แปลเป็นไทยว่าใจเขาใจเรานั่นแหละ จะเขียนให้ยากทำไมไม่รู้
คือเมื่อวานซืนเจอกรณีนี้มา
ตะกี้เบรกรถหลบกะทันหัน เกือบชนว่าที่คู่กรณีเป็นแท็กซี่ที่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเลนตัดหน้า ชะโงกดูปรากฏว่ามือนึงกำลังถือโทรศัพท์คุย และไม่เห็นเรา
— iannnnn (@iannnnn) December 11, 2013
ทีแรกจะด่า แต่นึกคำว่าไอ้เหี้ยไม่ทัน ไม้ทันกระทั่งจะบีบแตร เลยช่างมัน พอผ่านมาสองวันก็ก็รู้สึกผิดว่าไม่ควรช่างมัน เลยเอามาเขียนหน่อย
คือผมเป็นมนุษย์ที่เกลียดการเดินทางในกรุงเทพฯ ดังนั้นถ้าเลือกได้ก็จะเปลี่ยนวิธีการเดินทางสารพัดสารเพ เท่าที่ร่างกายจะอำนวย มีทั้งโดยสารรถกระป๊อ รถเมล์ รถสองแถว รถแท็กซี่ (อันนี้น้อยที่สุด ไม่ชอบ) รถไฟฟ้า รถตู้ ส่วนที่บังคับเองก็มีทั้งรถยนต์ (ใช้เวลาไปไหนกับลูกเมีย) รถเครื่อง (เวลารีบโคตรๆ) และรถจักรยาน (เวลารีบน้อยลงมานิดนึง) ซึ่งตอนนี้ผลักดันตัวเองให้กลายเป็นมนุษย์จักรยานได้สำเร็จแล้ว ถึงจะไม่ได้ไปร่วมกีซนหรือเข้าสมาคมใดๆ เลยก็ตาม (ลุงๆ ป้าๆ ที่เขาขี่กันก็ไม่เห็นต้องเข้าสมาคมอะไร)
เนื่องจากตัวเองขับ ขี่ และโดยสารรถมาหลายแบบ ก็เลยพอเข้าใจว่าธรรมชาติของรถแต่ละแบบมันต่างกันยังไง และการอยู่ร่วมกับรถแต่ละแบบนั้นต้องทำยังไง ผมเลยเลือกไม่บีบแตรด่าใคร (ยกเว้นจะเหี้ยเกินมาตราริกเตอร์ที่กำหนด ซึ่ง 1 ปีมีประมาณ 1 เคส)
แต่กับคนที่ไม่เคยหรือไม่ค่อยได้ลองสังเกตว่าพาหนะอื่นมีสรรพคุณ อุปนิสัยยังไง อุบัติเหตุมันเลยเกิดจากอะไรแบบนี้บ่อยๆ
เช่นที่บ่อยที่สุดคือเวลาขับรถยนต์จะเลี้ยวซ้ายออกจากซอยเข้าถนนใหญ่ จะมีรถเครื่องที่แซงซ้ายแว้บ แต่เราในฐานะคนขับรถยนต์ เรามองขวาไง เกือบชนไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไมไ่ด้ประเดิมสักที
หรือเวลาขับหรือขี่ตามหลังรถยนต์ เรารู้ว่ารถยนต์ทุกคันมีมุมอับสายตา (ตอนอบรมก่อนสอบใบขับขี่ก็มีคลิปอธิบายให้ดูนะ) เราก็จะเลือกทิ้งระยะ หรือถ้าอยู่ใกล้อยู่แล้ว ก็จะขยับไปในมุมที่กระจกมองข้างหรือกระจกหลังสามารถมองเห็นได้
หรือเวลาขี่จักรยาน มีบ่อยครั้งที่ต้องสอดแว้บ แฉลบไหลผ่านข้างๆ รถเมล์เวลาติดไฟแดง ผมจะหยุดทำการแว้บเมื่อเห็นไฟเคานต์ดาวน์เริ่มใกล้จะเขียว หรือจังหวะที่รถข้างหน้าเริ่มขยับ นั่นแหละ โชเฟอร์เขาจะไม่เห็นเราแล้ว และเราก็จะกลายร่างเป็นกบแบนกลางถนน
หรือแม้แต่การปฏิบัติตัวกับคนขี่จักรยานเอง เรารู้ว่าแม่งถ้าปั่นมาเร็วๆ แล้วต้องมาบีบเบรกมือจนเสียความเร็วเพราะติดรถชาวบ้านนี่เป็นสิ่งที่เซ็งมาก ดังนั้นเวลาขับรถเจอจักรยาน ผมเลยให้ทางจักรยานไว้ก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนพอรถติดเราก็จะเว้นช่องไว้ให้พอดีๆ เสมอเป็นนิสัยหยุมหยิม
ยังมีอุบัติเหตุอีกมากมายที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่เข้าใจธรรมชาติของอีกฝ่าย จนมีฝรั่งเขาทำแคมเปญรณรงค์สำหรับคนี่จักรยานกับรถสิบล้อ ว่าลองมาสลับกันขับไหม จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายเห็นอะไร คิดอะไร
ที่มาและรายละเอียดจากบล็อกนี้: เหตุผลที่คุณไม่ควรปั่นข้างรถบรรทุก
อ้อ ยังมีอีกอย่างคือแถวบ้านผมจะมีไฟแดงคนข้ามอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าผมจะเป็นผู้ข้ามเอง หรือเป็นรถที่จอดรอให้เขาข้ามเสร็จแล้วค่อยไป (คือเหมือนเป็นกติกาที่เออออกันกลาๆ ว่า ถ้าคนข้ามเสร็จแล้ว รถก็ไปได้) และเกลียดมากเวลามีคนกดไฟแดงขึ้นแล้ว แต่รถไม่หยุด ปล่อยให้คนข้ามต้องรองวดถัดไปอีกครั้ง คือถ้าเจอผมจะจ้องหน้ามัน คือทำอะไรก็ไม่ได้ไง แค่จ้อง จ้องผ่านกระจกรถ ลึกเข้าไปให้ถึงแววตาของมัน เจ็บปวดหรือเปล่าไม่รู้แต่กูจ้องไว้แล้วแหละ คือมึงไม่ได้แค่ไร้น้ำใจนะ นี่มึงทำผิดกฎหมายด้วย กูจะฟ้อง กปปส.
ป.ล.
นึกถึงเรื่องจักรยานที่โอซาก้า ไปมาตั้งกะเมษายังไม่ได้เขียนซะทีจนลืมหมดแล้ว
ไว้คราวหน้าเลยละกัน ตอนนี้อู้งานอยู่