บาร์แคมป์ บางเขน ครั้งที่ 2

ตั้งโจทย์ไว้ว่าบล็อกนี้จะเขียนให้จบในห้านาที
โดยอาศัยจังหวะช่วงคาบว่าง (จริงๆ แล้วเป็นคาบที่ไม่มีอะไรฟัง) มาเขียน
(เขียนก่อนงานเขาจะเลิกนี่คงไม่เสียมารยาทเนอะ)

ผมมางานบาร์แคมป์บางเขนครับ
ก่อนหน้าที่จะมาเนี่ยก็คุยกะเมีย เมียเห็นว่าช่วงนี้งานเหนื่อยและไม่ชิวเลย ยังจะมาอีกเหรอ
เลยบอกว่า มันเป็นการพักผ่อนเดียวในช่วงเดือนนี้เลยนะ (ใช่ครับ ความสุขของเด็กเนิร์ด!)
ก็เลยได้มา

สนุกครับ งานนี้มันส์กว่าคราวที่แล้วที่จัดเป็นครั้งแรก
ถามคุณน้องที่เป็นหนึ่งในผู้จัดก็เลยได้รู้ว่าคราวก่อนโยนหินถามทาง
พอโยนเจอทางแล้วก็จัดคราวนี้ และก็คนมากันล้นหลาม! แถมงานก็สนุกดี!
ที่สำคัญคือ เสื้อสวยเหมือนเดิม!

หมดไปหลายนาทีแล้ว ขอแปะภาพ (จาก Flickr)

P1130669
มาถึงงานก็คิดว่าเป็นงานแสดงมุทิตาจิต ถึงกับเหวอ :48:

P1130670
มีให้แปะๆ โหวตด้วย สังเกตว่าคราวก่อนเป็นแปะ Like แต่คราวนี้ +1 กินขาด

P1130682
คงเป็นที่การออกแบบปุ่มด้วยแหละ เอามาวางแข่งกัน ปุ่ม +1 มันเข้มๆ เด่นๆ จะตาย

P1130672
ตอนเช้าไปฟังทีม Pantip3G มาโฆษณาพันทิปเวอร์ชันใหม่ครับ
เขาบอกว่าน่าจะได้เปิดวันทดลองใช้วันนึงในปีนี้แหละ แล้วเก็บเกี่ยวผลตอบรับปิดไปพัฒนาอีกพัก
เจ๋งดี พันทิปมันต้องแบบนี้แหละ! (ผมชอบโลโก้ใหม่ด้วยนะครับ)

P1130677
อันนี้เซอร์ไพรส์มาก ทีมแบไต๋ไฮเทคมาโฆษณาแอปแมกกาซีนในไอแพด
คือมาแบบแปะโหวตเหมือนชาวบ้านนี่แหละครับ ไม่ได้อำมาตย์อะไร
แต่พี่พิธีกรทั้งสามคนแกจัดเต็มโคตรๆ เรียกว่าเป็นแบไต๋เวอร์ชันดาร์ก ไม่เหมาะสำหรับเด็กเด็ดขาด!
แต่เฮ้ย แบบนี้เอาคนดูอยู่ครับพี่ ขอชื่นชม ผมไม่ได้ฮาแบบนี้มานานแล้วครับ :30:

P1130681
เนี่ย ต่อคิวกินข้าวโรงอาหารเหมือนประชาชนทั่วไป
(อาหารอร่อยโคตรๆๆๆๆ ครับ อยากจะเบิ้ลแต่ดูพุงตัวเองแล้วต้องหยุดใจไว้)

P1130685
มี Kinect ให้เล่นด้วย เป็นไฮไลต์หน้างานเลยแหละ

P1130686
นอกนั้นก็ Sessions อื่นๆ จ้ะ (ตามอ่านได้จาก #bkbc)
เลยห้านาทีจนได้ หมดคาบแล้ว ไปล่ะ!

HLP Hackathon: ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมาโค้ด

ไม่ใช่แค่สามวัน..
ไม่ใช่แค่หนึ่งอาทิตย์ หรือสอง หรือสามอาทิตย์
แต่นี่ล่อไปเดือนกว่าๆ หลังจากจบงานหัวลำโพงแหกกระท้อน ข้าพเจ้าถึงเพิ่งมาเขียนถึงมัน
มองยังไงก็ไม่มีแง่ดีให้เห็น เว้นแต่ว่านี่คือการประกาศว่าเฮ้ย เราไม่ต้องรีบเสพข้อมูลกันนักก็ได้!
แต่นั่นมันก็แค่ข้ออ้างล่ะนะ :39:

อ้ะเข้าเรื่อง

ขอเกริ่นก่อนนะครับ
คือผมเพิ่งมานึกได้ว่าตัวเองแทบไม่เคยเขียนบล็อกเรื่อง “หน้าที่การงาน” เลย
จนบางทีใครผ่านเข้ามาอ่านต้องคิดว่าไอ้นี่มันเลี้ยงปากท้องด้วยการเปิดเว็บตลกหากินแน่ๆ
จริงๆ แล้วตอนนี้ผมกลับมาทำงานบริษัทอีกครั้งเพราะโดนพี่เม่นหลอกให้มาอยู่ที่สามย่านครับ

“สามย่าน” เป็นบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่น้องใหม่เอี่ยม ที่ไม่ได้มีออฟฟิศอยู่ที่สามย่านนะ
(โดนถามประจำจนเกือบเตรียมป้ายคำตอบสำเร็จรูปเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ละ – ตูไม่ได้อยู่ที่สามย่านโว้ย!)
เช่นเดียวกับ “หัวลำโพง” (ซึ่งก็ไม่ได้อยู่หัวลำโพงเช่นกัน) ที่เป็นบริษัททำอะไรก็ได้ให้ไปโผล่ในมือถือ
สองเจ้านี้นอกจากจะลงรถใต้ดินอยู่สถานีใกล้กันแล้ว ยังเป็นดั่งเครือญาติกันกลายๆ อีกด้วย

แล้ววันหนึ่งหัวลำโพงกับสามย่านก็ร่วมมือกันจัดงานนี้ขึ้นมาครับ

แถ่แน้มมมม~♫

อธิบายโดยสังเขป:

สำหรับใครที่เคยดูหนังต้นกำเนิดศาสดาซักกะเบิก – The Social Network
มันคือฉากที่ Facebook รับสมัครคนเข้าทำงานด้วยการแข่ง “โค้ดแบตเทิล” กัน (กดดูก่อนจะได้เก็ต)
โดยไม่ให้แข่งแบบสบายๆ นะ เพราะอีโปรแกรมเมอร์ที่มาแข่งทุกคน ต้องโดนกรอกน้ำเมาไม่อั้น
ความท้าทายมันอยู่ที่เหล่าผู้แข่งขันเนี่ย นอกจากจะมึนกับโค้ดแล้ว ยังต้องโดนอุปสรรคอย่างอื่นขัดขวางอีก
บรรยากาศการแข่งจันจึงไม่ใช่แค่มาแข่ง / ตัดสิน / ประกาศผล / จบ แล้วกลับบ้านไปแบบสาระเต็มเปี่ยม
แต่ต้องเป็นการ “ดวลวิชา เขียนโปรแกรมกันสดๆ และต้องสนุกโคตรๆ” โอว.. ท้าทายยิ่งนัก
ซึ่ง@nuuneoi และหัวลำโพงก็ถูกจริตกับอะไรแบบนี้เข้าอย่างจัง
จึงดำริว่า อยากจัดอะไรแบบนี้มั่งในประเทศไทย!

ก็เลยออกมาเป็นงาน Hua Lampong Hackathon ครั้งแรกในโลกครับ!
(เว้นแต่จะมีสักประเทศที่เผอิญมีเมืองหัวลำโพงและจัดงาน Hackathon ตัดหน้าไปแล้ว)


ดูคลิปกันก่อน อันนี้ทำโดย @vbanku มือกราฟิกและตัดต่อของสามย่านจ้ะ

เมื่อหัวลำโพงเป็นเจ้าภาพหลัก ที่คิดเรื่องโจทย์สารพัดในฝั่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีวันรู้เรื่อง
และทีมสามย่านก็โดดมาทำให้งานนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง (และให้มนุษย์เข้าใจ) ครับ

แต่เนื่องจากงานนี้มันผ่านไปตั้งสองอาทิตย์แล้ว จะเขียนรายละเอียดก็ลืม 555
ก็เลยขอสรุปให้อ่านเป็นหัวข้อๆ ละกันนะครับ เผื่อใครอยากจะจัดบ้าง เราก็ยินดีช่วยเหลือครับ

Hackathon

เตรียมงาน

  • ต้องบอกก่อนว่าทั้งทีมสามย่านและหัวลำโพงต่างก็มีงานประจำที่ยุ่งกันทั้งคู่
    ดังนั้นงานนี้ถ้าเทียบกับกูเกิล จึงน่าจะเรียกได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่าง 20% ของพนักงาน
  • อ้อ แต่ความว่างของพนักงานของทั้งคู่เกือบเป็น 0% ครับ
  • ทางหัวลำโพงที่เป็นแม่งาน วางกรอบกติกา รวมถึงเตรียมการด้านเทคนิคต่างๆ
    ตั้งแต่คอนเซปต์ โจทย์ กติกา และระบบที่ใช้รองรับการแข่งขัน
  • ส่วนทีมสามย่านก็เตรียมการในด้านอีเวนต์ทั้งหมด ทั้งเรื่องการจัดงาน ประสานงาน ฯลฯ
  • ติดต่อสถานที่ ขอขอบคุณ CS Loxinfo ที่สนับสนุนและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีครับ
  • คิดกิจกรรม รูปแบบงาน กติกา รางวัล บรรยากาศ-โทนงาน และอาร์ตไดเรกชัน-กราฟิกที่ใช้
    (ตอนเสนอโทนสิบล้อๆ ไปนี่ เสียวมาก กลัวท่านจะไม่ให้ผ่าน แต่ก็ผ่าน กร๊าก :30:)

Hackathon

การแข่งขันรอบคัดเลือก

  • การแข่งขั้นตั้งใจจะให้วันจริงมีคนไปประลองกันประมาณ 20 คน
    ดังนั้นจะต้องมีการคัดกรองฝีมือกันก่อนในรอบคัดเลือก ก็เปิดให้แข่งกันแบบออนไลน์ซะเลย
  • การแข่งขันมีขึ้นในเวลาสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่โปรแกรมเมอร์ตาสว่าง :30:
  • แจกโจทย์กันบนเว็บ เริ่มทำพร้อมกันและปิดรับคำตอบตอนเที่ยงคืนเป๊ะ รวม 3 ชั่วโมงพอดี
  • ทีแรกกะว่ารอบคัดเลือกนี้เอา 2 รอบละกัน แต่ปรากฏว่าโจทย์ยากไปจนมีเสียงครวญมาจากผู้ท้าชิง
    ดังนั้นทางทีมงานจึงเพิ่มรอบให้อีก 1 รอบ จึงได้ผู้ผ่านเข้ารอบชิงทั้งหมด 14 ทีมพอดี
  • 14 ทีมที่ว่านี่ บางทีมมีคนเดียว บ้างก็มี 2 คนตามกติกา แต่รวมแล้วได้ 19 ชีวิต (จาก 300 กว่าผู้ท้าชิง)

Hackathon

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ

  • การแข่งขันมีขึ้นตั้งแต่เที่ยงครึ่งของวันที่ 23 กรกฎาคม 2554 ที่ CS Loxinfo อาคารไซเบอร์เวิลด์ รัชดา
  • ผู้เข้าแข่งขันมากันพร้อม ผู้ชมเอยทีมงานเอยก็นับได้เป็นร้อยๆ ชีวิต พอดิบพอดีกับขนาดของสถานที่จัด
  • มีวงดนตรีที่ติดต่อผูกปิ่นโตไว้คือ iHear เจ้าเก่า มากันครบวง!
  • ถ่ายทอดสดกันแบบออนไลน์โดยทีมงาน FukDuk เจ้าเก่าอีกเช่นกัน ..นี่มันดรีมทีมแล้วนะเนี่ย
  • จริงๆ ก่อนวันงานผมตั้งใจว่าจะถ่ายทอดสดส่วนตัว ด้วยการเปิด Hangouts อีกวงไว้เหมือนกัน
    แล้วก็ให้ผู้แข่งขันหรือผู้ชมในงานมาร่วมพูดคุยกับผู้ชมทางบ้าน หรือจะเปิดวงเองก็ว่าไป
    เพราะการถ่ายทอดสดเดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเรื่องง่ายแสนง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้เองกันแล้ว
    แต่พอเอาเข้าจริงๆ ดันยุ่งจนลืมครับ ไม่งั้นคงเอามาอวดได้แล้วว่าทำไอ้แบบนี้คนแรกเลยนะ 555

Hackathon

กติกาการประลอง

  • ชี้แจงกติกากันก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วให้เริ่มทำสามชั่วโมง แต่ถ้าไม่เสร็จก็ขยายให้อีกชั่วโมง
  • กติกาคือทุกทีมจะมีแผ่น QR Code ว่างๆ ไว้ การพิชิตโจทย์ได้แต่ละข้อ จะได้คำตอบออกมาเป็นบิต
    แล้วเอามา “ฝน” ใส่แผ่น QR ที่แจกให้ .. อ้อ ต้องฝนในคูหาที่จัดเตรียมไว้ให้ด้วยนะครับ
  • ใครที่ฝนเสร็จแล้วจะมี QR MAN คอยยิงกล้องมือถือส่องตรงหน้าคูหา
    ถ้าเกิดโค้ดติดออกมาเป็นรหัสผ่านปั๊บ ก็เตรียมเฮได้เลย แล้วเอารหัสผ่านนั้นไปไขกุญแจสุดท้าย
  • ตอนนี้ในเว็บของงานมีแจกโจทย์ให้เอาไปทำเล่นพร้อมกติกาละเอียดด้วยครับ กดโหลดโลด
  • และหน้านี้คือกุญแจที่ว่าไว้ด้านบน สังเกตว่ามีการเนียนโฆษณาเว็บบางแห่งด้วยหละ ฮิฮิฮิฮิฮิหุฮิหุ
  • ถ้านับกันแค่กติกาตรงนี้ ความสนุกและท้าทายมันก็ทะลักอยู่แล้ว
    แต่สำหรับ HLP Hackathon.. เก่งอย่างเดียวไม่พอครับ ต้องดวงดีด้วย
    เพราะ QR Code เป็นรหัสที่สามารถอ่าอนุโลมให้ผิดพลาดได้ประมาณ 20-30%
    นั่นแสดงว่า แม้จะตอบคำถามไม่หมดทุกข้อ แต่บางข้อที่ตอบได้ดันไปลงล็อกพอดีก็ลัคกี้แมน

Hackathon

เท่านั้นยังไม่พอ

  • ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดข้างบนคือกติกาแบบใสสะอาดครับ
    แต่ก็นะ เราคงไม่ยอมให้การแข่งขันเป็นไปด้วยความมาคุแน่ๆ ก็เลยเตรียมพิธีกรรมป่าเถื่อนไว้จำนวนมาก
    (ตรงไหนที่ทำลิงก์ไว้ก็คือมีภาพประกอบนะครับ คลิกไปดูเพื่อเพิ่มอรรถรสได้)
  • อ่านถึงตรงนี้แล้วอยากให้นึกหน้าทีมงานตอนนั่งปวดกบาลว่า แล้วตูจะคิดวิธีแกล้งยังไงดีวะ
    เพื่อไม่ให้โปรแกรมเมอร์รู้สึกว่า “มึงจะอะไรของมึงวะ กูมาแข่งเขียนโปรแกรมนะเว้ย”
    (คือเรามีภาพเหมารวมของโปรแกรมเมอร์ไทยไว้ว่าต้องค่อนข้างเก็บตัวและไม่ค่อยฮาไงครับ)
  • ดังนั้นวิธีการแกล้งก็คือเราจะมีนาฬิกาปลุกเชยๆ หนึ่งเรือน เอาไว้เตือนทุกๆ 15 นาที
  • พอถึงนาทีที่ 15 ปั๊บ นาฬิกาปลุกดัง ทุกอย่างต้องหยุด! ผู้แข่งขันทุกคนต้องปล่อยมือ
    และปฏิบัติตามธรรมเนียมหนึ่งข้อ นั่นคือ ..หมดแก้ว (มีพริตตี้คอยรินเครื่องดื่มตลอดงานครับ)
  • ส่วนน้องๆ ที่อายุไม่ถึง 20 ขวบก็ไม่เป็นไร เราไม่บังคับฝืนใจแต่ก็อยากให้มึน
    น้องๆ จึงต้องปั่นจิ้งหรีด 10 รอบ แล้วค่อยนั่งเก้าอี้และแข่งต่อได้
  • คิดดูละกันว่าระยะเวลาแข่งขัน 3-4 ชั่วโมงเนี่ย มีพักยกทุกๆ 15 นาที มันจะมึนแค่ไหน!
    หลังๆ พอดูอาการผู้แข่งบางท่านบางทีมแล้วเราเลยงัดลูกเล่นอื่นๆ ที่ซ่อนไว้มาเล่นกัน
    เช่น หลอกใส่น้ำเปล่าบ้าง หรือให้เต้น MK พร้อมๆ กันบ้าง (ภาพออกมาดูทุเร้ศทุเรศครับ)
    หรือให้ล้วงใต้โต๊ะแล้วมีเครื่องหมายเป่ายิ้งฉุบอยู่ ก็เอามาเป่ากะคนตรงข้าม ใครซวยดื่ม
    หรือแม้กระทั่งให้ “เยล” วง iHear ที่อุตส่าห์มาร่วมป่วนกับเราก็มี (ดูคลิปแล้วจะเข้าใจ)
  • แล้วก็มีการจับฉลาก “วิธีการแกล้ง” อีก ซึ่งเป็นคนละลูปกับไอ้ 15 นาทีที่ว่ามาตะกี้นะครับ
    โดยเราเตรียมฉลากวิธีการแกล้งไว้สารพัด ทั้งแบบหนัก แบบเบา แบบ “อะไรของมึงวะ” ก็มี เช่น
    • ให้วิ่งรอบห้อง อันนี้เด็กๆ
    • ให้ร้องเพลงซิงกูล่าร์ (ไปเตี๊ยมกะวงดนตรีไว้ว่าให้เปลี่ยนเวอร์ชันเป็นฮาร์ดคอร์)
    • ให้นั่งเขี่ยพื้นสำนึกผิด 1 นาที อันนี้โหดมากครับ ยิ่งมีวงดนตรีบิ๊วด้วย เศร้าอย่างสุดซึ้ง
    • ให้โพสท่าเกาหลีคู่กับใครก็ได้ในงาน แล้วถ่ายรูปทวีตออกอากาศด้วย
    • ให้เล่นมาริโอ้ด่าน 1-1 ให้จบ อันนี้คิดมาเล่นๆ  แต่พอเอามาแกล้งจริง ปรากฏว่าฮือฮามาก
      คนโดนรู้สึกจะเป็นน้องไท เล่นขึ้นจอยักษ์และมีซาวด์แทร็กมาริโอ้สดๆ ประกอบด้วย!
    • ส่วนการแกล้งที่เป็นเซอร์ไพรส์จริงๆ และคนที่โดนคือลิ่ว ลองดูกันเอาเองว่าคืออะไร
    • ฯลฯ
  • ก็สุดแท้แต่จะกรึ่มกันไป ครับ นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นแกล้งสารพัดจะแกล้งอีกเพียบ
    (เช่นอยู่ดีๆ พี่ฉัตรก็เดินมาร้องเพลงด้วยเสียงอันทรงพลังถึงติ่งหูของผู้แข่งขัน เหวอกันไปเลย)
    ฯลฯ
  • อ้อ ขอกระซิบว่ากติกาหลายๆ อย่างปรับเปลี่ยนจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
    ดังนั้นถ้าใครอยากจัดงานแบบนี้บ้างก็ให้ดูทิศทางลม รวมถึงฮวงจุ้ยและโหงวเฮ้งผู้ท้าชิงให้ดี!

รางวัล Hackathon

ผู้ชนะ / รางวัล

  • ใครที่สามารถถอดรหัส QR Code ได้ปั๊บ จะมีรหัส 4 หลักปรากฏในมือถือครับ เฮ!!
  • ให้นำรหัสนั้นไปพิมพ์กรอกเพื่อเปิดตู้เซฟ ถ้าผิดก็จะด่าให้ แต่ถ้าถูก ก็เป็นอันแจ็กพ็อตแตก
  • พอใกล้หมดเวลาแบบฉิวเฉียด ก็มีผู้ที่สามารถพิชิตการแข่งขัน นับได้ทั้งหมด 4 ทีมครับ
  • เสร็จแล้วหมดเวลาก็มาทำการตรวจเช็กและไล่ลำดับกันว่าใครได้กี่คะแนนกันบ้าง
  • และเมื่อประกาศผล ก็ให้คนที่ชนะเป็นผู้เลือกรางวัลชิ้นใดชิ้นหนึ่งก่อน (ตามภาพด้านบน)
    ซึ่ง @tanin47 ก็เลือก Samsung Galaxy SII ไป
  • และรองชนะเลิศคือทีมของ @ensecoz และ @nantcom ก็จัด iPad 2 (3G) ไปแบ่งครึ่งกันเอง
  • นอกนั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่านก็ได้ของเล็กๆ น้อยๆ จนถึงใหญ่ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันจ้ะ

Hackathon

หลังงาน

  • จบลงด้วยดี ชักภาพกันก่อนแยกย้ายท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำข้างนอก
  • พี่อาท หัวเรือใหญ่ก็ใจป้ำ พาผู้แข่งขันและทีมงานไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ข้าวต้มที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์คครับ
  • ฝนตกกระหน่ำมาก รัชดาน้ำท่วมจนแทบจะเลี้ยวเข้าอาคารสถาปัตยกรรมโอ่อ่าก่อนถึงโรงแรมซะแล้ว!

.

ปิดท้ายด้วยบรรยากาศงาน


คลิปจากสามย่าน ถ่ายและทำโดย @vbanku

http://www.youtube.com/watch?v=uEHt5a8IRwo
อีกบรรยากาศจากน้องเก่ง @kengkawiz พิธีกรสาวสวยของงาน :51:


ปิดท้ายด้วยภาพครับ กล้องผมแต่ฝาก @sweetiejeep และ @chaiyosart ถ่ายจ้ะ

นอกนั้นก็ดูได้จากเฟซบุ๊กเพจของ HLP Hackathon โลด

บทความที่เกี่ยวข้องกันจากบล็อกชาวบ้าน

แฮก แฮก เหนื่อยโคตร :05:
แต่คุ้มเหนื่อยที่ต้องบันทึกไว้ละเอียดๆ เพราะมันเป็นงานที่คนไม่ได้มาจะบอกตรงกันว่า “โคตรเสียดาย”
(ต่อไปจะเขียนสั้นๆ ละ)

แล้วเราเป็นใครในโลกออนไลน์?

ขอเกริ่นก่อนว่า ผมเป็นพวกที่ขี้รำคาญพวกอวดรู้เหลือเกิน
เลยขอเขียนแบบนั้นดูสักครั้ง อยากรู้ว่าอีพวกนักวิเคราะห์นี่มันมองอะไรยังไงกัน 555
ถ้าขี้เกียจอ่านก็กดข้ามไปตอนอื่นๆ เพื่อหาการ์ตูนปัญญาอ่อนได้เหมือนเดิมตามสบายครับ

.

จริงๆ บล็อกตอนนี้ต้องเขียนตั้งแต่เล่น Google+ วันแรก แล้วรู้สึกแวบขึ้นมา
เพราะหลังจากหยอดรีวิวแรก(ของชาติเลยนะ)ไปนิดนึง ก็รู้สึกว่าจะต้องขยายความเพิ่มอีก
แต่ก็ดันดองจนเริ่มเปรี้ยว เลยขอเขียนภาคต่อแบบดิบๆ แบบนี้แหละครับ

ประเด็นที่อยากขยายความก็คือ ขอสำรวจตัวตนก่อนว่าเหล่าสังคมออนไลน์ที่เราสิงสถิตอยู่เนี่ย
มันรู้จักอะไรกะเรา?

Facebook: นี่กูต้องเป็นใคร

ลองสังเกตดูครับ พฤติกรรมที่เว็บสีน้ำเงินแห่งนั้นจูงใจและเอื้ออำนวยให้เราเป็น
ก็คือการบอกว่า “กูเป็นใคร” ไม่ว่าจะ ไม่ว่าจะชอบกินอะไร เที่ยวที่ไหน เล่นอะไร
นับถือใคร ชอบ รัก เกลียด เลือกพรรคไหน และมั่นใจว่าคนไทยจะมั่นใจอะไร :30:
สิ่งเหล่านี้คืออาหารอันโอชะสำหรับเจ้าของเครือข่าย ที่ถึงเวลาแล้วเขาก็นำมาใช้หาประโยชน์
และร่ำรวยจากการรีดข้อมูลส่วนตัวของเราโดยสมัครใจ เอาไปขายโษณาซะงั้น
เราในฐานะผู้ใช้ก็ไม่ต้องไปรู้สึกระแวงหรืออะไรหรอกครับ มึงจะเอาก็เอาไป ขอให้กูได้เลี้ยงหมูก็พอ
(มีฝรั่งบอกว่า วิกิลีกส์เอาความลับมาแจกจนโดนล่า ส่วนเฟซบุ๊กได้ขึ้นปกไทมส์ทั้งที่ขายความลับเรา!)
นอกจากนั้นแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมา ระบบนิเวศในเฟซบุ๊กก็ดันเน่าหนอน
เพราะบรรดาบริษัทห้างร้านก็ดันระดมหลอกคนมากด Like (ฝ่านการตลาดชอบตัวเลขเยอะๆ นี้นัก)
จนข้อมูลส่วนตัวของคุณกลับกลายเป็นอะไรไม่รู้ นี่กูไปชอบบ้านจัดสรรของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
แต่พักหลังทางคุณซักกะเบิกและทีมงานก็ได้เร่งแก้ปัญหานี้ด้วยการออกกฎเหล็กมาแปดข้อแล้ว
เดี๋ยวจะรอดูว่าได้ผลแค่ไหน และสังคมอุดมโฆษณาแห่งนี้จะกลับมาสงบสุขอีกครั้งหรือไม่

Twitter: ที่จริงแล้วกูเป็นใคร

“ในทวิตเตอร์ เราปกปิดตัวตนของตัวเองได้ไม่นานหรอก” ใครหลายคนก็กล่าวแบบนี้
ซึ่งทวิตเตอร์มันก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ครับ มันไม่มีอะไรให้เล่นอีกแล้วนอกจาก 140 ตัวอักษรนั่น
คุณนึกอะไร ชอบอะไร จะสร้างภาพยังไง พอทวีตไปสักพันทวีตมันก็ปกปิดตัวตนคุณไม่อยู่อยู่ดี
ด้วยระบบการ Follow ที่คุณสามารถแอบรักและติดตามความเคลื่อนไหวของคนอื่นได้
โดยเขาไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักเรา มันทำให้ทั้งเขาและคุณต่างก็แสดงความเป็นตัวเองออกมาได้
ฉะนั้นประสบการณ์การใช้งานทวิตเตอร์ของแต่ละคน จึงมีลักษณะที่ไม่เหมือนกันเลย
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพยายามมานั่งหานิยามแบบที่ได้ยินบ่อยๆ ว่า “คนในทวิตเตอร์เป็นคนยังไง”
เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ในสังคมไหน มีความสนใจอะไร แสตนด์จะย่อมดึงดูดแสตนด์ด้วยกันครับ
ไม่เชื่อก็ลองกดดูไทม์ไลน์ของคนที่เราไม่รู้จักเลย แล้วดูสิครับว่าคนในทวิตภพของเขาเป็นยังไง
สนุกดีนะครับ ผมเคยหลุดไปในวงการที่คุยกันแต่เรื่องปลากัด ปลาตู้ โคตรเจ๋งเลย

Google+: คนอื่นมองเรายังไง

ผมคงไม่มานั่งพูดกันแล้วนะว่ามันลอก หรือมันทำมาฆ่า Facebook หรืออะไร
เพราะภายใต้หน้าตาที่ออกจะคล้ายกันนั้น .. วิธีคิดมันคิดกลับหัวกันเลย

ความเจ๋งมันอยู่ที่ Circles ครับ
อย่างที่เขียนไว้ในตอนก่อนว่านี่แหละของเด็ด แล้วก็ไม่ได้ขยายความต่อว่ามันเด็ดยังไง วันนี้จะมาว่ากัน

ก่อนอื่นต้องแนะนำอีเจ้า Circles ให้คนที่อาจจะยังไม่ได้ลองเล่น Google+ ซะก่อน
มันคือระบบที่หน้าตาใช้ง่าย เอาไว้ให้เราจับลาก “คนรู้จัก” ลงไปอยู่ในหมวดหมู่ต่างๆ
ซึ่งมันสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางสังคมของเราพอดี ที่เวลานึกหน้าเพื่อนขึ้นมาสักคน
มันจะมีสถานะพ่วงมาด้วยเสมอ ผมก็เป็น คุณก็เป็น ไม่เชื่อลองสักสองสามสี่ห้าตัวอย่าง:

  • ไอ้บิ๊ก เพื่อนสมัยเรียนมัธยม ที่ตอนนี้กลับมาเจอกันและอยู่ในบอร์ดเดียวกันด้วย อาชีพทำเว็บ
  • ไอ้ตั๊ก ที่เป็นน้องมหาลัย แต่หลังๆ มันมาเที่ยวบ้านบ่อย แถมเป็นแก๊งกินที่ตามไปกินทุกที่
  • ไอ้แก้ว ที่รู้จักกันตอนทำงานที่ทำงานเก่า จนตอนนี้ก็ยังมาอยู่ที่ทำงานใหม่ด้วยกัน และเป็นแก๊งหมา
  • อีแชมป์ คนทำเว็บ วาดการ์ตูน เขียนหนังสือแนวจิกกัด รู้จักกันจากในเน็ตก็เพราะความจิกกัด
    จนพอมาเจอตัวจริงก็พบว่าเป็นชาวลาดพร้าวเหมือนกัน
  • เจ๊เพชร รู้จักกันในเน็ตแถมยังไม่เคยเห็นหน้าตากันเลย รู้แต่ว่าเจ๊กวนตีนจนน่าคบมาก และชอบหมา
  • ฯลฯ (รายนามบุคคลและสมาคมที่ถูกพาดพิงข้างบนนี้ ดันมีตัวตนอยู่จริงทั้งสิ้น)

เห็นไหมครับว่ามันมีบางอย่างที่กลุ่มคนที่กล่าวมาข้างต้นมีอะไรบางอย่างที่ “ทับซ้อน” กันอยู่หน่อยๆ
นั่นคือใน 1 คนอาจจะโคจรมาข้องแวะกับเราในฐานะ “สมาชิกร่วมวงการ” อะไรสักอย่าง
อาจจะเป็นวงใดวงหนึ่ง หรือมากกว่า 1 วงก็ได้ เช่นแก๊งกิน แก๊งเตะบอล แก๊งเที่ยว แก๊งเพื่อนสมัยเรียน ฯลฯ
กรุณาเปิดเพลง “เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ” ประกอบก็จะยิ่งเห็นภาพว่าวงโคจรมันมีอยู่จริง จริงๆ

Google-Plus-Circles

ในเมื่อวงมันมี แต่เราไม่เคยแปลงมันออกมาเป็นรูปธรรมแบบจับต้องได้ซะที
จน Google+ มันคลอดออกมาพร้อมกับภาพแรกที่เราเห็นแล้วก็จะงงว่า ไอ้ Circles นี่มันเชี่ยไรวะเนี่ย
มันคือ Circles อย่างที่เห็นในภาพนั่นแหละครับ แปลเป็นไทยว่า “แวดวง” (ฟังทีแรกจั๊กจี๋มาก แต่เริ่มชินละ)
ความที่มาถึงปั๊บ เราต้องไปเคลียร์กับตัวเองก่อนว่าจะจัดความสัมพันธ์กับคนนั้นคนนี้อย่างไร
อันนี้แหละที่ทำให้วิธีคิดของ Google+ นั้น “กลับหัว” กับทั้ง Facebook และ Twitter โดยสิ้นเชิง
เพราะ Facebook และ Twitter นั้นเรียกเพื่อนเราเป็น List และไม่ถูกขับเน้นเป็นสำคัญนัก
คือจะมีสักกี่ครั้งที่คุณได้ใช้การคุยกับเพื่อนเฉพาะลิสต์ที่ว่า? นอกนั้นก็เป็นระนาบเดียวกันหมด
โอเค ใน Facebook มีระบบ Groups ที่มองคล้ายกับเว็บบอร์ดที่ถึงเวลาก็ไปสุมหัว “ในนั้น”
แต่กับ Google+ นั้นไม่ต้องเข้าไปที่ไหน แต่การพูดทุกคำออกมาจะใช้การเจาะจงว่าเราพูด “กับใคร”
ผมเลยนับถือสถาปนิกระบบตรงนี้มากว่าเขาคิดได้ไงวะ พลิกกลับหัวจากระบบที่เราชินได้ โคตรเก่งเลย

ทีนี้มาต่อกันด้วยหัวข้อที่เขียนถึงในวันนี้ ว่า “คนอื่นมองเรายังไง”
ถ้าเปรียบเทียบกับใน Facebook และ Twitter การจัดเพื่อนเข้า List นั้นเพื่อความสะดวก
แต่สำหรับ Google+ มันมีมากกว่านั้นครับ ลองสังเกตดูว่าที่ผ่านมา Google ขาดอะไร?
Google มีคลังข้อมูลที่มีปริมาณเยอะที่สุดในโลก
Google มีสารพัดโปรแกรมระดับเทพ ที่พลิกระบบการคิดจากโปรแกรมอ้วนๆ ที่เรามี ไปอยู่บนเว็บ
Google มีระบบหุ่นยนต์และอัลกอริทึมมากมายที่ใช้วัดระดับความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เก๋าที่สุดของโลก
ฉลาดที่สุดในโลกขนาดนี้ แต่กลับพลาดท่าตรงที่เสือกไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์!
เรียกได้ว่า Google สามารถ Search หาอะไรก็เจอแม่งทุกอย่าง
แต่กลับหาใจเธอไม่เจอ (ฮิ้วววว)

แต่ในที่สุด ตอนนี้พอมี Google+ ขึ้นมาปั๊บ
มันก็เริ่มจะหาใจเธอเจอแล้วครับ

ก็จากการที่หลอกใช้พวกเราในฐานะ User (ตอนนี้แค่กลุ่มเล็กๆ แต่ต่อไปก็ทั้งโลก)
ให้ระบุ Metadata ต่างๆ ที่พ่วงมากับทุกคน โดยไม่ต้องอวยสร้างภาพตัวเองแบบใน Facebook
เพราะแทนที่จะให้เราบอกใครๆ ว่าเราเป็นใคร แต่คราวนี้คนอื่นจะบอกเราเองว่ามึงเป็นใคร!
ก็ด้วย Circles นี่แหละครับ

circles-me

และฐานข้อมูลมนุษย์นี่แหละครับที่กูเกิลกำลังเริ่มเปิดฉากเพื่อครอบครองต่อจากฐานข้อมูลภายนอก
แบบเดียวกับที่ไอน์สไตน์คุยกะซิกมุนด์ ฟรอยด์ ว่าตูเนี่ยรู้หมดทั้งจักรวาล แต่ไม่รู้เรื่องในสมองคน
บัดนี้ไอน์สไตน์ที่เกิดใหม่มาในคราบหุ่นยนต์ มันเริ่มรู้แล้วครับ และเฟสต่อไป มันก็จะเริ่มครองโลก

ตัดจบ!

Google+ : บวกแม่งเลย

บล็อกตอนนี้จะเขียนสั้นๆ ดูบ้าง ติดนิสัยเขียนทีไรยาวทุกที
เรื่องของเรื่องคือได้ลองเล่น Google+ แล้วครับ

สั้นๆ สำหรับคนที่ไม่รู้จักว่า Google+ มันคืออะไร:
มันคือ Facebook ยี่ห้อ Google นั่นเองครับ จบ

แต่ถ้ายาวๆ มันก็คือรวมบริการที่กูเกิลมีอย่างกระจัดกระจายเต็มไปหมดไว้เป็นก้อน
คือคงรู้สึกแล้วว่าถ้าปล่อยให้กระจายอยู่แบบนี้ รับรองตายแน่นอนครับ
เพราะคนเล่นเน็ตเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้เข้าถึงเนื้อหาผ่านกูเกิลเป็นหลักเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แต่เราจะเจอคลิปเพลงคันหู คลิปนั่นคลิปนี่ หรืออะไรฮาๆ ผ่านเพื่อนก่อนเสมอ

ยุคนี้จึงเป็นยุคของ Facebook ไงครับ เพราะมันสนองตัณหาของมนุษย์ขาเสือกได้ดียิ่ง
(อ้ะ ขอพ่วงเครดิตให้ Twitter ด้วยก็ได้ เพราะผมเกลียดความเยอะของ Facebook)

ในขณะที่ชาวบ้านเขา Social กันตูมตูม แต่กูเกิลเองดันจุดสังคมผู้ใช้ของตัวเองไม่ติด
Google Wave เราก็อ่านออกเสียงว่า “กูเกิลว้าเหว่” และเจ๊งไป
Google Buzz ก็มาผิดรูปผิดรอย เพราะดันเสียบเข้าไปในทุกบริการจนคนรำคาญ ก็ดับอีก
จนบิ๊กบอสของกูเกิลเองต้องออกมารำพันว่า “ที่ผ่านมาเราแพ้ Facebook ในสนามนี้แล้ว..”

แต่ก็ยังไม่ยอมครับ เพราะสาวกยังเยอะอยู่ทั่วโลก ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ได้ตายห่าจริงๆ แน่
Google+ จึงมา (อ่านรายละเอียดได้ใน Blognone ครับ)

ผมได้รับ Invite เมื่อเช้าจาก @koojane และ @icez ก็เลยกดเข้าไปเล่น
และทำตัวเหมือนสาวกท่านอื่นๆ คือเล่นมันซะทุกปุ่มทุกอย่าง ไล่มันทุกเมนู
(ค้นพบว่าพฤติกรรมร่วมของคนที่ใช้กูเกิลจะเป็นแบบเดียวกันนี้แหละครับ)
และก็เลยเปลี่ยนทัศนคติที่ว่า “แม่งแป้กแหงๆ” กลายเป็น “เฮ้ย แม่งเจ๋งว่ะ”
ต่างจาก Google Wave ที่เจ๊งไปเพราะแม้จะเจ๋งแต่นึกไม่ออกว่าจะใช้ทำอะไีรกะมัน
แต่ Google+ นี่ชัดเจนว่าใครที่วนเวียนอยู่ในโลกแห่งกูเกิลอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเกร็งครับ
วันหนึ่งมันจะมาเยือนคุณเอง อย่างเนียนๆ แน่นอน เพราะอุปกรณ์พี่แกเยอะเหลือเกิน

ยาวละ พอๆ ขอสรุปปิดท้ายหน่อย

googleplus

คือ “นิสัยของคนใช้ Google” เนี่ย จะต่างจากคนใช้ Facebook ครับ
อย่างคนใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์ จะเห็นได้ชัดเลยว่าวิบากกรรมแรกที่เจอแน่นอน
ก็คือการนั่งเรียง Contact List ที่เคยใช้อย่างสะเปะสะปะตอนใช้ Gmail
กลายเป็นชื่อนามสกุล ใส่รูปเริปอะไรเรียบร้อย เหนื่อยคืนนึงแล้วสบายตลอดชีวิต
นี่ก็เช่นกันครับ Google+ มันมีระบบ “Circles” หรือวงเพื่อน (ไม่รู้มีภาษาไทยยังนะ)
พอเข้าไปปั๊บ ภารกิจแรกที่ต้องทำก็คือ เวลามีเพื่อนโผล่มา ก็จับมันเข้าวงก่อนเลย
แก๊งเพื่อน แก๊งที่ทำงาน แก๊งหมา แก๊งแมว แก๊งมัธยม แก๊งสาวตึง อะไรก็ว่าไป
เสร็จแล้วเวลาเราโพสต์อะไรออกไป มันจะชี้เลยว่าจะแชร์ลงวงไหน
ดูเหมือนจะยุ่งยากนะครับ แต่ที่จริงไม่เลย เพราะหน้าตาการใช้งานของมันง่ายโคตรๆ
และแนวคิดมันกลับหัวกับการรับแอดเพื่อนสะเปะสะปะใน Facebook Groups
หรือแอดก็ได้ไม่แอดก็ได้ ไม่ค่อยสนใจ อย่างระบบ Lists ใน Twitter
ซึ่งโดยส่วนตัวนิสัยผมก็เข้ากับพฤติกรรมชอบจัดระเบียบอะไรแบบนี้พอดี
ยิ่งไปโผล่ในอุปกรณ์อื่นๆ (อาทิ มือถือสารพัด) ที่ถูกวางแผนไว้อย่างดีแล้วก็ยิ่งหรูหรา

แถมการออกแบบให้ใช้ง่าย และทุกอย่างดูฉลาดยืดหยุ่นจนไม่มีข้อสงสัยในทุกๆ รายละเอียด
(เคยเจอไหมที่ใช้บางเว็บแล้วงงว่าเฮ้ยแม่งใช้ไงวะ ผมนี่แหละคนนึงที่เซ็ง Facebook มาก)
ซึ่งความง่ายโคตรๆ นี่แหละ ที่เป็นจุดขายสไตล์กูเกิลตลอดมา
อย่างที่ชอบมากก็คือไอ้ก้อนตัวเลขสีส้มๆ ที่เอาแจ้งเตือนตรงมุมจอ ที่เหมือนจะไม่มีอะไร
แต่พอกดปั๊บ เราสามารถ “ทำอะไรกับมันก็ได้” ตั้งแต่จัดเพื่อน ดูรูป อ่านหรือพิมพ์คอมเมนต์ ฯลฯ
แม่ง เหยดดดดด เหยอออออออ (ไอ้เหยอนี่คืออะไรวะ อ่านออกเสียงแล้วฟังดูดี งั้นไม่ลบ)

ดังนั้น Google+ จึงชิมแล้วถูกใจและยินดีบอกต่ออย่างชื่นชมครับ!

ขี้แรกของโลกใน Google Plus

ป.ล.
พอได้ลองแล้วก็เลยลองทำอะไรเป็นคนแรกในประัติศาสตร์ดู
นั่นคือการวาดรูปขี้ครับ (ก็ดันมีคนมากด +1 ซะเยอะเลยนะ :30: )

ป.อ.
ตอนนี้มันยังไม่เปิดสาธารณะ แต่ใช้ระบบขายตรง หาดาวน์ไลน์กัน
เห็นว่าเมื่อเช้าเราสามารถ Invite ต่อกันได้แหลกเลย
แต่ตะกี้เพิ่งมีประกาศปิดการ Invite ชั่วคราว เพราะสาวกคงเยอะเกินไปครับ
คิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวก็เปิดใหม่อีกที เพราะมันคงไม่กั๊กไว้จนแห้งตายเหมือน Wave ละ

ป.ฮ.
ลองเล่น Hangouts ในนั้นละ มันคือ Video Chat แบบกลุ่มครับ
ใช้ง่าย หน้าตาสะอาดสะอ้านสมชื่อกูเกิล และที่สำคัญคือเร็วจี๋!
แนวคิดก็เหมือนเดิมคือกดเริ่มปั๊บ แล้วก็เลือกว่าจะคุยกะเพื่อน “วง” ไหน
คิดดูละกันว่าต่อไปถ้าไอ้ Google+ นี่เกิดขึ้นมาจริงๆ รับรอง CamFrog เจ๊งแน่ๆ :30:
(แก้ไขเพิ่ม: นางแก้ว @kejuliso ก็เป็นคนแรกของโลกที่เต้นเพลงคันหูผ่าน Hangouts ครับ)

.

//เขียนเพิ่มในบ่ายวันเดียวกัน:
ผมเชื่อเสมอว่า ของมันจะดีเมพแค่ไหน ถ้าไม่มีคนใช้ หรือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จากที่ชิน ก็ดับ
แต่สำหรับ Google+ เนี่ยมันร้ายกาจกว่านั้นครับ เพราะมันหาทางออกให้กับปัญหาที่เคยเจอได้แล้ว
นั่นคือฤทธิ์เดชของไอ้เม็ดแจ้งเตือนสีส้มนี่ละครับ ..แม่งเล่นโผล่ทุกเว็บในเครือกูเกิลเลย!!
ดังนั้นจึงกลบจุดอ่อนของ Wave ที่ใครจะเล่นต้องปีนกระได หรือของ Buzz ที่เยอะเกินจนน่ารำคาญ
ตรงที่ว่า กูขอมีตัวตนแค่เม็ดสีส้มน่ารักในแถบสีเทาดำก็พอ ใครใคร่กดดูก็กด ใครไม่สนก็เชิญ
ตรงนี้จึงแก้ปัญหาทั้งเรื่องความเยอะและน้อยไปได้ลงตัวมากครับ มึงคิดได้ไงเนี่ยวิธีนี้

googleplus-notification