ตะกี้ผู้โดยสารคนอื่นลงหมดก่อนตั้งแต่ป้ายหมอชิต ผมเลยได้มีโอกาสคุยกับพี่โชเฟอร์มาตลอดทางครับ
ถึงแกจะแก่กว่าผมเป็นสิบปี แต่สรรพนามที่คุยกันต่างก็เรียกอีกฝ่ายว่า “พี่”
พี่ของผมคือเรียกตามวัยวุฒิจริงๆ แต่พี่ของแกนั้นบ่งบอกถึงอะไรหลายๆ อย่างที่ตัวเองแบกรับอยู่
ผมลิสต์เป็นก้อนๆ ไปเท่าที่นึกออกละกันนะครับ
- ปกติรายได้ของรถตู้ที่วิ่งอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นระดับที่โอเค จะอยู่ที่ประมาณวันละสองพันบาท
- แต่บางครั้งถ้ารถติดมากๆ หรือต้องแวะเติมแก๊ส (ต่อคิวยาวโคตร) ได้วันละพันห้า-พันหกก็โอเค อยู่ได้แล้ว
- สิ่งที่แกเกลียดคือรถติด มันทำให้สุขภาพใจเสีย พาลให้ปวดขา เมื่อยหลัง เมื่อยตัวไปด้วยกว่าจะถึงบ้าน
- ปีใหม่ปีนี้เงียบเหงามาก
- ในกรุงเทพฯ ปีที่ผ่านๆ มา ช่วงเวลาแบบนี้จะมีแสงสีบรรยากาศรื่นเริงครื้นเครง แต่ปีนี้นี่ผิดไปจากทุกปี
- ปกติแล้วพอใกล้ๆ สิ้นปีอย่างช่วงอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์ก่อน จะมีการ “ล็อกคิว” จองตัวจากวินรถตู้ต่างจังหวัด อย่างของพี่แกคือเพื่อนๆ ที่อยู่วินนครสวรรค์จะโทรมาล็อกตัวไว้ละ ไม่ให้ไปไหนนะ เพราะรถไม่พอ ต้องขอเบิกตัวช่วยเป็นคิวรถกรุงเทพฯ นี่แหละ แล้วก็นัดกันเรียบร้อยแฮปปี้
- แต่ปีนี้กลับไม่มี (แกพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายมากๆ)
- ดังนั้นช่วงสิ้นปี-ปีใหม่เนี่ย เป็นช่วงทำกำไรของคนขับรถตู้เลยครับ
- การวิ่งคิวนครสวรรค์เที่ยวนึงไปกลับ จะได้ประมาณสามพันบาท ที่จริงก็พอๆ กับวิ่งในกรุงเทพฯ แต่ในมุมมองของแก มันเหนื่อยและใช้สมาธิมากกว่า
- ในวงการนี้ มีหลายคนยอมอดหลับอดนอนเพื่อขับรถส่งผู้โดยสาร บางคนสองวันสองคืนก็มี!
- โดยเฉพาะกรณีที่เกิดกับเพื่อนแกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง เพื่อนรับจ็อบส่งแรงงานพม่าข้ามไปแม่สอด ปรากฏว่าวิ่งทั้งวันทั้งคืนจนหลับใน ปีนเกาะกลางถนนไปชนคนที่ยืนอยู่บนทางเท้าตายไปสอง ส่วนผู้โดยสารพม่าในรถตู้ก็บาดเจ็บกันระนาว
- (ผมบอกว่าบ้านผมอยู่เพชรบุรี) เพชรบุรีเดินทางสะดวก คิวรถมีให้เลือกเยอะ ไม่ต้องไปไหนไกลเลย แค่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ก็เพียบแล้ว แต่ระหว่างทางก็มีรถเยอะมากไปด้วยเพราะมันเป็นขาลงใต้ เวลาเดินทางต้องระวังอุบัติเหตุหน่อย
- ถ้าให้เลือก แกยอมทนรถติดในกรุงเทพฯ มากกว่า
- ค่าโดยสารตลอดสายยี่สิบบาท
ผมลงจากรถที่ป้ายปากซอยพหลโยธินแปด ขอบคุณพี่แก แกก็ขอบคุณพี่(เรา)
แล้วเราก็ต่างโคจรออกจากกัน
คอมเมนต์