ขอเชียร์เว็บนายก๊าก: naikak.com

แก้ไข 19 ม.ค.55:
เปลี่ยนชื่อเว็บจาก 9gag.in.th เป็น naikak.com ละครับ

เขียนไปลง 9gag.in.th

กะจะพิมพ์สั้นๆ ไม่รู้จะยาวอีกหรือเปล่า แก้ไม่หายซะทีนิสัยเวิ่นๆ เนี่ย

พี่เลย์ (@layijiexa) คนเดียวกะที่ทำฟอนต์ตระกูลเลย์อิจิอันโด่งดัง
คนเดียวกะที่ทำเอ็มวีเอย พรีเซนต์แต่งงานเมพๆ เอย และการ์ตูนลายเส้นอย่างโปรที่ตัดจบซะทุกเรื่องเอย
คราวนี้แกนึกสนุกอยากทำเว็บแบบ 9GAG ให้คนไทยเก็ตกันบ้าง อย่างที่เว็บเฟลเป็นอยู่ตอนนี้เลยครับ

เมื่อไอเดียมี พลังแฝงพลุ่งพล่าน แต่แกดันทำเว็บไม่เป็น (อ้าว) เหล่ามิตรสหายเลยโดดลงมาช่วยกันยกใหญ่
จุดเริ่มต้นจึงเริ่มขึ้นในบอร์ดฟอนต์อีกแล้ว! จะว่าไปบอร์ดนี้สร้างเว็บดีๆ ในชาติบ้านเมืองเรามาเยอะละนะ 555
มีไอซ์เป็นกองหนุนดูแลเรื่องเซิฟเวอร์ให้ (ที่จริงไอซ์ไปจดโดเมนเนมตามแรงยุยงมาก่อนหน้านี้สักพักละ)
มีคุณบิ๊กกระต่ายดำคอยดูแลเรื่องโค้ดเอย เทคนิคเอยให้
แล้วก็ไปซื้อตีมเวิร์ดเพรสที่เขาทำมาโคลนเว็บเก้าแก๊กของฝรั่งเป๊ะๆ มาใช้อย่างหน้าด้านๆ (อันนี้ผมยุเอง)

ซึ่งไอ้ตีมเวิร์ดเพรสบ้านี่นรกมาก ราคาแค่ $37 แต่มันทำได้ทุกอย่างเหมือนเด๊ะจนน่ากลัว
แต่การอัปโหลดภาพไว้บนเซิฟเวอร์ตัวเองนี่ก็โหดอยู่ เพราะถ้าไม่ได้เป็นคลาวด์จริงๆ ก็กระอักนะครับ
ดีที่มีนายทุนยักษ์ใหญ่มาหนุนหลัง เลยสบายไป ขอบคุณวัฒนธรรมการจริงจังกับเรื่องไร้สาระครับ :30:
(มีเพื่อนๆ ในเว็บอีกหลายคนที่เป็นกองหนุน ขออภัยที่ไม่ได้เอ่ยนาม แต่ร่วมกันแจมกันหนุกหนานจริงๆ ครับ)

ในที่สุด เมื่อเคมีทั้งหมดก็ผสมกันลงตัวจนเกิดมาเป็นเว็บ 9GAG.in.th จนได้..
(แก้ไข: เพื่อป้องกันปัญหาในภายภาคหน้า ตอนนี้ทีมงานเปลี่ยนเป็น naikak.com แทนละครับ)

กระบวนการทั้งหมดที่ว่ามานั้นรวดเร็วมาก เร็วพอๆ กะการก่อตั้งเว็บเฟล ที่ก็เกิดมาจากบอร์ดฟอนต์เหมือนกัน
แต่อันนี้มีกองหนุนเต็มกำลังทั้งด้านเทคนิคและด้านเนื้อหา แถมทรัพยากรระบบก็แน่นปึ้กอีก ทุกอย่างจึงเริ่มได้เร็ว
จะติดอยู่ก็แค่แบรนด์ 9GAG นั้นไม่ใช่ชื่อสาธารณะ (ต่างจาก FAIL ที่ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ ฝรั่งแม่งมีเป็นร้อย)
ด้วยความกังวล พี่เลย์ก็มาแย็บๆ ถามว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไร แนวๆ meme หรือ cafe หรืออะไรแบบนี้ดีไหม
เพราะเวลาชื่อ 9GAG เนี่ยมันชัดเจนเลยว่าโคลนเขามาทั้งดุ้น
และแล้วพอโหวตกันไปโหวตกันมา ปรากฏว่าก็ได้ชื่อ “นายก๊าก.ไทย” มาใช้เป็นชื่อเรียกในที่สุดครับ
ส่วนชื่อโดเมนเนมตอนนี้ก็ใช้แบบนี้ไปก่อน เพราะจดมาแล้ว ไอซ์ออกตังค์เองด้วย ป๋ามาก
แต่ต่อไปอาจจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็แล้วแต่ว่าฝรั่งมันจะฟ้องเอาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ..โคตรกองโจรเลยอ้ะ

ส่วนมุกข้างในก็สารภาพกันตรงๆ ว่าได้แก่นไอเดียมาจากเก้าแก๊กต้นฉบับนี่แหละ
คือมีทั้งพวกการ์ตูน Rage Comic เอย อะไร “เจ๋งๆ” (อันนี้ซ้อนทับกะเฟลหน่อยนึง) เอย ฯลฯ
แต่เอามาปรับหน่อยนึงด้วยจุดยืนของพี่แกเอง คือพยายามจะให้มุกที่นี่ “เป็นออริจินัล”
คือไม่ได้ขโมยคนอื่นมาโปะแล้วใส่ลายน้ำแบบเก้าแก๊ก ซึ่งอันนี้ผมว่าเป็นปัญหานะ ไม่ชอบเป็นการส่วนตัวด้วย
แต่พอนายก๊ากไทยมีความเป็นเป็นต้นฉบับ ใครคิดมุกเองก็ส่งมา ถ้าฮาก็ได้โหวตขึ้นหน้าแรกอะไรงี้ เวิร์ก!
และที่สำคัญคือเรื่องสิทธิ์ในการเผยแพร่ผลงาน คงเป็น “ใครจะเอาไปเผยแพร่ก็ให้เครดิตกันด้วย” จบ
ไอ้ครั้นจะใช้ Creative Commons ก็คงประหลาด เพราะบางภาพก็ตัดแปะมาจากหนังซะดื้อๆ งี้

ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้จะมีคนเข้าใจไหม แต่เชื่อว่าพออยู่ตัว คำถามนี้ก็จะหมดไปเช่นเดียวกะเว็บเฟล
ของเฟลนี่แรกๆ มีคนเอาไปเปรียบเทียบกะ Failblog.org ด้วยซ้ำ ว่าทำไมไม่ยังงั้นยังงี้ร้อยแปดพันเก้า
แต่พอนานๆ ไปติดลมบนและมีกลิ่น มีที่ทางของตัวเองปั๊บ ก็เริ่มเข้าใจว่ามันไม่ใช่! และก็หนุกหนานอย่างปัจจุบัน

จนในที่สุดก็กำลังจะมีรวมเล่มกะเขาแว้วววววว~ :25:

ภาพแรก FAIL Of THE สอง YEARS

ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอโฆษณาย่อหน้านึงนะ
คืองี้ครับ สำนักพิมพ์แซลมอนเขาเอาไปทำให้ ได้ข่าวว่าจัดหน้าโหดจนฝ่ายกราฟิกลาออกไปคนนึง
ขนาดทำต้นฉบับส่งไปยังอภิมหายากเลย ไว้แล้วจะเล่าให้อ่านทีหลังนะจ๊ะ
แถมคุณบอกอเองก็ยอมรับว่าแม่งเป็นหนังสือที่ทำยากที่สุดตั้งกะเปิดสำนักพิมพ์มา
จนเสร็จออกมาเป็นเล่มๆ และปล่อยภาพหลุดออกมาอย่างที่เห็นข้างบน
ตื่นเต้นมากครับ นี่ยังไม่เห็นของจริงเลย แต่ก็พิมพ์ไปเหงื่อออกง่ามนิ้วไปตลอดเวลา

เออ
เคยมีคนทวีตว่าอีพวกทำเว็บซึ่งคุยนักหนาว่ามันคือสื่อใหม่ จะตื่นเต้นทำไมตอนที่ได้ออกหนังสือ ซึ่งเป็น “สื่อเก่า”
ผมคงตอบคำถามเขาไม่ได้ตรงๆ นัก เพราะไม่เคยคุยว่ามันเป็นสื่อใหม่ คือแม่งเป็นปัจจุบันตะหาก
พอๆ กับหนังสือที่ก็เป็นปัจจุบันเหมือนกัน ผมยังอุทิศผนังบ้านหนึ่งซีกเป็นห้องสมุด(การ์ตูน)เลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นด้วยความที่คลุกคลีกับหนังสือที่เป็นกระดาษ ก็เลยยังมีความรู้สึกผูกพันกับมัน
มากกว่าสื่อที่ต้องเติมไฟฟ้าลงไปถึงจะดูได้อยู่ดี

.

กลับมาที่หัวข้อเรื่องนายก๊าก :58:

บัดนี้เว็บนายก๊ากก็เริ่มติดลมในวงแคบๆ ละครับ ระบบเริ่มอยู่ตัว ปริมาณทราฟฟิกมหาศาลจนน่าตกใจ
กลุ่มคนที่เข้ามาเล่นก็เป็นเด็กมัธยมซะส่วนมาก มุกแม่งอย่างเกรียน แต่ก็นี่แหละ ให้เว็บมันทดลองตัวเองไปอีกหน่อย
ตอนนี้บางมุกก็ยังไม่ลงตัวบ้าง ไม่หลากหลายหรือไม่เห็นแล้วฮาเยี่ยวแตกบ้าง ก็ค่อยลุ้นให้มันขัดเกลาตัวเองต่อไป
เดี๋ยวพอเริ่มตกตะกอน และติดลมบนเข้าแล้ว ผมเชื่อว่ามันจะดังได้ไม่ยาก เผลอๆ ก็น่าจะดังมากๆ
เพราะมันถูกจริตเกรียนไทยซะขนาดนี้! อย่าเพิ่งโดนฟ้องซะก่อนนะ!

มีไอเดีย หรือข้อติชม วิพากษ์วิจารณ์ด่าทออะไรก็ช่วยๆ กันคอมเมนต์ได้นะครับ
เพราะยังไงคนที่ทำเขาก็อยากให้มันออกมาดีๆ เหมือนกับที่ทุกคนก็อยากเห็นอะไรดีๆ นั่นแหละ
เช่นที่เสนอไปคืออยากได้ Rage Comic ที่มีตัวแสดงเป็นนักการเมืองไทย อันนี้น่าจะฮาและเป็นอมตะ
หรือไม่ถ้าโดนนักการเมืองที๋โดนล้อแม่งโมโหตามไปเก็บคนทำเว็บ มุกเหล่านั้นก็จะเป็นอมตะทางกายภาพจริงๆ ซะที

ป.ล.
พิมพ์ยาวจนได้ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ..

คอมเมนต์

บ้านริมตลิ่งหลังโลตัสวังหิน

เคยถ่ายริมคลองวังหินมาลงบล็อกเมื่อนานมากมาแล้ว (รู้สึกตอนนี้ลิงก์เน่า ยังไม่ได้ซ่อมเลย)
วันนี้ไปซื้อสายฉีดตูดที่โลตัส เลยได้ไปแวะถ่ายมาอีกทีครับ ชอบนะ แต่คงไม่กล้าอยู่ กลัวยุง

ใช้แอป Camera Zoom FX ถ่ายครับ ซื้อมาตอนมันลดเหลือสามบาท

คอมเมนต์

ความทุกข์ใจในทุกคืนข้ามปี

ความทุกข์ใจในทุกคืนข้ามปี (แก้ไข)

อันนี้เรื่องจริงนะ ผมเหวอทุกทีที่มี SMS เข้าครับ
ไม่รู้คนอื่นเป็นกันไหม

คอมเมนต์

2554: หยุดยืนดูเงาตัวเอง

ตามกระแส ไหนๆ จะหมดปีก็ขอเก็บตกไว้หน่อยนึงละกัน
ข้อความต่อไปนี้อาจจะไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในรอบปีเหมือนใครๆ
แต่กะจะเขียนเท่าที่นึกออก ว่าจนถึงบัดนี้ เราเดินผ่านอะไรมาบ้าง..

ปีนี้เป็นปีที่ตั้งใจจะปลดอะไรหลายๆ อย่างที่คิดว่าฟุ่มเฟือยออกจากตัวเอง
ไอ้คำว่าฟุ่มเฟือยนี่คืออัตตาภายในทั้งหลายแหล่ ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น
ในแต่ละปีที่ผ่านไปมันจะเยอะขึ้น เยอะขึ้น พอกหนาเรื่อยๆ เหมือนไขมันที่ชั้นพุง
จนรู้สึกว่า “ชีวิตกูชักจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน” ..แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ อย่างการเขียนบล็อก
ก็ยังอุตส่าห์นึกห่วงว่าเขียนแต่ละครั้งนี่จะมีคนอ่านไหม หรือโชว์โง่ไปแล้วกูจะไม่หล่อไหม
และสุดท้าย วันนึงก็ลุกขึ้นมาหักดิบแม่งเลย เขียนให้ตัวเองอ่านไง แบบตอนนี้ สบายกว่าเยอะ
ชาวบ้านเขาทำได้กันมาตั้งนานแล้ว แล้วที่ผ่านมากูมัวไปหลงอยู่แยกไหนก็ไม่รู้ ควายจริง

งาน

คือสิ้นปี 2553 ผมลาออกจากอาร์เอสเพื่อจะได้มามีชีวิตของตัวเอง

กะว่าเกษียณตัวเองจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนแล้วว่างั้น และวไอ้โปรเจกต์ที่ฝันไว้อยากทำนั่นนี่ก็จะได้เริ่มซะที
แต่ปรากฏว่าก็ยังไม่ได้เริ่ม เพราะพี่เม่น @iMenn ที่เคารพรักก็มาชวนทำอะไรกันสนุกๆ (อ่านแล้วเกย์มาก)
นั่นคือไปเริ่มบริษัทสามย่านด้วยกัน (ขออวดหน้าสวัสดีปีใหม่จากสามย่านที่เพิ่งช่วยกันทำเสร็จไปไม่นาน)

การได้โดดเข้ามาเริ่มชีวิตในฐานะมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง แม้ต้องแลกกับเวลาส่วนตัวที่หายไป
แต่ก็ได้ประสบการณ์เยอะมากๆ มาแทน อันนี้ไม่เคยรู้สึกเสียดายเลย ตราบใดที่ยังสนุกและรักษาระดับความชิวไว้ได้
ผมก็ยินดีเสมอนะ

อืม.. ใช่ๆ พอพิมพ์ก็นึกได้ว่านโยบายชีวิตของตัวเองคือ กูรักความชิว
เป็นมนุษย์ที่เกลียดการทำอะไรซ้ำๆ อย่างการเดินทางไปกลับจากที่ทำงาน กลับมาบ้านเหลือเวลาสองชั่วโมง
สองชั่วโมงเท่านั้นต่อวันที่จะได้คุยกับเมียก่อนที่จะแยกไปปนอน ผมก็นั่งอัปเดตเฟลอีกเกือบๆ ชั่วโมงก็นอนบ้าง
นี่ถ้าเว็บเฟลมันไม่ใช่เว็บตลกปัญญาอ่อนนะ ป่านนี้คงเลิกทำไปแล้วเหมือนกัน ที่ยังสนุกกับมันก็เพราะแม่งเพลินดี
และถึงจะมีรายได้จากมันเดือนละนิดหน่อยก็ยังไม่ถือว่าเป็นงาน

เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่ชอบวัฒนธรรมเวลาแนะนำตัว จะต้องแบกรับภาระเป็นชื่อตำแหน่งและอาชีพเสมอๆ เช่น
“สวัสดีครับ ชื่อแอนครับ ตอนนี้ทำงานเป็นสะแตร๊ดทิจิกแพลนเนอร์อยู่สามย่านดิจิทัลเอเจนซี่ ฯลฯ”
หูย แห้งแล้งมากอะ ทำไมไม่แบบชินจังบ้าง “สวัสดีครับ ผมชื่อแอน ชอบกินพริกหยวกครับ” อะไรงี้
ดูเป็นมนุษย์กว่ากันเยอะ เนอะๆ

แต่ทั้งนี้ถ้ามองจากมุมมองของบริษัท การที่พนักงานไม่อินกับความเป็นมนุษย์เงินเดือนคงไม่ดีเท่าไหร่
ซึ่งเป็นบุญหัวของผมจริงๆ ที่ได้ทำกะบริษัทขนาดเล็กและยืดหยุ่นขนาดนี้ หยุ่นพอที่จะบอกว่า “เรื่องของมึง”

เงิน

สมัยเรียนมาลัย ผมแบมือขอเงินแม่เดือนละประมาณ 4000 บาท (รวมทุกอย่างแล้ว เช่นค่าหอ 2800 บาท)
จะเห็นว่ามันไม่พอ โดยเฉพาะการเรียนคณะผมที่จำเป็นต้องใช้เงินเปลืองมากเวลาต่อโมเดลบ้าบอแต่ละที
ไม่ใช่ว่าที่บ้านฝึกให้เอาตัวรอดอะไรหรอก แต่บ้านผมไม่รวยครับ

ขอบคุณความจน ที่ทำให้ผมต้องดิ้นรนทำงานตั้งแต่สมัยเรียน หารายได้จากงานรับจ้างออกแบบนั่นนี่
และมันค่อยๆ สร้างชีวิตในทุกวันนี้ขึ้นมา ชีวิตที่พอมีเงินสบายๆ แต่ก็ไม่ได้ลืมว่าตอนกรอบสุดๆ มันเป็นยังไง
รู้แต่ว่าไม่มีทางลืมตัวแน่ๆ และไม่มีทางเป็นแบบที่เป็นภาพจำของคนที่พยายามจะเหมารวมสลิ่มทั้งปวงแน่ๆ

ถึงปัจจุบันผมมีตังค์พอจะซื้อโทรศัพท์แพงๆ มาใช้เป็นของเล่นได้แล้ว
แต่ตั้งแต่มีเมียเป็นต้นมา ผมก็ปิดโหมดรับรู้เรื่องรายได้ไปโดยสิ้นเชิง ทุกวันนี้มีตังค์เท่าไหร่ยังไม่รู้เลย
รู้แต่ว่าส่งให้เมียหมด และตัวเองก็คอยบันทึกรายจ่ายลงในตารางครอบครัวแบบนี้เสมอมา
อย่างน้อยไอ้ความที่เคยขัดสนมาก่อน ก็ทำให้ระเบียบวินัยในการใช้เงินของตัวเองนั้นเข้มแข็งจนน่าพอใจ

ถึงจะไม่รู้รายได้ แต่ก็พอรู้ว่าตอนนี้ชีวิตมันเริ่มลงตัวแล้ว เพราะผ่านการวางแผนมายาวนาน
อย่างน้อยปีสองปีนี้พอมีตังค์ ก็ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวดอกผลที่ได้ลงทุนลงแรงไปเยอะตั้งแต่สมัยเรียนเลยละกัน

อาชีพหลัก: พนักงานบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ (พื้นที่โฆษณา: จ้างทำเว็บหรืออะไรก็ได้ออนไลน์นะครับ)
อาชีพรอง: หนักงานร้านสกรีนเสื้อยืดออนไลน์ (พื้นที่โฆษณา: รับสกรีนเสื้อยืดขั้นต่ำ 1 ตัว ขั้นสูง 1 ล้านตัวครับ)
นอกนั้นก็มีงานอื่นๆ ประปราย เป็นวิทยากรบ้าง (ไม่ค่อยชอบ มันต้องเก๊ก) รับจ้างทำเว็บบ้าง วาดการ์ตูนบ้าง ฯลฯ

ความหวัง

ว่าด้วยเรื่องส่วนตัวก่อนนะ เรื่องครอบครัวเดี๋ยวตามมาในหัวข้อสุดท้าย..
ในปีที่ผ่านมาผมตั้งใจจะทำงานอดิเรกอย่างหนึ่ง คือ “ทำฟอนต์” อย่างที่เคยทำเมื่อสามสี่ปีก่อนแล้วหยุดไปเลย
คือตั้งแต่เว็บฟอนต์เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อครั้งกระโน้น มีใครต่อใครมาสัมภาษณ์ ผมจะรู้สึกผิดอยู่เสมอ
ที่ผู้สัมภาษณ์เยินยอซะเวอร์ (ไม่ชอบหรอกแต่จะเถียงสวนกลับไปก็ใช่ที่) ว่าใจดียังงู้น พ่อบร๊ะยังงี้
คือกูจะบอกว่าไอ้ที่ทำมาแจกฟรีทั้งหลายเนี่ย กูใช้โปรแกรมเถื่อนว่ะ จนเจ้าของโปรแกรมเขาจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่อยู่ละ
ยิ่งในช่วงนั้นเว็บดังเท่าไหร่ มีฟอนต์มือสมัครเล่นงอกมากขึ้นเท่าไหร่ ก็เท่ากับมีคนใช้โปรแกรมเถื่อนนี้มากขึ้นเท่านั้น

ผมละอาย เลยตั้งข้อแม้ไว้กับตัวเองว่าจะหยุดทำฟอนต์ใหม่ไปจนกว่าจะได้ซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมเขามาทำให้ได้
ทีนี้ก็ติดขัดนิดหน่อยตรงที่ตัวบริษัทเองก็มีคนทำงานน้อยเหลือเกิน โปรแกรมมันเลยตกรุ่นไปนานมากๆๆๆ
ทวีตไปถาม เมลไปถามหลายทีว่าเมื่อไหร่จะมีเวอร์ชันใหม่ที่คลอดออกมาและรองรับกับระบบสารพัดใหม่ๆ
ก็บอกว่า “ปลายปีนี้” มาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2553) จนปี 2554 ก็บอกว่า Late This Year นะ
และทวีตไปถามล่าสุดเมื่อสักเดืนที่แล้ว ก็บอกว่า In a few months .. โอเค รอต่อไป อยากทำจริงๆ นะเนี่ย

ไม่รู้อันนี้อยู่ในหมวด “ความหวัง” ได้ยังไง แต่เอาเป็นว่าเป็นความฝันเนิร์ดๆ ของผมเอง
ที่อยากทำให้งานอดิเรกชิ้นนี้มันมีส่วนช่วยสร้างสังคมที่ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ .. ดูเพ้อฝันเนอะ

อนาคต

ตอนที่พิมพ์อยู่นี่ เมียผมนอนหลับอยู่ข้างๆ .. คนท้องต้องนอนบ่อย จริงหรือเปล่าไม่รู้ หรือเมียผมขี้เกียจก็ไม่รู้
แต่อีกเพียงสามเดือนนิดๆ ผมก็จะได้พบหัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ของชีวิต ตรงที่ตัวเองจะกลายเป็นพ่อคน
ทุกวันนี้เวลานอนหลับผมจะเอามือไปจับไว้ตรงพุง เผื่อลูกสาวจะดิ้นให้สัมผัสได้
และก็ไม่เคยผิดหวัง เพราะนังเด็กคนนี้มันชอบดิ้นตอนกลางคืน จนเราเรียกโค้ดเนมกันเล่นๆ ว่า “น้องจ๊ะ”

ดูผ่านๆ อาจจะเหมือนทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าสเต็ปการใช้ชีวิตในโลกของผู้ใหญ่จะต้องเป็นแบบนี้ๆ
แต่ที่จริงแล้วมันถูกวางแผนไว้พอสมควร ไม่ถึงกับเคร่ง แต่ก็ไม่ได้หย่อน
หลายอย่างทำไม่ได้ (เช่นเรื่องนอนห้าตื่นหกแมน ผมยังทำไม่ได้เพราะว่าถ้านอนเร็วแล้วกรดมันจะไหลย้อน)
แต่หลายอย่างก็ทำได้ บางอย่างเหนือความคาดหมายเสียด้วยซ้ำ (เช่นอยู่ดีๆ มารู้จักเพื่อนบ้านเพราะน้ำท่วม)

ปี 2554 เป็นปีสุดท้ายในชีวิตช่วงทศวรรษที่ 3 ของผม (หมายถึงช่วงอายุ 20-29 น่ะ)
พอโดดขึ้นเดือนกุมภา​ 2555 ผมก็จะอายุครบ 30 ปี (เมียตูแก่กว่าปีนึง) ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 อย่างงดงาม
ถึงจะไม่ได้อะไรกับวันเกิดหรือช่วงอายุ แต่ความสนุกมันอยู่ที่เรายังไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังรออยู่ข้างหน้าเป็นอะไร

บางทีชาวไซย่าอาจจะบุกโลกลงมาจริงๆ ก็ได้

คอมเมนต์