สัญญาว่าจะหัดเล่นเฟซบุ๊กอีกครั้ง

นี่เป็นคำพูดที่เคยประกาศอย่างจริงจังมาหลายที จนเหมือนเป็นสิ่งที่เชื่อถืออะไรไม่ได้แล้วนะ

คือผมเป็นพวกเสพติดการออนไลน์ โดยที่ไม่มีเฟซบุ๊กมาเกี่ยวข้องด้วยน่ะ ใครที่เข้าใจคำว่า “โลกออนไลน์ = เฟซบุ๊ก” อาจจะนึกภาพไม่ออก แต่ผมนึกออก เพราะตัวเองเป็นอยู่

ที่จริงตัวเองน่าจะเป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ เลยมั้ง ที่ได้สัมผัสอีเว็บดังกล่าวจากคำชวนของน้องที่ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีใครคิดกันว่าวันนึงอาณาจักรไฮไฟว์จะพินาศลงได้

แต่นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่แย่ เพราะเฟซบุ๊กไม่เคยทำให้ผมประทับใจได้เลย เนื่องจากแม่งไม่มีเพื่อนเล่น 5555

มันก็ชัวร์อยู่หรอกครับ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงนึกภาพไม่ออกกันแล้ว แต่ตอนนั้นเฟซบุ๊กแม่งเป็นเว็บสีขาวน้ำเงินน่าเบื่อๆ มีแต่การ poke กันไป poke กันมา อัปภาพ โพสต์ข้อความ เลี้ยงสัตว์ ทำควิซ และต้องคอยเฝ้าเพื่อรายงานตัวกับเพื่อนเป็นระยะๆ (ไม่แน่ใจว่าสมัยนั้นมีปุ่มไลก์หรือยัง)

เชี่ย น่าเบื่อที่สุด เปลี่ยนตีม โมหน้ากากเล่นแบบฮิห้าก็ไม่ได้ ก็เลยเลิกเล่นไปนานมากๆ จนน่าจะจำรหัสผ่านไม่ได้ ต้องสมัครใหม่ด้วยซ้ำ (ไม่ชัวร์นะ คือยุคนั้นสมัครบริการนั่นนี่เปรอะมาก)

จนอีกสักพัก ผมก็ได้รู้จักทวิตเตอร์จากการสมัครเปรอะๆ เช่นกัน และพบว่ามันง่ายดีสำหรับคนที่มีโลกส่วนตัวอย่างเรา คือพอเข้าใจคอนเซปต์ของมันว่าเออ อยากทวีตอะไรก็ทวีตไป แล้วไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าจอนะ ว่างเมื่อไหร่ค่อยมาเปิดและตอบคนที่มาถาม ไม่มีใครถือสาอะไร และไม่ต้องเร่งเร้า ไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่น

โอเค กูเล่นไอ้นี่แหละ

ก็เลยเสพติดโลกออนไลน์โดยมีทวิตเตอร์เป็นช่องทางหลักๆ (ควบคู่กับเว็บบอร์ดอายุเกือบสิบปีที่ชื่อฟอนต์.คอม ที่เหมือนกับเว็บบอร์ดทั่วโลกที่โดนผักตบชวาที่ชื่อเฟซบุ๊กมาทำลายระบบนิเวศไปซะมาก)

โดยที่เคยพยายามหัดเล่นเฟซบุ๊กถึงขนาดที่เคยตั้งเป็นปณิธานเลยก็มี แต่ก็ไม่สำเร็จสักครั้ง

คือเราไม่อินจริงๆ นะ 555

โปรไฟล์ตัวเองก็ไม่ได้ปกปิดอะไร เพื่อนฝูงญาติมิตรก็ไม่ได้มีปัญหากับใคร เพจน่าสนใจก็มีมากมาย แต่ปัญหาคืออะไรวะ

เกลียดความรกของมัน?
เกลียดดีไซน์ที่ดูวุ่นวาย เกลียดการใช้ฟอนต์เล็กๆ เกลียดข้อจำกัดในการสร้างพื้นที่ส่วนตัว เกลียดความปิดกั้น เกลียดนโยบายที่ดึงดูดทุกเว็บให้ไปฝังอยู่ในระบบอันเทอะทะแต่ไม่เปิดระบบตัวเองให้เอาไปแปะตามเว็บชาวบ้านชาวช่องได้มั่ง (นี่มันเกลียดแบบเฉพาะทางสุดๆ เลยนะ) หรือเกลียดโฆษณาที่ดูรุกล้ำเรามากเกินไป เกลียดที่มันใช้ในมือถือไม่ถนัด เกลียดแคมเปญกลวง ห่าเหวจากนักการตลาดและเอเจนซีที่ไม่เก่งเท่าที่โม้ เกลียดวัฒนธรรมหลายอย่างในนั้นทั้งที่ระบบสร้างขึ้นมา กับที่ผู้ใช้บ้านเราสร้างกันเอง

เอ๊ะ หรือเกลียดความรู้สึกที่ว่าคนรอบข้างเกือบทุกคนเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนต้องเล่นเฟซบุ๊ก และต้องพร้อมออนไลน์เพื่อตอบข้อความเดี๋ยวนี้!!!

ก็ไม่ทราบได้

แต่นั่นเป็นข้อสงสัยที่ทำให้เราพยายามเท่าไหร่ก็ทำใจไม่ได้ ที่จะไปเสพติดมัน ทั้งที่เคยประกาศให้เพื่อนฝูงฟัง(อ่าน)หลายครั้งแล้วว่าปีนี้กูจะหัดเล่นให้ได้ คอยดูๆๆๆ เนี่ยเขียนลงบล็อกหลายทีแล้วด้วย คราวนี้เอาจริงสุดๆๆๆ

แต่ก็คึกได้แป๊บเดียว เลิก

ทุกวันนี้เฟซบุ๊กของผมจึงเป็นเพียงสถานที่สำเนาข้อความจากทวิตเตอร์อีกที (คือตั้งค่าในทวิตเตอร์ไว้ให้มันเด้งไปเฟซบุ๊กน่ะครับ ยกเว้นเวลาทวีตคุยกับใครมันจะไม่ขึ้น) ไม่ได้เคยสนใจจะไปพิมพ์คุยกับใคร หรือกดไลก์(ตามมารยาท)ให้กับคอมเมนต์ของเพื่อนที่อุตส่าห์เข้ามาเขียนคอมเมนต์ใส่ข้อความอัตโนมัติของเราโดยที่ไม่รู้ว่าไอ้บ้านี่ของแท้ต้องไม่เคยออนนะจ๊ะ

จนมีวันหนึ่งที่ตัวเองพอจะนึกออกว่าบรรยากาศของเฟซบุ๊กมันคล้ายๆ กับ MSN ในยุครุ่งเรือง นั่นคือมันจะมีความคิดมาตรฐานอย่างหนึ่งที่ทุกคนเข้าใจร่วมกันว่า “ทุกคนต้องเล่นเอ็ม” และการไม่เล่นเอ็มถือเป็นความบ้าบอที่เห็นแล้วสงสัยว่ามึงอินดี้ไปหรือเปล่า เนี่ย มี MSN Plus ด้วยนะ แต่งอีโมได้ด้วยนะ ทำวิงก์กระพริบๆ ได้ด้วยนะ เปลี่ยนสีฟอนต์ได้ด้วยเหอะ ฯลฯ

นั่นแหละที่ทำให้ผมเลิกเล่นเอ็มอย่างถาวร ไม่สนใจสังคมมากมายที่อยู่ในนั้น คือมันจอแจไป

เออ พิมพ์มาถึงคำว่าจอแจปั๊บนึกออกเลย ใช่ๆๆ “มันจอแจ”

คือเฟซบุ๊กมันมีสาธารณูปโภคและสิ่งเร้ามากมายให้เราเสพติดและอยู่กับระบบของมันนานๆ เลยมีการไลก์ (และการไม่มีปุ่มดิสไลก์) มีโนติแดง ข้างบน พร้อมกับเด้งเตือนเมื่อเพื่อนเราทำอะไร (ผมแทบไม่เคยกดโนติเลย) มีแถบเสือกด้านข้างที่ยิ่งบิ๊วนิสัยเสือกของมนุษย์ขึ้นมาอีก มีนั่นมีนี่สารพัด ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แล้วผลักดันให้เราต้องทำตามคำสั่งที่ระบบมันวางเอาไว้ โดยที่ผู้ใช้อาจจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่ก็เพลิดเพลินไปกับมัน และสร้างเป็นพฤติกรรมร่วมของมนุษย์ในยุคนี้ไปแล้ว (เช่นการชอบกดไลก์ ใช่กดแชร์ แคร์กดคอมเมนต์ อะไรแบบนี้)

ทุกอย่างดูดีและโซเชียลที่สุดเลยใช่ไหมครับ แต่ไม่เคยมีที่ไหนเลย ที่จะทำให้เรารู้สึกว่า “มันเป็นพื้นที่ของเราจริงๆ” แม้แต่ในหน้าโปรไฟล์ของเราเอง ที่ทุกอย่างต้องระบุตามช่องกรอกของมัน ไม่สามารถเปลี่ยนอะไร หรือแหวกอะไรได้มากกว่านี้แล้ว คุณมีหน้าที่เพียงกรอกข้อมูลของคุณ พร้อมภาพถ่าย ภาพปก และหมั่นอัปเดตสเตตัสอยู่เสมอๆ เพื่อบอกความเป็นคุณให้โลก(หมายถึงโลกบนเฟซบุ๊ก)รู้ ส่วนอะไรที่ “เป็นคุณ” จริงๆ หรือเป็นเพียงสิ่งที่อยากจะบอกว่านี่คือคุณ อันนี้ก็แล้วแต่จะปรุงแต่งกันตามใจนะ

ผลก็อย่างที่เห็นเลยครับ ทุกคนประกาศความเป็นคุณกันโบ้มๆ

เหมือนเวลาเลี้ยงรุ่น เพื่อนๆ มากันเต็มห้องเลย แล้วดันมีแต่คนแย่งกันพูด ไม่มีพื้นที่สำหรับคนชอบความเงียบตรงมุมห้องอย่างผม

เราเลยหันไปเล่น Google+ แทน

ผมเลยยังคงมีความสุขดีกับทวิตเตอร์ที่ไม่รุกล้ำพื้นที่ของตัวเองนัก เพราะระบบของมันไม่ได้ถูกออกแบบมาด้วยวิธีคิดแบบผู้ผลิตยาเสพติดสักเท่าไหร่ แต่ถูกออกแบบมาให้มี “ช่องว่างระหว่างไทม์ไลน์” กว้างพอที่จะหายใจหายคอ และเรียกร้องความอิสระจากมันได้ ตราบใดที่ยังอยู่ในพื้นที่ของคุณ เกิดพึงพอใจอยากทำอะไรขึ้นมาก็เชิญ

นั่น ทำไปทำมากลายเป็นบล็อกด่าเฟซบุ๊กอีกแล้ว

เอาจริงๆ ถึงจะไม่ชอบที่ตัวระบบและปรัชญาการออกแบบระบบของเฟซบุ๊กนัก แต่เราก็ไม่ได้เกลียดชังเพื่อนในนั้นนี่นา แถมเพื่อนที่เข้าใจว่า “ทุกคนต้องเล่นเฟซบุ๊ก” ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะมันเป็นความเข้าใจสากลไปแล้ว เช่นเดียวกับสมัย MSN หรือไฮไฟว์ หรือยุคนี้ที่คนใช้มือถือไอโฟนก็ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นคนแบบแอปเปิล (ที่ผมไม่ค่อยชอบปรัชญาการออกแบบระบบของมันเหมือนกัน) นี่นา

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมอยากหัดเล่นเฟซบุ๊กอีกครั้ง และอีกครั้ง

เห็นแบบนี้ก็อยากเข้าสังคมเหมือนกันนะ ถึงจะเป็นพวกชอบอยู่เงียบๆ ตรงมุมห้องก็เถอะ

หวังว่าคราวนี้น่าจะทำได้นะ

ป.ล.
บล็อกตอนนี้ตื่นมาเขียนในมือถือตอนเช้ามืดเลยครับ ไม่มีคนอ่านก็ช่างมัน เพราะมันเป็นเรื่องปัจเจกมากเลยนะ 555 คือที่จริงนอนไม่หลับน่ะครับ เพราะเมียท่าทางจะไม่สบาย หลังจากไปบ้านพี่ชายที่เพชรบุรีมา แล้วบ้านนั้นก็ไอกันทั้งบ้าน พอเมียป่วย ผมเลยแยกมานอนที่พื้น แล้วมันเย็น เลยตื่นตั้งแต่ตีสี่ คิดนั่นนี่ไปมาเลยเขียนบล็อกแก้ว่างดีกว่า

ป.อ.
เออ จะบอกว่าหลายครั้งที่นั่งขี้อยู่ดีๆ ก็คิดไอเดียเพจเฟซบุ๊กสนุกๆ แบบที่น่าจะมีคนไลก์เยอะๆ ขึ้นมาทีไร ก็ต้องขยำทิ้งไปทุกที ก็ปัญหาคือเราแม่งดันไม่เล่นเฟซบุ๊ก ขี้เกียจคอยนั่งอัปเดตสม่ำเสมอน่ะสิ ถ้าทำเองแม่งต้องเบื่อและเลิกไปในในเจ็ดวันแน่ๆ (แล้วต่อมาไม่นานก็จะมีคนที่คิดได้เหมือนกันกับเราที่ทำเพจแบบนั้นเป๊ะๆ และประสบความสำเร็จจริงๆ อันนี้ดีใจนะ แต่อวดใครไม่ได้เพราะเราแค่ฝัน แต่เขาลงมือทำจริงๆ ต้องยกย่องครับ)

ป.ฮ.
เชี่ย เจ็ดโมงแล้ว บาย (เขียนเสร็จก็ทวีตลิงก์บล็อกนี้และให้มันไปโผล่ในเฟซบุ๊กเอง จบ)

คอมเมนต์