ข้างเวทีมีอะไรแบบนี้แหละครับ คุณบุญยอด
ฝนโปรยอีกครั้ง คราวนี้หนักเลย ผมไปหลบกินหอยทอดหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา พลางฟังคุณนิชา ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ขึ้นพูดบนเวที ทั้งพี่ปาน (จูงจักรยานมาแยกกันตรงนี้) ทั้งพ่อค้าหอยทอด และคนที่นั่งกินด้วยกันนี่ดูเขาอินสุดๆ เลย
พอฝนหยุดตกได้สักพัก ดูนาฬิกาก็สามทุ่มกว่าแล้ว โอเค เตรียมตัวกลับได้ (แม้เหล่าสาวออฟฟิศยังทยอยมาร่วมฯ ไม่หยุด)
ผมเลือกปั่นไปทางถนนพิษณุโลกครับ เส้นนี้ถนนโล่ง ปั่นง่าย ทีแรกก็ไม่รู้ว่าโล่งเพราะอะไรหรอก
จนหันมาเห็น อ้อ..
เรียกว่าตลอดแนวถนนก็จะมีด่านปูนและลวดหนามเพื่อสกัดทั้งม็อบและชาวบ้านไม่ให้ผ่านตลอดเส้นนี้เลยครับ
ผมแวะจอดถ่ายไปเรื่อยๆ นี่หน้าวัดเบญจมบพิตร มีคนจีนโดยสารตุ๊กๆ มาจอดถามว่าไอจะเข้าไปไหวพระ แต่นี่ “Why?” — แค่ภาษาไทยตูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงละว่าเกิดอะไรขึ้น (ขอบคุณพี่ตุ๊กๆ ที่พูดง่ายๆ ว่า “ม็อบ ยูโน้ว”)
มีชาวบ้านแถวนี้ทั้งที่ขี่จักรยาน ขี่แว้น ขับรถยนต์ ก็ผ่านมาถามวิธีผ่านด่าน ผมก็ได้แต่ชี้ไปที่ตำรวจตรงปากทาง ให้ไปเจรจาเอาเองครับ บางคนที่บ้านอู่ในเขตหวงห้ามก็เข้าได้นะ แต่เหมือนต้องสัมภาษณ์กันนานเลย
แต่รถแบบนี้เข้าได้ครับ ตอนที่ถ่ายนี่คือมีมาสมทบอีกหลายคันมากๆ เลย เหมือนเตรียมรับมือเหตุที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีฐานที่มั่นอยู่ข้างในกำแพงนี้แหละ (นี่ผมโพสต์อะไรแบบนี้คงไม่ไปขัด พ.ร.บ.ความมั่นคงนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราควรรู้ได้อยู่แล้ว)
“แล้วตอนฝนตกเขาให้หลบเปล่าครับ” “หลบไม่ได้ครับ ต้องยืนอยู่แบบนี้แหละ”
ผมแวะคุยกับตำรวจทีละด่านๆ ก็อย่างที่คิดแหละครับ คือเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งมาให้ปฏิบัติงานก็ต้องทำ จะไปละเมิดเบื้องบนก็ไม่ได้ จะมีก็แค่ขอร้องว่าอย่าถ่ายรูปหน้าพี่แกตรงๆ เพราะ “มันเซนสิทีฟ” “เดี๋ยวหลุดไปถึงฝ่ายตรงข้ามแล้วจะดูไม่ดี” และ “นายดูกล้องอยู่” — เข้าใจครับพี่ หัวอกคนทำงาน ภาพนี้เลยขอเซ็นเซอร์หน้าพี่เขาหน่อยครับ
ผมปั่นไปจนถึงจตุจักร ก็เจออีกเวทีนึงครับ แต่เป็นเวทีของเสื้อแดงเวอร์ชันทักษิณเลย (คือเอาเป็นว่าตอนนี้แดงเริ่มเห็นแบ่งเป็นสองเนื้อละเนอะ) แต่ต่างจากม็อบชนชั้นกลางเมื่อกี้ตรงที่เนื้อหาโจมตีรุนแรงสะใจ มีกล้องบันทึกและน่าจะออกอากาศด้วย แต่คนในห้องส่งก็มีไม่เยอะครับ เท่าที่เห็นในภาพนี่แหละ เสียดายอยู่ดูต่อไม่ได้
กลับถึงบ้าน รีบนอน เพราะตอนเช้ามีงาน จบ