นิทานกับแม่ห่าน

อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อตอนนิทานอายุแค่ไม่กี่เดือน ผมไปซื้อตุ๊กตาแม่ห่านและลูกๆ ที่เป็นหนึ่งในของกุ๊กกิ๊กจากบ็อกซ์เซ็ตหนังสือและวีซีดีเพลงเด็กเก๊าเก่าของ Mother Goose จากบูธสำนักพิมพ์เนชั่น เขาไปจัดงานสักอย่างที่เทอร์มินัล 21 เมื่อ 2-3 ปีก่อน พอเห็นป้ายว่ามันลดราคาเหลือ 999 บาท ด้วยความดีใจเลยแบกและเอาขึ้นแว้นขี่กลับบ้านมาด้วยความทุลักทุเล คือกล่องมันใหญ่ไง ขนลำบากมาก แถมแว้นกลางคืนอีก แต่ก็ถึงบ้านด้วยความปลอดภัยจนได้ (ทุกวันนี้เวลาเนชั่นจัดงานที่ไหนก็ยังเอามาขายราคานี้อยู่ …ปัดโธ่)

พอมาถึงบ้าน เรียกลูกสาวมาดู เปิดกล่องและหยิบของชิ้นนั้นชิ้นนี้ที่อยู่ข้างในออกมาให้ดู นิทาน (อายุ 6 เดือน) ดีใจมาก ดีใจที่ได้เห็นหนังสือเซ็ตใหญ่ แม้จะเป็นภาษาอังกฤษ ที่พ่ออ่านไม่ค่อยออก ส่วนแม่อ่านไม่ออกเลย (จบอักษร) และนั่นจึงเป็นพัฒนาการก้าวแรกๆ ที่ทำให้นิทานเป็นติ่งหนังสือนิทานมาจนทุกวันนี้

แต่ที่ดีใจกว่านั้นคือการได้พบกับตุ๊กตาครอบครัวแม่ห่านและลูกๆ 4 ตัว (ทุกตัวไม่ใส่กางเกง) ที่เอามาต่อยอดเสริมสร้างจินตนาการเวลาอ่านหนังสือไปพร้อมๆ กับเด็กคนนี้ (คือในหนังสือมันจะมีห่านพวกนี้ไปเกะกะตามหน้าต่างๆ ด้วย) เมื่อนิทานรัก แม่ห่านก็รักนิทาน เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็กระเตงไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ จนเรียกได้ว่า แม่ห่านคือเพื่อนสนิทคนแรกในโลกของเด็กคนนี้มาจนทุกวันนี้ และน่าจะกลายเป็นตุ๊กตาที่กอดจนเน่าแต่ไม่ยอมทิ้งในสักวัน

เมื่อกี้นี้ผมเลยเปิด Picasa ในคอม (คอมที่ผมใช้ทำงานเป็นหลักก็ตั้งชื่อเครื่องว่า “แม่ห่าน” เหมือนกัน ซื้อมาในช่วงใกล้ๆ กับแม่ห่านของนิทานนี่แหละ) เพื่อค้นภาพนี้ เราสองผัวเมียยังจำสีหน้าตื่นเต้นดีใจของเด็กอายุ 6 เดือนคนนั้นได้ไม่ลืม ตอนนั้นถ่ายตอนนั่งคู่กันก็เห็นเลยว่าขนาดตัวพอๆ กันเลยนะ

2558

แต่นั่นมันเมื่อสองปีกว่าๆ มาแล้ว ก็เลยบอกให้นิทานลองไปนั่งคู่กับแม่ห่านดูใหม่อีกที พ่อจะถ่ายเอามาเทียบกันดูว่านิทานโตขึ้นแค่ไหนแล้ว แล้วก็พบว่า เออ โตเยอะจริงๆ 5555 ส่วนแม่ห่านก็หง่อมไปตามสภาพละนะ :D

เลยนึกถึงเพลง “เข้าใจแล้วครับพ่อ” ของลุงปั่น (เอ็มวีโคตรเรียกน้ำตา ขนาดไม่ได้สนิทกะพ่อขนาดนั้นนะ)

ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกแบบนี้
ไม่เคยมีคนตัวเล็กๆ ให้กอด
ไม่เคยนึกว่าเราจะเลี้ยงใครรอด
แล้วเราก็ทำได้จริงๆ

ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าคนแบบเราจะเลี้ยงลูกได้จริงๆ แถมยังมีเวอร์ชันสองที่แก้บั๊กจากเวอร์ชันแรกไปหลายอย่างด้วยนะ 5555

เวลามีใครที่ไม่มีลูกหรือไม่อยากมีลูกมาถามว่า “มีลูกแล้วมันดียังไง” ผมก็จนใจจะหาคำตอบให้เข้าใจได้จริงๆ นะครับ คนที่มีลูกแล้วกับไม่มีเนี่ย มันเหมือนยืนอยู่ในโลกคนละมิติกัน ต้องลองก้าวข้ามพรมแดนนั้นมาแล้วจะเข้าใจเอง เลกเชอร์ยังไงก็ไม่เก็ตหรอกครับว่ามันดียังไง หรือแม้แต่ตอนผมมีลูกคนเดียวก็ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าการมีสองคนมันไม่ได้เหนื่อยขึ้นสองเท่าแบบที่เราเตรียมใจไว้ แต่กะๆ ดูคร่าวๆ น่าจะประมาณ 5 เท่าเลยนะครับ

ถึงกระนั้นมันก็เป็นความเหนื่อยที่เต็มใจให้เหนื่อยชะมัด 55555

เก็ตไหม ไม่เหรอ ก็สมควรอยู่ 5555

ที่จริงบล็อกตอนนี้จะบอกว่านิทานก็กลายเป็นเด็กเล็ก กำลังจะถึงวัยอนุบาลแล้ว (ที่จริงเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันเขาเข้าเนิร์สเซอรี่กันหมดแล้ว แต่เราพ่อแม่อยู่บ้านกันตลอด ก็เลยเลี้ยงเอง) เลยน่าจะถึงคราวปิดบล็อกนิทานสี่ช่องแล้วครับ

การ์ตูนนิทานสี่ช่องยังไม่ได้หายไปไหน ยังปรากฏอยู่ในูปแบบแอนิเมชันความละเอียดสูงสมจริง และเห็นเป็นประจำต่อหน้าอยู่ทั้งวัน ทุกวัน ดื้อบ้าง เกรียนบ้าง แกล้งน้องบ้างนานๆ ถี่

ส่วนต้นฉบับการ์ตูนที่วาดไว้ในบล็อกตั้งแต่ยังพูดไม่เป็น (จนทุกวันนี้เรียกว่าหยุดพูดไม่เป็น) นั้นเดี๋ยวจะเอามารวมเล่มเป็นฉบับกระดาษจริงๆ โดยใช้บริการโรงพิมพ์ดิจิทัลออฟเซ็ตสักแห่ง แล้วเก็บไว้แบล็กเมล์ลูกตอนโต

เชื่อว่าความประทับใจแบบที่ลูกมีกับแม่ห่านนั้น พ่อก็จะมีในแบบของพ่อเหมือนกัน

นักษัตร

วันนี้เอากระท้อนไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ท่านนึง แกทักผมกะเมีย
ญ: โบว์ท้องโตมากแล้วนะ นี่จะคลอดเมื่อไหร่
อ: ประมาณกลางๆ กันยาครับ
ญ: ปีนี้ปีอะไร… มะเมีย ปีม้านี่ แล้วคนแรกล่ะเกิดปีอะไร
อ: (นึกพักนึง)… มังกรครับ
ญ: โอ้โห ใหญ่ๆ ทั้งนั้น
อ: ตอนทำก็ไม่ได้คิดหรอกครับ ว่าจะใหญ่

Bar Bar Bar – Crayon Pop (เนื้อร้องภาษาไทย)

นี่เป็นเพลงเกาหลีเพลงแรกของโลกที่ตั้งใจฟังแบบไม่คลาดสายตา (กังนัมสไล์อะไรนั่นไม่ได้สนใจ ดูแต่ตูดผู้หญิงในเอ็มวี) ประเด็นมันคือยังงี้ครับ…

ตัวเพลงและท่าเต้นต้นฉบับน่ะเป็นของวง Crayon Pop แต่เรารู้จักจากคลิปนี้ก่อน (น้องแอนส่งมา ขอบคุณครับ) ที่มันกรี๊ดมากๆ ก็คือการมีน้องสองคนฝาแฝดรึเปล่าก็ไม่รู้ มาเต้นคัฟเวอร์ คือน่ารักมากๆๆๆๆ กดดูคลิปอื่นๆ ก็รู้เลยว่าน้องสองคนนี้ดังเป็นพลุแตกเลยในประเทศตัวเอง

แล้วที่ฟังแล้วฟังอีกซะหลายๆ รอบ ก็เพราะนิทานกำลังบ้าเต้นเพลงนี้อยู่น่ะครับ (ใครที่คุยกันบ่อยๆ คงรู้ว่าคุณลูกสาวคนนี้เกิดมาเต้นคัฟเวอร์ซะจริงๆ ก่อนหน้านี้ฮิตเพลงคุมะมงเซอร์ไพรส์ (ตอนนี้ก็ยังฮิตอยู่ แต่คือเต้นได้พรุนทั้งเพลงแล้วไง) โดยเรียกเพลง Bar Bar Bar นี้ว่า “เพลงของพี่ๆ ใส่หมวกกันน็อก” (ผมซื้อหมวกกันน็อกสีชมพูให้ลูกพอดี ซึ่งการมีคลิปที่ว่านี้ทำให้ลูกยินดีใส่หมวกเวลาแว้นไปไหนต่อไหนกันทั้งบ้านอย่างยิ่ง)

แล้วพอนิทานบ้าเพลงไหนขึ้นมา ก็จะร้องขอให้เปิดตัลหลอด ทั้งในบ้าน ในรถ ตอนอุ๊จ ตอนฉี่ ตอนนอน ตอนกินข้าว นั่นแปลว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดีก็ควรจะร้องได้สักหน่อย (เหรอวะ)

เลยลองหาเนื้อร้องมาแปะไว้ก่อน เจอจากที่นี่ เลยเอามาเขียนเนื้อร้องไทยทับลงไปแทนในส่วนที่เป็นภาษาเกาหลี อาจจะดูเนื้อแล้วอนาถไปนิด แต่ก็เป็นความพยายามจะถอดเสียงตามเสียงวรรณยุกต์ให้ครบถ้วน จะได้อ่านเนื้อแล้วร้องประกอบการออกสเต็ปของคุณลูกได้ถนัดหน่อย ดังนี้ (ถ้าติ่งเกาหลีผ่านมาแล้วเห็นว่ามีคำไหนมันทุเรศไปโปรดชี้แนะนะครับ จะได้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์อันดีงามของติ่ง)

ด๊ะก่าจิว่อน (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)
เน้ต่าราทู่ว (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)
โซ้หริดจะโฮ่ (โฮ่)
ตี๊หยอบะคุ่ง (คุ่ง)
เน้ต๋าระเฮ้ (เฮ้)

อ๊อมหมะโด ป๊ะปะโดก้ะ ฉี โก้ (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)
ซึนนะเกโก้ (โก้)
โซ้หริดจะโฮ่ (โฮ่)
ตี๊หยอบะคุ่ง (คุ่ง)
เน้ต๋าระเฮ้ (เฮ้)

พั่บ พั่บ คือเรยองพั้บ (*ตรงนี้เขียนตามการออกเสียงแล้วฮามาก*)

Get, set, ready… Go!

*
Jumping (เย่) Jumping (เย่) Everybody
Jumping (เย่) Jumping ดากาจิเซี่ยเซี่ย

Jumping (เย่) Jumping (เย่) Everybody
I don’t want to stick at home now

(ซ้ำ *)

I don’t want to stick at home now

ก๊อกจ๋อเงินโน่ (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)
โก๊หมินโดโน่ (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)
อุ๊สอบะโฮ่ (โฮ่)
ดั๊กขือเดเย่ (เย่)
เน้ต๋าระเฮ้ (เฮ้)

Get, set, ready… Go!

(ซ้ำ *)

I don’t want to stick at home now

โย่ คัมม่อน! (ท่อนแรปขี้เกียจแกะ)

Ready… Go!

(ซ้ำ *, *)

I don’t want to stick at home now

1-2-3 เย้


อันนี้เพลงต้นฉบับ น่ารักดีครับ ไม่เน้นเอ็กซ์ก็เพลงสนุกได้เนอะ


ส่วนอันนี้มีแฟนชาวไทยใส่ซับไตเติลและคำแปลให้ เพิ่งเห็น โธ่… อุตส่าห์นั่งพิมพ์ตั้งนาน :05:


แล้วอันนี้ค้นไปเรื่อยๆ จนเจอคลิปจากคอนเสิร์ต ก็เลยรู้ว่าวงนี้ก็เป็นที่นิยมเหมือนกันนี่หว่า 5555 (คิดว่าที่เกาหลีจะอิ่มตัวแล้วซะอีกเพราะแต่ละวงออกมาเหมือนกันเด๊ะๆ นี่จากสายตาคนนอกวงการติ่งนะ) แต่ว่าก็ว่าเหอะ เห็นในคลิปแล้วติ่งรุ่นลุงที่นั่นศรัทธากันจนหลอนเบย ร้องพร้อมเพรียงกันยังกะชุมนุม กปปส.

ป.ล.
นิทานน่าจะได้น้องสาวแหละ แต่กว่าน้องจะโตมาเต้นคู่ได้ ป่านนั้นนิทานคงหนีไปฟังกรีซซี่คาเฟ่แล้ว

วันนี้เมียท้อง

สองปีกว่าๆ จากบล็อกสมัยที่ท้องแรก (เกิดมาเพิ่งเคยทำผู้หญิงท้องครับ) และถือกำเนิดเป็นคุณลูกสาวชื่อนิทานในเวลาต่อมา

บัดนี้เมียผมเดินยิ้ม เต้นกระดุ๊กกระดิ๊ก เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนแล้วชี้ให้ดูอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ ซึ่งขึ้นเป็นขีดแดงสองขีด ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเรียบร้อยครับ ซัลโวเข้าประตูไปอีกหนึ่ง


(นั่นคือทวีตมาก่อนที่ผมจะตื่นอีกนะน่ะ พอดีเมื่อคืนนอนดึกเลยตื่นสาย)

เราสองคนวางแผนกันไว้ตั้งนานแล้วว่า ถ้าในปีนี้ยังไม่มีลูก ผมก็จะไปทำหมันและมีนิทานเป็นลูกคนเดียว แต่ถ้ามี ก็คือลงตัวเลย ชีวิตกำลังนิ่งและพร้อมที่จะมีคนที่สองในปีนี้พอดี เวลาเราก็มี ตังค์เราก็ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร แถมประสบการณ์ในการมีลูกครั้งที่ผ่านมาทำให้ความประหม่า ความหวาดกลัวทุกสิ่งอย่างนั้นหายไป อาจจะมีลืมๆ ไปบ้างแล้วว่าตอนท้องนิทานนี่เราต้องเตรียมอะไร ต้องทำและไม่ทำอะไรบ้างวะ (กลับไปอ่านหนังสือที่ตัวเองเขียนสิโว้ย #โฆษณา)

ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างเคลียร์ และเราโตพอที่พร้อมจะรับมืออะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นพอรู้ว่าท้องคราวนี้ จึงต่างจากตอนมีนิทานพอสมควร จะว่าไม่ตื่นเต้นก็ไม่ใช่ แต่เป็นความตื่นเต้นอีกแบบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวต้องเจอนั่นนี่ สเต็ปต้องเป็นงี้ เราอ่านสปอยล์มาแล้ว

ติดอยู่แค่อย่างเดียวคือ นังลูกสาวของเรา (ที่กำลังจะกลายเป็นลูกคนโต) ดันยังไม่หย่านมแม่นี่สิ

เมียผมให้นมลูกมาตลอด จนบัดนี้ลูกสาวเราก็อายุขวบสิบเดือน ก็เกือบสองขวบแล้ว จนชาวบ้านเขาเลิกให้นมกันหมดตั้งนานละ ไอ้ที่รู้ว่าท้องก็เพราะอยู่ดีๆ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา พอนิทานกินนมแล้วเจ็บ (ซึ่งเป็นการดีไซน์ของพระเจ้าที่เอาไว้ส่งสัญญาณเตือนว่าควรหยุดได้แล้ว) และเพราะการให้นมลูกมาตลอด ฮอร์โมนส์ของคนเป็นแม่เลยบอกว่าอย่าเพิ่งมีเมนส์นะ เดี๋ยวจะมีปัญหา (นี่ก็ยังทึ่งที่พระเจ้าคิดระบบนี้มาเจ๋งมาก) แต่พอพ้นระยะที่จะต้องคอยเป็นห่วงแล้ว เมนส์ของเมียก็มาครับ แต่เพิ่งมาได้แค่ 2 เดือน แม่งท้องเลย ไงล่ะ.. วัยรุ่นมะ

ดังนั้นเควสต์ใหม่ของเราในฐานะพ่อกับแม่ก็คือ ทำยังไงให้คุณลูกสาวหย่านม ซึ่งยากมากบอกเลย

ป.ล.
วันนี้หยุดทำงานทำการ วางมือจากงานแทบทุกชนิด เพื่อเสพบรรยากาศที่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติที่พบเจอได้ทุกวัน ซึ่งโอเคนะครับ ใครลองมามีเมียท้องดูก็จะเข้าใจว่ามันทำงานไม่ได้จริงๆ ดังนั้นหยุดซะ แล้วมานั่งดูตัวเองดีกว่า สนุกดี

ป.อ.
อย่างที่ทวีตไปว่าผมรู้เรื่องเมียตัวเองท้องหลังชาวบ้านซะอีก ก็เหมือนตอนท้องแรกที่ติดประชุม แต่ท้องนี้คือนอนอยู่ 5555 ขอบคุณทุกคนที่อยู่ดีๆ ก็ส่งประกวดชื่อหลานกันเยอะแยะ มีทั้งไมตรีคนน้อง (นี่ยังจำชื่อที่นักข่าวนั่งเทียนเขียนให้ตอนไปถ่ายเว็ดดิ้งในม็อบพันธมิตรได้อีกเรอะ! – เสียดายบล็อกผมเน่าเลยเนื้อหาตอนนั้นหายไปแล้ว แต่มีกระทู้ด่าที่ mthai เข้าไปอ่านดิ สนุก), น้องนิยาย, น้องปรัมปรา, น้องพงศาวดาร(เลวมากอันนี้), น้องตำนาน (เฮ้ยเจ๋ง สองแง่สองง่ามดี), น้องตำหนัก (อันนี้ง่ามเดียว), น้องตำลึง (นี่เหี้ยเลย), น้องเขาใหญ่, น้องหลีเป๊ะ (นี่ก็เดาสถานที่ว่าไปซั่มกันที่ไหน), น้องนกหวีด, น้องกำนัน(นึกหน้าแล้วแบบ), น้องปฏิรูป, น้องอีปู ฯลฯ

ป.ฮ.
ที่เด็ดที่สุดคือแม่ยายผมเคยไปขอพระ (เอาอีกแล้ว นี่กูไม่ได้ทำเมียกูท้องเองนะ ช่างแอร์ช่างฉีดปลวกอะไรที่แซวกันก็ไม่ใช่ .. แต่นี่ พระทำให้) บอกว่าขอเทพธิดามาเป็นหลานอีกคน แล้วเมื่อคืนก็ดันฝันว่ามีเด็กผู้ชายมาโกรธ สงสัยจะมาแย่งเกิดไม่ทันเพราะดันไปขอหลานสาวสกัดไว้ (หลอนมะ) ดังนั้นเลยขอบันทึกไว้หน่อยว่าถ้าเกิดลูกคนนี้เป็นผู้ชายขึ้นมา โตขึ้นแม่งเป็นตุ๊ดชัวร์ เพราะคือร่างกายปฏิสนธิตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่คุณยายได้ไปขอวิญญาณผู้หญิงไว้ เอามาสวมเป๊ะ เก้งเลยฮ่ะ

อยากเขียนก็ต้องเขียนสิ

เขียนบล็อกสิบตอนก็จะมีสักตอนนึงแหละที่มาบ่นเรื่องบล็อกตัวเอง ดูจมปลักกับตัวเองดีนะครับ 5555

ไม่รู้ว่าเป็นความกดดันที่ตัวผมเองสร้างข้อแม้บางอย่างขึ้นมา แล้วก็ติดกับเสียเองอีกหรือเปล่า จึงทำให้การตัดสินใจเขียนบล็อกใหม่แต่ละทีกลายเป็นเรื่องยาก ทั้งที่มันควรจะง่ายพอๆ กับทวีตข้อความไปสักครั้ง

คิดอยู่หลายวันว่าเป็นเพราะอะไร แต่จับทางได้แล้วว่าสาเหตุหนึ่งก็เพราะอยู่ดีๆ เราก็ได้สวมหมวกหนึ่งใบในนามของนักเขียน แถมมีผลงานเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กของตัวเองในระบบสำนักพิมพ์ที่ดูมีคุณภาพเสียด้วย สิ่งนี้ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นความเหิมเกริม ลำพองใจ หรือประหม่า แต่มันก็ทำให้ธรรมชาติในการเขียนอะไรแบบไม่ต้องคิดของเรานั้นหายไป เหมือนกับที่เคยหายไปพักใหญ่ตั้งหนึ่งปีเต็มๆ ช่วงที่ไม่ได้เขียนบล็อกเลย

ผมรู้สึกว่ามันแย่ว่ะ อยากเขียนก็ต้องเขียนสิ ไม่ใช่รอให้รู้สึกว่าเป็นประเด็นที่หล่อพอแล้วค่อยลงมือเขียน เราไม่ได้เป็นพวกลึกซึ้งแบบที่เขียนอะไรจบประโยคแล้วเปลี่ยนโลกได้ซะหน่อย เหี้ยเอ๊ย

ขอบคุณแรงบันดาลใจจากบล็อกของคุณ @etalorkครับ คือเหี้ยมาก อยากเขียนก็เขียน เขียนออกมาแล้วเสือกดีด้วยนะ (*คำว่าดีในความหมายของผมคงไม่ใช่ดีแบบสาธารณะสักเท่าไหร่) ผมได้รับแรงบันดาลใจจากเขาจนต้องกลับมามองตัวเองและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง (แล้วก็บ่นแบบเดิมๆ งี้อีกครั้ง)

สัญญากับตัวเองครับ ว่าต่อไปนี้จะเขียนบล็อกเมื่ออยากเขียน และไม่ต้องห่วงหมวกบ้านั่นอีก (ส่วนเรื่องแคร์คนอ่านหรือไม่ อะไรยังไง ฯลฯ นั่นคงพูดจนไม่รู้จะพูดยังไงละ ก็ละไว้ละกันนะคราวนี้)

เย!

ทีนี้มาเข้าเรื่อง อยากจะฟื้นพลังตัวเองน่ะครับ เลยจะขอหัดเขียนอะไรสั้นๆ ง่ายๆ ให้เป็นนิสัยอีกครั้ง ผมเปิดบล็อกใหม่สองบล็อก จะเรียกว่าบล็อกก็กระไรอยู่ เอาเป็นว่าเป็นโน้ตสั้นๆ ที่คิดว่าจะบันทึกได้อย่างต่อเนื่องอย่างไม่เบื่อ และจะได้มีที่ทางรวบรวมอะไรที่ตัวเองอยากทำมานานเสียที โดยไม่ต้องมาปะปนกับบล็อกหลักนี่ (ที่ก็จะขยันเขียนมากกว่าเดิมแน่นอน)

ตีนใหม่หัดปั่น

บล็อกแรกคือ “ตีนใหม่หัดปั่น” (ride.iannnnn.com) เกิดจากการไปซื้อจักรยานพับสีขาวมาคันนึง (ทีแรกจะซื้อสีแดง แต่เมียบอกขาวสวยดีเลยเอา จบนะ) ตอนนี้ใกล้หมดภาระหน้าที่ความเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่ต้องออกเดินทางเช้าเย็นทุกวันซ้ำๆ กันแล้ว เลยจะหาโอกาสมาหัดขี่รถเล่นเสียที เลยหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองด้วยการแวะจอดตามทางแล้วถ่ายรูป เห็นว่าระบบของ Tumblr มันง่ายดี ไม่ต้องมานั่งบริกรรมคาถามาก ยกมือถือถ่ายแชะปั๊บ ก็ออกมาเป็นบล็อกได้เลย เลยเอามาใช้กะมัน

นิทานสี่ช่อง

บล็อกที่สองคือ “นิทานสี่ช่อง” (nitan.iannnnn.com) พอดีช่วงนี้ลูกกำลังมีพัฒนาการน่าสนใจ เลยอยากบันทึกไว้ เลยเล่าเป็นการ์ตูนละกัน ถือว่าเป็นภาคต่อจากการ์ตูนท้ายเล่มใน “คือปะป๊าครองพิภพ” ที่ได้รับเสียงตอบรับดีมากกๆๆๆๆๆกกๆๆๆๆๆ จนน้ำตาแทบไหล แถมอันนี้นี่ก็พยายามจะให้ง่ายด้วยการหยิบมือถือขึ้นมา วาดลงในนั้น (ใช้โน้ตสองจ้ะ) แล้วก็กดปุ๊บ โผล่ออกมาเป็นบล็อกเลย ไม่เยอะนะ โอเค แต่สวยไม่สวยหรืออ่านรู้เรื่องหรือมุกแป้กรึเปล่า นั่นก็แล้วแต่สติปัญญาในตอนนั้น ไม่กล้าให้ความหวังครับ 5555

ป.ล.
บล็อกหลักนี่ระบบหลังบ้านใช้ WordPress
บล็อกจักรยานใช้ Tumblr (ตั้งค่าให้มันยิงมาในโฮสต์เรา)
ส่วนบล็อกวาดการ์ตูนแซวลูกใช้ Blogger (นี่ก็ให้มันยิงเหมือนกัน)
สนุกดีนะครับ ได้ลองหลายๆ ระบบแล้วเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกัน เพลินดี

ป.อ.
ส่วนบล็อกเดิมที่เมียเป็นเจ้าของคือ bow.iannnnn.com นั้นก็เขียนแต่เรื่องลูกเหมือนเดิม แต่เมียขี้เกียจเลยไปโพสต์ใส่เฟซบุ๊กทวิตเตอร์มากกว่า 555 ก็มันง่ายดีหนิ ไม่เห็นแปลก

ป.ฮ.
สิ้นเดือนนี้ก็จะได้พักผ่อนละครับ ถึงต่อไปจะต้องเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละครั้ง แต่เชื่อว่าเราจะเริ่มชิวอย่างจริงจังสมความตั้งใจละ เย้ๆๆ