งานหยาบ

ที่จริงเขียนเป็นเสียงมาแล้ว แต่เมื่อคืนเจ็บคอแล้วพูดวนไปวนมา 55555 มานึกดูเราบันทึกเป็นตัวอักษรดีกว่า เขียนวนแล้วเนียนกว่า

เมื่อวานไป “งานหยาบ” — stand-up comedy ของเบียร์ บัฟแก๊ก (ศรัญญู เพียรทำดี) แถวสามย่านมา เป็นอีกครั้งที่เราเอาตัวเองไปนั่งเป็นส่วนหนึ่งของอีเวนต์ที่เป็นรสนิยมเฉพาะของเราจริงๆ คุยกับใครไม่รู้เรื่องแน่ 55555

ทีนี้ถ้ามองสังคม stand-up comedy ในบ้านเรา ที่ไม่ใช่ระดับซูเปอร์สตาร์อย่างอุดม แต้พานิชแล้ว คนที่ทำให้เรารู้จักวงการนี้ในสายอินดี้ ก็คือยู (กตัญญู สว่างศรี) ที่ตอนนี้ไปโด่งดัง (ดังเปล่าวะ เดี๋ยวนี้ความดังมันคืออะไร) กับรายการกตัญญูทูไนท์ไปแล้ว กับกลุ่มยืนเดี่ยว ที่เป็นคอมมูนิตี้ของคนรักความฮาเหมือนกัน มีจัดโชว์และอีเวนต์ต่างๆ เป็นระยะ เราพอจะเรียกได้แล้วว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นศิลปินยืนเดี่ยว ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างน่าสนใจ

คนอื่นสนใจหรือเปล่าไม่รู้ เรานี่แหละสนใจ 55555

ตัดภาพมาที่เรื่องของเรา การจะเข้าเมืองมาดูงานนี้ก็ต้องใช้ความพยายามประมาณหนึ่ง เพราะบ้านไกล และบวกลบเวลาเดินทางสาธารณะเที่ยวนึงก็ล่อไป 2-3 ชั่วโมง ไปกลับคูณสองก็ยิ่งหมดพลังกันพอดี ทั้งนี้ก็บ่นไปงั้นแหละ เพราะคราวนี้เอารถมา ก็มาบ่นเรื่องรถติดในเมืองแทน

แต่นั่นก็เป็นแค่ปัญหาส่วนตัว ที่ไม่ส่วนตัวคือการเสี่ยงว่าเราจะพาคนอื่นมาดูแล้วรอดไหม เพราะรสนิยมเฉพาะแบบนี้มันไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะชอบ งานของ comedian อีกคนก่อนหน้านี้เราพาเมียมาดูเป็นเพื่อนด้วย แล้วก็อย่างที่คิดเลย ดูจบเมียก็บ่น ประมาณว่าไม่ถูกจริต 55555 เช่นเดียวกับเพื่อนที่โดนลากมาดูด้วยแบบงงๆ (ใช่แล้ว เราหมายถึงอีถลอก) ก็อดนอนมาก่อน เห็นว่านั่งฝืนถ่างตาตลอดงาน ก็เสือกนั่งแถวหน้าสุดกันน่ะสิ…

แถมสเกลงานคราวก่อนที่ใหญ่มาก กลับกลายเป็นทำให้สูญเสียความใกล้ชิดระหว่างคนพูดกับคนฟังไปอีก สิ่งนี้คนที่มีอาชีพโชว์บนเวทีอย่างนักร้อง นักดนตรี พิธีกร จะเข้าใจกันดี เพราะการขึ้นไปโชว์แล้วเห็น reaction ของผู้ชมแบบ 3 เมตร เต็มๆ ตา เทียบกับ 100 เมตรเป็นพิกเซลจิ๋วๆ มันต่างกันมาก

และการออกแบบโชว์ ออกแบบสคริปต์ โทนเรื่อง วิธีเล่า มุกสดต่างๆ มันแทบจะเป็นคนละศาสตร์กันเลย

เขียนยาวแล้วขอคั่นด้วยภาพหน่อย จอดรถตรงนี้ วิวสวย มีห้องน้ำด้วย ส้วมสะอาด ขี้สบายมาก

“งานหยาบ” ที่ไปมานี้จัดขึ้นที่ House No.18 สามย่าน บนชั้นสามมีพื้นที่สวยๆ ขนาดกะทัดรัด (เบียร์บอกว่าจุได้ไม่เกิน 70 ที่นั่ง) ซึ่งเป็นสเกลที่ดีมากกกกกก สำหรับการนั่งดูโชว์แนวนี้ ถ้าให้นึกภาพก็คงเป็นขนาดประมาณห้องเลกเชอร์ แต่ผนังด้านหลังเวทีเป็นจอภาพขนาดใหญ่ อันนี้เซอร์ไพรส์ไม่น้อย ทำไมมันหรูจังวะ

เปิดเวทีด้วยโนะ นนทบุเรี่ยน คนนี้เราชอบแหละ เป็นหนึ่งใน comedian ฝีปากดี ความสามารถด้านอื่นๆ ก็สูง คราวนี้มาแนวร้องเพลงล้อ ล้ออะไรเล่าไม่ได้จริงๆ เพราะนี่คืองาน underground เดี๋ยวเล่าไปก็จะเดือดร้อนทั้งคนพูดคนฟัง

เออ! ลืมบอกไปเลยว่านี่มันคืองาน underground!

underground stand-up comedy ก็คืองานที่เจ้าของโชว์ออกแบบเนื้อหามาให้ดิบเถื่อนกว่าโชว์ปกติ ไม่สามารถออกอากาศได้ ซึ่งในบ้านเราก็มีเรื่องที่เข้าข่ายนี้เยอะเหลือเกิน …..

เนี่ยแค่จะบอกว่าจะพูดเรื่องอะไรบ้างก็พิมพ์ไม่ได้แล้ว แต่เดาไม่ยากหรอกเนอะ

ก่อนหน้านี้เบียร์ก็เคยจัดเทวี underground มาแล้ว (ชื่องาน “ก่อนตาย” ที่ขยายความได้ว่าก่อนตายขอให้ได้พูดเรื่องนี้) และเราก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปนั่งสุมกันฟังในวงแคบๆ

ตอนนั้นเบียร์บอกว่า เป็นโชว์ที่คนฟังหัวเราะไปก็กังวลไป กังวลว่าพอเปิดประตูออกมาแล้วตำรวจจะมารวบกันหมดเลยหรือเปล่า…

ดังนั้นโชว์นี้ก็เลยไม่มีรูปถ่ายหรือคลิปอะไรมาเล่าเลย มัน off record ไปหมด แต่ตลกสัสๆ

เราติดตามงานของคณะนี้มานาน เป็นผู้ชมในมุมมืด ไม่ได้แนะนำตัว ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เป็นความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์ระหว่างศิลปินกับผู้ชมอย่างแท้จริง อุดหนุนกันโดยตรงบ้างตามโอกาสจะอำนวย (ก็บ้านไกลง่ะ)

ที่แน่ๆ คือเราแฮปปี้กับโชว์นี้มาก เต็มอิ่มพอดีคำ ไม่หนักไป ไม่เบาไป อะไรที่เป็นความหลุด ก็ถูกพลิกเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ทั้งหมดด้วยสกิลของศิลปินเองที่ตอนนี้อยู่ในระดับที่สามารถเอาคนดูอยู่เรียบร้อยแล้ว เทียบกับโชว์ปีก่อนๆ แล้วถือว่าพัฒนาการมาเป็นร่างทองเรียบร้อย ดีมากเลย!

แมวสามย่าน

ที่โล่งใจอีกอย่างก็คือ เพื่อนที่ถูกลากมาฟังด้วยคราวนี้ทีแรกก็หวั่นๆ ว่าจะชอบไหม เพราะคราวที่แล้วดันไม่ประทับใจเท่าไหร่ ตอนจะกดบัตรเลยเอาตัวเองไปการันตีว่าคนนี้ของจริง ดูเถอะ มาดูเป็นเพื่อนหน่อย ตูเหงา

แล้วเพื่อนก็ดูจบแล้วชอบ ชอบจนไปขอถ่ายรูปกับเบียร์ก่อนกลับด้วย นี่เซอร์ไพรส์เพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนที่ขอถ่ายคู่ศิลปิน 555555 ทั้งที่ก่อนนี้หยิบลูกอมเปรี้ยวๆ มากันง่วงด้วย แถมนั่งหลังสุดอีก คือกลัวว่าถ้าดูไปหาวไปแล้วจะเกรงใจคนบนเวที 55555 สรุปว่าดูจบแล้วโอเคมาก เราเลยแฮปปี้ด้วย ไว้งานหน้าเดี๋ยวลากมาดูอีก

สุดท้ายนี้ วันนี้เหลืออีกรอบนึง (1 ทุ่ม) ใครบังเอิญมาอ่านก็จิ้มซื้อตั๋วได้นะ ขอเชียร์แบบกังวลๆ 5555555

คอมเมนต์

อ่านบล็อกแล้วสนุกจัง กลับมาเขียนอีกดีกว่า

ไม่ได้เขียนบล็อกมานานเพราะเวลาจะบ่นอะไรก็เอาไปลงทวิตเตอร์หมด

ถึงจะมีตงิดๆ อยู่บ้างว่าอยู่ในนั้นมันมีความเป็น Social platform ที่พูดไม่ได้อย่างที่ใจคิดนักเหมือนสมัยเขียนบล็อกทุกวัน

หรือมองอีกแง่ มันอาจเป็นพลวัตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ได้ ทวิตเตอร์เองก็มีความเบียวจัดๆ ในสมัยก่อน (ซึ่งคนร่วมสมัยกับเราต่างก็พูดตรงกันว่าชอบบรรยากาศที่ป่าเถื่อนในยุคก่อนมาก)

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรายังอ่านข่าว อ่านบล็อกของคนนั้นคนนี้ผ่าน rss feed อยู่เสมอ ซึ่งนี่ก็เช่นกัน เป็นวิธีโบราณ อาจเปรียบได้กับลุงแก่ๆ ที่บอกว่าตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็ได้แหละมั้ง

แต่ทำไมต้องสนด้วยล่ะ ถ้ารสนิยมเราเป็นแบบนี้

บล็อกที่ถ้าเป็นอัปเดตก็ต้องกดไปอ่านทันทีเลยก็คือของถลอก (ขอไม่ทำลิงก์ เจ้าตัวคงอยากเป็นส่วนตัว) ก่อนนี้ไม่ค่อยเขียน แต่พอเขียนทุกวันในระยะหลัง ถลอกจะรีวิวหนัง รีวิวอะไรๆ รวมถึงยืนเดี่ยวที่เพิ่งไปดูด้วยกันมาเมื่อวาน แบบที่อ่านแล้วมีความเป็นส่วนตัวดีมากๆ เลย คือไม่ต้องง้อใคร เพราะน่าจะมีเราเป็นแฟนคลับอยู่คนเดียวปะวะ (ซึ่งดี อย่าแมสเลย)

จนรู้สึกว่า นี่แหละ ความรู้สึกของการเขียนบล็อกแบบที่เราชอบ มันกลับมาแล้ว

ดังนั้นต่อจากนี้ไปจะเขียนบ่อยๆ

คอมเมนต์

ขอบันทึกเรื่องการลง สว. #สมัครเพื่อโหวต ไว้อ่านทีหลัง

นี่เป็นสิ่งที่จะรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ลงมาลุย และในทางกลับกัน มองอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด การได้พบมิตรภาพใหม่ๆ (แบบจริงๆ ไม่ใช่แบบนางงาม) ตอนอายุปูนนี้ เฮ้ยมันเป็นประสบการณ์ที่วิเศษนะ

ได้รู้จักคนที่ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ ได้เข้าไปสัมผัส แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเกมพิสดาร ที่เชื่อเถอะว่าคนออกแบบก็ไม่ได้คิดว่ามันจะยุ่งขนาดนี้ ได้รู้จักมิติลึกลับมากมายที่มีอยู่จริง แต่เราไม่เคยเห็น
ก็ได้เห็นแล้ว และคุ้มค่ามาก

นี่ยังไม่ได้พูดถึงการพบพลังของผู้คน ทั้งร่วมอุดมการณ์ ต่างอุดมการณ์ ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีเหี้ยอะไรก็มี หรือมีเหี้ยเยอะมากก็มี หวังดีต่อชาติ หวังดีต่ออนาคต หวังดีต่ออดีต หวังดีต่อตัวเองและพวกพ้องก็มี ซึ่งความหวังดีเหล่านั้นของแต่ละคน จะถูกเปลี่ยนแปรเป็นการกระทำแบบไหน

จะมากันแบบแฟร์ๆ จะกลายร่างเป็นงูพิษ จะแทงตรง แทงหลัง มีหมด มีครบ

เหมือนย่อประสบการณ์ชีวิตห้าปีสิบปี มารวมกันในสองสัปดาห์ โดยเฉพาะวันออกศึกจริง

การเลือกรอบอำเภอที่ว่ามีเรื่องเล่านับร้อย พอเจอรอบจังหวัดเข้าไป คราวนี้นับพัน จนรอบอำเภอกลายเป็นสนามเด็กเล่นบุนวมปลอดภัยสำหรับคุณหนูไปเลย

และทุกอย่างที่ว่ามา คือพิธีกรรมการคัดเลือกกลุ่มคนเข้าไปนั่งในเก้าอี้วุฒิสภา ที่สามารถกำหนดชะตาของประเทศได้ ให้คุณให้โทษ ให้ความหวัง ความฝัน ผลประโยชน์อีกมากมาย โดยที่ลูกหลานเราจะโตไปอยู่ท่ามกลางสิ่งที่คนเหล่านี้เป็นผู้กำหนด

และเชื่อเถอะ ในสมรภูมิสุดโหดที่เราเพิ่งพลีชีพจากมา เรายังเห็นประกายความหวังอยู่ไม่น้อย

ขอบคุณเมียที่อนุมัติงบ 2,500 บาท
ยอมสละเวลาอยู่กับลูกๆ แทนให้ตลอดที่ผ่านมา
ยอมรับได้กับการสูญเสีย productivity ดองงานสารพัด

ตอนนี้ลีฟกรุ๊ปไลน์ที่มีแต่ใบหน้าผู้สูงวัยเป็นร้อยๆ พันๆ ฟลัดท่วมจออกมาหมดแล้ว

ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เราจะกลับมา
กลับมาดูแลลูกเหรอ
เปล่า กลับมาอ่านการ์ตูน! เสี้ยนมาก
วันพีซ เชนซอว์แมน อาคาเนะ วางกองจนฝุ่นเกาะแล้ว

คอมเมนต์

น้ำปั่นแก้วไหนเป็นสีที่ถูกต้อง

สองรูปนี้คือน้ำปั่นแก้วเดียวกัน ถ่ายด้วยมือถือเครื่องเดียวกัน ในห้องเดียวกัน ไฟเพดานดวงเดียวกัน มือก็มือฉันเหมือนกันแต่ภาพนึงม่วงปั้ดเป็นมันม่วง มือก็กลายเป็นมือธานอส ส่วนอีกภาพเหลืองอมเขียวเหมือนฉันเป็นโรค

คือจะให้ดูว่าการถ่ายรูปโหมดออโต้ในมือถือ มันสามารถสีเพี้ยนได้ขนาดนี้เลยนะ แถมภาพทั้งคู่สีไม่ตรงกับสีจริง ของจริงถ้าชั่งน้ำหนักก็เอียงไปทางชมพูมากกว่าม่วงประมาณ 80% (คืออมม่วงแค่นิดเดียว อมแบบยังไม่ถึงโคนลิ้น อะไรนะ)

เพราะภาพที่น้ำปั่นเป็นสีม่วงนั้น กล้องมันวัดค่าสีจากพื้นหลังสีเหลืองเยอะๆ โปรแกรมมันเลยพยายามปรับสมดุลคืนให้ด้วยหวังดี (เกินไปหน่อย) ส่วนภาพที่เป็นน้ำปั่นชมพูซีดๆ ก็ตามสภาพ ใครเป็นตากล้องเห็นแล้วก็จะรู้เลยว่าอ๋อ บ้านแกเป็นหลอดไฟยาวๆ สีขาว(ที่ให้แสงอมเขียว)สินะ อะไรที่เป็นสีชมพูในภาพจึงซีดเซียวดังนั้น

หลายครั้งลูกค้าเราไม่เข้าใจว่าทำไมซื้อของไป ยืนถ่ายเซลฟี่หน้าตู้เสื้อผ้าที่บ้าน แล้วเปิดรูปคู่กันกับภาพ product shot ที่เทียบแล้วเทียบอีกว่าสีตรงแล้วนะ มันถึงดูต่างกันไม่มากก็น้อย (ที่โวยวายไม่ยอมฟังเลกเชอร์เรื่องนี้ก็ไม่น้อย) หรืออย่างในวงการเครื่องสำอางก็ยิ่งแล้วใหญ่ ก็ดูจากน้ำปั่นนี่สิ ปากชมพูยังกลายเป็นปากม่วงได้อ้ะ ไม่รู้ว่าเป็นฟรีซเซอร์ร่างไหน

ขนาดว่ากล้องมือถือที่ใช้นี่ก็ถือว่าดีมากๆ แล้วนะ (S23 Ultra) ถ้าเป็นรุ่นที่ย่อมเยาลงมา อาจยิ่งอาการหนัก

จึงวอนทุกท่านโปรดเห็นใจในความคลาดเคลื่อนนี้ ป.ล.โฆษณาน้ำผักปั่น #smoothiebow เมียฉันทำให้กินอย่างบ้าคลั่งทุกวัน ไม่มีขาย แต่ขยันโพสต์อวดที่ instagram.com/smoothiebow

คอมเมนต์

42

  • เคยรู้สึกว่าอายุเท่านี้แม่งแก่มาก ใครมาบอกว่าสี่สิบสอง คือคนแก่
  • ตามบทมันต้องบอกว่า “ที่จริงพอเดินทางมาถึง ก็ไม่แก่นี่นา” แต่เปล่าเลย แก่จริงๆ
  • เพื่อนฝูงหลายคนผมหงอกหัวล้าน หน้าเหี่ยวย่น ริ้วรอยบนใบหน้าบอกถึงช่วงชีวิตที่ก้าวเข้าสู่ครึ่งหลังกันแล้ว ตอนนี้เริ่มเลิกล้อกันเรื่องสังขารแล้ว น่าจะเพราะเป็นเรื่องธรรมดา
  • ปีที่ผ่านมา อยู่ดีๆ วันนึงก็อ่านฉลากยาไม่เห็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราเป็นคนที่เย่อหยิ่งจองหอง ยโสโอหังมากว่าตัวเองสายตาดีกว่าใครๆ ตอนนี้คำอวดตัวนั้นต้องหุบเก็บไว้ตลอดกาล เพราะสายตาเราโฟกัสช้า แบบเดียวกับคนอื่นๆ แล้ว ที่ปวดร้าวมากก็คือตอนอ่านการ์ตูน Kingdom สักฉบับ เราอ่านฟอนต์เล็กจิ๋วในนั้นไม่ออก ปวดร้าวมาก
  • ชินกับย่านหลักสี่แล้ว แต่จำไม่ค่อยได้ว่าอายุเท่าไหร่ ทีแรกคิดว่า 42 มานานแล้วซะอีก แต่ไม่ เพิ่งวันนี้วันแรก
  • ซึ่งเอาจริงๆ ไม่ต้องจำก็ได้มั้ง

ไหนๆ พูดถึงสังขารแล้วก็ขอบันทึกเพิ่มไว้หน่อย เพราะจากนี้ไปมันคงไม่ได้ดีไปกว่านี้อีกต่อไปแล้ว

  • นอกจากสายตาที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ความดันก็เริ่มแสดงตัวให้รู้ว่าเข้าสู่วัยที่ต้องประคบประหงม คือค่าตัวเลขมันสูงกว่าคนปกติประมาณ 10-20 ทั้งตัวบนและตัวล่าง ไปหาหมอศิริราชอยู่เนืองๆ ค่าไขมันอะไรต่างๆ เวลาเจาะเลือดไปตรวจก็มี LDL ที่สูงจนหมอบอกว่าควรลดหน่อยนะ สู้ๆ นะ (เป็นคำสั่งแบบหน้ายิ้มๆ)
  • วันก่อนไปนั่งคาเฟ่นึงแถวปทุม ไม่ใช่ร้านตัวเองนะ แต่เป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ ปรากฏว่าเก้าอี้เขาเตี้ย พอเตี้ย และนั่งนาน ก็เลยปวดหลัง นี่อาทิตย์กว่าแล้วยังปวดอยู่ ปกติมันต้องหายไวกว่านี้
  • แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะการใช้ชีวิตแบบไร้การออกกำลังกายของเราเอง ทำงานนั่งโต๊ะ นอนดึก ตื่นสาย เป็นแบบนี้มาตลอด อยากแก้ แต่ยังผัดวันประกันพรุ่งอยู่ เพราะเงยหน้าดูตัวเลขแล้วยังมีที่ว่างให้เหลวไหลอยู่
  • สูง 175 หนัก 79-80 ถ้าวันไหนอารมณ์ดีๆ ก็ชั่งได้ 78 แต่เวลาใครถามจะบอกว่า 78 เพราะมันดูน้อยสุด
  • สุขภาวะทางเพศยังปกติดี นั่นแน่ แต่บันทึกไว้ วันนึงมันไม่ปกติจะได้มานั่งรำลึกความหลัง

การงานการเงินครอบครัวล่ะ

  • เอาการงานก่อน ทุกวันนี้ก็ทำอาชีพที่อธิบายยาก แต่พูดสั้นๆ คือทำธุรกิจกับที่บ้าน ที่บ้านที่ไม่ได้แปลว่าเกาะพ่อแม่กินแบบคนมีตังค์เขานะ อยากเหมือนกัน แต่ไม่มีให้เกาะไง ต้องมาช่วยกันกับเมีย
  • เมียบ่นวนอยู่สองเรื่อง คือเรื่องอ้วน และเรื่องไม่มีตังค์ พักหลังๆ มาเน้นเรื่องไม่มีตังค์มากกว่า
  • ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ปีที่ผ่านมา ลากยาวมาจนถึงวินาทีนี้ ยังไม่มีช่วงไหนที่ง่ายเลยกับอาชีพการงานของเราสองคน ตั้งแต่โควิดเป็นต้นมาที่พลิกทุกอย่างจากดาวสู่ดิน แต่ก็ยังสู้เท่าที่สู้ไหว ประคับประคองและพยายามหาช่องทางอื่นๆ ที่เดินทางไปกันได้
  • เมียยุให้กลับไปทำงานบริษัท อย่างน้อยก็มีสิ่งที่เรียกว่าความมั่นคงอยู่บ้าง แต่ดูแล้วไม่น่าไหวมั้ง
  • ลูกๆ โตขึ้น แฮปปี้ดี ปีหน้าย้ายโรงเรียนทั้งคนโตที่ขึ้น ม.1 และคนเล็กที่ย้ายมาเรียนใกล้บ้าน ค่าเทอมแพงกว่าเดิม แต่ได้เวลาเพิ่มขึ้นมาก
  • ตอนเด็กๆ บ้านเรายากแค้นมาก แถมลูกก็มีตั้งสี่คน แต่ถึงจะลำบากยังไง นโยบายของพ่อแม่คือ ถ้าลูกอยากเรียน จะต้องกู้หนี้ยืมสินเท่าไหร่ก็ยอม เพื่อส่งให้เรียนสูงที่สุด ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่เฉียบขาดมาก ถึงแม้พ่อกับแม่จะเพิ่งมาสบายตอนแก่ก็ตาม
  • เปรียบกับตอนนี้มันอาจจะปรับบริบทให้เป็นปัจจุบันหน่อย เราคิดว่าการมอบโอกาสให้ลูกไว้ก่อนนั้นเท่าไหร่ก็เท่ากัน เพราะเราในฐานะพ่อแม่ก็ถือว่าได้เห็นนั่นนี่มาพอสมควรแล้ว ถึงจะไม่ได้หรูหราหรืออิ่มเท่ากับคนในโซเชียล แต่ก็ยังดีที่มีอะไรไว้เล่าว่าอดีตเคยแรง
  • อ้าวบ่นอะไรเนี่ย กลับมาเรื่องครอบครัว
  • ย้อนไปถึงรุ่นแม่ แม่ตายเมื่อเดือนตุลาฯ เราไปเจอแม่ครั้งสุดท้าย กินก็วยเตี๋ยวด้วยกันสองคน ขับรถพาไปทัวร์รอบๆ ตามที่เคยทำอยู่บ่อยๆ ตอนไปเพชร (ซึ่งครั้งนั้นไปคนเดียวเพราะไปทำธุระที่ดินข้างๆ เขารังวัดเลยต้องไปเซ็น) กอดครั้งสุดท้ายก็รู้สึกว่าแม่แก่จัด เหลือตัวนิดเดียว ผอมกว่าแมวอีก และไม่กี่วันแม่ก็ตาย
  • งานศพเป็นไปอย่างปกติธรรมดา เหมือนอีกหนึ่งงานที่โลกนี้มี คนตายก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนการตายอีกครั้งที่โลกนี้มี ใบเก่าปลิดปลิวลงไป ใบใหม่ก็งอกขึ้นมา นี่ก็เรื่องธรรมดา
  • สำหรับเรา เราทำเรื่องบริจาคร่างกายกับสภากาชาดไทยเรียบร้อย บอกลูกไว้แล้วว่าไม่ต้องจัดงานอะไรเลย ไม่มีศาสนา ไม่มีพิธีกรรม เอาศพไปให้โรงพยาบาลเขา แล้วก็จบกันเท่านั้นแหละ ง่ายดี
  • ลูกก็เข้าใจ เออดี สอนกันแบบไม่ต้องดราม่าอะไร

ปีนี้

  • ความสัมพันธ์กับมนุษย์ทั่วไปก็น้อยลงเรื่อยๆ พูดน้อยลง เพื่อนมีเท่าเดิมแต่พอห่างๆ กันไปก็คงไม่ได้สนิทเหมือนเดิม มั้งนะ พอดีไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับใครเท่าไหร่แล้ว จะมีก็แก๊งพอดแคสต์สามโคกและเทเลแกรมที่ใช้เวลาชีวิตอยู่ด้วยกันผ่านหน้าจอเป็นหลัก เท่านั้นเลยจริงๆ
  • บล็อกที่ไม่ได้เขียนมานาน ก็เพราะไปเล่นทวิตเตอร์อย่างที่เคยบอกไว้สักแห่ง เสียใจเหมือนกัน แต่พอคิดถึงบล็อกทีไรก็อยากมาเขียนยาวๆ เพียงแค่รู้สึกว่าไวยากรณ์มันเยอะจัง อยากให้พ่นง่ายๆ แล้วกดโพสต์เลยกว่านี้
  • พอดแคสต์ที่จัดก็มีเสาเสาเสา เถกจ๊อก #คุณหมอขา สามรายการเหมือนเดิม ไม่ได้ตังค์หรอก เสียเวลาด้วย แต่ได้ฟังอะไรเพลินๆ ดี ยังเป็นแบบนี้เสมอมา (เสาเสาเสาแม่งแปดปีแล้ว)
  • ปีนี้พลอยชวนมาวาดรูปกัน ได้เลย จะวาดบ่อยๆ แบบไม่พยายาม
  • ปีนี้จะปล่อยฟอนต์ประมาณห้าตัว โม้ไว้ก่อน เพิ่งทำได้ตัวเดียว
  • ปีนี้จะขี่จักรยานเล่นอีกครั้ง เอาสักก่อนเดือนพฤษภา เพราะหมอบอกว่าไขมันเลวคุณเยอะ อยากให้มันหายไปหน่อย แต่ไม่รู้ค่าฝุ่นและค่าแดดจะโหดสัสจนไปไม่ไหวไหม แต่ไม่อยากออกกำลังในบ้านน่ะ ขอแบบชมวิวชิลเล่นหมาเล่นงูข้างทางได้ไหม

อะไรอีกล่ะ

  • ยังอยากมีเวลาเยอะๆ เหมือนเดิม เอาไว้อ่านการ์ตูน เดี๋ยวนี้อ่านก่อนนอนทุกคืน ทำเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ ก็โอเคนะ บางทีเอาไปฝันเพี้ยนๆ ก็สนุกดี เหมือนได้โบนัสแทร็ก
  • ยังเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ยังไม่พอใจเท่าไหร่ ไม่รู้สิ ไม่ได้ฟูมฟายกับสิ่งที่ขาดหาย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับภาคภูมิใจในปัจจุบัน ที่เขาว่าพอเราโตขึ้น ชีวิตจะแหว่งเว้าไปเรื่อยๆ ตามการเซาะกร่อนของกาลเวลา
  • ของเรานี่ก็คงเว้าใช้ได้ แต่ไปนูนตรงพุง
  • ไม่ได้วางแผนอะไรกับอนาคตของปีนี้ไว้เลย รู้แค่ตอนนี้ก็ลอยๆ เปิดโหมดออโต้ไว้พอสมควร คือสิ่งที่วางรากฐานไว้นานแล้วก็ทำงานของมันไป เราก็อยู่กับมันได้
  • จะมีเรื่องเศรษฐกิจทางบ้านกับสุขภาพที่ยกมาเป็นประเด็นที่ให้ความสำคัญของปีนี้ที่ถ้ามันดีขี้นได้อีกนิด คนรอบๆ ตัวก็จะยิ้มกว้างกว่านี้

เมื่อวานทำฟันเสร็จออกไปเดินเจอร้านเค้กวันเกิด (ถูกๆ ก้อนละ 150 บาทเอง) นึกได้ว่าไม่ได้กินมานาน ทีแรกจะซื้อเลย แต่ก็นึกได้ว่าเอ๊ะพรุ่งนี้ก็วันเกิดเราแล้วนี่ ทำอีเวนต์ตอแหลดูดีกว่า เลยชวนลูกไปซื้อเมื่อกี้ก่อนกลับถึงบ้าน

เราไม่ใช่คนที่อะไรเลยกับวันเกิด ไม่เลย เกลียดการเซอร์ไพรส์ด้วย มันอี๋ๆ น่ะ ยิ่งยุคโซเชียลด้วยแล้วก็ยิ่งเอาข้อมูลวันเกิดทุกอย่างออกหมด แต่วันนี้นี่พิมพ์ก่อนกินข้าวเย็น กินเสร็จก็จะเอาเค้กในตู้เย็นมากิน ไม่รู้ก้อนแรกในรอบกี่สิบปี

อายุเท่านี้แล้วคือเริ่มเข้าสู่โหมดอะไรก็ได้แล้วน่ะ

คอมเมนต์