พี่แอ๋วโดนผีเด็กหลอก

เนื่องจากเมียจะคลอดลูกสาวในวันมะรืนที่จะถึงนี้แล้ว แถมในโหมดงานเขียนหนังสือ อี บ.ก.กายมันก็เริ่มใช้วิธีทวงต้นฉบับแบบแอดวานซ์ขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจว่าจะวาดการ์ตูนนินทาลูก (อยู่ในอีกบล็อก) และเขียนบล็อกเล่นเพื่อหนีปัญหาทั้งปวง

และนี่คือส่วนขอบล็อกหนีปัญหา ขอเขียนเร็วๆ เหมือนเดิม ไม่สละสลวยก็ขออภัยครับ

.

พี่แอ๋วเป็นแม่บ้านฟรีแลนซ์ที่มาช่วยทำงานบ้านมาปลายปีแล้วครับ (สมาชิกบ้านผมเป็นพวกสกปรกทั้งผัวทั้งเมียเลยต้องจ้างมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์) อุปนิสัยโดดเด่นของแกนอกจากจะคุยเก่งมากจนเป็นเพื่อนเล่นกับนิทานได้อย่างไหลลื่นแล้ว แกยังเป็นนักเล่นหวยตัวยง

ยิ่งแท็กทีมกับแม่ยายผมด้วยแล้ว มีเลขเด็ดที่ไหนยังไงอย่าได้พลาด มีโทรรายงานและติดตามผลกันตลอดแบบเรียลไทม์ (เป็นโซเชียลของคนเล่นหวย)

ล่าสุดช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา แกขอลาหยุดไปเฝ้าไข้พ่อที่สกลนครครับ หลังจากหยุดไปหลายวัน ก็ได้เจอแกมาจอดจักรยานหน้าบ้าน ทำหน้าตาตื่นแล้วบอกว่า “พี่โดนผีหลอกว่ะแอน”

ผมวางมือจากหน้าที่การงานตรงหน้า แล้วนั่งตั้งใจฟังทันที

แกบอกว่าพี่แกป่วยด้วยโรคคนแก่ เลยไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล ซึ่งห้องพักคนไข้นั้นมีเตียงผู้ป่วยหลายเตียง และห้องน้ำติดๆ กัน 6-7 ห้อง

พอกลางดึกพี่แอ๋วปวดท้อง บรรยากาศในห้องก็มืดสนิทแบบหนังผีนี่แหละ เลยเดินไปเปิดไฟห้องน้ำแล้วปฏิบัติการกู้โลก ขณะที่แกอุ๊จอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงห้องน้ำข้างๆ ที่อยู่ติดกัน “กดชักโครก” แกมั่นใจมากว่าไม่มีใครลุกมาในยามวิกาลแบบนั้นแน่ๆ โอเค นั่นผีชัวร์ ขี้หดตดหายเป็นแบบนี้นี่เอง แกเลยรีบตัดจบธุระส่วนตัวแล้วเปิดประตูออกมา ก็พบบรรยากาศข้างนอกที่เงียบและมืดสนิทเหมือนเดิม

“เสียงท่อจากชั้นอื่นหรือเปล่า คนอยู่คอนโดเขาก็เจอกันแบบนี้” ผมแย้ง
“แต่ห้องพักคนไข้มีชั้นเดียวนะ” แกแย้งกลับ …สรุปว่าเป็นผีละกันนะ จะได้สบายใจ

นอกจากนั้นแกยังบอกอีกว่าพอแกมานอนหลับ แกฝันเห็นผีเด็กมาหาถึงเตียงด้วย! ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเรื่องผีในฝันมันไม่เร้าใจสำหรับพี่ป๋องเท่าไหร่ แล้วเราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ คือวันนี้ พี่แอ๋วมาทำความสะอาดที่บ้านอีกครั้ง

“แอน จำเรื่องผีเด็กที่พี่ว่าได้ไหม” ผมหันไปสนใจอีกที ผีอีกแล้วเหรอพี่แอ๋ว
“จำได้ไหมหวยงวดล่าสุดออก 22” แหม จำได้สิครับ ผมกับเมียซึ่งไม่ได้สนใจเรื่องวงการหวยเลยสักนิด ก็ได้ subscribe รับทราบข่าวสารจากพี่นี่แหละ แถมงวดล่าสุดแม่ยายผมก็รับทรัพย์มาหลายบาทจากอีเลขนี้แหละ (ร้ายมาก)

“เลขเตียงพ่อพี่มันคือ 22 ว่ะ”
“เฮ้ย งั้นก็รวยเลยสิ”
“รวยอะไร พี่นะอุตส่าห์ตั้งใจจะซื้อ 22 นี่แหละ แต่ผีเด็กมันหลอกพี่”
“ยังไง” (เขียนประโยคละบรรทัดงี้ง่ายดี เดี๋ยวจำไปใช้ในหนังสือมั่งดีกว่า)
“ในฝันคือมันเปิดประตูเข้ามา ยื่นกระดาษเล็กๆ ให้ใบนึง แล้วพี่เห็นว่ามันเขียนว่า 92”
“แล้วพี่ซื้ออะไร”
“92”
“…”
“…”

เคยฟังโจ๊กคลาสสิกประมาณนี้มาก็หลายเวอร์ชัน ไม่คิดว่าจะได้เจอกับคนใกล้ชิดขนาดนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอครับ

“แล้วตอนตีสี่ที่สะดุ้งตื่นมา พี่จะออกจากโรงบาล ก็เห็นว่ามีกระดาษใบเล็กๆ ตกคว่ำอยู่จริงๆ มันคว่ำอยู่ พี่นะขนลุกเลย เหมือนกับในฝันมาก แต่ก็โกยๆ ใส่กระเป๋าติดกลับมาเพราะคิดว่าคงเป็นขยะจะเอาไปทิ้ง แล้วก็ลืม ไม่ได้เปิดดูอีกเลยจนหวยออกนี่แหละก็เพิ่งมาเห็น”
“อย่าบอกว่าในนั้นเขียน 92 แบบที่ผีมาเข้าฝันจริงๆ นะ ถ้าใช่นี่จะสุดยอดเลย”
“เฮ้ย เหมือนกันจริงๆ แต่มันไม่ใช่เลข 92 นะ”

พี่แอ๋วเดินไปค้นๆ ในกระเป๋าสัมภารกของแก แล้วหันกลับมาให้ผมดู

.

.

.

.

.

.

.

.

.

22

มันคือเลขเตียงของพ่อแกนั่นเอง

คดีสยองสองเรื่องควบ

พอดีเมื่อวานได้ฟังเรื่องน่ากลัวมาจากคนใกล้ตัว และเป็นเหตุการณ์ใกล้ตัว เลยเอามาทวีตเล่าก่อนนอน ปรากฏว่าคนสนใจกันเยอะ จนกล่องเมนชันระเบิดเลย เลยขอก็อปปี้มาลงในบล็อกอีกทีครับ (ขอเตือนว่าเรื่องที่สองนี่ขวัญอ่อนอย่าอ่าน แต่เรื่องแรกเอาไว้เตือนใจและเตือนสติ ควรอ่าน)

เรื่องแรกเกิดที่ลาดพร้าว

https://twitter.com/iannnnn/status/382156118908100608

https://twitter.com/iannnnn/status/382156437184462848

อันนี้ลิงก์ข่าว: โจรปาดคอนักข่าวคา ซ.เสือใหญ่ชิงมือถือ สาหัส-นอน ICU

ส่วนของเพื่อนผมไม่มีข่าวอะไร แค่ตำรวจรับแจ้งความแล้วก็บ่นว่าทำไมมาแจ้งช้า เสร็จแล้วก็แค่ลงบันทึก เงียบไป คนที่ไปสืบสวน สัมภาษณ์นักข่าวเคราะห์ร้ายต่อด้วยตัวเองก็คือตัวเพื่อนที่เป็นเหยื่อเองจนปิดคดี (คือคนธรรมดาไม่ใช่ดารา นกร้อง นักข่าวนี่ลำบากครับ กับกระบวนการยุติธรรมบ้านเรา นี่ไม่ได้พูดเหมารวม แต่สะท้อนว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ ตัวผมเองก็เคยเจออะไรแบบนี้แต่ไม่แรงเท่า (เคยเล่าในบล็อกเมื่อ 7-8 ปีก่อน) เลยเตือนไว้ว่ามัวรออย่าพึ่งตำรวจเลย

เรื่องที่สองเกิดขึ้นที่ปทุมธานี Continue reading คดีสยองสองเรื่องควบ

เรื่องผีเรื่องที่ 3 ที่เจอในชีวิต ที่ศาลาริมสระแก้ว

หลังจากเรื่องการเมืองช่วงหัวค่ำที่สุดจะคึกคักในช่วงหัวค่ำคืนนี้ ในไทม์ไลน์ก็มีเรื่องผีมาต่อกันยันดึกดื่นเลยครับ ผมเลยไปผสมโรงด้วยการเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาบ้าง อันนี้บอกไว้ก่อนว่าไม่ค่อยน่ากลัวนะ แต่ใครที่เคยพบอะไรแบบนี้มาก็จะเข้าใจดีเลยครับว่า .. แม่งต้องเจออ้ะ ไม่งั้นนึกภาพไม่ออกจริงๆ

อ้อ ผมดึงข้อความมาจากทวิตเตอร์ ไม่รู้บริการ Storify นี่มันจะให้เราใช้ฟรีไปยาวนานขนาดไหน หรือเว็บมันจะเพี้ยนจนดึงมาแปะแล้วพิกลพิการแค่ไหน ก็เอาเป็นว่าถ้าอ่านไม่สะดวกหรือโหลดไม่ขึ้นก็จิ้มไปดูเต็มๆ ในนี้เอานะครับ: Storify

https://twitter.com/iannnnn/status/208980985084252160

https://twitter.com/iannnnn/status/208983552648421376

https://twitter.com/iannnnn/status/208984523394912258

//แก้ไข 14 มิ.ย.
Storify มันเน่าๆ เลยเอาลิงก์มาใส่ตรงๆ เลย แต่ที่เหลือยังโหลดไม่ขึ้นแฮะ
แจ้งไปละ เดี๋ยวเขาคงแก้ แล้วจะแก้ตามให้ครบครับ http://storify.com/iannnnn/3

ป.ล.
ติดไว้อีก 2 เรื่อง ไว้หาโอกาสเล่าคราวหน้าเด้อ

ผีหางตา

(ต่อไปนี้จะหัดเขียนแบบตัดประโยคทีละย่อหน้าแบบชาวบ้านเขาดูบ้าง เพราะที่ผ่านมาเขียนแบบกด Enter ท้ายบรรทัดให้มันกว้างเท่าๆ กันมาตลอด รู้สึกว่าเป็นธรรมเนียมที่น่ายกเลิก)

ทุกวันเวลาผมเลิกงาน และกลับบ้านด้วยรถประจำทางเนี่ย กว่าจะถึงแถวหน้าบ้านก็ล่อไปสองสามทุ่มละ มันจะมีจังหวะที่ต้องสะดุ้งทุกที (ย้ำว่าทุกที) ครับ เพราะนอกจากตรงนั้นจะมืดมาก เปลี่ยวมากแล้ว มันยังเป็นกำแพงวัดด้านหลังเมรุซะด้วย

อ่านดูแล้วยังกะหนังผีพล็อตโบราณๆ ที่เอะอะไอ้คนเล่าแม่งต้องเดินผ่านป่าช้าหรืออะไรแบบนี้ทุกที แต่ขอโทษครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าวันนึงจะได้มาเจอแบบนี้เข้ากับตัวเองจริงๆ

จุดที่ผมลงจากรถกระป๊อคือหน้าซุ้มวัด แล้วต้องเลาะเลียบกำแพงวัด เดินหลบขี้หมาแล้วไต่ทางเท้าไปเรื่อยๆ ประมาณ 100 เมตร กว่าจะถึงป้ายหน้าหมู่บ้านซึ่งมีแสงไฟ มียามหมู่บ้าน และถ้าวันไหนกลับไม่ดึกมากก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์นั่งรอผู้โดยสารอยู่ ถ้าเดินมาถึงตรงนั้นคืออุ่นใจละ กูถึงบ้านละ เดินไปจุดจอดจักรยานได้ก็ถือว่าฟิน อีกไม่กี่วินาทีจะถึงบ้านเจอหน้าลูกเมียและแมวๆ ละ

แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นครับ เพราะมันต้องผ่านจุดเปลี่ยว ที่มีผี ที่ผม “เจอทุกวัน” เสียก่อน

คือผมชอบใส่หูฟังเวลาเดินทาง เพราะพบว่ามันสงบดี ตัดขาดจากโลกอันวุ่นวายและกลิ่นเหม็นของกรุงเทพฯ ข้างนอก บางทีก็เปิดเพลง บางทีก็โหลดรายการทีวีย้อนหลังอย่างพวกตอบโจทย์ สยามวาระ หรือเทยเที่ยวไทยมาตุนไว้ในมือถือ แล้วก็เปิดคลอมาตลอดทาง นานๆ ทีจะมีคนอวดผีย้อนหลังมาแจมด้วย (ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับการฟังอย่างเดียวเท่าไหร่ เพราะมันต้องก้มลงดูด้วย)

ทีนี้พอลงจากรถปั๊บ ก็ถอดหูฟัง เพื่อเรียกตัวเองกลับมาสู่โลกแห่งความจริง และก้าวเดิน ผ่านหลังเมรุเผาศพและกำแพงวัดที่มีเฟรนด์ชิปบรรพบุรุษจำนวนมากอาศัยอยู่นั่นแหละครับ

มันจะมีจังหวะนึงที่พอเดินปั๊บ ก้มหลบป้าย แล้วเตรียมลงจากทางเท้า หางตาด้านขวา (ฝั่งเดียวกับเมรุ) ของผมจะเห็นไอ้นี่

ghost-on-the-way

เหี้ย! ไม่ใช่เหี้ยสิ ผี!

คือสะดุ้งทุกครั้ง จำได้ว่าตอนเจอครั้งแรกนี่ตกใจมากจนเดินตัวงอเลยครับ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะเคยเจอผีมาแล้วก็เลยรู้ว่ามันมีจริงอยู่ แต่หลังๆ ไม่ได้กลัวเพราะว่ามันไม่ได้เจอมานานแล้ว พอเดินผ่านไปสักสองสามก้าวก็หันมามองเพื่อดูว่าที่จริงมันคืออะไร (เป็นวิธีสยบเรื่องผีทุกเรื่องในโลก) ปรากฏว่าที่แท้มันคือต้นไม้ที่อ้วนขนาดเท่าแขนขาเราพอดี แล้วมีไม้กระดานพาดไว้

แต่จังหวะและบรรยากาศตรงนั้นนั่นแหละ พร้อมด้วยการจินตนาการต่อยอดจากภาพจากหางตาเวลาแวบเห็น ที่หลอกเราว่ามันคือสิ่งที่รูปร่างเหมือนคน ทั้งที่จริง ..แม่งก็เหมือนคนจริงๆ นะ

พอหลังๆ ลงรถและเดินผ่านตรงนั้นอีกทีทีไร ผมจะคอยจับสังเกตครับว่าผีตนนี้จะโผล่มาตอนไหน คือวันไหนสังเกตก็จะไม่สะดุ้งเพราะสปอยล์ตัวเองไว้แล้ว (ถือว่าเสียอรรถรสนะ) แต่วันไหนเสียบหูฟังคนอวดผีอยู่ ก็จะสะดุ้งเฮือกเหมือนเดิมทุกที

ก็นับเป็นการเล่นสนุกนิดๆ หน่อยๆ ก่อนเข้าบ้านครับ

อ้อ เมื่อเช้าเลยแวะถ่ายผีตนนี้มา เผื่อวันนึงมันโตขึ้นจนเกินความสูงที่สายตาจะจินตนาการให้เป็นรูปร่างคล้ายคนแล้ว จะเสียความสนุกตรงนี้ไปฉิบ

รั้ววัดลาดปลาเค้า

คำเตือน: นี่คือเรื่องผีที่ฟังจบตะกี้

ผมทำงานดึกๆ เพราะมันเงียบดี
มีวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ซื้อมาจากโรงเกลือในราคา 300 บาท (แถมรีโมตด้วย!)
ก็เปิดฟังเดอะช็อก FM101 ไปด้วย คือเปิดไม่ให้มันเงียบ ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่เพราะไม่ได้กลัว
เผลอๆ ส่วนมากจะหลับเพราะเดอะช็อกด้วยซ้ำครับ เสียงดีเจแกเนื้อยเนือย :30:

พอดีคืนนี้อยู่ดึกอีก และได้ฟังอีก แต่เรื่องที่เล่ามันน่าสนใจครับ
เลยฟังจบแล้วก็ทวีตสรุปไว้ 13 ทวีต แล้วเอามาแปะที่นี่อีกที หากินง่ายๆ แบบนี้แหละ

  • (1) สปอยล์เดอะช็อกเรื่องตะกี้เล่าดีมากครับ หนุ่มคนนี้อกหัก ไปเที่ยวทะเลกะเพื่อนแต่ลี้ไปนอนบนทรายริมหาดห่างจากรีสอร์ตพอมควร อยู่ดีๆ ก็คิดสั้น
  • (2) จะฆ่าตัวตาย แต่อยู่ดีๆ มีสาวน่ารักมาทัก (เปลี่ยวมากนะ) และนั่งเป็นเพื่อนคุยด้วย เลยได้ระบาย เล่าไปร้องไห้ไปจนเช้า เธอขอตัวลาแต่ก็นัดใหม่
  • (3) คืนที่สองเพื่อนๆ ที่มาด้วยพาไปเที่ยวตลาด (ผมว่าหัวหินแหงเลย) แต่หนุ่มนี่อยากกลับมาเจอสาวมาก (ร้ายนะมึง) ก็โบกมอไซค์ มอไซค์ไม่มีใครยอมมา
  • (4) เลยยัดไปสองร้อย อะยอม (เข้าใจว่าทางมาคงเปลี่ยวแหละ) พอส่งหน้ารีสอร์ต ไอ้หนุ่มรีบวิ่งลงหาด แล้วก็เจอสาวคนนี้นั่งรออยู่มืดๆ ริมคลื่นตามนัด
  • (5) คืนนั้นฟ้าเปิด พอได้นั่งคุยเลยรู้ว่าเฮ้ย สาวนี่น่ารักอะ แต่ก็เพิ่งถามชื่อ เธอชื่อแพรว ไอ้หนุ่มนี่ด้วยความเหงา เลยคงเริ่มจีบล่ะครับ แต่..
  • (6) ก็สังเกตว่าน้ำเริ่มขึ้นละ ปลายคลื่นซัดมาที่ขาตัวเอง แต่ของสาว คลื่นมันผ่านไปเลย เหยด.. ไอ้หนุ่มเริ่มกลัว แต่อารมณ์อกหักมันรุนแรงกว่ามากๆ
  • (7) เลยใจดีสู้เสือคุยต่อ สาวคงรู้ละ เลยบอกว่า เธอจะกลัวไหมถ้าเราไม่ได้”เป็นอย่างเธอ หนุ่มบอกไม่กลัว แต่นั่นก็จะเช้าแล้ว ทีนี้ประตูรีสอร์ตปิด
  • (8) ไอ้หนุ่มก็ซวยละ แต่สาวทำท่าอบอุ่นมากไง บอกว่านอนตรงม้านั่ง(แบบที่เขานั่งกันริมหาดหัวหินง่ะ)ก่อนก็ได้ แป๊บเดียวก็เช้า หนุ่มก็หลับ “ทันที”
  • (9) ได้ยินเสียงกวาดแกรกๆ เลยลืมตาตื่นมาพบลุงคนนึง แกถามว่า “เจอเธอใช่ไหม” … ไอ้หนุ่มงงแต่ก็ตอบรับ ลุงถามต่อ “แล้วเธอไม่ทำอะไรเหรอ” แว้ก!!
  • (10) ตอนนั้นแดดเริ่มมาละ ลุงเล่าให้ฟังว่าเธอจมน้ำตาย แล้วคอยหลอกคนที่มาพลอดรักกันบ้าง หรือมาหลอกพวกจะฆ่าตัวตายบ้าง แต่ทำไมเอ็งไม่โดนอะไรเลย?
  • (#) เชี่ย ใส่บ็อกเซอร์ อีแมวเด็กนี่มานอนซุกตักอยู่ดีๆ เสือกตะปบไข่กู
  • (11) หนุ่มบอกไม่รู้ แต่ลุงก็แนะนำให้ไปซื้อของใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้ ไอ้หนุ่มทำตาม (พอดีพระมา) .. ใส่บาตรเสร็จเดินกลับมา ลุงหาย เจอแต่ยาม..
  • (12) ไอ้หนุ่มเหวอเบิ้ลครับ ยามชี้ไปที่ศาลข้างๆ แบบศาลตายาย บอกว่าน่าจะใช่แหละ ไอ้หนุ่มขอบคุณแบบเหวอๆ .. สรุปว่ามีแต่ผีดีๆ ครับเรื่องตะกี้
  • (13) จบครับ — ที่เจ๋งคือผมฟังจากการอธิบายสถานที่ .. เดาว่ามันเป็นหาดเดียวกับที่ผมเคยเจอผีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตด้วย http://iannnnn.com/2005/399

ป.ล.
เสียเวลาไปซ่อมบล็อกเก่าที่เล่าไว้เกือบสิบปีที่แล้วเอามาแปะใหม่อีกทีที่บล็อกนี้ :08:
แต่ก็ดีละ เพราะนั่นเป็นเรื่องผีที่เรียกได้ว่าเป็นการเจอคำตอบให้กับชีวิตตัวเองเลยแหละครับ
ตอนไปเที่ยวสวนผึ้งกะชาวฟอนต์มาเมื่อเดือนที่แล้ว ก็ไปขุดเรื่องนี้มาเล่าอีกที
และก็พบว่าตัวเองยังขนลุกทุกครั้งที่นึกถึงภาพนั้น แม้มันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม