ธ.ไก่ชน

thor-kaichon

ทายสิครับว่าโลโก้ที่เห็นด้านบนนี้คือโลโก้ของธุรกิจอะไร?

เอาเถอะครับ เพื่อไม่ให้ยาวไปไม่อ่าน มันคือบริษัทผลิตไม้ไผ่เพื่อเอาไว้สร้างบ้านช่อง ที่เปิดโดยรุ่นน้องคณะผมเอง โดยตัว ธ.นี่มาจากชื่อจริงของไอ้ตั๊บ และไก่ชน มาจากไหนวะ มึงเอาไก่มาทำไมวะ

คือตลอดชีวิตที่ผ่านมา มีเพื่อนมีพี่ทำงานวนเวียนอยู่ในวงการสร้างบ้าน ก็เจอแต่ออฟฟิศสถาปัตย์ที่ตั้งชื่อเท่ๆ ดูสากลบ้างแหละ หรือเอาเก๋ไก๋เล่นคำไทยน่ารักๆ บ้างแหละ แต่นี่มึงมา “ธ.ไก่ชน” พร้อมไก่โต้งตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม (โอเค ยังดีที่มีเกาะไม้ไผ่ไว้นิดนึง) ในแง่ของการออกแบบและมาร์เก็ตติ้ง มึงมาได้สุดแล้วครับน้อง …สุดขอบเหว 555555555

คืองี้ครับ

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นวันสถาปนาคณะครบรอบ 60 ปี ผมโดนเรียกไปนั่งคุยกับพี่ๆ ในห้องเสวนา มีทั้งพี่แบบอายุห่างกันไม่มาก ลากไปยันรุ่นสาม โดยวงเสวนามีสองสามรอบ โดยนักศึกษาเก่าที่มีงานเจ๋งๆ มานำเสนอ

ไอ้อันของผมน่ะข้ามไปเถอะครับ ที่ชอบจริงๆ คือของน้องรุ่น 50 คนนี้ เพิ่งจบไปไม่นาน แต่ค้นพบทางของตัวเอง ว่าอยู่ดีๆ กูมาเอาดีด้านการผลิตและออกแบบด้วยไม้ไผ่ดีกว่า ว่าแล้วก็ไปเริ่มศึกษา เริ่มจากศูนย์เลยนะ มาได้ด้วยพลังใจแท้ๆ ในช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง และในที่สุดมันก็เปิดเป็นโรงงานผลิตไม้ไผ่ (ที่ใช้คำว่าผลิต คือมันต้องควบคุมคุณภาพและผ่านกระบวนการทำอะไรสักอย่างไม่ให้มอดกิน ถ้าเป็นนมก็เรียกว่าพาสเจอไรส์กันบูดคงได้)

ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความบ้าบิ่นจริงๆ และไอ้อะไรแบบนี้มันมีปลายทางอยู่แค่สองอย่าง คือเจ๊งกับเจ๊ง เฮ้ย รุ่งสิวะ

และของน้องตั๊บก็น่าจะมาในโซนรุ่ง เพราะพลังใจมันสูงจริงๆ

ทีแรกว่าจะเขียนเล่าว่ามันทำอะไรบ้างถึงได้น่าสนใจขนาดนี้ แต่เพิ่งเห็นว่าที่เว็บผู้จัดการมีบทสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว ก็กดไปอ่านเอา

แต่ประเด็นที่ผมสนใจมากกว่านั้นคือการค้นพบท่าไม้ตายของคนเรา คือจะรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ดีๆ กูจะมาเอาดีด้านการเป็นสุดยอดผู้ชำนาญการด้านไม้ไผ่ ทั้งที่ครอบครัวและการเรียนที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวเลยสักนิด แต่มันไปติดใจจากงานชิ้นนึงเท่านั้นเอง แล้วก็ยาว

ไอ้อะไรที่เป็นสไตล์คล้ายๆ แบบนี้นี่มันเจ๋งชะมัด เกิดมาทั้งที ได้ลองอะไรแล้วพบว่า เฮ้ย นี่แหละวะ ทางของกู แล้วไปให้สุด

บ้าเล่นเกม ก็หาโอกาสจากมัน กลายเป็นนักแคสต์เกมเฉยเลย
บ้าโซเชียล ก็หาโอกาสจากมัน กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลก็มีคนใกล้ตัวเป็นมาแล้ว
บ้าอ่านการ์ตูน โตขึ้นเป็นนักเขียนการ์ตูนเฉยเลย (แล้วก็ไส้แห้งตาย)

มันยังมีความบ้าแบบใหม่ๆ อีกหลายอย่างใน พ.ศ.นี้ ที่ผุดขึ้นมารัวๆ แบบไม่ให้ตั้งตัวได้ติด ผมชอบดูรายการ IS COMING ที่เป็นสารคดีประเภทปลุกพลังหนุ่มสาว ว่ามึงน่ะโชคดีแค่ไหนที่เกิดและโตมาในยุคนี้ ที่ให้ตายก็ไม่อดตายหรอก

ประเด็นคือมันต้องพาตัวเองไปสู่สภาวะที่ได้ลอง ได้วิ่งไปหาโอกาส ไม่ใช่นั่งกระดิกตีนให้โอกาสมาหาเราเอง โอเค ไอ้การวิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ 385 แต่ในที่สุดก็เจอ

พาลนึกถึงการ์ตูนต่างๆ ที่แต่ละคนมันมีพลังวิเศษต่างกันไปตามความชอบของตัวเอง (ที่จริงคือหาเรื่องวางคาแรกเตอร์ไปยังงั้นเอง) อยู่ดีๆ ทุกคนก็พัฒนาวิชานินจาของตัวเองแบบเทพๆ ขึ้นมา หรืออยู่ดีๆ ก็ฝึกเน็นจนแก่กล้าไปในทางใดทางหนึ่ง

เออ ทำไมมันไม่มีใครก๊อปกันวะ เออ มีนี่หว่า อย่าง Street Fighters นี่โชริวเคนกันได้ตั้งหลายตัว งั้นย่อหน้าก่อนช่างมันละกันนะ

พอละ สรุปว่า เจ๋งว่ะ นับถือ ดีใจที่ได้รู้จักและสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แผ่พุ่งออกมาแบบนี้

การได้เจอคนที่พลังชีวิตแพ่พุ่ง แถมยังแผ่มาถึงเราเหมือนโรคระบาดจากตะวันออกกลางสักอย่างนี่

ดี

คอมเมนต์

คุณค่าที่ดิฉันควรคู่

ปกติจะไม่บ่นอะไรแนวนี้ลงบล็อก (บ่นแต่แนวอื่น) แต่ช่วงนี้แย่จริงๆ จนต้องมาระบายสักหน่อย

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เหมือนผมจัดการตารางชีวิตตัวเองไม่ลงตัว รู้สึกเลยว่าวันๆ ทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน โอเคไอ้แบบที่ทำแล้วได้ตังค์น่ะได้ แต่ได้ความสุขกระชุ่มกระชวยหัวใจนั้นมันเหือดแห้งไปได้ยังไงก็ไม่รู้

เหี้ยแล้ว ไฟบนหน้าอกกะพริบแดงวาบ แบบนี้ผิด ต้องรื้อ ต้องรีบูต

วันนี้ตอนเมียออกไปฟิตเนส เลยมานั่งทบทวน พบว่าในแต่ละวันนอกจากจ้องมือถือแล้ว เราทำอะไรอีกบ้าง ก็พบว่าแทบไม่เหลือเวลาอะไรที่เป็นโล้เป็นพาย

อย่างเมื่อวานจะเขียนบล็อกนึง ก็เขียนๆ ไป เมียเรียกไปดูลูก เสร็จแล้วก็ไม่ได้กลับมาต่อ เพราะเปิดคอมทีก็เข้าเฟซบุ๊กตอบลูกค้าเลย จนหมดวัน และไม่มีอะไรที่สร้างคุณค่าให้กับชีวิตอีกเลย

นอนหลับไปโดยที่รู้สึกว่าโควต้าที่พระเจ้าให้ชีวิตเรามา (และผสมอะไรไม่รู้ผิดๆ ลงในชามน่ะ) สองหมื่นวัน โดนเผาเล่นไปวันนึงฟรีๆ

พอนึกไปถึงคีย์เวิร์ดอย่าง “คุณค่าของชีวิต” ปั๊บ ก็ถึงบางอ้อ เออ กูขาดเรื่องนี้ไปนี่เอง

พลังงานชีวิตของมนุษย์ประเภทผมคือการได้ทำอะไรสำเร็จสักอย่าง อะไรก็ได้ เป็นก้อนๆ ไม่ใช่ขี้ แต่คืออะไรที่มันให้ความรู้สึกว่าถ้าทำแล้ววันนี้จะนอนหลับอย่างไม่เสียดายชีวิต

ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ตัวอย่างเช่น เขียนบล็อก (กำลังทำอยู่นี่แหละ) ไปว่ายน้ำกับลูก ปั่นจักรยานเที่ยวในซอยที่ไม่เคยไป โพสต์ฟอนต์ในเว็บที่ดองไว้ เขียนการ์ตูนสักหน้า วาดรูปสีน้ำ ทำเว็บที่ดองไว้ ออกแบบบ้านต่อ อ่านหนังสือให้จบสักเล่ม หรือทำงานที่ดองไว้ให้เสร็จ ไปบิ๊กซีซื้อของมาตุนใส่ครัว เดินให้ครบหมื่นก้าว ดูหนัง ฯลฯ

สังเกตว่าจุดร่วมของงานแต่ละอย่างคือ ทำแล้วมันเป็นหมุดหมายอะไรให้จดจำ ทำอะไรที่มันบำบัดความเหี่ยวเฉาของการตื่นมาตอบเมลลูกค้า นั่งหน้าคอม กดมือถือ เลี้ยงลูก กินขี้ปี้นอน แล้วหมดไปวันๆ รู้สึกตัวอีกทีก็แก่เป็นตาลุงแล้ว

ปัจจัยที่เป็นหลุมพรางดักตัวเองมาตลอดเวลาจะทำอะไร ก็คือข้ออ้างว่าผม “ไม่มีเวลาว่างเป็นก้อนๆ” ซึ่ง… แล้วยังไงล่ะ คนอื่นเขาก็ไม่มีนะ เวลาเราก็ 24 ชั่วโมงเท่ากัน แถมเอาจริงๆ ตัวกูเองน่ะว่างมากกว่าคนอื่นตั้งเยอะ

ดังนั้น โครงการเติมสารอาหารให้ชีวิตประจำวัน ก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่พรุ่งนี้…

ไม่ นับตั้งแต่วินาทีนี้เลย!

คอมเมนต์

รักษาอาการเสพติดมือถือ ด้วยแอปมือถือ (งงไหม)

เข้าเรื่องทันที… แอปนี้ชื่อว่า UBhind ครับ โหลดฟรีเช่นเคย

เรื่องของเรื่องก็คือ มีอยู่พักนึงที่ชาว #ทีมโน้ตสี่ ในกรุ๊ปไลน์ (มีอยู่แค่ 6 คน) ลุกขึ้นมาแข่งกันว่าในแต่ละวัน ใครจะสามารถลดละเลิกการเสพติดมือถือได้มากกว่ากัน แน่นอนว่ามันก็คงมีแอปอะไรที่สร้างขึ้นมาตอบโจทย์แบบนี้อยู่แล้ว เลยลองดูหลายๆ แนวทาง

บางแอปคิดออกมาได้ซิมเปิลมาก ก็คือดักพฤติกรรมการกด unlock ว่าเราเปิดจอดูวันละกี่ครั้ง บางแอปก็เพิ่มลูกเล่นขึ้นมาอีกหน่อยคือมีเปรียบเทียบกะวันก่อนๆ เป็นกราฟได้ บ้างก็มีปุ่มแชร์ให้ชาวบ้านดู อะไรก็ว่ากันไป

แต่อี UBhind นี่คือขั้นสุดครับ พอลงปั๊บมันจะแอบทำงานอยู่เบื้องหลัง (กินแบตและทรัพยากรเครื่องแน่นอน อันนี้ต้องดูว่าจะยอมแลกกับความสามารถที่มันให้มาไหม พอดีมือถือแบตอึดน่ะนะ เลยไม่ซี) แล้วแอบบันทึกสถิติการใช้งานของเราหลายอย่างมาก เช่น

UBhind

ดูว่าวันหนึ่งเราใช้มือถือไปกี่ชั่วโมง ใช้ดาต้าไปกี่กิ๊ก ไวไฟไปเท่าไหร่ เปิดหน้าจอวันละกี่ครั้ง เปิดแอปอะไรไปกี่นาทีกี่ชั่วโมง! คืออันหลังนี่โหดเลยครับ มันจะบอกว่าเราซื้อมือถือมาทำอะไรบ้าง พฤติกรรมการใช้งานในแต่ละวันคุ้มตังค์ไหม 5555 แต่พอดีเมื่อวานนี้ผมทำงาน (นี่ทั้งเดือนเพิ่งได้มานั่งทำงานจริงจังก็เมื่อวาน ชีวิตสลอธน่ะนะ) ก็เลยเปิดยูทูบไปเป็นเพื่อน สรุปคือล่อไป 5 ชั่วโมงรวด

งั้นลองสุ่มมั่วเอาของวันก่อนๆ ละกันครับ เหตุการณ์ปกติ กราฟจะออกมาทำนองนี้ Continue reading รักษาอาการเสพติดมือถือ ด้วยแอปมือถือ (งงไหม)

คอมเมนต์

รวมพลังอะเวนเจอร์สแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา

เมื่อคืนจะนอน อยู่ดีๆ ก็เจอฟีดน่าสนใจไหลเข้ามา เลยตาสว่าง ยืดเวลานอนไปอีกหน่อย

หลายๆ โครงการของรัฐบาลนั้น เราๆ ท่านๆ ก็รู้กันว่ามันโคตรจะราชการ (และโคตรจะขับเคลื่อนด้วยอำนาจการเมือง) ไม่ว่าจะเกิดมาในยุคประชาธิปไตยกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ที่พอโครงการอนุมัติสร้างจริงนั้น แม่งจะดู “รีบ” เสียเหลือเกินไปทุกโครงการ แม้ข้อความสามบรรทัดแรกจะดูสวยหรูแค่ไหนก็ตาม

โครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาของรัฐบาลทหาร ที่ดูเหมือนจะดี คือจะให้คนเดินและจักรยานวิ่งชมวิว (ฟังดูดีนะ) แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็คลอดมาเป็นถนนแข็งๆ แห้งๆ และโคตรจะราชการ ไม่ต่างจากอีก 87,609,335 โครงการที่เคยผ่านมา ว่าขอเบิร์นงบให้หมดทันปีนี้หน่อยเถอะ เห็นแล้วก็…

เอาเป็นว่าเราข้ามเรื่องบ่นซ้ำๆ ซากๆ ไปเลยละกันครับ มาเรื่องใหม่เลยดีกว่า

ขนาดผมไม่ได้อยู่ในวงการสถาปนิกนี่ยังรู้เลยว่า การที่มึง เอ๊ย คุณเอาถนนแข็งๆ มาวาง โป้ง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปิดไม่ให้แสงส่องลงไปในน้ำทั้งสองข้างเท่าๆ กันนั้นมันสร้างความเลวร้ายให้กับทั้งระบบนิเวศแค่ไหน ไม่ต้องกับสิ่งแวดล้อม สัตว์โลกพืชพรรณแพลงตอนที่ฟังดูไกลตัวหรอกครับ เอาแค่ชาวบ้านที่อยู่ริมฝั่ง วันหนึ่งมีถนนมาคั่น​โป้ง ระหว่างพื้นที่ชีวิตของตัวเองในระดับสเกลมนุษย์ กับแม่น้ำที่เคยตื่นมาแปรงฟันแล้วบ้วนหรือฉี่ลงน้ำ แต่ระยะทางของแผ่นคอนกรีตที่กำลังจะมานั้นแม่งใหญ่เบิ้มเท่าๆ กับเลนถนนยักษ์ๆ ที่ขีดโดยไม่ได้ใช้หัวใจ ไม่ได้สนสี่สนแปดอะไร สนอย่างเดียวคือความอารยะในทรรศนะของท่าน

แน่ใจนะว่านี่ผ่านการประกวดแบบมาแล้ว (เอ๊ะหรือไม่มี…)

แถมแนวถนนของโครงการนี้แม่งนับได้หลายกิโล และทำท่าว่าถ้าไม่มีใครขัด ก็จะขยายยาวออกไปอีก “ตลอดแนวชายฝั่ง”

เรา–ชาวบ้านที่ไม่ได้อะไร ก็ยังรู้สึกว่าแปลกๆ แหม่งๆ แล้วคนที่ซีเรียสเรื่องนี้โดยตรง อย่างวงการสถาปนิกที่เขามีความรู้ และมองเห็นว่าต่อไปนี้มันจะมีบั๊กชิ้นใหญ่มากกับอนาคตของลูกหลานเรา และอีกสารพัดปัญหาที่จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตอย่างชัดเจน

เขาจึงออกมารณรงค์กันครับ

การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นจากหลายทาง มีการรวมตัวกันเป็นภาคีทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ในทางการนั้นเขาก็จับมือกันยื่นหนังสือไปยังรัฐบาลเพื่อขอทบทวนโครงการ ชี้ให้เห็นข้อเสียที่จะเกิดขึ้น โอเค อันนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของคนและสมาคมที่ถนัดสายทางการไป

โลโก้เกือบสวยแล้ว (ชอบ พพพ)
โลโก้เกือบสวยแล้ว (ชอบ พพพ)

อ่าน: ผังเมืองจุฬาฯนำ ‘ภาคีพัฒนาพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยา’ ค้านรูปแบบทางเลียบเจ้าพระยา

กับอีกขานึงที่เวลารณรงค์เขาจะต้องหาแนวร่วมด้วยการใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางรณรงค์ หลักๆ คือบอกชาวบ้านให้รู้ว่าเออ อีโครงการของรัฐบาลนี่มันมีปัญหาแบบนี้ เราเห็นแบบนี้ คุณเห็นด้วยไหม ถ้าไม่แน่ใจ ลองดูสเต็ปถัดไป

เป็นสเต็ปที่ผมสนใจมากจนตาลุกวาว พี่แกมีโครงการ “Sketches for the River Challenge” ด้วยการท้าทายสถาปนิก นักออกแบบแต่ละคน ลองสเก็ตช์แบบมาแจมกัน และท้าต่อไปอีก 3 คน ว่าความรู้และไอเดียของมืออาชีพ (และมือสมัครเล่น) อย่างคุณนั้นจะเอามาช่วยโลกได้แค่ไหน… ความมันส์มันเลยเกิดขึ้นตรงนี้ครับ

คืออย่างผมนี่ตอนเรียนถาปัด (ใช่ เคยเรียนมา แต่ไม่เหลือความรู้แล้ว) ในวิชาดีไซน์ปีแรกๆ สิ่งหนึ่งที่สนุกมากๆ ก็คืองานที่เรียกว่า “Sketch Design” โดยอาจารย์จะโยนโจทย์ลงมา โป้ง ให้เอาไปคิด ออกแบบและนำเสนอไอเดียทั้งหมดลงในกระดาษ A2 โดยไม่จำกัดกระบวนการนำเสนอ (แน่นอนว่ากลวิธีในการนำเสนอแบบเจ๋งๆ ก็ถือเป็นคะแนน) เสร็จแล้วส่งมา ตอนให้คะแนน อาจารย์ก็จะหยิบงานของแต่ละคนมาเปิดดูหน้าชั้น และวิจารณ์กันต่อหน้าเพื่อนร่วมวิชาชีพแบบสดๆ และแสบๆ

ส่วนมากของผมนี่คือโดนสับเละไม่มีชิ้นดี แต่สนุกก็คือสนุก ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็สนุก…

แต่พอยุคโซเชียลมาเต็มแบบนี้ Sketch Design ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในกระดาษอย่างเดียว แถมเฟซบุ๊กแม่งแท็กได้ สนับสนุนนโยบาย crowdsourcing idea เท่านี้ความมันส์ก็เลยเกิดขึ้น

ลองดูตัวอย่างผลงานได้ครับ

มุมมองจากภูมิสถาปนิก คุณอรรถพร คบคงสันติ Pocco Kobkongsanti

Posted by ภาคีพัฒนาพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยา on Wednesday, May 27, 2015

เนี่ย วิธีนำเสนอเป็นขั้นเป็นตอนและเห็นกระบวนการคิด สนุกกกก

Urban Design Guidelines ช่วยเสริมการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำได้อย่างไร / ขอบเขตงานของสถาปนิกผังเมือง (urban designers) ที่เชื่อมต่อกับงานของภูมิสถาปนิก (landscape architects) โดย SaKrapat Anurakpradorn

Posted by ภาคีพัฒนาพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยา on Wednesday, May 27, 2015

“ ทางกลุ่ม Friends of the River (FOR) ขอเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรม Sketchs for the River Challenge โดยส่งต่อคำท้าไปยังผู้คนร…

Posted by Friends of River on Monday, May 25, 2015

หรือบางทีก็ใช้วิธีนำเสนอแบบอธิบายให้เห็นภาพ พร้อมกรณีศึกษาอย่างเช่นโพสต์นี้

อยากเขียนอธิบายให้คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการออกแบบได้เข้าใจถึงประเด็น ทางเดินริมน้ำเจ้าพระยา 14 กม. ที่มีนักวิชาชีพ/วิชาการม…

Posted by Prapan Napawongdee on Sunday, May 24, 2015

เห็นไหม สนุกออก เนอะะะะะ

พอเท่านี้ก่อนครับ ต้องไปส่งลูกเข้าโรงเรียนแล้ว ถ้าสนใจเชิญอ่านและติดตามได้จากหลายเพจครับ เช่น ภาคีพัฒนาพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยา, Friends of River, TALA Thai Association of Landscape Architects, ฯลฯ (ผมไม่แน่ใจว่าเพจไหนคือเพจหลัก แต่กระจายๆ แบบนี้ก็ดี)

ที่จริงก็อยากเห็นมันลามทุ่งไปถึงคนนอกวงการด้วยครับ ถึงจะมีพื้นความรู้ต่างจากสถาปนิกและภูมิสถาปนิกมืออาชีพก็ตาม แต่งานระดมไอเดียแบบนี้มันต้องการความเห็นและทัศนคติที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดว่าจะถูกผิดหรือรู้มากรู้น้อยกว่ากัน แต่มันคือการแชร์!

#แชร์ไปให้ถึงบิ๊กตู่

คอมเมนต์