ลิสต์รอนประสิทธิภาพในการอ่าน

  • เมื่อวานได้คุยกะ @notsosad ผู้เป็น บ.ก.แห่งสำนักพิมพ์บัน (ที่จริงคือคุยเรื่องขี้หมูขี้หมาแล้ววนมาเรื่องนี้) เลยขอจดไว้หน่อย
  • คือบันกับแซลมอนเนี่ยเป็นสำนักพิมพ์ญาติสนิทมิตรสหายกัน แล้วผมเคยมีหนังสือกับแซลอนอยู่สองเล่ม (เฟลออฟเดอะสองเยียร์ส กับ คือปะป๊าครองพิภพ)
  • ถึงกระนั้นก็มิบังอาจเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนอย่างยิ่ง เพราะนิสัยและความสามารถในการอ่านและการเขียนของเราช่างหลุดออกมาไกลจากนิยามของอาชีพนักเขียนเหลือเกิน
  • แต่คือปะป๊าฯ ก็น่าจะสนุกมากนะ ใครๆ ก็ว่างี้กัน อันนี้อวยตัวเองเลยเผื่อมีคนซื้อเพิ่มอีกสักสองเล่ม 5555
  • ทีแรกคุยหนุงหนิงกับหนุงหนิง คืออยากรู้ชีวิตในวงการคนทำหนังสือ (แนวนี้ – ของบันจะเป็นแนวกุ๊กกิ๊กวัยหวานกว่าแซลมอน)
  • รวมไปถึงอยากรู้ว่า จากประสบการณ์การทำหนังสือที่ผ่านมาเนี่ย พอจะสรุปได้ไหมว่าคนอ่านเขาชอบตัวหนังสือที่มีนิสัยยังไงกัน 
  • ก็ได้คำตอบว่า เดี๋ยวนี้เขาชอบแบบที่มินิมัลๆ น้อยๆ อ่านง่าย คนเขียน(หน้าใหม่หรือนักอยากเขียนก็ตาม)ก็หันมาเขียนสไตล์นี้กันทั้งนั้น
  • ก็เข้าใจนั่นแหละว่ามาจากนิสัยการอ่านที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วย พูดหยาบๆ ก็คือเราอ่านกันลวกๆ ขึ้น อะไรก็ได้ สั้นๆ เร็วๆ ถามว่าอินเทอร์เน็ต เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์มีผลไหม น่าจะมี? (คงมีคนวิจัยกันมาแล้วบ้างแหละ)
  • ผมบอกไปว่าตัวเองกลับไม่ค่อยชอบไอ้อะไรที่เป็นลิสต์ๆ (นึกภาพว่าแบบ 20 วิธีนั่นนี่ หรือ 100 ขั้นตอนสู่ความนี่นั่น (คุ้นๆ)) คือสรุปกับตัวเองได้ว่าพอได้อ่านไปแล้วมันเป็นหนังสือที่สามารถวางได้ลง อ่านแล้วไม่ติด ไม่ได้ผูกพันกับหนังสือแบบค่อยๆ ก่อความรู้สึกชอบมากขึ้นเรื่อยๆ จบไปฟินออกัสซั่มเอาช่วงจบเล่ม ต่างจากหนังสือที่เป็นเรื่องๆ เล่าเรื่องเดียวกันยาวไปจนจบเล่ม โอเคอาจจะมีการแบ่งซอยเป็นประเด็นย่อย แต่ว่าพอขึ้นตอนใหม่มันจะมีเรื่องราวของตอนก่อนๆ มีสะสมพอกพูนให้เกิดความประทับใจกับเนื้อหาขึ้นอีกหน่อย
  • ซึ่งบางทีไอ้การเป็นลิสต์ๆ นี่ก็รวมถึงบทความรวมเล่มด้วย เหมือนหยิบมาหนึ่งหัวข้อใหญ่ เล่าไปทีละหัวข้อย่อย จบตอนแล้วจบไป ขึ้นตอนใหม่ก็เป็นอีกหัวข้อนึง ไม่ได้ผูกพันกัน พอ่านแล้วมันเลยรู้สึกว่าเดี๋ยวขี้คราวหน้าค่อยหยิบมาอ่านใหม่ได้ หรือถ้าจะลืมวางไว้ อีกสามเดือนค่อยกลับมาอ่านใหม่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
  • ถ้าเป็นการ์ตูนก็เป็นแนวจบในตอนงี้ ปีนึงออกเล่มเดียวก็ได้ ไม่เหมือนอย่างฮันเตอร์หรือเบอร์เซิร์ก ที่ยิ่งอ่านยิ่งติด แล้วแม่งก็ไม่ออกซะที ห่ามาก คนเขียนแต่ละคนนี่มึงแกล้งคนอ่านชัดๆ
  • คือรสนิยมส่วนตัวรู้สึกว่า ไอ้อะไรที่เป็น 10 ข้อ 20 วิธีเหล่านั้น มันเป็นลักษณะของข้อมูลที่อ่านแค่หัวข้อก็พอ ที่เหลือคือส่วนขยายของหัวข้อ เป็นนิสัยในการอ่านที่ไม่ดี เชื่อว่าน่าจะได้มาจากการใช้อินเทอร์เน็ต ยิ่งทวิตเตอร์นี่ตัวดีเลย เห็นแค่พาดหัวข่าวตามด้วยลิงก์ก็กดอาร์ทีแล้ว ยังไม่ทันได้กดเข้าไปอ่านส่วนขยาย แต่ปากก็พูดเหมือนได้อ่านมาแล้วอย่างละเอียด ซึ่งไม่ดีเลย
  • หนังสือที่ซื้อมาจากงานหนังสือเอย จากที่นั่นที่นี่เอย เลยยังคงมีวางกองไว้ในชั้น “รออ่าน” ที่บ้านตั้งหลายเล่ม นี่หนาเป็นศอกสองศอกแล้วได้มั้ง กะว่าว่างเมื่อไหร่ค่อยหยิบมาอ่าน ซึ่งไม่ดีเลยเช่นกัน
  • ดังนั้นเวลาเขียนบล็อกก็เลยฝึกนิสัยตัวเองว่าจะไม่เขียนเป็นลิสต์
  • แบบนี้
  • แต่จะรักษานิสัยการเขียนแบบ คำนำ เนื้อเรื่อง สรุป อย่างที่เรียนมาตั้งกะประถมมัธยมต่อไป เพราะรู้สึกได้ว่ามันดูพยายามดี ส่วนคนอ่านจะเปลี่ยนไปเพราะชอบแบบรวบรัดมากกว่า หรืออะไร ก็เรื่องของเขาสิ อย่างน้อยขอให้ทักษะนี้ยังติดกบาลไว้อยู่หน่อย ก่อนที่จะสลับโหมดไปเล่นทวิตเตอร์ซึ่งมึงคืออาณาจักรแห่งลิสต์ต่อไป
  • ป.ล.ที่จริงบล็อกตอนนี้เอาเครื่องหมายจุดหน้าข้อออกไป มันก็คือการเขียนแบบธรรมดา แต่จะลองยัดใส่ bullet ดูว่าเนียนไหม สรุปว่าไม่เนียน
คอมเมนต์