บ่องตง

ทีแรกช่องสุดท้ายจะเขียนว่า “บ่องตงเหี้ยอัลไล” แต่ลืม (ใช้ปากกา undo ไม่ได้ด้วย)

คอมเมนต์

ทักษิณและประชาธิปัตย์

ผมรับฟีดเพจของคุณโตมร ศุขปรีชา เลยได้อ่านบทความนี้ แล้วรู้สึกชอบมาก ชอบจนทั้งแชร์ ทั้งทวีต ทั้งโพสต์ลงบอร์ดไปหมดแล้ว เหลือแค่แปะในบล็อกนี่แหละครับ เลยขออนุญาตคัดสำเนามาลงอีกรอบ ไว้เผื่อเตือนใจตัวเองและเหล่าสาวกเดนตาย (ที่จริงไม่มีใครควรตายเพือคนอื่นเลย) ทั้งหลาย

ต้นฉบับอยู่ที่นี่ และต้นตอมาจากนี่อีกที

อยากให้อานความเห็นของคุณ ‘ประภากร’ ที่อยู่ในกระทู้นี้ ดังต่อไปนี้ครับ :

ดิฉันมีความเห็นว่า ความกังวลของอจ.สุลักษณ์ ที่มีต่อพรรคของทักษิณหรือความที่อจ.เห็นว่าพรรคของทักษิณนั้นน่ากลัวกว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ “ความอ่อนแอของพรรคประชาธิปัตย์” นั่นเองค่ะ เหตุผลที่การเมืองไทยยังก้าวข้ามทักษิณไม่ได้ ก็เพราะ เรายังไม่มีพรรคการเมืองที่เข้มแข็งพอที่จะเป็นคู่แข่งของพรรคทักษิณ

การที่ประชาธิปัตย์ยังหลงวนเวียนอยู่ในเขาวงกตของการปลุกปั่นอารมณ์ผู้คนให้เกลียดชังทักษิณ ด้วยข้อหาเผาบ้านเผาเมือง หรือล้มเจ้า จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถพัฒนาตนเองเพื่อค้นหาสูตรนำทางสู่ความสำเร็จที่จะพิชิตอำนาจของทักษิณ ได้โดยมิต้องอิงแอบวิธีการสกปรกเหล่านั้น นั่นแหละคือความน่ากลัวของทักษิณ

วันนี้เสื้อแดงส่วนใหญ่เลือกสนับสนุนทักษิณ ก็เพราะ”รังเกียจ” พฤติกรรมที่ว่ามาของพรรคประชาธิปัตย์ โดยอาจเลือกที่จะมองข้าม ความเป็นนักธุรกิจ นักกลยุทธ์การตลาด ในคราบนักการเมืองของทักษิณที่ถือโอกาสช่วงชิงอำนาจทางการเมืองโดยวิธีการทางการตลาดที่ทันสมัย การใช้จิตวิทยามวลชนการตลาดเพื่อสร้างความนิยมจากประชาชนที่รักความชอบธรรม รักมนุษยธรรม รักประชาธิปไตย และที่ขาดไม่ได้คือทักษิณได้ความนิยมจากกลุ่มคนไม่เอาเจ้า

ทักษิณใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมดังกล่าวของประชาธิปัตย์เองในการสร้างความนิยมจากมวลชน ทักษิณอิงแอบผลของการรัฐประหาร ผลของการอิงแอบเจ้าของประชาธิปัตย์ เพื่อปลุกปั่นมวลชน ไม่ต่างกับประชาธิปัตย์ อาจเลวร้ายกว่าอย่างที่อจ.สุลักษณ์ว่า อันนี้คนเสื้อแดงที่แอบไม่เอาเจ้าคงจะรู้ดี ว่าในเวทีเสื้อแดงต่างๆ นั้น รักเจ้าหรือเกลียดเจ้ากันแน่ และอะไรเป็นปัจจัยหลักทีทำให้คนเสื้อแดงเกลียดเจ้า ถ้าทักษิณรักเจ้าจริง ทำไมทักษิณไม่ดำเนินการใดๆ ที่จะขจัดปัจจัยนั้น ทั้งๆ ที่มีอำนาจเต็มอยู่ในมือ

ความคลั่งไคล้ในความเป็นผู้นำของทักษิณของคนเสื้อแดง หรือแม้กระทั่งเผื่อแผ่ไปถึงถึงยิ่งลักษณ์ นั้น มิได้มาจากคุณงามความดีหรือความเก่งฉกาจในตัวของคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ล้วนๆ แต่มันเกิดขึ้นมาจากการตลาดการเมืองเชิงจิตวิทยา ที่บังเอิญเหลือเกินที่คู่แข่งแบบประชาธิปัตย์และกองทัพ ได้เล่นเกมพลาดติดต่อกันอย่างต่อเนื่องมาหลายครั้งแล้ว

วันนี้คุณทักษิณ หยิบยืมกลยุทธ์ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเคยใช้คุณอภิสิทธิ์ มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความนิยมให้กับพรรคของตัวเองหลายอย่าง ดราม่าทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของคุณยิ่งลักษณ์กับผู้นำต่างประเทศ-ความสวยประหนึ่งดารา นางแบบ-สิ่งที่ประชาชนทั่วไปมองเห็นและชื่นชมคุณยิ่งลักษณ์ ก็คือภาพผู้นำที่คล้ายกับเป็นตัวแสดงนำที่ตีบทแตกในละครเรื่องต่างๆ ยิ่งสลิ่มทุบตีคุณยิ่งลักษณ์ เสื้อแดงก็ยิ่งรักยิ่งสงสารนางเอกแบบยิ่งลักษณ์ รวมไปถึง ภาพของคุณพงศพัศ ที่ถอดแบบของคุณอภิสิทธิ์ ในแบบที่ผู้ดีมีการศึกษานิยมชมชอบกัน นี่ยังไม่นับเรื่องประชาธิปัตย์คอยหาเรื่องจะเอาทักษิณมาลงโทษเพียงเพราะเซ็นชื่อรับรองว่าคุณหญิงพจมานเป็นเมีย ในกรณีที่ดินรัชดาอีก ยิ่งทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ คนเสื้อแดงที่รักความเป็นธรรม เค้ายิ่งสนับสนุนทักษิณ

ถ้าลองสังเกต คำวิจารณ์ที่ฝ่ายเสื้อแดงติติงคุณสุขุมพันธ์ก็จะเห็นว่า คำวิจารณ์เหล่านั้นแทบไม่แตกต่างกับคำวิจารณ์ที่ฝ่ายสลิ่มติติงคุณยิ่งลักษณฺ์ และฝ่ายประชาธิปัตย์เองที่เคยเรียกร้องภาวะผู้นำจากคุณยิ่งลักษณ์ ในเรื่องของความสามารถในการพูดในที่สาธารณะ หรือความมีประสบการณ์ทางการเมือง วันนี้คุณพงศพัศ มีคุณสมบัติเกือบทุกอย่างที่คล้ายคลึงกับคุณอภิสิทธิ์

นี่แหละคือ “ความน่ากลัว” ที่พรรคของทักษิณมีมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีจำนวนคนที่คลั่งทักษิณมากกว่าคลั่งอภิสิทธิ์ ที่สำคัญคือคนกลุ่มนี้ ไม่รู้ตัวว่ากำลังคลั่งในสิ่งที่ทักษิณใช้เป็นเครื่องมือ แต่กลับเชื่อว่าตัวเองกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่

ประชาชนที่ตัดสินใจเลือกข้างแล้ว ไม่ว่าจะเลือกประชาธิปัตย์หรือเลือกเพื่อไทย มัวแต่ดราม่ากับการเชียร์ข้างตัวเอง และขยายขอบเขตความเกลียดชังฝ่ายตรงกันข้าม จนละเลยที่จะเรียกร้องให้ฝ่ายที่ตัวเองสนับสนุนอยู่ ให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเอง หรือร่วมกันตรวจสอบพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและเพื่อนร่วมชาติที่ยากไร้

ทุกวันนี้ พอมีคนออกมาวิจารณ์การทำงานของเพื่อไทย เสื้อแดงกลุ่มหนึ่งก็จะร่วมกันผลักไส ด่าทอ ให้เขาไปอยู่ฝั่งอำมาตย์ โดยไม่ได้สนใจเนื้อหาของคำวิจารณ์ ว่าในความเป็นจริงเพื่อไทย ทำงานบกพร่องแบบที่พวกเขาวิจารณ์หรือไม่ เช่นเดียวกันกับเวลาที่มีคนออกมาสนับสนุนประชาธิปัตย์ เสื้อแดงก็จะประนามกล่าวหาว่าคนพวกนี้สนับสนุนรัฐประหาร สนับสนุนเผด็จการ ทั้งๆ ที่เสื้อแดงเองก็อ้างว่าตัวเองกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่กลับไม่รับฟังเหตุผลของคนที่ไม่อยากเลือกเพื่อไทย

สถานการณ์การเมืองไทยคงก้าวข้ามทักษิณไปไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่หลายๆ คนคาดหวัง หากพรรคทางเลือกแบบประชาธิปัตย์ ยังทำตัวเหลวไหล ยึดอัตตาของตัวเองเป็นหลัก มีผู้นำที่เอาแต่โอ้อวดว่าตัวเองเก่ง เจ๋งกว่าทักษิณ แต่ไร้ความสามารถในการพัฒนากลยุทธ์ที่ที่จะเอาชนะพรรคของทักษิณได้

ถ้าผู้นำประชาธิปัตย์ ยังมองไม่เห็นจุดอ่อนของตัวเอง และเอาแต่โทษทักษิณ โดยไม่ปรับปรุงตัวเอง หรือปรับปรุงทัศนคติทางการเมืองให้ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้าผู้นำประชาธปัตย์ยังเลือกมองชาวเสื้อแดงเป็นศัตรู แทนที่จะมองว่าพวกเขาเป็นประชาชนชาวไทยที่นักการเมืองมีหน้าที่ต้องรับใช้ ดูแลทุกข์สุข ให้พวกเขามีเสรีภาพและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามระบอบประชาธิปไตย ในแบบที่ประเทศพัฒนาแล้วหลายๆ ประเทศเค้าทำกันอยู่ ทักษิณก็คงจะอยู่ในใจของชาวเสื้อแดงไปอีกนาน

สำหรับประชาชนชาวเสื้อแดง ก็ลองถามตัวเองดีๆ อีกครั้งหนึ่งนะคะ ว่า พวกคุณชื่นชมยินดีและเชื่อใจฝ่ายบริหารที่พวกคุณเลือกมาแบบพรรคเพื่อไทย ที่แต่งตั้งคนของตัวเองเข้าไปดำรงตำแหน่งโน่นนี่ในรัฐวิสาหกิจกันพรึบพรับ โดยมีข่าวคราวเรื่องคอรัปชั่นของโครงการใหญ่ๆ ที่พวกเขาอ้างกันว่า จะต้องมีเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ระบบสาธารณูปโภค หรือ รายจ่ายอื่นๆ ของภาครัฐฯ พวกคุณรู้สึกกันแบบนี้จริงๆ หรือคะ?? นี่หรือคะ ประชาธิปไตย ที่เพื่อนๆ ของพวกคุณยอมเสียสละเลือดเนื้อชีวิตและอิสรภาพไปประท้วงกันมา?? แค่ขอให้นิรโทษกรรมนักโทษการเมืองพวกเขายังไม่กระตือรือร้นที่จะทำให้เลย อ้างว่ากลัวเสถียรภาพรัฐบาลจะสั่นคลอน แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังถอนทุนคืนไม่ครบกันหรือเปล่า??

ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและชาวเสื้อแดงในวันนี้ คล้ายกับคนลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน ถ้าเสื้อแดงยังไว้ใจให้เพื่อไทยบริหารประเทศแต่ ขาดความรู้ในการตรวจสอบและรู้เท่าทันอย่างเพียงพอ โดยสันดานนักธุรกิจมีฐานันดรเป็นอำมาตย์แบบไทยๆ ทักษิณและเพื่อไทยเค้าก็ต้องกอบโกยประโยชน์ให้กับพรรคพวกของเค้าก่อนที่จะคิดถึงประชาชนที่ซื่อสัตย์ มีอุดมการณ์อยู่วันยังค่ำ
คนเป็นเพื่อนกันมาทำธุรกิจร่วมกัน ยิ่งต้องตรวจสอบกันให้หนัก เรียกร้องให้เพื่อนทำเพื่อส่วนรวมอย่างตรงไปตรงมาและหนักแน่น จะได้รักษามิตรภาพเอาไว้ให้ยืนยาว

ภาคประชาชนควรจะรวมพลังกันและคอยตรวจสอบนักการเมืองทุกฝ่ายจะดีกว่าที่จะคอยผลักไสคนที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่ถูกใจตัวเองให้ไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งค่ะ ยิ่งไม่ชอบพฤติกรรมของประชาธิปัตย์ก็ต้องเรียกร้องให้เพื่อไทยทำเพื่อประชาชนให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่โฆษณาไปวันๆ
วันนี้ประชาชนไม่มีทางเลือกมากนัก ตัวเล่นหลักก็มีแค่สองพรรคใหญ่ ประชาชนควรพัฒนาตัวเองให้มีกำลังต่อรองกับนักการเมือง ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองฝ่ายไหน ก็ควรจะทำงานเพื่อประชาชน แต่จะพัฒนาความสามารถในการต่อรองได้ ประชาชนจะต้องศึกษาหาความรู้และเข้าใจในสิทธิของตัวเองโดยมองข้ามความเป็นพวกเค้าพวกเราให้ได้

ถ้ายังอยากจะคงวาทกรรม “ไพร่และอำมาตย์” ไว้ ก็ควรจะรวมนักการเมืองของเพื่อไทยและทักษิณไว้ในกลุ่มอำมาตย์ด้วย แม้ว่าทักษิณจะได้สิทธิ์เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แต่ก็มีพฤติกรรมอำมาตย์เพราะเขามีชีวิตแบบอำมาตย์มานานแล้ว นักการเมืองแบบทักษิณหรือแบบประชาธิปัตย์หรือกลุ่มอำมาตย์ในสังคมไทยจะไม่มีทางทำอะไรให้ประชาชนฟรีๆ ถ้าเขาและพวกพ้องไม่ได้รับส่วนแบ่งจากการทำงานนั้น

ข้อคิดเห็นทั้งหมดที่แชร์มานี้ มาจากคนที่เคยหย่อนบัตรเลือกคุณยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อนค่ะและเคยนิยมชมชอบวิธีการพัฒนาประเทศของคุณทักษิณในสมัยไทยรักไทยด้วย

เอาจริงๆ นะ เวลามีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแต่ละครั้ง เวลามีคนกัดกันเนี่ยผมชอบดูนะครับ รู้สึกเหมือนดูข่าวเด็กช่างกลตีกันเลยนะ คือไม่รู้ว่าที่จริงแล้วสาระของชีวิตมึงคืออะไร ทำไปเพื่ออะไร โลกจะดีขึ้นได้ยังไง แต่ก็หน้ามืดตีกันไปแล้ว เหตุผลอย่าเพิ่งถามได้ไหม

ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยได้เจอครับ เพราะตัวเองไม่ได้ไปอยู่ตามสังคมที่ทะเลาะกันแรงๆ เท่าไหร่ ที่เจอก็มีแต่เห็นต่างกันสุดขั้ว แต่คุยกันด้วยภาษาปกติ ไม่มีเหน็บแนมหรือถากถางคู่สนทนา จะคุยกันเรื่องล้มจ้งล้มเจ้าอะไรก็ยังมีเหตุผลที่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ถกเถียงและรับฟังกันได้ แต่พอเมื่อเช้าเจอมาคนนึงเลยรู้สึกสนใจ ว่าทำไมเดี๋ยวนี้เสื้อแดงด่าคนเลือกประชาธิปัตย์ว่า “ควาย” ฉิบแล้ว เฮ้ย โลกแม่งซับซ้อน

หรือแบบนี้วะ ที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ 5555

คอมเมนต์

ความไม่สำเร็จครั้งที่หนึ่งประจำปี 2556

บล็อกนี้ไม่เท่ ไม่หล่อ ไม่ลึก ไม่คม นี่เตือนไว้ก่อนนะ

หนึ่งในโจทย์ใหญ่ของปณิธานปีใหม่ที่ได้ตั้งเอาไว้ นั่นคือลาออกจากงาน ตอนนี้ขออัปเดตว่าทำไม่สำเร็จครับ

ตอนบ่ายเดินเข้าห้องไปคุยกับเจ้านายว่าจะขอลาออก เหตุผลคือเบื่อชีวิตซ้ำๆ การเดินทางในกรุงเทพฯ ที่ทำให้ชีวิตฝ่อลงทุกวัน (ต้องย้ำว่าไม่ได้มีปัญหากับงานหรือคนในออฟฟิศนะครับ แค่มีปัญหากับวิถีชีวิตหุ่นยนต์ เป็นความชิวของตัวเอง) จึงขอกลับไปช่วยเมียพับเสื้อขายอยู่บ้าน หรือรับงานมาทำกุ๊กกิ๊กๆ นิดหน่อย ได้ตังค์น้อยก็จ่ายน้อยลงเหมือนเมื่อก่อน สบายดี

แต่กลับได้รับข้อเสนอกลับมาว่า เอางี้ไหม ลดวันมาทำงานวันเดียวพอ อย่างน้อยๆ ก็โผล่หัวมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้น้องๆ ในออฟฟิศบ้าง ส่วนเนื้องานก็เหลือไว้พัฒนาสมองหน่อย กันโง่ (ซึ่งผมเห็นด้วย ทุกวันนี้มีึความสุขกับการได้ออกแบบอะไรต่อมิอะไรอยู่ดี)

เรื่องเงินน่ะคงโดนลดไปเยอะแหละ (ไม่ได้คุยละเอียด) แต่ช่างมัน ในเมื่อสิ่งที่เราได้คิืนมาคือเวลาชีวิตอีกมหาศาล เอาเวลานี้ไปทำเสื้อ ไปทำฟอนต์ ไปวาดการ์ตูนเล่น เขียนอะไรเล่น หรือหัดทำโน่นนี่ยังได้ ที่สำคัญคือได้เลี้ยงลูกแบบเต็มๆ ซะที

ข้อเสนอนี้จึงโอเคแฮะ กลายเป็นว่าขอลาออกไม่สำเร็จ เราจึงอยู่ในระบบการทำงานแบบสังกัดมนุษย์เงินเดือนต่อไป แต่คงชิวขึ้นแหละ เพราะคุณภาพของเพื่อนฝูงพี่น้องร่วมงานที่นี่ก็ดีมากๆ แถมหัวก็ไม่ฝ่ออีกด้วย

บันทึกตรงนี้ไว้ว่าวินวินนะ ต่อไปจะเป็นยังไงเดี๋ยวค่อยมาดูกันอีกที

ป.ล.
ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ผมขับรถพาลูกเมียไปเที่ยวต่างจังหวัดแทบทุกสัปดาห์เลยครับ เปิด Location History ใน Google Latitude แล้วสนุกดี พอเสาร์อาทิตย์ปั๊บ กราฟการเดินทางพุ่งปรี๊ดเลย เนี่ยดูดิ ชีวิตในฝัน :30:

คอมเมนต์

เรื่องเล่าของปลาโลมาพ่อแม่ลูก (ห้ามอ่านก่อนกินข้าว)

ทีแรกว่าจะทวีตสั้นๆ แต่พอมันยาวเลยก็อปมาลงบล็อกซะเลยครับ สะเทือนใจดี
อ้อ มีคอมเมนต์จากผู้อ่านด้วยครับ ขออนุญาตนำส่วนหนึ่งมาลงแนบท้ายนะ

(ทำไมบางอันทวิตเตอร์มันไม่ทำเป็นกล่องๆ ให้วะ ช่างมันละกัน)

แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ

คอมเมนต์

หนุงหนิงเลื่อนเก้าอี้หนีบมือตัวเอง

จากทวีตนี้ตะกี้ของ @notsosad

1

2

โลกโซเชียลมันก็เป็นงี้สินะ

คอมเมนต์