Pebble Time : มันคือนาฬิกาก๊องแก๊งที่โอเค

Pebble Time

หลายวันก่อนไปบ้านคุณมะเดี่ยว (ใครเหรอ? – เอ๊า คุณมะเดี่ยวไง) คุณมะเดี่ยวหันไปหยิบนาฬิกาเรือนนึงที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเอาคินเดิลมาสวมข้อมือชัดๆ เท่านั้นยังไม่พอ มันบิ๊วว่า พี่แอน ซื้อเลย โคตรเหมาะกับพี่เลย

“ยังไงวะ?”

นั่นเป็นคำถามที่… ถ้านี่เป็นการขายตรง การถามชงแบบนี้คือเหยื่องับเบ็ด 100% ครับ

ย้อนไปสมัยตอนอยู่ ม.ต้น ผมเคยใส่นาฬิกาข้อมือเพราะแม่ได้มาฟรีจากบริษัทขายตรง (อ้าว ขายตรงอีกแล้ว) แต่ใส่ได้ไม่นานก็พังไง ตั้งแต่นั้นมาผมก็กลายเป็นมนุษย์ที่ไม่คิดจะใส่อะไรให้หนักร่างกายอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยแหวนเงินทอง (เพราะเกะกะ? – เปล่า กูไม่มีตังค์ซื้อ) หลังๆ เป็นหนักขนาดที่เวลาออกนอกบ้านก็ไม่ค่อยใส่กางเกงใน นี่เพิ่งมาเลิกในระยะหลังๆ ที่ลูกสาวชอบวิ่งมาเกาะขาแล้วดึงกางเกงโดยไม่ได้ตั้งใจ…

กลับมาๆ

ถึงจะบอกว่าไม่ชอบเกะกะ แต่เอาเข้าจริง เวลาออกจากบ้านทีไรก็ต้องหยิบภาระติดมือไปด้วยเสมอ ได้แก่ พวงกุญแจ, แว่นตา, โทรศัพท์มือถือ, กระเป๋าตังค์ นั่นจึงทำให้พูดได้ไม่เต็มปากแล้วแหละว่าเป็นคนไม่เยอะ

และความที่เป็นพวกชอบเสพข่าวเทคโนโลยี และตามข่าวพวกของเล่นไฟฟ้าที่ออกมาใหม่ๆ ไม่เว้นวัน (นี่อย่างวันที่เขียนก็มีงานเปิดตัวสินค้าไฮเทคโฉ่งฉ่างที่สเปน รูดไทม์ไลน์ก็เจอแต่นั่นนี่มากมาย กรี๊ดๆๆ) เลยกะว่ายังไงเดี๋ยววันหนึ่งคงได้กลับมาซื้อนาฬิกาใส่สนองกิเลสกับเขาอีกครั้งแน่ๆ คือรู้ตัวเองดีพอๆ กับที่ปิดไว้ไม่ยอมบอกเมียนั่นแล

ด้วยความที่เป็นติ่งกูเกิล ตอนนั้นเลยเล็งพวก Android Wear สักเจ้า คือเกือบมาลงที่ Moto 360 แล้วครับ เพราะดูอะไรๆ มันลงตัวเกือบทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่อีแถบดำปื้ดๆ ด้านล่างสุดของมัน ในสายตาของคนชอบงานออกแบบแล้วรับไม่ได้จริงๆ แม่งทำมาแบบปล่อยปัญหาไว้ต่อหน้าต่อตา เกลียด เหมือนจอเสียอะ เสียใจ

แล้วที่รับไม่ได้จริงๆ ของนาฬิกาไฮเทคยุคนี้ (ที่น่าจะเป็นยุคแรกๆ ของอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตแบบสวมใส่ ที่ต่อไปมันจะกระโดดไปได้ไกลกว่านี้มากๆ) นั่นคือแบตเตอรี่ การที่ต้องใส่ๆ ถอดๆ ชาร์จๆ แม่งทุกวันนี่ถือว่าอุบาทว์มากอะ โลกเราพัฒนาอะไรๆ ไปได้ไกลมากแล้ว แต่เรื่องการกักเก็บพลังงานนี่ยังแบเบาะจริงๆ สมมติสามสิบปีผ่านไป มีลูกหลานผ่านมาอ่านบล็อกนี้ก็ช่วยเห็นใจคนรุ่นปู่ด้วยนะ

ทั้งหมดที่ว่ามา ก็เลยไม่ได้ปักใจฟันธงไปซื้อนาฬิกาฉลาดของเจ้าไหนสักที

นี่เราไม่พูดถึงนาฬิกาแอปเปิลที่เขาว่าเดิมพันกันสุดขั้วจะให้เป็นอนาคตของบริษัทนั่นนั่นละกันนะ ไม่มีความเจ๋งเลยสักนิดอะ ถึงขนาดได้มาฟรีก็เอา (เอามาขายต่อ ได้ตังค์ เย้)

อ้อ อันที่ไม่ใช่ Android Wear แต่พอเข้าเค้าก็คือ Samsung Gear Fit ชอบที่มันราคาไม่แพงและเล็กดี แถมเรายังใช้มือถือยี่ห้อนี้ด้วย มันน่าจะทำอะไรๆ ร่วมกันได้พอสมควร แต่ก็ไม่เห็นคนรอบกายใช้ เลยไม่กล้าแทงข้างนี้

กลับมาที่คุณมะเดี่ยว

อีเดี่ยวใช้ Pebble รุ่นคลาสสิกเลยมั้ง ผมสนใจตั้งแต่สมัยเขาเปิดระดมทุนแล้ว เลยถามเรื่องสรรพคุณดู ก็ได้คำตอบเรื่องสเป็กนั่นนี่อย่างที่เคยอ่านมาตามเว็บข่าว-รีวิวสินค้าไอทีนั่นแหละ แต่เคยเห็นของจริงแค่ผ่านๆ ไม่ได้ลองจับลองกดบี้ขยี้ขยำเหมือนอันนี้ ซึ่ง เฮ้ย ของจริงมันดูโอเคกว่าที่อ่านๆ มาแฮะ

เอาเป็นฟีเจอร์คร่าวๆ ละกันนะครับ ใครที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าจะไปหาอ่านสรรพคุณที่อื่นที่เขาตั้งใจเขียนดีๆ ได้เนอะ

  • บอกเวลาได้ (…)
  • ทำงานร่วมกับแอปในมือถือได้ ตั้งค่า และซิงก์นั่นนี่ข้ามกัน
  • ลงแอปได้ เป็นแอปสำหรับ Pebble โดยเฉพาะ ไม่ค่อยเยอะแต่ก็สนองเจตนารมณ์พื้นฐานได้ คือไม่ได้พยายามจะเป็นมือถือในรูปของนาฬิกา แต่มันคือนาฬิกาสำหรับคนมีมือถืออยู่แล้วไง ดังนั้นอยากเวอร์ไปเวอร์ในมือถือนู่น อันนี้ลงมากเดี๋ยวแบตหมดไว
  • เปลี่ยนดีไซน์หน้าปัดได้ มีแบบเยอะแยะให้เลือกโหลด หรือถ้าพลังเยอะก็ออกแบบเองได้
  • เออ ตัวหน้าปัดนี่ไม่ได้อะไรมากหรอก ก็เป็นจุดๆ ขาวดำ รุ่นใหม่ขึ้นมานิดนึงก็มีสีด้วย แต่เป็นจอแบบ E-ink ซึ่งแสดงหน้าปัดค้างไว้ได้ตลอดโดยไม่ได้ใช้ไฟฟ้า จะใช้ก็แค่ตอนเปลี่ยนจอหรือขยับดุ๊กดิ๊ก ให้ความรู้สึกเหมือนพก Kindle ไว้บนข้อมือ
  • หน้าจอมันเห็นชัดแม้ไม่มีแสงไฟ แต่ถ้าอยากเห็นชัดกว่านั้นก็สะบัดข้อมือ แสงจะแวบออกมา (ค่าดีฟอลต์คือ 3 วินาที แล้วจะดับไปเองเพื่อเซฟแบต) อันนี้ยิ่งเห็นชัด ชัดขนาดเป็นไฟฉายตอนอุ้มลูกไปฉี่กลางดึกได้เลย
  • กันน้ำ แต่เวลาอาบน้ำผมก็ถอดอยู่ดี ไม่ชอบเวลามันเปียกเหนอะหนะง่ะ
  • มีฟีเจอร์นับก้าวได้ ตั้งใจไว้แม่นมั่นว่าถ้าได้ใส่แล้วจะเดินให้ไดวันละหมื่นก้าว แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ถึง เป็นกรรมของคนทำงานเลี้ยงลูกเล็กอยู่บ้าน #ข้ออ้าง
  • ทดลองมาหลายวันพบว่าแบตมันอึดใช้ได้ นี่ใช้มาจะครึ่งเดือนแล้วมั้ง ชาร์จไป 2 ครั้ง (รวมครั้งแรกที่ลองชาร์จเล่นๆ)

คุณมะเดี่ยวบอกว่าข้อดีที่สุดของมันคือการสั่นปลุก ถึงจะฟังดูธรรมดา แต่เฮ้ย มันโอเคว่ะ คือเราตั้งค่าให้มันทำงานร่วมกับแอป Sleep as Android ให้มันปลุกตอนเราใกล้ตื่น อยู่ในระยะหลับตื้น ก็ตื่นมาสดใสปิ๊งปั๊ง อันนี้ลองแล้วบุ๋มว่าดีค่ะ

นอกนั้นก็คือการสั่นเตือนธรรมดาอย่างที่นาฬิกาไฮเทคทั่วไปพึงมี เช่นมีคนโทรเข้ามา แสดงบนหน้าจอว่าใครโทรมา จะกดตัดสายเลยก็เชิญ หรือกดปุ่มลัดให้มันส่งข้อความกลับไปว่างั้นงี้ได้ (โปรมือถือที่ใช้ดัน SMS ไม่ฟรี เลยไม่ใช้อันนี้)

แล้วก็ อะไรอีกวะ อ้อ มันแสดงโนติจากแอปต่างๆ เวลามือถือเด้งแอปไหนมันก็จะสั่นหงึกๆ เรียกให้ไปมองจอ เหมาะกับคนติดโซเชียล แต่ไม่เหมาะกับเรา เลยปิดให้หมด (เลือกปิดได้)

ทั้งนี้ ผมซื้อรุ่น Pebble Time สีดำธรรมดาๆ มาตอนมันจัดโปรลดราคา ส่งเข้าไทยแบบลงทะเบียนธณรมดา กะว่าเดี๋ยวศุลกากรคงเรียกภาษีเพิ่ม (เห็นใครไม่รู้บอกว่า 9 ใน 10 คนจะโดน ก็โอเคตามกติกานี้) ปรากฏว่าไม่โดนเพิ่มแฮะ เลยสรุปได้มาในราคาสุทธิประมาณ 5,000 บาทหน่อยๆ

ก็บอกเมียไปว่าจะเริ่มออกกำลังกายง่ายๆ แล้วนะ (เอาเรื่องนี้บังหน้าก่อนพูดเรื่องนาฬิกา) เมียเลยบอกว่าโอเค เดี๋ยวเมียจะซื้อกระเป๋ากับ SK-II (อะไรสักอย่างนี่แหละ) บ้างเพื่อความสมดุล

อั้ก

ถ้าไม่ใช่ Note 5 ยังไงก็ไม่ใช่ Note 5 (รีวิวจากการใช้จริงรัวๆ)

คำถาม: โห ช้าจัง โน้ตห้าออกมาตั้งเป็นเดือนแล้ว ทำไมเพิ่งมาเขียน?
คำตอบ: โธ่พี่ จะไปเขียนเร็วแข่งกับชาวบ้านทำไมล่ะ ขอใช้งานจริงๆ ก่อนสิครับ

ก่อนหน้านี้ผมไปร่วมแคมเปญ “ถามให้หมด Note ตอบได้” กับเว็บ Droidsans.com โดยมีกติกาคือ ในช่วง 7 วันของแคมเปญนี้ ทางทีมงานจะระดมตอบคำถามที่มีคนสงสัยเกี่ยวกับโน้ตห้า แล้วโพสต์ลงในโซเชียลต่างๆ แล้วก็เข้าไปตอบ แต่ตอบเป็นคลิปสั้นๆ นะ นอกจากทีมพิธีกรจาก Droidsans แล้ว ผมเองก็ไปติดร่างแหแจมกะเขาด้วย เลยได้ลองจับ ลองคลำ พร้อมหาคำตอบให้กับผู้สงสัยมาทั้ง 7 วัน 7 คืน

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผมพอได้รู้ตื้นลึกหนาบางของมือถือรุ่นนี้ พอได้มาใช้งานจริงๆ ทำเครื่องตกพื้นจริงๆ (ตั้งแต่วันแรกเลย บัดซบ T-T) ผมจึงได้ล้วงแคะแกะเกา ปรับนั่นจูนนี่ และใช้ประโยชน์มันทุกส่วนทุกฟีเจอร์จนหนำใจ (เรียกว่าใช้จนปรุก็ว่าได้) แล้วจึงค่อยมาเล่าให้อ่านกัน ใครที่ยังลังเลหรือรอเปรียบเทียบกับมือถืออื่นๆ ก็ลองดูนะครับ แต่บล็อกนี้มีเนื้อหายาวมาก ถ้าขี้เกียจอ่านก็แนะนำให้เลื่อนๆ กวาดๆ ดูภาพ ดูหัวข้อที่สนใจก็ได้ครับ Continue reading ถ้าไม่ใช่ Note 5 ยังไงก็ไม่ใช่ Note 5 (รีวิวจากการใช้จริงรัวๆ)

รักษาอาการเสพติดมือถือ ด้วยแอปมือถือ (งงไหม)

เข้าเรื่องทันที… แอปนี้ชื่อว่า UBhind ครับ โหลดฟรีเช่นเคย

เรื่องของเรื่องก็คือ มีอยู่พักนึงที่ชาว #ทีมโน้ตสี่ ในกรุ๊ปไลน์ (มีอยู่แค่ 6 คน) ลุกขึ้นมาแข่งกันว่าในแต่ละวัน ใครจะสามารถลดละเลิกการเสพติดมือถือได้มากกว่ากัน แน่นอนว่ามันก็คงมีแอปอะไรที่สร้างขึ้นมาตอบโจทย์แบบนี้อยู่แล้ว เลยลองดูหลายๆ แนวทาง

บางแอปคิดออกมาได้ซิมเปิลมาก ก็คือดักพฤติกรรมการกด unlock ว่าเราเปิดจอดูวันละกี่ครั้ง บางแอปก็เพิ่มลูกเล่นขึ้นมาอีกหน่อยคือมีเปรียบเทียบกะวันก่อนๆ เป็นกราฟได้ บ้างก็มีปุ่มแชร์ให้ชาวบ้านดู อะไรก็ว่ากันไป

แต่อี UBhind นี่คือขั้นสุดครับ พอลงปั๊บมันจะแอบทำงานอยู่เบื้องหลัง (กินแบตและทรัพยากรเครื่องแน่นอน อันนี้ต้องดูว่าจะยอมแลกกับความสามารถที่มันให้มาไหม พอดีมือถือแบตอึดน่ะนะ เลยไม่ซี) แล้วแอบบันทึกสถิติการใช้งานของเราหลายอย่างมาก เช่น

UBhind

ดูว่าวันหนึ่งเราใช้มือถือไปกี่ชั่วโมง ใช้ดาต้าไปกี่กิ๊ก ไวไฟไปเท่าไหร่ เปิดหน้าจอวันละกี่ครั้ง เปิดแอปอะไรไปกี่นาทีกี่ชั่วโมง! คืออันหลังนี่โหดเลยครับ มันจะบอกว่าเราซื้อมือถือมาทำอะไรบ้าง พฤติกรรมการใช้งานในแต่ละวันคุ้มตังค์ไหม 5555 แต่พอดีเมื่อวานนี้ผมทำงาน (นี่ทั้งเดือนเพิ่งได้มานั่งทำงานจริงจังก็เมื่อวาน ชีวิตสลอธน่ะนะ) ก็เลยเปิดยูทูบไปเป็นเพื่อน สรุปคือล่อไป 5 ชั่วโมงรวด

งั้นลองสุ่มมั่วเอาของวันก่อนๆ ละกันครับ เหตุการณ์ปกติ กราฟจะออกมาทำนองนี้ Continue reading รักษาอาการเสพติดมือถือ ด้วยแอปมือถือ (งงไหม)

ลองทำคลิป Hyperlapse ด้วยแอปของ Microsoft

ก่อนอื่นดูคลิปนี้นะ เขาทำมาสักพักละ

เป็นโครงการเจ๋งๆ ของไมโครซอฟท์ที่ทำให้การถ่ายวิดีโอมีความราบรื่นจนน่าตกใจเหมือนใช้อุปกรณ์กันสั่นเมพๆ (แต่อันนี้ไม่ต้องลงทุนอะไรนอกจากมือถือ) หลักการทำงานคือ โปรแกรมมันจะซอยคลิปที่เราถ่ายมาแบบสั่นๆ นี่แหละ แล้วคำนวณ ปะผุ ซ่อมสภาพแวดล้อมโดยอาศัยเนื้อภาพจากเฟรมก่อนหน้าและถัดไป ผลออกมาจึงทำให้คุณต้องอึ้ง! เมี้ยว (พ่อง)

จนในที่สุดพอเห็นข่าวนี้ที่ Droidsans (ถ้าขี้เกียจกดไปอ่าน ข่าวเขาบอกว่า แอปนี้ออกรุ่นทดสอบแล้ว ใครมีมือถือรุ่นที่แอปรองรับ แล้วอยากลองเล่นก็เชิญ) ก็เลยตื่นเต้นกระพือปีก ว่าเฮ้ย เขาทำมาแจกเลยว่ะ ต้องโหลดมาลองเล่นดูบ้าง

จะว่าไปก็เคยเจอประสบการณ์ที่ดีกับบริษัทนี้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน กับโปรเจ็กต์ Microsoft ICE ในยุคที่ยังไม่มีโปรแกรมไหนที่ต่อพาโนรามาได้ดีเลย (สมัยนั้นยังโหลดเถื่อนมาแคร็กเล่นอยู่ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีเถื่อนตัวไหนที่ดีเลย) แล้วอีบ้าตัวนี้ก็ทำออกมาแจกฟรี!

กลับมาเข้าเรื่อง คราวนี้เป็นตัวแอปบนแอนดรอยด์บ้าง ไปกดเข้าร่วมทดสอบรุ่นเบต้าได้ที่ Microsoft Hyperlapse Mobile for Android Preview

แล้วก็โหลดมา ถ่าย กดเรนเดอร์ เสร็จแล้ว! ประทับใจที่มันเย็บและผลิตออกมาเร็วมาก ทีแรกคิดว่าจะคิดเยอะ ช้า อืด อะไรแบบนี้ แต่ไม่เลย


เร่งความเร็วเป็น 8x แล้วดูความเนียน น่ารักดี รถวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ

.


นี่เร่ง 16x ภาพเนียนมาก เหมือนคลิปเก่าๆ เลย (ว่าแล้วก็เปิด YuTube Editor แล้วย้อมเป็นสีซีเปีย)

เสียดายไม่ได้เก็บต้นฉบับตอนถ่ายดิบๆ เอาไว้ แต่ช่างมัน เพราะมีเสียงพูดจากน้องเมียที่กำลังนินทาคนนั้นคนนี้ลอดเข้ามาด้วย มันจะไม่งาม

ทีนี้ใครถ่ายพระอาทิตย์ตกดินแบบเร่งสปีด (Time-lapse) หรือพาทัวร์อาคารสถานที่แบบเก๋ๆ ก็คงง่ายขึ้นกว่ามานั่งถ่ายภาพนิ่งทีละแชะๆๆ แล้วหาทางเย็บติดกันเป็นคลิป หรือต้องไปพึ่ง After Effects (เสียเงิน) แล้วลงนั่นนี่ให้เมื่อยละ ใช้ไอ้ตัวนี้เจ้าเดียวอยู่

รีวิว Galaxy Note Edge: สั่ง Note 4 เพิ่มขอบชีส

ถ้าไม่ชอบอ่านยาวๆ ผมมีเกริ่นก่อนไว้ก่อนดังนี้ครับ

  • บล็อกตอนนี้ยาวและมีภาพเยอะมาก ใครอ่านในมือถือแล้วมีโปรเน็ตจำกัด กรุณากดหยุดตั้งแต่บรรทัดนี้ครับ เอ้า กดเลย
  • ขอออกตัวว่าเป็นติ่ง Galaxy Note ครับ เคยเขียนอวยสุดคมไว้ด้วย ดังนั้นรีวิวนี้จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานอคติที่ว่า “ไอ้นี่มันเชียร์โน้ตอยู่แล้วแหงๆ” …และก็จริงตามนั้นครับ (อ้าว)
  • มือถือเครื่องปัจจุบันที่ซื้อมาใช้คือ Galaxy Note 4 สีขาว ซึ่งจะปรากฏตัวเพื่อเปรียบเทียบกับ Note Edge เป็นระยะๆ นั่นเป็นความตั้งใจของรีวิวนี้ เพื่อจะหาคำตอบว่า การมีขอบโค้งๆ เพิ่มมาในราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มจากปกติ 3,000 บาทนั้น มันคุ้มไหม
  • รีวิวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากซัมซุง ซึ่งไม่มีผลต่อการเขียนนะครับ (คือตรงไหนไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ)โดยซัมซุงส่ง Note Edge มาให้ผมถูไถเล่น และเอามาใช้อวดญาติมิตรประดุจมือถือตัวเองเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  • พวกข้อมูลสเป็ก ชื่อซีพียู เบนช์มาร์ก อะไรที่เป็นตัวเลขเนิร์ดๆ นั่น ไม่มีเขียนนะครับ ถ้าอยากรู้ไปกูเกิลเอาเอง

เข้าเรื่องกันเลยนะ…


Continue reading รีวิว Galaxy Note Edge: สั่ง Note 4 เพิ่มขอบชีส