ความสัมพันธ์มันรีบูตกันได้เนอะ
รีบูตนี่คล้ายๆ กับเทรนด์ของหนังฮอลลีวูด ที่ชอบเอาหนังเก่าๆ มาสร้างภาคต่อพร้อมกับเคลียร์ตัวเองให้ใหม่ปิ๊งน่ะ เรื่องที่ทำแล้วแป้กก็เยอะ แต่เรื่องที่ทำแล้วเจ๋งสัสๆ แบบ MAD MAX ก็มี – แน่นอน เราจะพูดในโหมดที่เจ๋ง ไม่ใช่เจ๊ง
ผมเพิ่งวางหูโทรศัพท์จากผู้ชายคนหนึ่ง เราคุยกันนานถึง 1 ชั่วโมง
* ใช้คำว่าผู้ชายคนหนึ่งเพื่อกันแก๊งเพื่อนเหี้ยมารุมเล่นมุกเมียน้อย
** พูดถึงปริมาณการโทร หนึ่งชั่วโมงนี่ปกติคือการใช้โทรศัพท์รวมทั้งเดือนละนะ
ผมรู้จักพี่คนนี้มานานมาก เพิ่งเปิดอีเมลที่เคยส่งถึงกันอย่างออฟฟิเชียล และคุยกันด้วยชื่อจริงในโหมดหน้าที่การงานสุดๆ พบว่าจดหมายลงวันที่ไว้เป็นปี 2007
แล้วเราก็โคจรผ่านกันบนโลกออนไลน์ ในยุคที่ประเทศไทยเพิ่งเล่นทวิตเตอร์กันอย่างเตาะแตะ และเฟซบุ๊กกำลังเริ่มมีคนเล่น… เล่นควิซกับอินไวต์เพื่อนเพื่อขอคะแนนเกมกันเป็นสมัยแรกๆ
เจอกันตัวๆ ตามวาระโอกาสต่างๆ เป็นบางครั้งบางคราว เราต่างก็จำกันในฐานะคาแรกเตอร์ที่แสดงออกผ่านตัวหนังสือ (ที่ดูบ้าๆ บอๆ และเบาๆ) ไม่เคยคุยกันเป็นจริงเป็นจังสักที
เราเห็นความสัมพันธ์แบบเดียวกันนี้ได้เป็นเรื่องปกติใช่มะ เช่น เออ รู้จักกันผ่านทวิตเตอร์เนอะ เดาว่าแกคงเป็นคนอย่างที่ทวีตออกมาแหงๆ เลย ดังนั้นฉันขอเล่นหัวแกแบบสนิทสนมได้ทันทีโดยไม่ต้องถาม อะไรแบบนี้ (แต่ตัวจริงของแกจะเหมือนตัวอักษรหรือเปล่า ก็อีกเรื่อง เราข้ามไป เอาเฉพาะ MAD MAX นะ)
นั่นแหละ เพราะความผิวเผินนี้เอง แม้จะปักหมุดไว้แล้วว่าเออ คนนี้คือหนึ่งในคนรู้จัก ที่ต่างก็รู้สึกโอเคและแฮปปี้ที่จะติดตามอีกฝ่าย แต่นั่นก็ยังคงเป็นการ follow each other ผ่านตัวตนที่แสดงออกมาในโลกออนไลน์ ก็เท่านั้น เราเลยเคยแต่หันด้านที่ไร้สาระใส่กัน เล่นมุกอะไรต่อมิอะไรเมื่อโคจรมาเจอกัน แล้วก็จาก
ด้วยจังหวะชีวิตของเราทั้งคู่ เราก็ห่างกันไปเรื่อยๆ …จนหายไปนาน
อยู่ดีๆ วันนี้เขาทักมาว่า “อยากรู้จักเราใหม่อีกครั้ง”
เป็นประโยคที่ไม่คุ้นเคย และไม่คุ้นเคยยิ่งกว่านั้นเมื่อเขาบอกว่าขอโทรคุยสักห้านาทีนะ
ไม่ใช่ขายตรงแล้วจะเป็นอะไรได้วะแบบนี้ ประกันชีวิตเหรอ
เปล่าเลย เขาทำแบบประโยคที่ใส่เครื่องหมายคำพูดจริงๆ Continue reading ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้ง