ดี
คอมเมนต์
ดี
ก่อนอื่นดูคลิปนี้นะ เขาทำมาสักพักละ
เป็นโครงการเจ๋งๆ ของไมโครซอฟท์ที่ทำให้การถ่ายวิดีโอมีความราบรื่นจนน่าตกใจเหมือนใช้อุปกรณ์กันสั่นเมพๆ (แต่อันนี้ไม่ต้องลงทุนอะไรนอกจากมือถือ) หลักการทำงานคือ โปรแกรมมันจะซอยคลิปที่เราถ่ายมาแบบสั่นๆ นี่แหละ แล้วคำนวณ ปะผุ ซ่อมสภาพแวดล้อมโดยอาศัยเนื้อภาพจากเฟรมก่อนหน้าและถัดไป ผลออกมาจึงทำให้คุณต้องอึ้ง! เมี้ยว (พ่อง)
จนในที่สุดพอเห็นข่าวนี้ที่ Droidsans (ถ้าขี้เกียจกดไปอ่าน ข่าวเขาบอกว่า แอปนี้ออกรุ่นทดสอบแล้ว ใครมีมือถือรุ่นที่แอปรองรับ แล้วอยากลองเล่นก็เชิญ) ก็เลยตื่นเต้นกระพือปีก ว่าเฮ้ย เขาทำมาแจกเลยว่ะ ต้องโหลดมาลองเล่นดูบ้าง
จะว่าไปก็เคยเจอประสบการณ์ที่ดีกับบริษัทนี้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน กับโปรเจ็กต์ Microsoft ICE ในยุคที่ยังไม่มีโปรแกรมไหนที่ต่อพาโนรามาได้ดีเลย (สมัยนั้นยังโหลดเถื่อนมาแคร็กเล่นอยู่ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีเถื่อนตัวไหนที่ดีเลย) แล้วอีบ้าตัวนี้ก็ทำออกมาแจกฟรี!
กลับมาเข้าเรื่อง คราวนี้เป็นตัวแอปบนแอนดรอยด์บ้าง ไปกดเข้าร่วมทดสอบรุ่นเบต้าได้ที่ Microsoft Hyperlapse Mobile for Android Preview
แล้วก็โหลดมา ถ่าย กดเรนเดอร์ เสร็จแล้ว! ประทับใจที่มันเย็บและผลิตออกมาเร็วมาก ทีแรกคิดว่าจะคิดเยอะ ช้า อืด อะไรแบบนี้ แต่ไม่เลย
เร่งความเร็วเป็น 8x แล้วดูความเนียน น่ารักดี รถวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ
.
นี่เร่ง 16x ภาพเนียนมาก เหมือนคลิปเก่าๆ เลย (ว่าแล้วก็เปิด YuTube Editor แล้วย้อมเป็นสีซีเปีย)
เสียดายไม่ได้เก็บต้นฉบับตอนถ่ายดิบๆ เอาไว้ แต่ช่างมัน เพราะมีเสียงพูดจากน้องเมียที่กำลังนินทาคนนั้นคนนี้ลอดเข้ามาด้วย มันจะไม่งาม
ทีนี้ใครถ่ายพระอาทิตย์ตกดินแบบเร่งสปีด (Time-lapse) หรือพาทัวร์อาคารสถานที่แบบเก๋ๆ ก็คงง่ายขึ้นกว่ามานั่งถ่ายภาพนิ่งทีละแชะๆๆ แล้วหาทางเย็บติดกันเป็นคลิป หรือต้องไปพึ่ง After Effects (เสียเงิน) แล้วลงนั่นนี่ให้เมื่อยละ ใช้ไอ้ตัวนี้เจ้าเดียวอยู่
ข้ออ้างในการดองบล็อกก็คือ เพิ่งหายปวดตาเมื่อวานนี้ หลังจากเป็นตากุ้งยิงสลับตาแดงมานาน (มีหลายคนที่เป็นเหมือนกัน หาหมอมาแล้วหลายบาทแต่ก็ยังเป็นสลับซ้ายขวาอยู่ บัดซบ)
ที่จริงจะเขียนเรื่องอื่นอีกมากมายในช่วงที่ไม่ได้จับบล็อกเลย แต่มาเห็นชื่อของคุณชมพู่ อารยา และข่าวคราวรวมถึงความเห็นเชิงบวกเชิงลบเชิงแซะเชิงอิจฉา เชิงแซะคนที่อิจฉาอีกที รวมไปถึงความเห็นที่ลากไปเรื่องวิชาการ ชนชั้น สังคม ฯลฯ โผล่มาในไทม์ไลน์อย่างมากมาย
แล้วก็นึกได้ว่า เราแทบไม่เคยเห็นภาพของชมพู่ หรือชุดแต่งงานในตำนาน (หรือเปล่าก็ไม่รู้) ของชมพู่เลย หรือแม้แต่หน้าเจ้าบ่าวซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร รู้แต่ว่ารวยมากๆ ซึ่งไอ้ที่รู้นี่ก็คือรูจากเศษข้อมูลที่ผ่านตามาจากไทม์ไลน์เช่นกัน
จนเมียเพิ่งเปิดภาพชุดแต่งงานชมพู่ให้ดูวันนี้เอง คือเมียโพสต์ลงเพจร้านนลินฟ้า แล้วมีคนมากดไลก์บ้างชื่นชมบ้างเยอะจนน่าสนใจ เลยมาเล่าให้ผมฟัง
ไอ้ความรู้บ้างไม่รู้บ้าง ถ้ารู้ก็รู้แค่เศษข้อมูล และ/หรือความไม่สนใจ หรือสนใจของข่าวอะไรแบบนี้ นี่แหละน่าสนใจ
สนใจว่าตอนนี้เรา (และเชื่อว่ามันต้องมีคนอื่นบ้างแหละ) ยืนอยู่ตรงไหนของสายธารแห่งข้อมูลหว่า มันไหลบ่ามาจนชาวบ้านร้านตลาดพูดกันขนาดนี้ แต่เราก็แทบไม่เคยเห็นภาพ หรือจับแก่นกระพี้ของข่าวได้เลย โอเค คือรู้แค่คีย์เวิร์ดที่ว่า “ชมพู่ได้ผัวรวย” (ขอโทษนะครับ คือมันสรุปได้แบบนี้จริงๆ ถ้าคุณชมพู่อ่านแล้วไม่พอใจผมขอโทษแรงๆ เลยครับ รักนะครับ ถึงคุณจะมีผัวรวยแล้วก็ตาม)
ซึ่งนั่นก็พอแล้ว ดีเทลอย่างอื่นเช่นสินสอดเท่าไหร่ เจ้าบ่าวเป็นใครทำอะไร มีบ้านมีรถมีชุดสวยๆ หรือมีดารามาร่วมงานอะไรยังไง ไม่ได้สนใจจะใคร่รู้ และชีวิตก็ปกติสุขดี
เลยนึกถึงเมื่อสมัยที่ทำงานบริษัทเมื่อ 3 ปีก่อน มีพี่คนนึงที่แกเป็นเซียนในวิชาเว็บ รวมไปถึงเรื่องปรัชญาศาสนาการเมืองอะไรก็คุยกับแกได้ลึกละเอียดพิสดาร ปกติก็คุยกันสรวลเสเฮฮาทั่วไปนั่นแหละครับ
แต่พออยู่มาวันหนึ่ง เราคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ผมยกชื่อดาราสาวไทยที่ตึงๆ เอ็กซ์ๆ ขึ้นมาคนนึง คือชมพู่นี่แหละ
…พี่แกงง “ใครนะ?”
โลกของแกไม่เคยรู้จัก หรือได้ยินชื่อดาราคนนี้มาก่อน แต่เฮ้ย สามปีที่แล้วชมพู่ก็โดดมาเป็นดาราเกรดเอแถวหน้าของเมืองไทยเทียบเท่าอั้มแล้วนะ มีคนไม่รู้จักด้วยเหรอ
ผมตกใจ แต่มองไปที่แววตาพี่แกที่ไม่มีทีท่าจะรู้สึกว่า “กูผิดสินะที่กูไม่รู้จักดาราคนนี้เลยสักนิด” แล้วก็เกิดพุทธิปัญญาขึ้นมา
เออ จะมีหรือไม่มีชมพู่ ชีวิตเราก็ปกติสุขดีนี่นา
#จบห้วน #เมียเรียก
พอนับนิ้วดู ผมอาศัยอยู่ลาดปลาเค้ามาหกเจ็ดปีแล้วครับ ที่นี่มีศูนย์กลางชุมชนคือวัดลาดปลาเค้า ที่ผมเองก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเขามากไปกว่าการไปทำเรื่องขอยืมโต๊ะกับหม้อไหมาจัดงานทำบุญบ้านเมื่อสมัยย้ายมาอยู่ใหม่ๆ แน่ล่ะ เวียนเทียน งานบุญอะไรก็ไม่เคยไปร่วม (#คนบาป)
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมปั่นจักรยานผ่าน เหลือบไปเห็นว่าหลังซุ้มประตูวัดนั้นมีห้องสมุดประชาชนเหี่ยวๆ ตั้งอยู่ ด้วยความว่าง เลยแวะเข้าไป ในใจก็คาดไว้อยู่แล้วว่าสิ่งที่จะได้พบคืออะไร แล้วก็เป็นไปตามคาด
มันคือห้องสมุดเหี่ยวๆ จริงๆ
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีเพื่อนบ้านมาโพสต์ในกรุ๊ปของหมู่บ้านว่า ห้องสมุดแห่งนั้นได้รีโนเวตใหม่เอี่ยม เป็น “ห้องสมุดอย่างดี” ไอ้ผมที่มีภาพติดตาในครานั้นก็นึกไม่ออกแหละว่ามันจะไปดีได้ยังไง สถานที่ราชการที่เดินเข้าไปก็นึกออกว่าต้องมีกลิ่นขี้นกพิราบลอยมาเตะจมูกนั่น
แต่ด้วยความว่างหลังจากไปส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนอนุบาล ผมเช่าการ์ตูนมา แต่เกิดขี้เกียจเข้าบ้านทันที อยากเอ้อระเหยหาที่นั่งอ่านการ์ตูนก่อน
ส่วนตัวไม่ชอบบรรยากาศอันน่าอึดอัดของร้านกาแฟ (คิดไปเองว่ามันต้องเก๊กนั่งหลังตรง และต้องพรีเซนต์เป็นตัวของคนอื่นตลอดเวลา) และสารภาพว่าสมัยเด็กผมเคยเป็นเด็กเนิร์ดสุดๆ ขนาดที่พักเที่ยงต้องไปสิงอยู่ห้องสมุดทุกวัน ยืมหนังสือจนบัตรยืมเปื่อยยุ่ย และสนิทกับครูบรรณารักษ์อะไรแบบนั้น แต่พอโตมาก็ห่างหายจากห้องสมุดไปเสียนาน
ในเมื่อโอกาสเหมาะเจาะแบบนี้ ผมจึงตั้งใจวกไปห้องสมุดเหี่ยวๆ แห่งนั้นอีกครั้ง อยากรู้ว่าพอศัลยกรรมออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร
พอจอดแว้นที่ด้านหน้าอาคาร เท่านั้นเอง ผมนี่ถึงกับอึ้งเลยครัชเมี้ยว
Continue reading รีวิวห้องสมุดลาดปลาเค้า ห้องสมุดที่เมพเกินคาด
เคยได้ยินมานานว่า “ห้ามต้มไข่ในเตาไมโครเวฟ เพราะมันจะระเบิด”
ด้วยความไม่เคยต้องสงสัยอะไร ก็เลยไม่ต้ม เอาจริงๆ คือไม่ได้ชอบกินไข่ต้มเป็นพิเศษอยู่แล้ว ตอกดิบๆ ใส่ใส่มาม่า แล้วโยนลงไปในเตายังจะถนัดกว่า ประสาคนขี้เกียจแม้แต่จะจุดเตาแก๊ส
แต่วันนี้ลูกสาวบอกว่าอยากกิน (พ่อทำไข่น้ำให้เอาไหม — ไม่เอา ทานจะกินไข่ต้ม)
ส่วนเมียก็ยุ่งอยู่ชั้นบน ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า #พ่อบ้านใจกล้า จากทั่วโลกคงเคยเจอสถานการณ์บีบบังคับนี้มาบ้างแหละ ก็เลยเปิดตู้เย็น และปรึกษากูเกิล ได้คำตอบมาประมาณนี้
เหี้ยแล้วไหมล่ะ กำลังใจแต่ละอย่างมาเต็ม
แต่กระนั้นก็ต้องมีคนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว ผมเลยทำเป็นลืมข้อมูลเชิงลบจากพวกนู้บข้างบน แล้วหาข้อมูลจนสรุปออกมาได้วิธีการดังนี้
อีกแหล่งข้อมูลนึงบอกว่า ไม่เห็นยากเลย ใส่เกลือลงไปในน้ำ 1 ช้อนชา (ไม่ได้บอกปริมาตรน้ำ) แล้วเวฟตามปกติ โซเดียมในเกลือจะทำให้การสั่นเทิ้มของแอมปลิจูดส้มตำอะไรสักอย่างที่เป็นภาษาวิชาการสารประกอบทางเคมี อันนี้ผมอ่านข้ามไปอย่างไม่ไยดี สรุปว่ามึงใส่เกลือก็พอ
ด้วยความเป็นมือใหม่ เลยเอาสองวิธีมาปนกันแม่งเลย และไหนๆ ก็ขอทดลองทีเดียว 3 ฟองดังนี้
ขอแนะนำตัวละครทั้งสาม: ไพโรจน์ผู้เป็นไข่เบอร์ 0 ส่วนฉวีวรรณและอุไรรัตน์ เธอเป็นไข่เบอร์ 4 ที่ซื้อมาหลังสงกรานต์จากแผงหน้าร้าน CP (เขาลดราคาเธอทั้งสองเหลือแค่กระบะละ 69 บาท ก็ตกฟองละ 2 บาทนิดๆ เอง)
ทีแรกจะลองแค่ 2 ฟอง คือไพโรจน์กับฉวีวรรณ แต่พอแช่น้ำร้อนไปได้สัก 30 วินาที ก็สังเกตพบปัญหาคือ ฉวีวรรณเธอมีฟองพรายผุดออกมา เอ๊ะ ไข่รั่ว หรือมีรอยร้าว หรือเธอต้องการเรียกร้องความสนใจกันแน่ ผมเลยไปเปิดตู้เย็น เรียกอุไรรัตน์ลงมาออนเซ็นอีกฟอง
ก็นั่นแหละครับ ด้วยความป๊อด ผมเลยทำทุกวิธีทางที่กูรูแนะนำมา คือใส่เกลือด้วย ต้มน้ำร้อนก่อนด้วย แล้วค่อยเอาไปเวฟด้วยใจระทึก ระหว่างนี้ก็บอกลูกสาวให้ไปหลบหลังบังเกอร์ แล้วอีพ่อมาเกาะดูห่างๆ อย่างห่วงๆ เหงื่อเริ่มซึมตามง่ามนิ้วมือ อ้อ ผมตั้งเวลาไว้ 4 นาทีเท่านั้นเอง กะว่าถ้าระเบิดตูมขึ้นมา ลูกจะได้ปลอดภัย พรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียนวันแรกด้วย (อีพ่อก็คาดว่าอีหวีวรรณมึงตูมแน่ แววมึงมาตั้งแต่แช่นำ้แล้ว)
หลังจากนาฬิกาเดินผ่านไปอย่างเยือกเย็น ในที่สุดก็ครบ 4 นาทีแห่งความทรมาน ผมเชิญทั้ง 3 ออกมาจากห้องเซาน่า แล้วตรวจดูสภาพ
นั่นไง อีหวี ปริเชียวนะแก นี่แกเตรียมเปลี่ยนเป็นร่างสามแล้วสิ!
เอ้า ย้ายลงไปแช่น้ำก๊อกธรรมดา (นี่ก็เพราะความป๊อด เขาบอกอะไรมานิดๆ หน่อยๆ ก็เชื่อหมด อารมณ์คนมีญาติเป็นมะเร็งแล้วโดนหมอผีหลอกให้กินยาหม้อ) เสร็จแล้วจัดการใช้มีดผ่าออกมาดูผลการทดลองเลยทั้งสามฟอง
ไพโรจน์: สุกสนิท แบบนี้เหมือนไข่ต้มเซเว่น ซึ่งโอเค นั่นแสดงว่าการแช่น้ำร้อน 2 นาทีแรก ทำให้แกสุกจนเวลดัน
อุไรรัตน์: เป็นไข่ยางมะตูมพอดี!!! ยูเรก้า!!! นิทานชอบกินเยิ้มๆ แบบนี้เลย แล้วเซเว่นนะ แม่งขายแพงมาก ทั้งที่ทำเองได้ แค่เสี่ยงระเบิดนิดเดียวเอง งั้นนิทานรอพ่อแป๊บนะ ขอถ่ายมาโซเชียลก่อน
ขอดูอุไรรัตน์อีกมุมนึง อื้อหือ เซ็กซี่สุดๆ!
ส่วนฉวีวรรณที่น่าเป็นห่วง ผมเอามาเคาะๆ ถอดเสื้อผ้าดู ก็พบว่ามีความสุกประมาณไพโรจน์ (เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อนเหมือนกัน) ซึ่งแสดงว่าการที่ไข่มีฟองอากาศตั้งแต่แรกนั้นไม่ได้มีผลอะไรนัก สบายใจ ไม่ใช่ไข่เน่าอย่างที่คิด (เพราะมันจมน้ำด้วยแหละ)
แต่ไม่ทันได้ถ่าย เพราะนิทานทนหิวไม่ไหว เลยคว้าไปกิน …ก็พ่อมัวแต่เล่นอยู่ได้
.
สรุปผลการทดลอง: โลกโซเชียลทำให้เสียเวลาทำมาหากิน