วันๆ มึงทำอะไร
ปกติเราไม่ชอบเขียนเป็นลิสต์ๆ เพราะดูมันลวกๆ และไม่ได้ฝึกการเขียนเชื่อมประโยค แต่วันนี้จะเขียนลวกๆ สักครั้ง
พอดีมีคนถามบ่อยว่าหลังจากลาออกแล้วนี่มึงทำอะไรบ้าง นอกจากเลี้ยงลูกและเป็นลูกจ้างเมีย งั้นจะเขียนเล่าว่าวันนี้ผมทำอะไรบ้าง เอาเป็นลิสต์ๆ ละกันนะ
- ตื่นเจ็ดโมงครึ่ง เมื่อคืนนอนหัวค่ำเพราะเพิ่งเคลียร์งานเว็บตัวนึงเสร็จ เลยเพลีย และกะว่าวันนี้จะได้ทำนั่นนี่มากมาย งั้นตัดสินใจนอนก่อน
- พอตื่นมา ก็ปลุกน้องเมียทั้งสองคน (โมนาและมาเฟีย มานอนที่บ้านเพราะปิดเทอม) ให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟัน วันนี้เรามีงานใหญ่ นั่นคือย้ายที่นอนจากชั้นสามห้องขาวไปห้องเทา และที่ใหญ่กว่านั้นคือย้ายที่นอนยางพาราหนัก 38 ตัน จากชั้นสองไปชั้นสาม
- อ้อ เพราะก่อนหน้านี้สองสามวัน บ้านเรามีสภาพเหมือนถูกซอมบี้บุก เพราะช่างมารื้อบันไดลามิเนตกากๆ ของอารียา ที่อยู่มาแค่ไม่กี่ปี แม่งกรอบแกรบเป็นกระดาษยุ่ย เลยให้ผู้รับเหมารายเดิมที่สนิทกันมานาน มาช่วยรื้อ และเปลี่ยนเป็นปูนดิบ นั่นรวมถึงสวนหลังบ้าน (เรียกว่าสวนก็กระดากใจ มันคือที่ตากผ้ากว้างยาวไม่เกิน 8 ตารางเมตร) และพื้นชั้นสองทั้งชั้น
- หลังจากสมุนทั้งสองคนตื่น ปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จ และพร้อมออกศึกแล้ว เราก็เริ่มรื้อของในห้องนอนชั้นสาม (ห้องสีขาว) เลย ปกติห้องนั้นจะเรียกว่าห้องยายยาย หรือห้องตั๊กถั่ว หรือห้องนอนแขก หรือห้องเก็บของ แล้วแต่จะเรียกตามใจ แต่ต่อไปนี้มันจะกลายเป็นห้องนอนหลักของเราสามคนพ่อแม่ลูก ส่วนห้องนอนแขกและฟังก์ชันเก็บของของบ้านเรา ก็ย้ายไปห้องข้างๆ ที่ทาสีผนังเป็นสีเทาด้วยความอินดี้ ไม่รู้ทาทำไม
- เริ่มจากย้ายตู้ ชั้นวาง ยุบเปลเด็กเตรียมเอาไปส่งมอบให้ผัวเมียเมืองทองที่ท้องแก่กำลังจะคลอด เลยรับช่วงต่อเปลจากเรา
- แล้วขนข้าวของ ตุ๊กตามากมาย สมบัติบ้าและไม่บ้า ของเรา และของยายยายที่มียาอะไรไม่รู้ด้วยเยอะแยะ อะไรไม่รู้จักก็โยนทิ้งให้หมด จังหวะนี้สนุกมาก
- พี่แอ๋วมาตอนเก้าโมง ที่จริงช่างต้องมาวันนี้ด้วย แต่โทรถามเฮีย เฮียบอกว่าเข้าพรุ่งนี้นะ วันนี้เลื่อยไม้รอไว้ก่อน
- ย้ายที่นอนจากห้องขาวมาห้องเทา แล้วพักเหนื่อย
- ย้ายชั้นวางของจากห้องขาวมาห้องเทา แล้วถูพื้นรัวๆ
- เคลียร์พื้นที่ชั้นสอง เอาคอกเด็กออก ไฮไลต์ที่โหดหินที่สุดของวันนี้คือที่นอนยางพาราน้ำหนัก 79 ตัน (เอ๊ะตะกี้บอกกี่ตันนะ ไม่ได้จำ) ขึ้นกระไดไปไว้ชั้นสามเป็นการถาวร
- พี่แอ๋ว แอน โมนา และมาเฟีย รวมสี่คน ช่วยกันแบก ลาก กลิ้ง ที่นอนที่หนักเหี้ยๆ ขึ้นไปอย่างทุลักทุเล และสงสัยว่าตอนสองผัวเมียที่เป็นเจ้าของร้านขายที่นอนนี้เอามาส่งบ้านเรา เขายกกันได้ไงแค่สองคน เขากินอะไรเป็นอาหาร หรือเขาหมั่นฝึกฝนในการยกที่นอนนี้มากว่า 30 ปี
- หิวมาก ไปกินพืซซ่าที่ยูเนี่ยนมอลล์กัน ว่าแล้วก็ออกเดินทางทันที (ที่จริงที่เลือกไปยูเนี่ยนเพราะ 1.เราต้องไปทำธุระที่ร้านพันธมิตรในวงการสกรีนเสื้อ 2.นารายณ์พิซเซอเรียมันมีโปรลดอะไรสักอย่าง เหมาะกับเด็กสองคนที่มีพลังสวสาปามสูงมาก)
- ไปถึงยูเนี่ยนตอนห้างเปิดพอดี ไม่เคยคิดว่าจะได้จอดรถง่ายแบบนี้มาก่อน
- แดก
- ระหว่างรอสั่งอาหารก็รีบไปทำธุระเรื่องเสื้อ ธุระท่ว่านี่คือ เครื่องสกรีนของร้านเราดันมาเสียเอาช่วงนี้พอดี เลยขนเสื้อไปให้เขาสกรีนให้หนึ่งกอง เพิ่งเคยทำแบบนี้เหมือนกัน แปลกดีเวลาเห็นคนอื่นสกรีนเสื้อของร้านเรา 555
- รีบลงมาแดกต่อ แดกๆๆๆ
- ที่รีบเพราะว่าโทรนัดศูนย์ซัมซุงเอาไว้ บ่ายโมงจะไปเปลี่ยนกรอบของโน้ตสองที่เคยทำตกและเป็นรอตรงมุมค่อนข้างยับเยิน แล้วผมมีโครงการจะขายเครื่องนี้เพื่อซื้อโน้ตสามแทน (เมียเซ็นอนุมัติแล้ว) ถ้าขายในสภาพเดิมคงได้สัก 300 บาท เลยตัดสินใจทำให้มันดีๆ ปิ๊งๆ ดีกว่า
- นัดบ่ายโมง ออกจากยูเนี่ยนเที่ยงครึ่ง ขึ้นรถเมล์เบอร์อะไรสักอย่าง ไม่ได้จำ ไปต่อบีทีเอสที่หมอชิต ได้นั่งด้วย
- ไปถึงศูนย์ซัมซุงมาบุญครองตอนเที่ยงห้าสิบเก้านาที ขอบคุณพี่ยามสำหรับการบอกทางอย่างตั้งใจ
- เข้าใจพนักงานที่ศูนย์รับซ่อมละว่าทำไมหน้าเหวี่ยงตลอดเวลา ทั้งที่ตัวจริงอาจจะไม่ได้เหวี่ยงโดยกำเนิดก็ได้ ก็เพราะขนาดผมนั่งรอคิวไม่นาน ก็มีทั้งอีป้า และไอ้ลุง ที่เนียนขอ “โทษนะครับ ผมไม่ได้กดบัตรคิว แต่แค่จะถามว่า…” แล้วไอ้แค่ของท่านๆ น่ะ มันก็คือเรื่องที่จะต้องกดบัตรคิวเพื่อสอบถาม ปรึกษาอาการ ฯลฯ ทั้งสิ้น
- อีห่า ลองเมียกูเป็นพนักงานล่ะก็ ได้ตะเพิดกลับบ้านแล้วลาออกทันที ไม่แคร์ ผจก.ไปแล้ว
- พนักงาน (ที่หน้าเหวี่ยงๆ) บอกว่าอีกชั่วโมงนึงมารับเครื่องนะคะ ผมถือใบซ่อมออกมาจากศูนย์ แล้วเดินงงๆ ในมาบุญครอง มีเวลาตั้งชั่วโมง
- ไปหอศิลป์ดีกว่า (เป็นมนุษย์ที่ใช้ประโยชน์ในความสลิ่มของห้างย่านสยามไม่เป็นโดยสิ้นเชิง)
- เดินดูงานตั้งแต่ชั้นสามที่เป็นสะพานเชื่อมกะมาบุญครอง ไล่ไปเรื่อยๆ จนชั้นห้า นึกอะไรได้อย่างนึง เลยไปแวะขี้ซะเลย
- เสร็จแล้วเดินกลับมาที่ศูนย์ซัมซุงอีกครั้ง รับเครื่อง จ่ายตังค์ (ค่าอะไหล่ ค่าแรง ค่าภาษี รวมๆ พันนึงได้)
- เดินไปถามตู้รับซื้อ ว่ารับกี่บาท อีร้านแรกติดป้ายว่าให้ราคาสูงปี๊ด มันบอก แปดพัน! ปรี๊ดพ่องเรอะแปดพันเนี่ย
- เลยไลน์ไปถามเจ๊เพ็ญผู้เชี่ยวชาญด้านการขายมือถือ เจ๊เพ็ญแนะนำมาอีกร้าน เลยเดินไป เฮ้ย ได้ตั้ง 11,000 แน่ะ!
- ขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน โดยผ่านห้างสยามอะไรไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ แต่ที่มันทำใหม่ทาสีดำๆ น่ะ พบว่าเสื้อผ้าหน้าผมของเราไม่เหมาะกับการมาเดินผ่านที่นี่เลย (แค่เดินผ่านก็ผิดแล้ว)
- บนรถไฟฟ้าสงบดี เอาหนังสือมาเล่มนึง ก็เลยยืนอ่านไปจนถึงหมอชิต เพื่อจะพบว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนอ่านหนังสือบนรถไฟฟ้ากันแล้ว ทุกคนมีแต่คนกดมือถือ กับคนที่แอบดูคนใกล้ๆ กดมือถือ
- ลงหมอชิต นั่งสายอะไรไม่รู้ที่เป็นสีแดงๆ (6.50 บาท) ไปลงยูเนี่ยน ขึ้นไปรับเสื้อที่สกรีนเสร็จแล้วลงมาต่อรถเมล์ (8 บาท) ต่อกระป๊อ (7 บาท) ถึงวัดลาดปลาเค้า
- เดินเข้าบ้าน เหงื่อแตก อาบน้ำเสร็จ ลงมาพิมพ์ข้อความ ถึงบรรทัดนี้.
กำหนดการคืนนี้
- กินข้าวเย็นกับลูกเมียและน้องเมียทั้งสองพี่น้อง
- กลับบ้านมาเพื่อกดซื้อ FontLab ซะที จะได้หมดห่วงปัญหาที่คาใจมานาน ว่ามึงทำฟอนต์ด้วยโปรแกรมเถื่อนเนี่ยนะ?
- พอดีมีงานจ้างอันนึงให้ทำฟอนต์ด่วนๆ เลยเริ่มมันคืนนี้ซะเลย!
จบ
ป.ล.
ภาพข้างบนถ่ายจากแยกปทุมวัน ตอนรอขบวนเสด็จผ่าน เขาเลยกั้นคนไม่ให้ข้าม / วาดแล้วอัปไว้ที่ อตก
ความคืบหน้าล่าสุด เล่นเฟซบุ๊กเป็นแล้วครับ
หนึ่งในปมคาใจตลอดมาก็คือ ผมทนเล่นเฟซบุ๊กไม่ได้ซะที คือเข้าไปแล้วหงุดหงิด กับทั้งการออกแบบทั้ง UI และ UX ที่แย่ จนส่งผลให้ผู้ใช้ทำระบบนิเวศน์เพี้ยนโดยไม่รู้ตัว คือเอาผู้ใช้บ้านเราไม่อยู่นั่นแหละ ถึงจะมีชมบ้าง แต่ชมไปชมมาก็ว่าจะหัดเล่น แต่กว่าจะหัดจนเล่นเป็น และทำเป็นไม่สนใจอคติที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการเล่นเว็บที่เด็กประถมมันก็เล่นได้นั้น ก็ใช้เวลานานพอดู
เอาจริงๆ จุดเปลี่ยนนมันก็แค่การพยายามสะกดจิตตัวเองให้สนใจไอ้เม็ดแจ้งเตือนสีแดงๆ แบบเดียวกะที่สนใจบน Google+ นั่นแหละครับ เท่านั้นเอง! พอรู้สึกว่าจะต้องเคลียร์อีตรงนั้นปั๊บ ทุกอย่างก็ง่ายละ เอาสิ ใครเม้นอะไร แท็กอะไรมา ต่อไปนี้จะเริ่มสนใจละ (เมื่อก่อนปิดหมดเลย รำคาญไง มันมาเยอะเกิน ทั้งที่ตั้งค่านั่นนี่ก็แล้ว)
แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ไปสนุกกับการดูชีวิตของคนอื่นได้จริงๆ ไม่รู้จริงๆ ว่ามันสนุกตรงไหน แม้บางทีก็มีคำตอบ(พร้อมกับคำถาม)ง่ายๆ ว่า
https://twitter.com/iannnnn/status/382902797873590274
แต่ไอ้ครั้นจะไปเสือกเรื่องของชาวบ้านบ่อยๆ ก็ไม่ใช่นิสัยที่เราถนัดจริงๆ งั้นเล่นแบบเป็นเราละกัน
เออ จะว่าไปเราเขียนบล็อกเรื่องเฟซบุ๊กมาหลายทีจนเป็นปมด้อยในชีวิตอันนึงไปละ 55555 ก็นะ ตอนนี้พอใช้เป็นแล้วก็รู้สึกเท่าทันชาวบ้านซะที ว่าเขาบ่นอะไร พูดอะไร ฮิตอะไรกัน สังคมแม่งไม่เหมือนทวิตเตอร์เลยว่ะ! (ทวิตเตอร์เร็ว กระชับ คนพูดรู้เรื่องกว่ากันหลายเท่า อันนี้เข้าข้างเลย)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณการลาออกจากงานจริงๆ นะครับที่ทำให้มีเวลามานั่งเล่นอะไรแบบนี้ได้ 5555 เอ้า มาลาออกกันๆ
เออๆ จะว่าไปอีกที เราไม่เคยพูดถึงเพจของเว็บฟอนต์เลยนี่หว่า
เอาจริงๆ คือไม่เคยดูแล ไม่เคยสนใจ ใส่ใจอะไรด้วยซ้ำ พอๆ กับที่สมัยทำเว็บเฟล ตอนนั้นก็แบบนี้แหละ มาสนุกอยู่บนโลกนอกเฟซบุ๊กตั้งนาน ส่วนในเพจก็ปล่อยให้มันรกร้างมาหลายปีมากๆ เพราะอ้างว่าไม่มีเวลา จริงๆ แล้วคือไม่ใส่ใจมากกว่า คือเราไม่เล่นเฟซบุ๊กไง เลยไม่รู้จะไปทำอะไรกะมัน นานๆ ทีก็เลยเข้าไปโพสต์รายงานตัวทีนึง แล้วก็กลับมาข้างนอกเหมือนเดิม ส่วนหน้าเว็บก็ว่าจะเปลี่ยนดีไซน์ใหม่หมดตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำ (อันนี้อยากทำ แต่ไม่ว่างจริงๆ) ที่พอทำได้ก็คือเปลี่ยนสีเฉยๆ นี่เว็บฟอนต์หน้าแรกเปลี่ยนสี ปรับดีไซน์ไปนิดนึงอีกละนะ เพิ่งทำเมื่อเช้า เอาไว้ว่างสักสามวันจะรื้อให้หมดเลยคอยดู 5555
กลับมาเรื่องเพจฟอนต์ พอไม่ได้ทำอะไรกะมัน ผลคือ เพจเงียบสนิท ถึงปริมาณคนไลก์เพจจะเยอะเหมือนกันนะ ตอนนั้นนับได้แสนกว่าๆ (ตอนนี้สองแสนแล้ว) แต่ปฏิสัมพันธ์ห่วยแตกมาก ไม่มีอะไรที่ลากคนให้มีส่วนร่วมได้เลย นักการตลาดผ่านมาเห็นคงหัวเราะเงิบรัวๆ
พอโพสต์อะไรลงไปทีนึงเช่นปล่อยฟอนต์ใหม่ล่าสุดที่เท่มากๆ งี้ ก็มีคนไลก์โพสต์นั้นๆ แค่หยิบมือ (คือ 100 ไลก์นี่ก็โคตรถือว่าถล่มทลายแล้ว)
แต่พอตอนนี้เริ่มว่าง ลาออกจากงาน และตั้งใจว่าจะกลับมาทำให้มันหายร้างปั๊บ ก็เริ่มมีโต้ตอบ เริ่มโพสต์อะไรที่ไม่ใช่หุ่นยนต์บ้าง ถึงจะแค่สัปดาห์ละครั้งก็เหอะ แต่ผลที่ได้คือกราฟแม่งพุ่งปรี๊ดเลยครับ พอโพสต์ปั๊บ ก็พุ่งแบบที่เห็น ลองดูเทียบกะยุคก่อนหน้าที่เป็นกราฟแบนสนิทแล้วน่าละอายมาก
นี่ยังไม่รวมโพสต์ล่าสุดเรื่อง “ฟอนต์ศิลปากร” ที่เพิ่งปล่อยไปตะกี้ กราฟในภาพมันยังไม่นับนะ แป๊บเดียวล่อไป 1000 กว่าไลก์แล้วครับ ตกกะใจมาก
(สารภาพก็ได้ว่าเพิ่งเคยกดเข้าไปดูว่ามันมี Analytics แบบนี้ด้วย แต่แม่งออกแบบมาซับซ้อนยุ่งยากอีกละ คือทำให้ง่ายกว่านี้ได้นะ ไม่เชื่อดูวิธีของกูเกิลสิ #สาวก)
เออ สนุกดีว่ะ ทีนี้พอเริ่มคุยกะมนุษย์ทั่วไปปั๊บ คนก็เริ่มเข้ามาทำนั่นนี่ในเพจมากขึ้น ถึงมันจะโคตรเฉพาะทางเลยก็ตาม คือเราไม่มีอยู่แล้ว อีพวกเช้ามาสวัสดีครับ กลางคืนบ๊ายบายฝันดี แนบภาพอะไรพวกนั้น เพราะแม่งมีแต่เรื่องฟอนต์อย่างเดียว แถมเป็นแบบไม่ได้อิงกะวงการออกแบบชั้นสูงอะไรเลยนะ คือทำแบบบ้านๆ นี่แหละ นานๆ ทีก็จะมีแปะข่าวสารงานออกแบบอื่นๆ อีกหน่อยพอแก้เขิน
เอาวะ ถ้าเล่นแล้วมันสนุกแบบนี้ จะพยายามต่อไปครับ
หมายเหตุ:
มีอีกเพจนึงเป็นเพจร้านสกรีนเสื้อที่ผมเพิ่งเทกโอเวอร์มาจากเมีย คือเพจ monamafiashop อันนี้ก็เหมือนกะเว็บฟอนต์ แต่ต่างกันที่เมียเป็นผู้ดูแลมายาวนาน และปล่อยทิ้งร้างแบบสุดๆ เลย เพราะมัวแต่ไปสนุกกับกิจการร้านเดรสนลินฟ้าแทน ปล่อยไว้แบบนี้มาร่วมๆ สองปีได้ ใครถามอะไรก็ไม่ตอบ ง้อใครเป็นที่ไหนล่ะ! ผลคือเพจเงียบสนิท! คนไลก์กันสี่พันได้มั้ง แต่โพสต์ทีมีไลก์เดียว สองไลก์ 555 โธ่วววว
ทีนี้ถึงคราวผมเข้ามาดูแลเองละ คุณลูกค้าโพสต์ถามอะไรก็จะขยันตอบให้ได้เลยคอยดู… ตอนนี้มีคนไลก์สี่พันห้าแล้ว งั้นเดี๋ยวเป้าหมายถัดไปคือผมจะฟื้นฟูเพจของร้านนี้ให้กลับมาสนุกได้! แต่ทำไงวะ! — งั้น รบกวนท่านผู้อ่านช่วยกันกดไลก์กันหน่อยนะครับ ขอกันดื้อๆ เลย นะครับ ค่าขนมลูกผมเองครับ..
คดีสยองสองเรื่องควบ
พอดีเมื่อวานได้ฟังเรื่องน่ากลัวมาจากคนใกล้ตัว และเป็นเหตุการณ์ใกล้ตัว เลยเอามาทวีตเล่าก่อนนอน ปรากฏว่าคนสนใจกันเยอะ จนกล่องเมนชันระเบิดเลย เลยขอก็อปปี้มาลงในบล็อกอีกทีครับ (ขอเตือนว่าเรื่องที่สองนี่ขวัญอ่อนอย่าอ่าน แต่เรื่องแรกเอาไว้เตือนใจและเตือนสติ ควรอ่าน)
เรื่องแรกเกิดที่ลาดพร้าว
https://twitter.com/iannnnn/status/382156118908100608
https://twitter.com/iannnnn/status/382156437184462848
วันต่อมา เลยมีนักข่าวที่ทำงานอยู่ตรงศาลรัชดา โดนดักปล้นที่จุดไม่ไกลกันนัก (แถวซอยเสือใหญ่) แต่โชคร้าย เขาโดนปาดคอ โชคดีไม่ตายและกลายเป็นข่าว
— iannnnn (@iannnnn) September 23, 2013
ตอนนั้นตำรวจปิดคดีได้ (แล้วทีเพื่อนกูไปแจ้งไม่เห็นมึ.. เอ๊ย พี่ทำอะไรเลยวะครับนอกจากด่าว่าทำไมมาแจ้งช้า) แต่ก็ได้รู้ว่าโซนเสือใหญ่นี่อันตราย
— iannnnn (@iannnnn) September 23, 2013
อันนี้ลิงก์ข่าว: โจรปาดคอนักข่าวคา ซ.เสือใหญ่ชิงมือถือ สาหัส-นอน ICU
ส่วนของเพื่อนผมไม่มีข่าวอะไร แค่ตำรวจรับแจ้งความแล้วก็บ่นว่าทำไมมาแจ้งช้า เสร็จแล้วก็แค่ลงบันทึก เงียบไป คนที่ไปสืบสวน สัมภาษณ์นักข่าวเคราะห์ร้ายต่อด้วยตัวเองก็คือตัวเพื่อนที่เป็นเหยื่อเองจนปิดคดี (คือคนธรรมดาไม่ใช่ดารา นกร้อง นักข่าวนี่ลำบากครับ กับกระบวนการยุติธรรมบ้านเรา นี่ไม่ได้พูดเหมารวม แต่สะท้อนว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ ตัวผมเองก็เคยเจออะไรแบบนี้แต่ไม่แรงเท่า (เคยเล่าในบล็อกเมื่อ 7-8 ปีก่อน) เลยเตือนไว้ว่ามัวรออย่าพึ่งตำรวจเลย
คือก่อนหน้านี้ผมก็เคนเจอโจรมอไซค์ กระชากกระเป๋าถือจากสาวออฟฟิศกลางซอยเสนาตอนสามทุ่ม คนก็เยอะ แต่มันก็ก่อคดีได้ แต่เร็วๆ นี้อาจจะมีคดีใหม่
— iannnnn (@iannnnn) September 23, 2013
คนที่เจอคือ @kunnooon (นามสมมติ)(สมมติยังไงวะ) ขับรถออกจากซอยเสนา ลัดเลาะหนีไฟแดงไปทางซอยโรงเรียนช่างฝีมือทหารน่ะครับ สามทุ่ม ก็ไม่เปลี่ยวนะ
— iannnnn (@iannnnn) September 23, 2013
พอขับถึงลูกระนาด รถก็ต้องชะลอ จังหวะที่ชะลอนั่นเอง มอเตอร์ไซค์ที่ซุ่มอยู่ก็พุ่งมาประชิดตัวรถ และพยายามจะเปิดประตูรัวๆ ครับ โชคดีที่ล็อกไว้
— iannnnn (@iannnnn) September 23, 2013
ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าใครขับรถรุ่นที่ไม่ได้ใช้ระบบล็อกอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท จะเกิดอะไรขึ้น ก็เตือนกันเลยครับ หัดล็อกให้เป็นนิสัย โจรแม่งไวมาก
— iannnnn (@iannnnn) September 23, 2013
(อ้อ น้องอีกคนบ้านอยู่โชคชัยสี่ แถวๆเดียวกัน บอกว่าวันนึงนั่งมอไซค์วิน พี่วินถามว่า น้องดูข่าวที่ปาดคอกันปะ นั่นน่ะรุ่นน้องพี่เอง …เดี๋ยวๆ)
— iannnnn (@iannnnn) September 23, 2013
เรื่องที่สองเกิดขึ้นที่ปทุมธานี Continue reading คดีสยองสองเรื่องควบ
ใช้ Chrome ให้คุ้ม ลองติดตั้ง “New Tab Page” ดูสิครับ
พอดีอ่านไปเรื่อยๆ เจอ Extension ตัวนี้มา ชื่อเต็มๆ ของมันคือ “Home – New Tab Page”
มันคือส่วนเสริมที่เอาไว้แทนที่หน้า New Tab Page ของโครมที่แต่เดิมก็ไม่ค่อยจะมีอะไร ให้มีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย โดยที่ Web App ที่เราโหลดมานั้นจะไปแสดงในด้านขวา หรือบางคนไม่ได้เคยไปยุ่งอะไรเลย มันก็จะมีไอคอนที่น่าจะได้ใชประโยชน์ให้ ถ้าไม่ชอบก็ลบออกได้ (สังเกตดีๆ ตรงไอคอนเฟซบุ๊กมีเม็ดตัวเลขเตือนแดงๆ ด้วย เจ๋งๆๆ) แถมยังคลิกขวา เลือกตั้งค่าของแต่ละเว็บได้ด้วย มันดึง shortcut มาให้เข้าง่ายๆ เลย
ส่วนด้านซ้ายก็มี Notifications จาก Gmail, Google Plus, Google Calendar, Facebook ด้วย ผมใช้ทั้งสี่อย่างเลยรับประโยชน์สารอาหารครบถ้วน พร้อมพื้นที่เอาไว้จดส่งเดช ปิดแท็บไปเปิดมาใหม่ก็ยังอยู่ ทำตัวหนาตัวเอียงได้
ล่างสุดมีนาฬิกาและกำหนดการนัดหมายที่เราเก็บไว้ใน Google Calendar (นี่ถ้าไม่เห็นตรงนี้มันเตือนก็ลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าจะต้องพานิทานไปฉีดวัคซีน)
และสุดท้าย เปลี่ยนฉากหลังได้ตามใจท่าน
ลองใช้อะไรคล้ายๆ แบบนี้มาหลายเจ้า เจอแต่แบบเกือบดี (ไอ้อันที่เป็น Metro ก็เกือบแล้ว) ใช้ไปสักพัก รำคาญ ก็เอาออก แต่พอเจออันนี้ปั๊บ จบเลย ชีวิตสะดวก เลยมาบอกต่อจ้ะ