#หนีกรุง Last Day: เมื่อคืนลืมเขียน

นอนอยู่ดีๆ เมียเรียกแง้วๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ว่าให้ลุกมาดู เลยตื่นมา ก็เจอไอ้แบบนี้เลย โอเคเนอะ ชีวิตดีแล้ว

ไอ้คำว่าชีวิตดีนี่มันเป็นสแลงที่ใช้ในการแซะได้ไงไม่รู้ 5555 แต่เออ มันก็เป็นพัฒนาการต่อเนื่องจากนิสัยร่วมของมนุษย์ออนไลน์ที่ระบบมันเอื้อให้เกิดการอวดกัน มีอวดแล้วก็มีอิจฉาหมั่นไส้อีพวกขี้อวด แล้วก็มีคนที่ออกมาแซะคนที่ไปด่าคนที่หมั่นไส้อีกที ว่าเงินของเขาจะไปเสือกเขาทำไม

โลกแม่งซับซ้อนขึ้นทุกวัน

ชีวิตก็เช่นกัน บทจะง่ายก็ง่าย บทจะซับซ้อนก็ซับซ้อน เมื่อคืนก่อนคุยงานทางโทรศัพท์ (เดือนนี้เพิ่งเคยใช้โทรศัพท์ และอันที่จริง… เพิ่งเคยคุยงาน) ได้รับคำถามที่ตอบยากว่า ตอนนี้ทำอะไร ลาออกมาทำอะไรบ้าง

นึกคำตอบเท่ๆ อยู่นานแต่ก็ไม่รู้จะไปทางไหน ได้แต่บอกว่า ก็ตั้งใจจะเกษียณตัวเองมาเลี้ยงลูก กับรับทำงานกราฟิกกรุบกริบทั่วไป มีเปิดร้านสกรีนเสื้อเล็กๆ แล้วก็ช่วยงานเมียที่ร้านนลินฟ้าเป็นรายได้หลัก อะไรแบบนี้ ดูสล็อตแมชชีนดี

ส่วนวงการเว็บนี่คือวางมือโดยสิ้นเชิงเลย ตอนนี้ความรู้หยุดอยู่แค่ยุคออกแบบเว็บด้วยโฟโต้ช็อปแล้ว (ในขณะที่โลกไปไกลกว่านี้อีกแล้ว บัดซบ) (เออ แต่วันก่อนยังเห็นคนใช้ Dreamweaver เขียนเว็บผ่านตาอยู่เลย) ก็เอาน่า ถ้ามีงานเข้ามาก็โยนสิ่งที่ไม่ถนัดไปให้เพื่อนพี่น้องในวงการต่อไปได้ละกัน

มาเที่ยวทั้งทีดันนึกเรื่องงานทำไม โวะ

แค่จะบอกว่าเช้านี้ตื่นเต้นที่ได้เห็นเมียตื่นเต้นที่ได้เห็นแสงแรกของวัน ที่สวยมากๆ สวยจนคนที่ไม่เคยอะไรกับสุนทรียะทางสายตาอย่างเมียผม ได้แสดงความชื่นชมออกมา

นั่นคงแปลว่าเราน่าจะมาถูกทางแล้วปะ

วันนี้กลับกรุง ไม่สิ ขอแวะแถวๆ ปริมณฑลอีกหน่อย แล้วค่อยกลับบ้าน ไม่รีบเนอะ

ไอ้ที่ดูเด็กจะเป็นความสโลว์ไลฟ์อะไรแบบนี้ไม่มีจริงนะครับ เห็นงี้ก็ทำงานเหมือนกัน แต่แค่วางแผนงานให้คล่องตัวจนสามารถออกแบบวิถีชีวิตให้มันหอบลูกเมียตระเวนไม่ต้องติดบ้านติดที่ทำงานได้ ก็เท่านั้นเอง

คอมเมนต์

#หนีกรุง Day 7: #SleepForMom

image

นี่เพิ่งตื่น

ปกติกลางคืนจะช่วยกันกับเมีย กล่อมลูกให้หลับทั้งสองตัว แล้วพอหลับสนิทค่อยลุกขึ้นมาทำอะไรกันสองคน (งานน่ะงาน)

แต่นี่เป็นคืนแรกในนับตั้งแต่เร่ร่อนรอนแรมเที่ยวมา 7 คืน ที่หลับสนิทไปกับลูกด้วย แต่ตื่นมาเพราะโทรศัพท์สั่น แล้วก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบลูกค้าประจำวันนี้เลย เลยตัดสินใจลุกขึ้นมาอุ๊จและเขียนบล็อกนี่ก่อน

คงเป็นเพราะฤทธิ์เดชของที่นอนยักษ์กว้าง 3 เมตรและหมอนดูดวิญญาณของห้องแฟมิลี่แห่ง “นอนดี” โรงแรมเล็กๆ ใหม่เอี่ยมแห่งหัวหิน ที่อยู่เยื้องๆ ตลาดจักจั่น (ชิคาดา) ซึ่งเป็นของเพื่อนผมเอง เลยเขียนพิกัดซะละเอียด… เผื่อคราวหน้ามันให้นอนฟรี

เออ เชื่อแล้วว่านอนดีมึง “นอนดี” จริงๆ

ไหนๆ พูดถึงชื่อที่พักชัดๆ เป็นครั้งแรก เลยนึกได้ว่า ที่จริงการมารอนแรมแบบนี้มันเลยได้เปรียบเทียบว่า ธุรกิจรีสอร์ต-โรงแรม-เกสต์เฮาส์ ใน พ.ศ.นี้ ไม่ว่าจะเป็นที่พักแนวป่าเขาหรือแบบสลิ่ม การมาใช้บริการนี่คือเชื่อรีวิวจากพวก Agoda หรือพันทิปซะเป็นส่วนใหญ่ (คงเป็นวิถีปกติของคนเมืองไปแล้ว) และพอมาจริงๆ ก็จะแอบคาดหวังไว้หน่อยและนึกถึงคำโฆษณาจากปากผู้ใช้บริการแวบเข้ามาในหัวเป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยผิดหวังนะครับ ไม่รู้เพราะว่ามันเป็นการเที่ยวในวันธรรมดาด้วยหรือเปล่า

และการเที่ยววันธรรมดาก็ให้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ที่มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป

เอาข้อเสียก่อนละกัน อย่างแก่งกระจานที่ผ่านมานี่เห็นเลยครับว่าวันธรรมดาเป็นวันพักผ่อนของพนักงาน เพราะคนน้อยน่ะนะ เหมือนเราไปรบกวนเขา 5555

ส่วนข้อดีก็คือราคาถูก อันนี้ชัวร์ใช่มะ อีกอย่างคือการได้สัมผัสสถานที่และธรรมชาติรอบๆ โดยไม่มีคู่แข่ง (หมายถึงนักท่องเที่ยวอื่นๆ) มาทำให้เขิน

มีวันนึงที่ตื่นมาปั่นจักรยานสำรวจรีสอร์ตอื่นๆ แถวๆ แก่งกระจาน ก็พบว่าแต่ละรีสอร์ตแทบไม่มีคนเลย ลองแวะๆ เข้าไปดูเจ้าที่อยู่ใกล้กับที่ไป บางทีก็เศร้า คือมึงทำธุรกิจแบบตีหัวเข้าบ้าน ทำที่พักส่งๆ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะๆ ก่อสร้างต่อเติมแบบไม่แคร์ธรรมชาติ หรือไม่คิดถึงคุณค่าอะไรจากทรัพยากรที่มี

บางแห่งได้ยินชื่อมานานก็แวะเข้าไปดู แล้วก็เหี่ยวใจ โดยเฉพาะเจ้านึงที่ถึงกับติดป้ายโฆษณาไว้ตลอดถนนด้วยสโลแกนประมาณว่า “ท่านกลับไปแล้วจะไม่ผิดหวัง” เอ๊ะทำไมใช้คำที่ให้อรรถรสแปลกๆ เหมือนตีแผ่วงการยังไงอยู่นะ ก็เลยเลี้ยวเข้าไปดู

ริมแม่น้ำสวยๆ พี่ก็เอาสไลเดอร์สีแปร๋นๆ ไปวางยืนลงน้ำเพื่อเอาใจแขก (แปร๋นจริงๆ แล้วแต่ละแห่งนี้แข่งกันแปร๋นมาก เคยล่องแพยางผ่านแล้วหดหู่) ต้นไม้ใหญ่ที่มีก็โค่นซะเหี้ยน เพื่อตั้งบ้านน็อกดาวน์เป็นหลังๆ ขยายบริเวณไปเรื่อยๆ แบบไม่ได้มีการวางแผนที่ดี เห็นแล้วอึนๆ แปลกๆ แต่ก็เข้าใจว่าสำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆ คน ไอ้การทำแบบนี้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา คนเที่ยวได้เล่น เจ้าของได้ตังค์ วินวิน แต่มันไม่วินสำหรับสภาพแวดล้อมเลยนะ

ก็พอรู้นะครับว่าเงินมันดี วันหยุดทีนึงคนก็แห่กันมา โกยได้ก็โกย แต่มันสร้างภาพจำที่ไม่ดีกับแหล่งท่องเที่ยวบริเวณนี้ไปเลย

ถึงขนาดคิดว่าถ้ามีตังค์สักสิบยี่สิบล้าน จะเปิดที่พักเก๋ๆ เล็กๆ แต่ใจเขาใจเราแม่งแถวนี้แหละ จะล้างภาพลักษณ์ที่พวกแกทำเอาไว้

เชื่อแล้วว่าพอกลับออกมาแล้วจะไม่ผิดหวัง

และเจ็ดวันที่ผ่านมานี้เองที่ได้ไปเที่ยวแถวบ้านบ้าง แถวอื่นบ้าง แต่โจทย์คือไม่ไปที่ที่เคยไปเลย เหมือนเป็นการสำรวจลงลึกและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่อาจจะมองข้ามไปก่อนหน้า ซึ่งแบบนี้ก็โอเคนะ

ไม่ได้รักชาติอะไร แต่รู้สึกว่าเมืองไทยเรานี้ยังมีที่ที่น่าไปสัมผัสอีกเยอะมาก คงหาโอกาสเก็บแต้มไปเรื่อยๆ แหละ (ทั้งนี้ต้องเป็นมิตรกับเมียและลูกเล็กด้วย)

ที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะบอกว่าปัจจัยในการชอบหรือไม่ชอบที่พักและตัดสินใจจะมาซ้ำในโอกาสถัดไปนั้นมีหลายอย่าง สวย คุ้มค่า บริการโอเค อาหารอร่อย มีดีเทลกุ๊กกิ๊กให้ก๊อป (โดยเฉพาะนอนดีหัวหินนี่ดีเทลสวยๆ เยอะมาก เพราะเจ้าของเป็นแก๊งสถาปนิก)

ฯลฯ

เออ สำคัญที่สุดคือเน็ตต้องไม่กากนะ โอเคนะ

คอมเมนต์

#หนีกรุง Day 6: ตรวจสุขภาพ

image

ขอบคุณหมอกอล์ฟ และยินดีกับเรื่องนั้นด้วยนะะะะ

คอมเมนต์

#หนีกรุง Day 5: ทะเล/จีน/ต๊าย

image

และแล้วการเดินทางรอนแรมของบ้านเราในวันนี้ก็เปลี่ยนโหมดแบบหลังตีนเป็นหน้ามือ

ก่อนหน้านี้จะเป็นการด้อมดูสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยในเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมหน่อยๆ ซึ่งเป็นของถนัดของผม แต่นับจากวันนี้ไป เมียคือผู้คุมเกม …เป็นการหนีกรุงที่หนีจากความสลิ่มมาพบความสลิ่มกว่า เป็นสลิ่มแบบเอ็กโซติก

เที่ยวทะเล! เดินห้าง! นอนโรงแรม! กินหรู! อะไรแบบนี้

เริ่มต้นวันนี้ด้วยการมาที่นี่ ที่ที่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เกินจินตนาการ แถมยังมีสระเด็ก สระเหลี่ยม สระย่อย สระเลี้ยวลดคดเคี้ยวเลื้อยไปตามห้องพักต่างๆ มากมาย ยาวเลยไปถึงชายหาดของโรงแรมที่เป็นสระเบ้งๆ แบบ โอ้โห พี่ฮะ

ตัดภาพกลับไปหลายวันก่อน ตอนที่ประชุมกับเมียเรื่องแบบบ้าน เมียบอกว่าอยากได้สระว่ายน้ำ เล็กๆ ก็พอ อย่าง 4-5 เมตรคูณ 10 เมตรงี้ ถ้าไม่แพงอย่างที่เขาว่ากัน ก็จะเอา เลยปรึกษาคนนั้นคนนี้ จนได้ข้อสรุปว่าแม่งแพงกว่าที่เขาว่ากันว่าแพงซะอีก โอเค พับ

ทีนี้วันนี้ครับ มันเป็นวันธรรมดา

การเที่ยววันธรรมดา ถ้าเป็นสถานที่อันซีนหน่อย อย่างแก่งกระจานเมื่อเช้าที่ผมปั่นลุยไปดูหลายๆ รีสอร์ตริมน้ำเพชร ก็พบว่า มันคือเมืองร้างชัดๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวมาพักเลยครับ

อ่านใหม่นะครับ ไม่มี ≠ แทบไม่มี

อันนี้อยู่ในโหมด “ไม่มี” นี่หมายถึง แม่งไม่มีคนจริงๆ ผมปั่นผ่านถนนลูกรัง เจอวัว เจอควาย เจอหมามากมาย เอ้าเจอม้าที่เขาปล่อยมากินหญ้าข้างถนนก็มี… แต่ ไม่ มี คน

ผิดกับที่นี่ มันเป็นเมืองท่องเที่ยววิถีสลิ่มที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุดเท่าที่จะนึกออก ดังนั้นวันธรรมดาก็ยังอุดมไปด้วยทัวร์ทั้งไทยเทศ โดยเฉพาะเทศ

ตอนติดต่อล็อบบี้ ผมเห็นทัวร์จีนมาจอด หนึ่งคันรถทัวร์

ไม่หรอกครับ ไอ้ผมน่ะเคยแต่อ่านในเน็ต ว่านักท่องเที่ยวจีนแย่งั้นงี้ ทุกคนที่เคยผ่านประสบการณ์ต่างก็พากันสาปส่งอะไรก็ว่าไป แต่ผมไม่ใช่พวกเหมารวมครับ ไม่ได้แบบหญิงสาวที่โดนผู้ชายเลวหักอกหนึ่งคนแล้วพาลเกลียดผู้ชายและบอกว่าแม่งก็เลวเหมือนกันทั้งโลก

ทัวร์จีนก็เช่นกัน

ให้นึกภาพว่าอย่างน้อยอาหมวยที่เดินลงรถทัวร์มา เดี๋ยวก็จะได้ใช้บริการสระว่ายน้ำยักษ์นี่ คงจัดบิกินีสีส้มสด มีเชือกเส้นจิ๋วๆ รัดแค่ขอบเอว เตรียมมาในกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย นี่แหละภาพลักษณ์ของทัวร์จีนในสายตาข้าพเจ้า

พลัน เมื่อหันไปทางสระเด็ก (ที่เตรียมการไว้ว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ลูกสาวลงไปเล่น) ก็เจอน้องสาวชาวจีนคนนึง คงประมาณประถมปลายหรือ ม.ต้นนี่แหละ ใส่ชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวเหมือนนักประดาน้ำ เดินใส่รองเท้าข้ามจากสนามหญ้า พอดีหญ้ามันชื้น รองเท้าเลยสกปรก

น้องก็เลยเดินไปแกว่งๆ ล้างรองเท้าในสระว่ายน้ำ

ยังไม่สะอาดพอ น้องถอดรองเท้าแล้วแกว่งๆๆ ให้ขี้ดินหลุดออกให้หมด (ก็หลุดกระจายลงในสระนั่นแหละ) พอตีนน้องสะอาดดีแล้วก็เดินออกมาหาแม่มัน เอ๊ยแม่น้อง

เท่านั้นแหละผมก็สรุปได้แล้วว่า กูเกลียดทัวร์จีน

คอมเมนต์

#หนีกรุง Day 4: ดินสอน

ภารกิจหลังกินข้าวเช้า (ไส้กรอก ไข่ดาว แฮม น้ำส้มน้ำสับปะรด นม ชากาแฟ ขนมปัง เนยแจม สลัดผักผลไม้และข้าวต้มอีกนิดหน่อย ทั้งหมดนี้ในวงการเรียกอเมริกันเบรกฟาสต์ได้อย่างไรล่ะหือ) ลูกคนเล็กอายุสิบเอ็ดเดือนก็ง่วงพอดี แม่ของลูกจึงนำไปชาร์จพลังงาน

ส่วนตัวพี่ซึ่งอายุสามขวบสี่เดือนกว่าๆ กลับพลังงานล้นปรี่ ถ้าให้มันอยู่ด้วยกันพี่น้อง รับรองว่าจะไม่เกิดการนอนในเช้าวันนี้ชัวร์ ผมจึงรับหน้าที่พานิทานไปเดินเล่นฆ่าเวลา (ไม่ได้แปลว่าฆ่าเวลา แต่หมายถึงฆ่าเวลาน่ะเข้าใจไหม) โดยมีย่า (เย้ ผมพาแม่มาด้วยน่ะครับ) เดินตามไปคอยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องต้นไม้ใบหญ้า โชคดีที่ทางรีสอร์ตเขาปลูกต้นไม้เก่ง เก่งจริงๆ เนี่ยเมื่อคืนวานเขียนเรื่องต้นไม้ได้เป็นคุ้งเป็นแควก็เพราะรู้สึกขอบคุณในความร่มรื่นนี้แหละ
image

ความรู้ใหม่สำหรับเด็กสามชวบในหนึ่งชั่วโมงช่วงเช้าวันนี้ก็คือ อุโมงค์มด / นางพญามดหัวโต / วิธีกระโดดข้ามมด ไม่ต้องกลัว / รู้จักต้นมะเฟือง / ต้นส้มโอ / ต้นกระท้อน / ต้นตีนเป็ด / ลูกตีนเป็ดเอามาทำงานหัตถกรรมได้ / ต้นมะเดื่อ (เคยสอนให้รู้จักทีนึงแล้วแต่ลืม) / หูกระจงยักษ์ / มอสชอบขึ้นที่ชื้น / กิ้งกือขดตัว / ผีเสื้อไม่ยอมให้คนจับ / ใบบัวเนี่ยเขาเอามาห่อข้าวกินได้ หอมอร่อยด้วย / ไม้ไผ่แข็งแรง ลื่น เคาะดังโป๊กๆ / ต้นไผ่เอามาทำเป็นกระบอกน้ำได้ / ต้นไม้บางต้นขรุขระ / การล่าของแมลงช้าง (เดินไปนั่งดูการเชือดมดสดๆ ทีแรกผมว่าจะหยอดมดลงไปในหลุมอเวจีเอง แต่เผอิญมีมดตะนอยชะตาขาดเดินลงไปพอดี โอเคเลย เอ็งซวยเองนะ ข้าไม่บาป) / สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก / น้ำเชี่ยว น้ำนิ่ง น้ำไหล / ผักตบ / จิงโจ้น้ำ / แมลงปริศนาสีแดงที่พ่อก็ไม่รู้จักชื่อ / ลำธารแห้งกับลำธารเปียก / ทดลองวิชาฟิสิกส์ด้วยการการปาลูกอะไรสักอย่างคล้ายๆ มะเดื่อลงน้ำรัวๆ กว่า 20 ลูก / หมาขึ้นสะพานอย่างไร / ต้นกระถินไม่ใช่ไมยราพ / กระรอกไม่ชอบให้คนเข้าใกล้ / ศาลาหน้าตาเป็นแบบนี้ / ธรรมชาติคืออะไร (อธิบายศัพท์คำนี้ด้วยการยกตัวอย่างนานมาก) / ไม้สำรวจ (กิ่งไม้ยาวประมาณเมตรครึ่ง ทรงสวยมากๆ เอาให้นิทานถือจนผูกพันมาก จะเอากลับบ้านด้วย) / การหยั่งความลึกของแม่น้ำด้วยกิ่งไม้ / วิธีการเดินบนสะพานไม้ / ความเสื่อมของโครงสร้างไม้ / การทรงตัวในที่แคบ / อากาศดีๆ พอดมแล้วสบายจมูก / อุโมงค์ต้นไม้ / ถ้าจับมือพ่อไว้แล้วจะไม่ตกน้ำ / ฯลฯ

ส่วนความรู้ใหม่สำหรับผมผู้เป็นพ่อ ก็คือ “เด็กควรโดนดินบ่อยๆ” ยิ่งบ่อยยิ่งดี เหมือนเป็นสารอาหารประเภทหนึ่งที่คนกรุงเทพฯ (อย่างลูก) แทบไม่เคยได้กิน อันนี้คงไม่ต้องอธิบายกันแล้วเนอะว่าทำไม 😀

คือไอ้พ่อน่ะเล่นดิน อยู่กับดินมาตั้งแต่เกิด เลยรู้สึกอยากครอบงำความคิดนี้ให้ลูกเสียบ้าง ถึงแม่เราจะเจออะไรมาต่างกัน แต่อยากให้ได้สัมผัสความมันส์แบบที่พ่อเคยเจอตอนอายุเท่าเจ้าเสียหน่อย และยินดียิ่งนักเมื่อได้รู้ว่าเจ้าก็โคตรแฮปปี้เลย

ส่วนแม่… ช่างแม่ แม่ชอบกระเป๋ารองเท้าและเงินทองต่อไปนั่นแหละดีแล้ว จะได้ถ่วงดุล

คอมเมนต์