#TWTCON #CODEFAIL (มันคืออะไรวะ)

เดือนนี้แค่เดือนเดียว มีงานที่ผมโดนหลอก(!)ให้ไปพูดบนเวทีแบบปากคอสั่นตั้งสองครั้ง
แล้วก็เลยสบโอกาสเอามาแปะในบล็อกแก้เปรี้ยว(อาการเปรี้่ยวนี้เกิดจากการดอง) ซะนี่

ซึ่งจะว่าไป ตลอดชีวิตนี้ถ้านับรวมสองงานที่ผ่านมา (#TWTCON และ #WordCampBKK)
ก็นับรวมจำนวนครั้งที่ผมได้ขึ้นไปพูดอะไรแบบนั้นได้ถึงสองครั้งแล้ว!
(ถ้าคุณงงสองบรรทัดข้างบน ก็จะขอแปลไทยเป็นไทยให้ว่า ผมไม่เคยขึ้นเวทีเลยครับ :08: )

สำหรับคราวนี้ เลิกงาน(แน่ล่ะ เป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วนี่) แล้วก็กินข้าวเย็นอยู่ดีๆ
พี่เอ๋อ (@iwhale นั่นแล) ก็โทรมาบอกผมว่า
“เฮ้ยแอน งานเข้าว่ะ คุณเก่งที่เป็นวิทยากรของงาน TWTCON BKK เขาไม่ว่าง
ก็เลย.. เอิ่ม.. คริคริ ..มาพูดเรื่องทวิตเตอร์กับการโฆษณา และทวิตเตอร์บล็อกแทนทีสิ”


:18:

สติของผมขาดผึง หูดับ ได้ยินแต่เสียงวี้ด—— ไป ๒ วินาที (เคยหูดับแบบนี้ไหมครับ สนุกนะ)
โดยที่หัวสมองประมวลผลอย่างหนัก นี่ตูมีเวลาเตรียมตัวแค่ .. แค่กี่วันวะ หกวัน!! แม่แจ้ว!! :07:
เตรียมไปพูดงานใหญ่ระดับนี้ ด้วยหัวข้อที่เราเองก็ไม่ได้เชี่ยวกว่าใครเขา โดยมีเวลาให้เท่านี้
ผมเลยตอบตกลงไป แล้วกับมานั่งกุมขมับอยู่ที่บ้าน!! สิ้นหวังแล้ว!! กูจบสิ้นแล้ว!!!!

คืนนั้นกลับถึงบ้านปั๊บผมก็เปิดคอมทันที แล้วดูรายละเอียด ศึกษาทางหนีทีไล่สารพัด
แล้วก็ใช้เวลาหลังเลิกงานมานั่งอ่านอะไรสารพัด ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เคยคิดว่าจะต้องมานั่งตั้งใจเรียนมัน
แถมมีทีมงานคอยกระตุ้นเตือนเป็นระยะๆ ว่าส่งต้นฉบับให้ทันเวลาด้วยนะคะ!! (กรี๊ดดดดดดดดดด)
จนสองสามวันสุดท้ายก็เลยรีบนั่งเผาพรีเซนต์ตัวที่กำลังจะให้ดูข้างล่างนี้จน(เกือบ)เสร็จ และส่งไป

เหตุการณ์หลังจากนั้น ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วครับ
รู้แต่ว่ามันนัวๆ มึนๆ จนจบงาน แต่พอจะจับใจความได้ว่า

  • ผมไปงานนี้กับเพื่อนสองคนคือ @artytl และ @kejuliso
  • ไปถึงก็พบว่า เฮ้ย งานโคตรจริงจังเลยว่ะ (เริ่มเสียเซ้ว)
  • ในงานไม่มีเน็ตให้ใช้ โทรศัพท์รุ่นที่ผมมีก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากวางไว้ดูเวลา
  • เสื้อยืด Twitter ของงานสวยมากๆ!! ขอชมอย่างตั้งอกตั้งใจ
  • ทุกคนในงานใส่สูทกันหมดเลย (ส่วนผมทีแรกจะใส่เสื้อยืดไปแล้ว พอดีภรรยาสั่งแบนไว้)
  • คือบรรดาวิทยากรทุกคนน่ะ เขานัดกินข้าวพบปะพูดจากันก่อนที่ผมจะรู้เรื่องน่ะสิครับ
  • ดังนั้น Twitter Wall ของงานนี้เลยจืดชืดต่างกับตอน WordCamp (ที่แซวกันแหลกและฮามาก)
  • แต่เฮ้ย นี่มันงานแห่งทวิตเตอร์ไม่ใช่เหรอ! (เราเชื่อว่าทางผู้จัดได้พยายามแล้วครับ)
  • ผมพูดตอนเย็น ดังนั้นหลายประเด็นที่เตรียมมาก็เลยซ้ำ (นี่ก็เพราะไม่ได้ไปนัดหมายไว้ก่อน)
  • ดังนั้นถ้าใครได้เห็นบักแว่นเสื้อสีชมพูแต๋วจ๋ามานั่งเปิดคอมในงานบ่อยๆ แล้วกด Delete อะไรบางอย่างพร้อมถอนใจบ่อยๆ ก็ให้รู้ไว้ว่านั่นแหละคัรบผมเอง
  • ช่วงเช้าวิทยากรระดับเมพพูดกันเรื่องทวิตเตอร์กับธุรกิจบ้าง การตลาดบ้าง (แน่ล่ะ ก็มันเป็นประเก็นหลักของงานนี้นี่)
  • ซึ่งแต่ละท่านบรรยายได้อย่างมหัศจยย์พันลึกมาก จนผมเกร็งกว่าเก่า
  • พอเที่ยงปั๊บ เขาให้ผมแยกจากเพื่อนไปกินข้าวในห้อง VIP
  • ถ้าทีมงานมาอ่าน อันนี้ไม่ได้โทษใครนะครับ แต่ผมทรมาน(ของผมเอง)จริงๆ :05:
  • ถึงกับพยายามหยิบมือถือรุ่นพระเจ้าเหาที่ ๑๖ มาต่อ GPRS และทวีตตัดพ้อ
  • เอาจริงๆ คือผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศแลลนักธุรกิ๊จนักธุรกิจน่ะครับ ทั้งหมดก็เท่านี้เอง
  • พอช่วงบ่าย ผมเริ่มมือเย็น และการขึ้นไปพูดของวิทยากรแต่ละท่านนั้นยิ่งทำให้ผมประหม่า
  • พอถึงเวลาที่ผมจะได้พูดบ้าง พี่หนุ่ย (@nuishow) ก็กลับมาจากธุระพอดี และเป็นพิธีกรให้
  • ตามกำหนดการ ช่วงนั้นจะต้องเล่นเกมแจกมือถือกันก่อน ผมก็เลยขึ้นไปเซ็ตเครื่อง
  • แต่ไม่รู้ทำไม พี่หนุ่ยประกาศให้ผมเพิ่มพูดเลย! เอ้าเฮ้ย เดี๋ยวดิ๊ จอยังไม่ได้เซ็ตเลย
  • เหตุการณ์หลังจากนั้น ถ้าใครได้ไปงานก็จะพบว่าวิทยากรของเราขึ้นไปด้นอะไรไม่รู้บนเวที
  • รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเดินลงมาจากเวทีแล้ว ผมไปฉี่ (รอบที่ ๘) และค่อยๆ เห็นข้อความบนผนัง
  • เฮ้ย มีคนชอบด้วยเหรอ!
  • เฮ้ย เยอะด้วย!!
  • เฮ้ย ตะกี้ไม่ได้แป้กใช่ไหม!!!
  • เฮ้ย! พี่หนุ่ยส่ง SMS มาถามว่าผมนั่งไหน ชอบสไลด์นี้มาก อยากคุยด้วย
  • ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอย่างน้อยก็มีคนเข้าใจว่ามือถือผมมันเป็นรุ่นเดอะจริงๆ ไม่งั้นคงทวีตมาหาผมละ
  • อ้อ จะบอกว่าที่แกชอบเพราะมันดันเป็นภาพนิ่ง (png) แทนที่จะเป็นโปรแกรม Keynote น่ะสิ
  • จะให้ทำไงได้ ตูใช้ Keynote ไม่เป็นนี่หว่า! (ไม่เป็นตั้งกะ PowerPoint ละ)
  • ฯลฯลฯลฯ

จริงๆ ผมอัปโหลด Keynote ที่พูดในงานไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับ แต่เพิ่งมาปั่นบล็อกก็เลยช้าหน่อย
(ขออภัยที่ไม่ได้เอามาแปะและอธิบายประกอบ ลองเอาไปเดาดูเล่นๆ ก็ได้ครับ)

อยากเอาไปทำอะไรก็เชิญครับ กดดู/ดาวน์โหลดทีละภาพที่นี่

จนจบงาน ทางทีมงานได้เชิญให้ไปงานปาร์ตี้หลังการสัมมนาต่อ (#CODEFAIL นั่นแล)
เป็นงานที่ลานเบียร์ตรงดาดฟ้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมโทรชวนภรรยาไปด้วย
ซึ่งปรากฏว่าสถานที่เจ๋งมากครับ บรรยากาศงาน ความสนุกก็บิ๊วกันเต็มที่เลย
ติดอยู่นิดเดียวตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเบียร์ ซึ่งพอดีผมไปกัน ๔ คน ไม่มีใครดื่มเลย
ผมอยากอยู่ให้ถึงสักครึ่งงานก็ยังดี แต่ก็ต้องรีบกลับก่อนด้วยความเสียดาย ..เหตุผลน่ะรึ
นอกจากจะแบตกล้องหมดตอนน้องซี (@ceemeagain) มาแล้ว (อันนี้เสียดายสุดๆ)
ผมยังจะต้องกลับบ้านไปเคลียร์งานที่ค้างไว้มหาศาล ..เท่านั้นยังไม่พอ
ผมยังจะต้องตื่น ๖ โมงเช้าเพื่อออกเดินทางไปกาญจนบุรีอีก!!!! ใครสอนผมแยกร่างที!!!
ดังนั้นกลับมาจากเมืองกาญจน์ปั๊บ ผมก็เลยมานั่งเขียนบล็อกบ่นเยอะๆ อยู่นี่แล

จบด้วยภาพบรรยากาศของงานจ้ะ เสียดายที่แบตหมดจริงๆ นะ :05:

อันนี้ก็เหมือนกัน อยากเอาไปทำอะไรก็เชิญ!

ป.ล.
mk เคยบอกไว้ในงานเปิดตัว Creative Commons ประเทศไทยว่า
สัญญาอนุญาตที่สั้นและง่ายที่สุดคือ มึงอยากเอาไปทำอะไรก็เชิญ (มีคำว่า Mather Fucker ด้วยแต่ลืม)

ป.อ.
ในโลกของนิตยสาร การเขียนช้ากว่าเหตุการณ์สักอาทิตย์ไม่ถือว่าผิดมาก
พอมาสู่โลกของบล็อก การเขียนช้าสักวันสองวันก็ถือว่าล้าหลังแล้ว
ส่วนในทวิตภพนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ช้าไปสองชั่วโมงแล้วค่อยพูดถึงนี่ก็ตกเขาไปเลย
เทคโนโลยีครับ ช่วยหยุดหน่อย ผมจะลง!

ป.ฮ.
เออ มันทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่จะต้องพูด (แบบปากคอสั่นด้วยความตื่นเต้น) บนเวทีเสมอ
ว่าผมเป็นแค่ User – เป็นผู้ใช้ธรรมดาๆ ที่มีไอ้ที่ทำเป็น และไอ้ที่ทำไม่เป็น
ผมไม่ได้รู้รอบด้านหรือลงลึกกว่าใคร (ก็เพราะไม่ได้เป็น X-Men แบบ @sugree)
แต่นั่นก็ทำให้ผมเข้าใจมากๆ ว่าเฮ้ย อีรอยต่อระหว่างคนที่ไม่เป็นเลย กับคนที่เพิ่งหัดเนี่ย
มันสำคัญเสมอ! มันสำคัญเสมอ! และมันสำคัญเสมอ!!!
ผมยินดีมากๆ ที่จะเป็นมือใหม่แบบนี้ตลอดไปครับ

คอมเมนต์