TK Park

ไม่ได้ไปมาหลายปีมากกกก น่าจะนับได้สิบปีแล้ว ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ยังอยู่กรุงฯ แล้วก็เคยไปขอจัดอีเวนต์สอนทำฟอนต์ในนั้น

จนวันนี้ลองวางทริปพาลูกเมียเที่ยวกรุงเทพฯ (ใช่ เรามันบ้านนอกเข้ากรุง) บวกลบไปมา ดูฟ้าฝน จึงไปจบที่กินข้าวห้าง และไปเยี่ยมเพื่อนแม่ที่ TK Park (เมียมีเพื่อนทำงานในนั้น)

กำหนดการถูกวางไว้อย่างหลวมๆ ทีแรกจะไปเดินเล่นบรรทัดทอง ไปสวนเบญจกิติ อุทยานจุฬาร้อยปี แล้วก็หอศิลป์ด้วย สุดท้ายคือ กินข้าวกินหนมกันเสร็จ ก็เข้าไปนอนกลิ้งอยู่ TK Park เกือบครึ่งวัน

ทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่นาน คือลืมความรู้สึกของการอยู่ห้องสมุดแบบคนเยอะๆ ไปแล้ว เพราะระยะหลังๆ มานี้เราอ่านการ์ตูนทุกวัน จนรู้สึกว่าเสพหนังสือเยอะเกินไปอยู่แล้ว (การ์ตูนก็นับนะ ขอร้อง) แล้วจะไปห้องสมุดเพื่ออะไร

อ๋อ ไปรอรับลูกเลิกเรียนไงล่ะ ที่โรงเรียนของลูกมี Learning Center ซึ่งก็คือ TK Park ฉบับย่อส่วน คนไม่เยอะ ถ้าไม่นับห้องบอร์ดเกม ก็มีมุมเงียบๆ ไว้นั่งอ่านหนังสือได้ แน่นอน เราพกการ์ตูนจากบ้านไปอ่านเอง (ที่จริงเขามีห้องสมุดการ์ตูนด้วย แต่ไม่ค่อยเยอะ) นอกนั้นก็นั่งทำงาน นั่งไถมือถือในห้องแอร์เล่นๆ

แต่กับวันนี้มันไม่ใช่แบบนั้น เราเข้าห้องสมุดไปเพื่ออ่านหนังสือ นอนกลิ้งอ่าน จนง่วงสัปหงก ตื่นมาก็อ่านต่อ ง่วงอีกทีแล้วก็ตื่นมาอ่านอีก

แม้จะเป็นการ์ตูนเรื่องเดียวกับที่มีที่บ้าน แต่ของที่บ้านยังไม่ได้แกะ ก็จะเป็นมือหนึ่ง ขายต่อได้ราคาอยู่เสมอ (แฮ่)

ทั้งนี้เราพบว่า การเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่บรรยากาศเอื้อต่อการอ่านมากๆ มีผู้คนที่เข้ามาอ่านหนังสือ มาทำงาน มาเปิดคอมพิวเตอร์ ก๊อกแก๊กๆ ห้องเด็ก(เราอยู่ห้องนี้เพราะเบาะมันนุ่ม)ก็มีเด็กวิ่งเล่นตะโกนไปมา เขาไม่ห้าม ซึ่งก็โอเคนะ

และที่สำคัญคือมันมีหนังสือดีๆ หลากหลายจนไม่เกิดความรู้สึกว่า “ไม่รู้จะอ่านอะไรดี” คือเดินจิ้มไปเถอะ แป๊บเดียวต้องโดนสักเล่มจนได้

เราอ่านการ์ตูนเงือกเสร็จ ลูกชวนไปหาวันพีซ (อ่านเล่มต่อจากที่บ้าน) จบแล้วก็เดินไปตู้ค้นหนังสือ หาหนังสือผีอ่าน

ส่วนอีพ่อ เจอสาวตึงอยู่โซนหนังสือออกแบบ เลยเลี้ยวเข้าไปซะหน่อย แหะๆ แล้วก็ได้เจอหนังสือโชว์งานออกแบบฟอนต์ของคัดสรรดีมาก เล่มละ 1,600 บาท (ซึ่งเราไม่มีปัญญาซื้อ) ก็นั่งเสพอยู่นาน

ขณะที่เมียขลุกอ่านนิยายจีนเรื่องที่แพงจนไม่มีตังค์ซื้อ และลูกสาวคนโตเอาไอแพดมานอนวาดรูปในช่องรูปรังผึ้ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกำหนดการเดิมที่จะไปหอศิลป์ก็ต้องงดไปก่อนเพราะรถติดมหาศาลแล้ว

แถมฝนก็ทำท่าจะตกอีก บรรทัดทองก็เลยต้องงดไปโดยปริยาย

ถึงกระนั้นเราก็ฝ่ารถติดออกจากใจกลางเมือง แวะกินข้าวแถวอารีย์ และขึ้นทางด่วนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

ลูกเมียต่างแฮปปี้ และนัดกันว่าเดี๋ยวเดือนนี้เรามากันอีก เท่านี้ก็เป็นอันปิดจ็อบอย่างสมบูรณ์แบบ

เล่นกับลูก โปรดระวังเหตุไม่คาดฝัน

เหตุเกิดเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เองครับ ฝากเตือนผู้ปกครองทุกท่านด้วยว่าอันตรายมากๆ

ป.ล.นิทานเวลานั่งข้างๆ ควบคุมการวาดการ์ตูนนี้ ด้วยเสียงหัวเราะสะใจสุดขีด

รสธรรมชาติ: ร้านกาแฟกระต่ายน่ารักที่ราชบุรี

เข้าเรื่องเลย ดึกแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่ทันตื่นไปส่งลูก

คืองี้ครับ ผมไปเที่ยวเพชรบุรีมา ทีนี้ระหว่างทางก็แวะไปทับแก้ว (นครปฐม) ก่อน ซึ่งเป็นเส้นทางคนละเส้นกับคนที่มุ่งหน้าจะลงเพชรบุรีหัวหินโดยปกติ (เราไปเพชรเกษมเส้นเดิม ส่วนชาวบ้านเขาไปพระรามสอง)

ด้วยนิสัยผมเป็นคนใช้ Google Maps บ่อยมากกกก (เปิดแอปนี้บ่อยกว่าเฟซบุ๊กละกัน) ชอบปักหมุดสถานที่ที่เคยไปจนรึ่มไปหมด ส่วนที่คิดอยากไปมากแต่ยังไม่สบโอกาสก็จะปักไว้อีกสี (Want to go สีเขียวๆ) และรอโอกาสที่จะได้ไปเยือนอีสีเขียวๆ นี่เข้าสักวัน

การผ่านเส้นทางที่ไม่ปกติคราวนี้จึงทำให้ได้เก็บแต้มหมุดเขียวอีกหนึ่งร้าน เป็นร้านเดียวกับที่เคยอ่านกระทู้พันทิปชื่อ “เปลี่ยนสวนหลังบ้านให้เป็นร้านกาแฟในฝันของตัวเอง” (คือตามอ่านหมวดรีโนเวตบ้านอยู่แล้วเจอ 555555) แล้วปักไว้

ตัวกระทู้ว่าด้วยการสร้างสร้านกาแฟในฝันด้วยงบประมาณอันจำกัดมากๆ คอมเมนต์ไม่ค่อยเยอะครับ แต่จุดชี้เป็นชี้ตายคือแฟนเจ้าของกระทู้น่ารักมากบรรยากาศและสถานที่ดูมีเสน่ห์มาก

คือเจ้าของกระทู้ (ต่อไปนี้จะเรียกเจ้าของร้านเลยละกัน) เป็นมนุษย์เงินเดือนน้อย แต่มีฝันไง คือบ้านพ่อแม่แฟนอยู่ที่ราชบุรีอยู่แล้ว มีที่ดินอยู่แปลงนึงที่เอาไว้เลี้ยงวัว ทำการเกษตร ถึงจะไม่ใหญ่มาก และทำเลอยูลึกสักหน่อย แต่พอใจมันรัก คิดหน้าหลังดีแล้ว จึงรื้อถางคอกวัว และถมที่ สร้างเพิง ปลูกหญ้า กลายเป็นร้านกาแฟด้วยงบประมาณไม่แพงเลย (กดอ่านกระทู้ข้างบนได้ครับ คนตอบไม่เยอะนะ แต่เราชอบบีฟอร์และอาฟเตอร์มากจนอยากไปเยือนเข้าสักที)

สิบเอ็ดโมง ท้องฟ้าแจ่มใส บ้านแบนเดินทางไปถึงพอดีตามพิกัดแผนที่ จอดรถปั๊บ เห็นป้ายชวนให้ไปเล่นกระต่าย ก็เลยเดินผ่านเคาน์เตอร์ขายกาแฟเข้าไป (อ้าว) (คือเราไม่กินกาแฟ เมียเราต่างหากที่เสพติด)

เคาน์เตอร์ขายกาแฟที่ทำง่ายๆ ใช้แผ่นเมทัลชีต มีโครงสร้างเป็นเหล็ก แปะภาพถ่ายจากฝีมือเจ้าของร้าน (เป็นตากล้องด้วย) ทั้งหมดนี้ไม่มีแอร์ ถามมาแล้วค่าใช้จ่ายมีแค่ค่าน้ำ 50 บาทต่อเดือน


คุณบุญแต่ง (เจ้าของร้าน) มาต้อนรับด้วยตัวเอง ชวนให้เด็กๆ เข้าไปเล่นกระต่ายในสวน


นี่แหละครับ ลานร่มไผ่ จัดวางในสวน สะอาดและร่มรื่นมาก ยังกะเป็นวัดป่าที่ตอนเช้าเณรและเด็กวัดมากวาดให้เรียบร้อยแล้ว

ข้างในมีครอบครัวกระต่ายอยู่หลายตัว น่ารัก เชื่องด้วย เด็กอย่างฟิน

หญ้าที่ใช้เลี้ยงกระต่ายนั้นก็ตัดมาจากข้างหลังนี่แหละครับ ดังนั้นจึงเรียกได้ว่ามีไม่อั้นจริงๆ ถึงว่าสิ กระต่ายเลยดูแฮปปี้มาก ผมถามเจ้าของร้านว่ากลางคืนกระต่ายนอนในนี้เลยหรือเปล่า น้องแกบอกว่ามีคอนโดกระต่ายไว้นอนครับ ดังนั้นสบายใจได้ เจ้าของเขาเลี้ยงและรักกระต่ายอยู่แล้ว นี่มาเปิดร้านกาแฟเลยเอามาเลี้ยงด้วยไรงี้

 

บรรยากาศบริเวณรอบๆ ร่มรื่นมากกก

เจ้าของร้านเขามีหัวในการออกแบบดีมากเลยนะ ดูอย่างห้องน้ำนี้สิ เดินข้ามสนามหญ้าจากฝั่งตะกี้มาก็เจอ วางหลบมุมอยู่เงียบๆ แต่ชอบมาก ชอบประตูไม้บานใหญ่มากเต็มผนัง ชอบหลังคาใส ชอบโถฉี่ ที่ล้างมือที่แปะไว้รอบๆ ผนัง ชอบต้นไม้ที่รายล้อม ชอบกว่าเพิงขายกาแฟข้างหน้าอีก 5555555

เออใช่ ที่ร้านจะมีมุมวาดภาพระบายสีสำหรับน้องๆ มีภาพพรินต์ใส่กระดาษมาให้วาดกันที่โต๊ะสวนไผ่ ส่วนสาวในภาพคือพรีเซนเตอร์ประจำร้าน คนเดียวกับที่ยืนลุยทุ่งปอเทืองในกระทู้นั่นแล

ช่วงเก็บตก

  • ปอเทืองจะมาตอนปลายฝนต้นหนาว เป็นฤดูของมัน
  • ผมและครอบครัวใช้เวลาอยู่ในร้านนี้นานมากๆ เล่นกระต่ายจนฟิน (ขึ้นรถหลับทันทีละกัน)
  • ภาพวาดระบายสีที่ให้เด็กเล่นนั้นไม่ได้โหลดเถื่อนมาจากเน็ต แต่ให้เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันวาดให้ เฮ้ยอันนี้ดี ชอบในความแคร์
  • เมียบอกว่ากาแฟอร่อย ของผมเป็นโก้โก้เย็น อร่อยเหมือนกัน ส่วนของทอดเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กก็ธรรมดาทั่วไป และทั้งหมดที่ว่ามานี้ จ่ายไป 165 บาท! ถูกมาก!
  • ในกระทู้บอกว่าตั้งราคาให้ไม่แพงเพราะว่าต้องการให้ชาวบ้านแถวนี้ผ่านมาก็แวะซื้อได้สะดวกใจ
  • คือข้อเสียก็มี เช่นไม่ค่อยมีเมนูอาหารหรือของว่างอื่นๆ ให้กิน (พูดตรงๆ คือให้เสียตังค์ เราอยากเสียเงินให้คุณกว่านี้อีก แต่ไม่รู้จะซื้ออะไรดี เอาไปหยอดตู้หน้าคอกกระต่ายแทนละกัน)
  • ที่เซอร์ไพรส์คือกล้วยตาก ซื้อเพิ่มมาอีก 30 บาท แล้วดันโคตรอร่อย ไว้ไปซ้ำใหม่นะ
  • มีคนแนะนำให้ทำผัดกะเพรา อาหารตามสั่ง ฯลฯ ขาย เอออันนี้ก็แอบเชียร์อยู่เหมือนกัน หาอะไรมาขายเพิ่มเถอะๆ
  • ร้านเปิดเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าของร้านไปโพสต์กระทู้พันทิป ได้กระแสเข้ามานิดหน่อยพออยู่ได้ แต่ที่ดีจริงๆ คือสื่อท้องถิ่น (ใครอยู่ต่างจังหวัดจะเห็นสื่อแบบนี้เยอะ พวกพากินพาเที่ยวในจังหวัด มีทั้งฟรีก๊อปปี้ เว็บ เพจ กรุ๊ป ไรงี้) พอลงทีนึงคนมากันร้านแตกเลย หลังจากนั้นก็เรื่อยๆ
  • อย่างวันนี้ตอนเรากำลังร่ำลาจะกลับ ก็มีอีกครอบครัวนึงจอดรถพอดี มีพ่อ แม่ ลูกสาวที่ถือกรงกระต่ายส่วนตัวเข้ามาด้วย
  • ไหนๆ ก็ไหนๆ พอคุยติดลมแล้วก็เลยแลกเปลี่ยนกันเรื่องรายได้ พบว่ากำไรสุทธิของร้านไม่สูงเลย แต่ก็นั่นแหละ จ่ายน้อย (ค่าเช่าไม่เสีย มีจ่ายแค่อาหารเม็ดกระต่าย ค่าวัตถุดิบ และค่าน้ำ 50 บาท จบ) พอจ่ายน้อยก็เหลือเยอะ

ย้ำว่าทั้งหมดนี่ทำกันสองคนนะ เนื่องจากทุนสร้างมีจำกัดเลยทำกันแบบง่ายๆ เล็กๆ แต่ดูมีความสุขกันมาก …ที่จริงอันนี้แหละคือความพอเพียงแบบที่เราเห็นกันในโฆษณาก่อนหนังฉาย

เออแปลก พอพูดถึงโฆษณาที่ว่านี้แล้ว คนรอบตัวผมมีแต่ยี้แฮะ บอกว่ามันช่างเฟกจังเล้ย แต่เฮ้ย มันมีคนรู้จักที่ทำแบบที่ว่าจริงๆ นะ เพียงแค่เขาไม่มามัวโฆษณาตัวเองว่าพอยังงั้นเพียงยังงี้ (หรืออาจจะไม่โดนห้างร้านองค์กรเอาไปทำเป็นพรีเซนเตอร์) คือเขาทำเลย ใช้ชีวิตเป็นปกติเลย ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แถมยังแฮปปี้มากๆ ด้วย

เป็นความแฮปปี้แบบเดียวกับที่ผมเห็นจากร้านรสธรรมชาตินี่แหละ

นิทานสิบช่อง ตอน น้องไม่ยอมช่วย

เมื่อวานนิทานวิ่งไปฟ้องแม่ว่าน้องไม่ยอมช่วยงาน พอถามก็ได้ความดังการ์ตูนต่อไปนี้

ป.ล.คนระบายสีสี่ช่องแรกคือนิทานนี่แหละ พอถึงช่องที่ห้าก็บอกว่าเหนื่อยแล้ว ทำไมมันเยอะจัง พ่อทำเองละกัน