อยและพูดจาหยาบคาย ไม่ค่อยได้ประเด็น มาในเรื่องนี้ดันเอาอยู่ครับ คุมหนังอยู่เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งคาแร็กเตอร์ของตัวเองที่จะว่าไปก็รักษาความถ่อย (นิดๆ) แบบนี้ไว้นะ ทำดีแล้ว
- มีพลอยเฌอมาลย์มาแจมแว้บนึง ใช้ไม่คุ้มง่ะ
- อีกหนึ่งตัวละครที่เอามาแจมด้วยคือเสนาหอย ออกมานานแต่ก็ไม่คุ้มเหมือนกัน
- เออ บทลุงอังเคิลค่อยคุ้มหน่อย
- หนังมีตำหนิอยู่บ้าง เช่นภาพกระตุกอยู่ช่วงนึง เข้าใจว่าเป็นที่ต้นฉบับเลย แต่ทุนสร้างคงไม่พอที่จะไปถ่ายซ่อม-ถ่ายแก้ เลยปล่อยไว้งั้น รวมถึงเอฟเฟกต์ช่วงนึงของเรื่องที่เห็นแล้วก็อะไรวะ นี่มันละครจักร์ๆ วงศ์ๆ ช่องเจ็ดเรอะ
- มีฉากนึงที่แม่งควรเป็นตำนาน คือฉากที่ทุกคนพยายามไขกุญแจเข้าบ้าน แล้วเห็นผีกัน และการกระทำของผีที่ไอ้แจ๊คแนบหน้าเข้าไปเห็นนั่น อีเหี้ย ตำนาน หัวเราะนานมาก ไอ้สัสสสสสส 555555555555555
- นิดนึง แถวถัดจากผมมีวัยรุ่นคู่นึงแม่งคุยกันเสียงดังตั้งแต่หนังตัวอย่าง พอหนังจริงเริ่ม คิดว่าจะหยุด แต่มันไม่หยุด ยังคุยกันต่อ ที่โหดคือเสือกอ่านซับอังกฤษแล้วแปลไทยล่วงหน้า พอคำพูดตัวละครตรงก็เสือกหัวเราะดีใจกันอีก (อีห่า) ผมเลยลุกขึ้น หันไปบอกว่า น้องครับ “ช่วยดูเงียบๆ หน่อยนะครับ” ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างก็แฮปปี้ (เพราะถึงฉากเปิดตัวน้องเก้าพอดี)
- เหมือนว่าองค์กรพุทธ (สักอย่าง) จะยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ถ้าดูผมว่าคงมีแบน
- ย้ำอีกที นาวินต้าร์หล่อมาก อยากได้เป็นผัว
- ส่วนน้องเก้า สารภาพชัดๆ ตรงนี้เลยครับ น้องเก้าครับ พี่…
- เมียเรียกแล้ว แค่นี้นะ
Like this:
Like Loading...