สำนักข่าวจักรยานแม่บ้านรายงานน้ำท่วมลาดปลาเค้า – ม.อารียา /1

//บล็อกตอนนี้อัปเดตเรื่อยๆ ทุกวันในช่วงน้ำท่วมครับ ไล่ดูตามวันที่ได้เลย
ส่วนชาวอารียา สามารถเข้าไปใน Facebook ได้ครับ มีกรุ๊ปรวมชื่อ Areeya Sky และกรุ๊ปย่อย Areeya Mova ครับ

30 ตุลาคม 2554

วัดลาดปลาเค้าในเงาน้ำ

เมื่อกี้แขวนกล้องห้อยพุงขี่จักรยาน(แม่บ้าน)คันใหม่ ที่เพิ่งซื้อมาจากบิ๊กซีเมื่อวานครับ
พอดีเห็นคลิปโฆษณากล้อง GoPro ตัวใหม่ (อยากให้ดูมาก เจ๋งสุดๆ) เลยอยากทำแบบนั้นบ้าง
แต่ GF1 มันก็หนักกว่ากันเยอะ เอามาติดบนหัวแบบโกโปรคงคอเคล็ดตายห่า

ก็อย่างที่เห็นครับว่าน้ำเริ่มล้นคลองมาสู่ถนนละ

ส่วนในหมู่บ้านผมยังไม่ท่วม เพราะระดับพื้นดินที่หมู่บ้านสูงกว่าข้างนอกอยู่หน่อยนึง
แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ที่คอยเช็กระดับน้ำและสูบน้ำออกไปอยู่เรื่อยๆ (แต่รอบๆ ท่วมแล้ว)
ถ้าเกิดน้ำท่วมในหมู่บ้านจริงๆ ผมว่าไม่เกิน 30 ซ.ม.ครับ
ตอนนี้ที่บ้านเลยกลายเป็นศูนย์อพยพชั่วคราวไปละ น้องเมียเพียบ (ผู้ชายน่า! โวะ!)


อันนี้พี่เจ้าหน้าที่สองท่านกำลังช่วยกันอุดรูระบายน้ำ ฟิตมาก น้ำไม่ใช่หอมๆ นะนั่น!

.

31 ตุลาคม 2554

น้ำมาแล้วครับ!
ผมขี่จักรยานไปรายงานไปเหมือนเดิม
แต่คราวนี้ขี้เกียจอัปโหลดเป็น HD แล้วครับ ไฟล์มันใหญ่เกิน :05:


อันนี้เป็นระดับน้ำในหมู่บ้าน เหลืออีกหน่อยถึงจะเท่ากับพื้นถนนครับ
ครึ่งหลังของคลิปเป็นการเตรียมตัวของหน่วยงานและหมู่บ้าน ที่กำลังจัดการกับเครื่องจักรสังหารขนาดยักษ์


พาเข้าไปดูในวัดลาดปลาเค้า และโค้งถนนหน้าวัดครับ (เริ่มท่วมละ)

.

DRAMA-AREEYA


ช่วงกลางคืน มีชาวบ้านในชุมชนรอบๆ มารวมตัวกันเพื่อประท้วงการกั้นน้ำในคลองครับ
ผมไปอยู่ในที่เกิดเหตุและรายงานสถานการณ์จนเกือบเที่ยงคืนค่อยกลับมา อ่านทวีตจากที่นี่ครับ
สรุปเหตุการณ์หลังจากคืนนั้นก็คือเขคลาดพร้าวได้ถอนเครื่องสูบน้ำและพนังกั้นน้ำออกไปครับ (ข่าว)

.

1 พฤศจิกายน 2554

วันนี้ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวานอีกประมาณ 10 ซ.ม.ครับ


ตอนเย็นหมู่บ้านได้เรียกลูกบ้านประชุมเพื่อเตรียมการรับมือกับน้ำท่วมครั้งนี้
ผมเพิ่งเคยเห็นชาวบ้านหมู่บ้านตัวเองมารวมตัวตบยุงกันเยอะขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ถ้าไม่ได้น้ำท่วมนี่ก็คงไม่ได้เห็นอะไรเจ๋งๆ หลายอย่างเลยนะ

.

2 พฤศจิกายน 2554

ช่วงเที่ยงผมโดนเมียใช้ไปซื้อนมเปรี้ยวที่เซเว่นครับ เลยแวะดูระดับน้ำหน้าหมู่บ้านหน่อย
วันนี้หนักครับ บวกจากเมื่อวานไปเยอะและเร็วมากเหมือนกัน


(คลิปนี้ยาวหน่อยเลยไม่ได้อัปโหลดเป็น HD เพราะไฟล์ใหญ่เกิ๊น เน็ตที่บ้านกากง่ะ)

.

3 พฤศจิกายน 2554

เมื่อคืนลูกบ้านโครงการโมวาก็ชุลมันกันน่าดูครับ เพราะระดมพบกัน “อุดน้ำ” ที่รั่วเข้ามาทางกำแพง
ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นับถือน้ำใจของพี่ๆ ในหมู่บ้านที่ระดมทั้งแรงทั้งเงิน
เรี่ยไรบ้านละ 200 บาท เพื่อรวมกันซื้อเครื่องสูบน้ำและติดตั้งเพื่อสูบน้ำออกจากหมู่บ้าน
ช่วยกันจนดึกมากๆ ผมกลับถึงบ้านก็หมดแรงหลับคาคอม งานออฟฟิศไม่เสร็จ :05:
ด้านล่างเป็นความคืบหน้าของความช่วยเหลือจากชาวบ้านอารียา โมวาครับ


ยังไม่ได้ออกไปนอกโครงการเลย วันนี้มีรายงานว่ารถเล็กเข้าไม่ได้แล้วครับ

.

4 พฤศจิกายน 2554

วันนี้พบว่าบรรยากาศตอนน้ำท่วมนี่ก็ดีชะมัดเลยนะ

น้ำท่วมบ้านฉัน


เช้านี้สั้นๆ แต่เห็นพัฒนาการของน้ำในซอยหมู่บ้านอย่างชัดเจนครับ
ส่วนภาคบ่าย ขี่ชมรอบหมู่บ้านเลยครับ


ขออภัยที่อัปโหลดเป็นคลิปเล็ก เพราะว่าถ่ายนาน กลัวอัปโหลดไม่ไหว ไฟล์ใหญ่เกิน


และนี่ตอนเย็น ขี่ดูที่ซอยสุดท้ายของโครงการ พบว่าเป็นคลองที่สวยดีเหมือนกันนะ
หลังจากการปล้ำสู้กับน้ำของชาวโมวาสามวันสามคืน สามทุ่มคืนนี้ น้ำที่เห็นข้างบนก็แห้ง เย้!

.

5 พฤศจิกายน 2554

ตื่นมาน้ำท่วมเหมือนเดิมครับ เครื่องสูบน้ำหยุดทำงานเพราะมีปัญหาที่สายพาน


ผมพาไปดูที่หน้าโครงการโมวา และกระดึ๊บไปดูเพื่อนบ้านคัลเลอร์เริ่มประชุมครับ
ตอนนี้ลูกบ้านเริ่มใช้แผนรวมพลังกันแบบนี้ละ (คอยดู หลังน้ำลดน่าจะมีอะไรสนุกอีกแน่!)


สถานการณ์น้ำในโครงการโมวาช่วงบ่ายครับ


ส่วนตอนเย็น น้ำแห้งแล้ว!!!!

.

เฮือก เห็นว่ายาวแล้ว ขอตัดตอนไปเขียนต่อในตอนที่ 2 นะครับ ตามไปอ่านได้เลย

คอมเมนต์

เพลง เอาอยู่ (มอบแด่รัฐบาลและ ศปภ.ครับ)

Screen Shot 2554-10-30 at 4.39.56 AM
(ขอบันทึกไว้หน่อยเดี๋ยวเวลาผ่านไปแล้วลืม)

ผมเขียนบล็อกนี้ในคืนที่ทราบข่าวว่า ของบริจาคช่วยเหลือผู้ประที่มาจากทั่วสารทิศที่ ศปภ.ดอนเมืองเนี่ย
บางอย่างที่กระจายหรือขนย้ายไม่ทัน ก็เสียหายไปจำนวนมาก (ดูคลิป – ข่าวสามมิติ 29 ต.ค.54)
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีกองของบริจาคสต็อกไว้ (ดูคลิป เพจดราม่า 27 ต.ค. – ที่มา) และใครๆ ก็แทบจะกราบให้ ศปภ.ย้ายฐาน
เพราะที่ศูนย์ดอนเมืองนั้นโดนน้ำท่วมแบบเดียวกับภาพล้อเลียนที่ใครทำแซวไว้ (ใครจะรู้ว่าวันนึงมันจะจริงเนี่ย)
นั่นแปลว่าศูนย์กลางบริหารจัดการทุกอย่างในเรื่องน้ำท่วมของชาติเรา “รู้” ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม
แต่รู้แล้ว “ตัดสินใจ”  ผิด ไม่ใช่ผิดครั้งแรก หรือครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ ..แต่มากกว่านั้น! ในรอบไม่กี่วันเนี่ยนะ :58:

ผมเลยขอแต่งเพลง “เอาอยู่” มอบให้รัฐบาลและ ศปภ.ครับ
ขออภัยที่ร้องและอัดเสียงเท่าที่เสียง (กินน้ำประปาต้มสุกครับ) และสติปัญญาจะพึงมี
ใช้แมคมากี่ปีก็ยังไม่ชินกะโปรแกรมมันซะที ฮ่วย!

ใครต่อใครก็ครวญประจำ บริจาคช่วยน้ำ แต่ไม่ถึงกู
ถุงยังชีพไม่ค่อยจะมี เพิ่งรู้ตะกี้ ..อยู่ที่เจ๊ปูว์

ก็รู้ อยู่ว่ารัฐบาลคงทำไม่ไหว
ประชาชนเลือกมาอย่างภาคภูมิใจ
ทำได้เพียงแค่เอาสติกเกอร์แปะท้ายเรือไป~

ว่าเรืออยู่ที่เจ๊ปูว์~
แค่ให้ใครใครทั่วไทยได้รู้
ว่าเรือลำนี้อยู่ที่เจ๊ปูว์~
ท่วมไหนก็ท่วมกัน ทุกคืนทุกวันต่างก็เศร้าใจ
ของไม่มาถึง พวกมึงมัวแต่แปะป้ายอยู่ไง
(นี่ไง เอาอยู่)

เรื่องไม่ดีไม่งามมากมาย ดอนเมืองวุ่นวายกลายเป็นสีดำ
ถ้าหากบริหารจัดการกันดี ห้องส้วมที่มี คงไม่จมน้ำ

ก็รู้ แต่กล่อมรัฐบาลเจ๊ปูว์ไม่ไหว
ขนาดนักวิชาการเตือนเท่าไร
หรือว่าคงต้องเอาสติ๊กเกอร์แปะหลังส้วมไว้

ว่ามันอยู่ที่เจ๊ปูว์~
แค่ให้คนไทยทุกคนได้รู้
ว่าส้วมที่มีอยู่ที่เจ๊ปูว์~
ขนย้ายหนีไม่ทัน เขาเตือนทุกวันแต่ชะล่าใจ
น้ำท่วมแค่คอ อ้าว ศปภ อยู่ได้ไง

(ผมร้องท่อน RAP ไม่ได้ครับ)

แม้คนบ่นเท่าไร
แต่ว่า คุณต้องไหว
นา-ยก-ไทย-ยิ่ง-ลักษณ์…

ให้มันอยู่ที่เจ๊ปูว์~
แค่ให้คนไทยอย่างเราได้รู้
ว่ารัฐบาลเป็นของเจ๊ปูว์~
ลูกน้องต้องช่วยกัน ทุกคืนทุกวัน แต่ต้องจริงใจ
ผ่านวิกฤตสดใส ให้ใครต่อใครไม่ยี้เจ๊ปูว์
ก็เพราะเราเชื่อว่าเจ๊เอาอยู่
เป็นคนสั่งการเชียวนะเจ๊ปูว์~
ตอนนี้ต้องช่วยกัน ทุกคนทุกวัน แต่ต้องจริงใจ
ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้มีที่อยู่ต่อไป~

ป.ล.
ถ้าเกิดมีอยากใครเถียงกันในคอมเมนต์ เชิญครับ เถียงได้ครับ แต่เถียงกันด้วยเหตุด้วยผลและด้วยสติ
ไม่ใช่เอะอะก็ด่าพ่อล่อแม่หรือล่าแม่มดกัน ไร้สาระและไม่ช่วยเราให้พัฒนาไปทางไหนเลย โอเคนะครับ
(ผมมีจุดยืนแบบนี้มาตลอดครับ ดังนั้นคำว่าเถียงกันและคำว่าปรองดองส์ จึงไม่ได้เป็นคำตรงข้ามกันนะ)

คอมเมนต์

กระสอบทรายไทยแลนด์ (ทดลองกับบ้านตัวเอง)

(ช่วงโฆษณา)

ก่อนอื่นขอโปรโมตเพจเฟซบุ๊กที่เดือนสร้างไว้วันก่อน ตามไอเดียอุตริที่ผมอยากเห็น
ว่าแหม ช่วงน้ำท่วมนี่ความคิดสร้างสรรค์ของพี่น้องชาวเรา มันเยอะแยะกันจริงๆ นะครับ
ถ้ามีใครรวมเป็นเล่ม ดีไซน์สวยๆ รับรองขายได้แน่นอน (อันนี้คิดไว้ว่าเดี๋ยวก็น่าจะมี)
อีกอย่างคืออยากเห็นเฟซบุ๊กสักเพจ ที่แต่ละบ้าน เอาไอเดียกันน้ำเข้าบ้านมาแบ่งๆ แชร์ๆ กัน
เพื่อเอาความสร้างสรรค์เป็นบ่อเกิดแห่งสติ และลดความโกลาหลที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของผมหลายคนแล้วตอนนี้

และในที่สุด เพจ กระสอบทรายไทยแลนด์ ก็บังเกิดขึ้นมาบนเฟซบุ๊ก เชิญไปกดลูบกดไล้กันได้ตามสะดวก

(ตัดเข้ารายการ)

วิธีกันน้ำเข้าบ้าน

จากการประเมินของนักวิชาการบ้างไม่วิชาการบ้างหลายท่าน พบว่าเขตบ้านผมน้ำจะสูงสัก 10-20 ซ.ม. ครับ
อันนี้เขาประเมินกันมาตั้งนานละ ผมเผื่อเออเรอร์ไว้สักหน่อยก็กันไว้ที่ +50 ซ.ม.จากพื้นถนนหน้าบ้าน
ในบ้านชั้นล่างผมก็เก็บข้าวเก็บของยกขึ้นที่สูงหมดเกินเมตรแล้ว แต่ไหนๆ ก็ขอกันน้ำเข้าบ้านไว้อีกชั้น
ด้วยการทำคันกั้นหน้าบ้านแบบลวกๆ และชิวๆ จากเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ตามนี้ครับ

พอดีว่าบ้านผมเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ในหมู่บ้านจัดสรร (ที่จริงมันก็คือตึกแถวนั่นแหละ) หน้าตาเป็นแบบนี้

มีความสูงจากผิวถนนประมาณ 20 ซ.ม. นั่นแปลว่าถ้ากั้นน้ำตาม Worst Case ที่ รศ.เสรีว่าไว้ ก็กันไว้ที่ 30 ซ.ม.
(อันนี้เป็นแผน A นะครับ ผมเผื่อแผน B ไว้แล้วที่ 1 เมตร ซึ่งเดี๋ยวจะว่ากันต่อไป)

ตอนต่อเติมขยักประตูบานเลื่อนด้านซ้าย ปรากฏว่าไม้พื้นเหลือ ช่างก็เลยแถมให้ด้วยการเอามาต่อเป็นม้านั่งครับ
แล้วมันก็เป็นม้านั่งที่หนักมากเพราะขามันเป็นเหล็กกล่อง ยกคนเดียวไม่ไหวแน่นอน เลยเอามาเอียงขวางไว้
ส่วนรูที่เหลือก็อุดด้วยกระถางต้นไม้ที่ทำจากปูนเป็นก้อนๆ นี่ก็หนักแบบยกเกือบไม่ไหวเหมือนกัน เรียบดีด้วย
ทั้งหมดนี่เสริมด้วยกระสอบทรายที่ซื้อมาอีกนิดหน่อย เอาไว้ดันเป็นทัพหลัง กันทัพหน้าโดนศัตรูไล่เลื่อนเท่านั้น
เสร็จแล้วก็ยาแนวรอยต่อทุกรอยด้วยซิลิโคนหนึ่งชั้น

เสร็จแล้วก็เอาเสื่อน้ำมัน (ไปซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่จริงจะหาซื้อพลาสติกใสอย่างหนาแต่ไม่มีขายแล้ว) มาโปะ
โปะเสร็จแล้วก็ใช้เทปกาวผ้าเหนียวๆ (เขาเรียกแลกซีนใช่ไหม ความรู้ใหม่) มาแปะขอบ แล้วยาแนว(อีกแล้ว)
สุดท้ายก็เอากระสอบทรายว่างงานมาวางนอนยิ้มไว้ข้างหน้า เป็นอันจบพิธี

จริงๆ ถ้าบ้านไหนมีทีท่าว่าน้ำคงท่วม “ไม่มาก” แบบบ้านผมเนี่ย
ก็ให้นึกว่าเราอยู่กับบ่อปลาครับ เพียงแต่ว่าเป็นบ่อปลาแบบกลับด้าน คือในบ้านเราดันเป็นที่แห้ง
และโลกภายนอกน่ะดันมีปลาอยู่ (เผลอๆ บางบ้านก็มีตะเข้) ดังนั้นจึงใช้วิธีคิดเดียวกับการทำบ่อปลา

ส่วนแผน B ที่ค้างไว้ตะกี้คือถ้าระดับน้ำสูงเกินระยะที่เขาคาดไว้
ผมจะปิดตายประตูบ้านและประตูแมวด้วยวิธีเดียวกัน คือเสื่อน้ำมัน+เทปกาวผ้า+ซีลขอบทุกขอบ
ทั้งนี้อยากเห็นผลแบบเดียวกับบ้านนครสวรรค์ในตำนาน (แต่บ้านอื่นไม่เห็นมีใครเอาอยู่กันเลย)

แล้วในบ้านล่ะ

ปัญหาที่ต้องเจอนอกจากศึกภายนอก ก็คือศึกภายใน ในบ้านน้ำไม่น่าสูงเกิน 30 ซ.ม. ..เอาไงดีหว่า
บ้านผมมีท่อน้ำทิ้งหลังบ้าน 1 จุด ในครัว 1 จุด และในห้องน้ำอีก 1 จุด ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่น่าจะเอาอยู่
เห็นหลายๆ ท่านแนะนำกันว่าให้ใช้ก้อนผ้าอะไรเข้าไปอุด แล้วเอากระสอบทรายทับ ก็ทำไปแล้วที่หลังบ้าน
ทีนี้มานึกได้ว่าเราน่าจะเลี้ยงระดับน้ำไว้ให้เท่าๆ กับนอกบ้านนะ ไม่ตองไปอุดมันให้อึดอัด ลองดูดีกว่า!

หลักการคือแบบนี้ครับ

ถ้าคิดจะเอาอะไรไปอุด จะต้องทานแรงดันน้ำได้เท่ากับความพยายามของมันที่จะรักษาระดับให้เท่ากับข้างนอกอยู่ดี
ถ้าอุดไม่ดี มีรูรั่วนิดนึง ทีนี้มันก็จะเครียดและพุ่งปรี๊ดจนเอาไม่อยู่ .. แล้วทำไมไม่ญาติดีกับมันเลยล่ะ?

ตะกี้ก็เลยทำแบบนี้ครับ

ก็จะได้แบบนี้

ที่จริงท่อแป๊บนี่ผิดโจทย์ของใช้ในบ้านไปหน่อยเพราะพอดีผมเคยซื้อไว้นานแล้ว มันเหลือเศษๆ เลยเอามาใช้ได้
แต่ถ้าบ้านใครออกไปหาท่อแป๊บไม่ทัน จะลองเป็นขวดโค้กแบบ 1.25 ลิตรก็ได้นะครับ ไว้ดูระดับน้ำชิวๆ ได้ด้วย
แต่ระวังซีลไม่ดี หรือใครเดินไปแตะล้มแล้วน้ำท่วมเต็มบ้านขึ้นมาละกันครับ

ย้ำอีกทีว่าทั้งหมดนี้คือการทดลอง จะเอาอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่รู้นะครับ ..ที่แน่ๆ ตอนนี้รอน้ำมาอยู่ กูพร้อมแล้ว!
แต่ถ้าเอาไม่อยู่ กูก็พร้อมอพยพเหมือนกัน ไม่ได้อยากอยู่นักหนรอก เมืองหลวงที่หาน้ำจืดกินยากฉิบหายเนี่ย!
แต่บริษัทกูไม่หยุด! และบ้านแม่กูที่เพชรบุรีก็ห่างไกลความเจริญ ไม่มีเน็ตซะงั้น! โวะ! จะตกใจทำไมเยอะ!

ป.ล.
ขอบคุณเว็บแก้มลิงของ @tanin47 มากๆ ครับที่ให้ทุกคนได้ปักหมุดรายงานข้อมูลกันสดๆ
เชียร์อย่างออกหน้าออกตาว่าสิ่งที่น้องทำนี่แหละคือนวัตกรรม! เจ๋งมาก! เครื่องหมายตกใจอีกแล้ว!

คอมเมนต์

ข้อเสนอ: วิธีใช้ทวิตเตอร์แบบปกติในสถานการณ์ไม่ปกติ

บอกไว้ก่อนว่าข้อเสนอนี้ง่ายฉิบหาย ง่ายจนไม่น่าเชื่อว่ามึงจะเสนอทำไม
แต่เชื่อเถอะว่ามันทำไม่ได้จริง 100% ครับ เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้ทวิตเตอร์ ที่คิดว่า “ก็กูถนัดแบบนี้”

.

ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาเกิดวิกฤตใดๆ ขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ข้อมูลข่าวสาร”
แต่ปัญหาก็คือข่าวลือมันเยอะเหลือเกิน วิกฤตที่ผ่านมาอย่างจลาจลปี 53 ก็เป็นตัวอย่างมาแล้ว
ว่าพอเราเข้าไม่ถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารเมื่อไหร่ การบอกต่อกันมาโดยใส่เครื่องปรุงคนละนิดละหน่อย
กว่าข่าวจะมาถึงผู้รับ ก็โดนดัดแปลงแต่งเติมจนผิดเพี้ยน จึงเป็นชนวนดราม่าอย่างดีต่อไป

โยนเข้าสู่เรื่องทวิตเตอร์

จุดเด่นของทวิตเตอร์ คือมันเป็นช่องทางกระจายข่าวที่เร็วมากๆ
และมีจุดแข็งที่พวก FWD Mail ต่างๆ หรือแม้แต่ BBM, WhatsApp ไม่มี
คือ มันสามารถสืบย้อนไปถึงต้นตอข้อความแรกสุดได้เสมอ

twitter-rt

ดูจากแผนภาพด้านบนนี้ เห็นเลยว่าเพียงแค่มีต้นตอแหล่งข่าวที่ทวีตอะไรขึ้นมา แล้วมีคน RT
ทุกๆ ข่าวก็จะมีการส่งต่อเพียงระดับชั้นเดียวเท่านั้น ไม่มีการ FWD จนสืบหาต้นตอไม่ได้เหมือนเจ้าอื่นๆ
ในกรณีน้ำท่วม ถ้าเจ้าของทวีตแรกเป็น ศปภ เองก็จะน่าเชื่อถือที่สุด (อันนี้ผมประชดครับ)

ทีนี้ปัญหาก็คือ ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยเรียนรู้การใช้งานทวิตเตอร์ที่ถูกต้อง เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น
คุณครับ ในยามปกติคุณจะใช้อะไรก็ใช้ไปเถอะ จะตอบทวีตด้วยการ RT แล้วเติมข้อความให้รกๆ ก็ทำไป
แต่ในสถานการณ์ไม่ปกติ และการข่าวมีความสำคัญนาทีต่อนาที และส่งผลต่อการตัดสินใจของคนขนาดนี้
ผมขอความร่วมมือช่วยกันเผยแพร่ “วิธีใช้ทวิตเตอร์แบบปกติ” ให้ช่วยกันหน่อยเถอะครับ
(หลายคนเห็นหัวข้อบล็อกก็อาจจะสงสัยว่าทำไมต้องมีคำว่า “แบบปกติ” ด้วย เดี๋ยวจะอธิบายให้อ่านนะ)

01 ใช้ #Hashtag แบบปกติ

ใครที่รู้แล้วอ่านข้ามไปเลยครับ ส่วนใครรู้แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ลองแวะอ่านดูหน่อย
คือทวิตเตอร์ (และ Google+) เนี่ย พอเราใส่ข้อความภาษาอังกฤษใดๆ ที่นำด้วย # มันจะคลิกได้
เท่านั้นยังไม่พอ ระบบมันจะกรองไอ้ที่คลิกๆ ไปมาแสดงเฉพาะได้ มีประโยชน์มากในสถานการณ์แบบนี้
ทีนี้ในสถานการณ์แบบนี้เราตกลงกันหลวมๆ ว่า “เรามาใช้ #thaiflood กันเถอะ”
โอเคครับ แท็กนี้มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับเว็บ thaiflood ที่กดไปแต่ละข่าวก็ยิงเข้าเว็บ kapook กันทั้งนั้น
ทั้งที่จริงแยกระบบให้ขาดจากกันมันไม่ยากอะไร.. แต่เอาไงดีล่ะ สถานการณ์แบบนี้ จะยอมไหม?
ผมยอมครับ สิ่งที่ thaiflood ทำนั้นมีประโยชน์มาก ถือเป็นเว็บจิตอาสาที่เห็นผลชัดเจนที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะ
แต่ติดแค่นิดเดียวตรงที่พอโยนเข้า kapook แล้วมันดูไม่สง่างามเท่านั้นเอง อันนี้ก็วิจารณ์กันตรงๆ ชัดเจน
(เพิ่งแสดงความเห็นวิจารณ์กับ @suppakij และ @yokekung ไปเมื่อกี้นี้เอง ใครจะแตกหน่อก็ได้นะครับ)

ทีนี้เรายังเห็นการใช้แท็กที่กระจัดกระจายประมาณว่าเราจะสร้างแท็กใหม่ที่มันอินดี้กว่า
เช่น #rangsitflood หรือ #pathumflood หรือ #floodthailand อะไรแบบนี้ขึ้นมา
อยากบอกว่าถ้าใช้คู่กันกับแท็กหลักผมว่าโอเคนะ แต่ถ้าต้องการฉีกออกไปเพราะอินดี้อันนี้ไม่เห็นด้วย
เพราะผู้สนใจและบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างก็ใช้ #thaiflood กันจนเรียกว่าเป็นทางการไปแล้ว ตามๆ เขาเหอะ
(ธรรมชาติของมนุษย์โลกออนไลน์คือไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วสั่ง หรือตั้งเป็นกฎครับ แต่นั่นมันยามปกติ)

02 ใช้ Reply แบบปกติ

อันนี้สำคัญมาก! โดยเฉพาะพวกดาราทีวีที่นอกจากตัวเองจะใช้ผิดแล้วยังชักพาให้แฟนๆ ใช้ผิดไปด้วย
(ผมไม่ดูทีวีรายการบันเทิง ดังนั้นดาราทีวีก็คือมนุษย์ธรรมดา ไม่ได้เป็นอำมาตย์เหนือใคร ..ยกเว้นน้องเต้ย)
เวลาคุยกัน การกดปุ่ม Reply แปลว่าตอบ ..ครับ ง่ายๆ แค่นี้เอง
ทวิตเตอร์มันใช้ง่ายเพราะเขาออกแบบมาแบบนี้ อย่าไปกระแดะอยากให้ข้อความเดิมแสดงในทวีตเราด้วย
แล้วกลายเป็นการ “RT ตอบ” (ใครกันนะแปล RT ว่า Reply To .. โธ่ อีกรวยไต)

แล้วมันเกี่ยวอะไรกะเวลาวิกฤต?

  • การตอบทวิตเตอร์แบบธรรมดา ถ้าใครไม่ได้ follow ทั้งคู่ มันจะไม่ไปแสดงเกะกะใน Timeline
    (สารภาพว่าผมเพิ่งรู้ข้อนี้แหละ ถึงว่าสิพอกดไปดูใน Profile แต่ละคนทำไมมันมีไอ้ที่เราไม่เห็นเยอะจัง)
    การ “RT ตอบ” นั้น ทำให้เกิดขยะที่ผู้อ่านไม่ได้ต้องการจะรู้มากมายงอกขึ้นมา
    เวลากวาดสายตาอ่านจะเอาสาระ ความเข้มข้นของข้อมูลก็จะลดลง มีแต่ผักบุ้งครับ
  • ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมอะไรเล่นทวิตเตอร์ เราสามารถกดที่ข้อความเพื่ออ่านบทสนทนาย้อนหลังได้ครับ
    ซึ่งดีกว่าอ่านไม่รู้เรื่อง >> RT a:เป็นไง // RT b: a: เป็นไง/ยังไม่ท่วม แกล่ะ // RT a: แต่ชั้น.. (ที่ไม่พอ)
    ที่สำคัญและผมเน้นมากๆ คือเรื่องการ Track ดูบทสนทนาย้อนหลัง..
  • การ Track บทสนทนาย้อนหลังมีประโยชน์มาก!
    เช่นถ้าเป็นข้อความเชิงแจ้งเหตุหรือขอร้องใดๆ เราสามารถสืบย้อนดูได้ “ตามเวลาจริง”
    โดยต้นฉบับของข้อความไม่ถูกตัดขั้วบิดเบือน ลองนึกภาพน้ำกำลังมา.. เวลาจริงนี้จะสำคัญมากครับ
    หรือในกรณีที่มีการโต้เถียงวิพากษ์วิจารณ์อะไร เราสามารถอ่านย้อนเป็นลำดับขั้นได้ เวิร์กเช่นกัน

03 ใช้ RT แบบปกติ

เหตุผลหนึ่งที่คุณ @Physics_Lek บอกไว้ ทำให้ผมต้องมาเขียนบล็อกนี้ให้จบหลังจากดองมาเป็นอาทิตย์
(ตอนนั้นที่เขียน น้ำเพิ่งจะโจมตีอยุธยาเอง แล้วข่าวลือมันเยอะเหลือเกิน แต่ป่วยซะก่อนเลยเพิ่งหายมาเขียนต่อ)
นั่นเพราะข่าวลือมันเยอะเหลือเกิน แล้วใครเป็นต้นตอก็ยากเสียด้วย เพราะเราทำลายหลักฐานกันหมดแล้ว
ด้วยการ “RT แบบไม่ปกติ” นี่แหละครับ แต่จะเป็นไปด้วยความหวังดีหรือประสงค์ร้ายก็ไม่รู้สินะ..

พูดปากเปียกปากแฉะซ้ำซากและกระแนะกระแหนเซเล็บ (=ความหมายในเชิงประชดประชัน) ไม่รู้กี่รอบแล้ว
แต่เราก็ยังเห็นหลักสูตรนักการตลาดชอบเอาไปเปิดอบรมสอนสั่งกันว่า “การทวีตที่ดี ต้องเว้นที่เผื่อให้คน RT ต่อ”
เฮ้ย จะเว้นทำไมครับ ในเมื่อทุกโปรแกรมที่ใช้เล่นทวิตเตอร์นั้น พอกด RT ปั๊บ มันก็บอกต่อข้อความต้นฉบับได้เลย
ลองเลื่อนหน้าจอขึ้นไปดูข้างบนครับ จะเห็นแผนภาพอุดมคติที่ทวิตเตอร์ควรเป็น
คือข้อความลำดับชั้นที่ 1 โดยผู้ส่งสาร ส่งถึงผู้รับในวงกว้างได้เลยโดยไม่ถูกดัดแปลงข้อความและ “เวลา”

แต่การไปกด RT ตามด้วยการกด Edit  ข้อความ ตามด้วย.. (เหนื่อยนะ) เนี่ย มันคือการ “ตัดขั้ว” ข้อมูลนะครับ
ข้อมูลด้านเวลาที่ฝังไปกับข้อความจะหายฉัวะไปทันที ดังนั้นเราไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าต้นฉบับมันมาตอนไหน
ที่สำคัญคือไม่มีทางรู้ได้เลยว่าต้นตอเขาทวีตจริงหรือมีการแอบอ้างให้เกิดการเสียหาย
(ไม่ตลกนะครับ เคยมีคนดังที่เถียงกับคนไม่ดัง แล้วใช้การ RT ปลอมๆ ทำร้ายรคู่แข่งมาแล้วจริงๆ ในไทยนี่แหละ)

สำหรับกรณีนี้เราจะพบเวลามีข้อมูลสำคัญมากๆ แล้วเกิดการบอกต่อเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้ง
เช่นการประกาศอย่างเป็นทางการ หรือข้อมูลฉุกเฉิน ซีเรียส เข้มงวด หรือมาคุ หรือแม้แต่ฮาโคตรๆ
มันจะมีบางคนที่เก๋าๆ หน่อยที่ชอบ “ตัดขั้วทวีต” โดยกด Edit (และหรือตัดแต่งข้อความให้มันไม่ล้น 140 ตัวอักษร)
ทำให้ส่งข้อความปั๊บ จะโชว์หน้าอวตารตัวเองติดไปด้วยเสมอ ทำให้มีคนที่เห็นกด follow เพิ่มขึ้นพรวดพราด
และโกยแต้มตามเว็บวัดค่าอิทธิพลออนไลน์ต่างๆ (เฮ้ย! ดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่มีคนเป็นแบบนี้จริงๆ นะครับ)
แต่นั่นไม่ค่อยเป็นประเด็นที่จะพูดถึงในยามวิกฤตเท่าไหร่ เพราะยามนี้เราจะเห็นหลายๆ สำนัก
ต่างรณรงค์ให้ใส่ “เวลา” ลงไปด้วยเพื่อความไม่สับสน ที่จริง “เวลา” มันฝังอยู่บนข้อความแล้วครับ
ขอแค่คนที่เอาไปบอกต่อนั้น ใช้วิธี RT แบบปกติ ไม่ต้องพิสดารตัดขั้วให้มันเสียความบริสุทธิ์ไป ก็เท่านั้นเอง
และคนที่เขาจะเอาไปเขียนโปรแกรมแจ้งเตือนอะไรต่อ ก็ใช้ข้อมูลตรงนี้แหละได้เลย ไม่ต้องไปกรองเพิ่ม
ที่สำคัญคือ ในยามวิกฤตและต้องการขอความช่วยเหลีอเนี่ย พื้นที่ 140 ตัวอักษรมันมีค่ามากๆ ครับ 

แล้วคนที่อยากให้มันไปโผล่ใน Facebook ล่ะ?
เห็นหลายคนติดตั้งตัวเชื่อมอะไรๆ ให้ไปโผล่ในเฟซบุ๊ก แต่ถ้า RT ปกติจะไม่โผล่
อันนี้ก็ต้องอนุโลมแหละครับ แต่ทางที่ดี อยากให้เขียนแก้ไขเป็นสำนวนตัวเองไปเลย
(แล้วใส่ที่มาเป็นเครดิตผู้ทวีตต้นฉบับก็เป็นที่เข้าใจได้ อย่างน้อยก็ให้เกียรติกันนี่เนอะ)
ดีกว่าไปตัดทอนข้อความของต้นฉบับซึ่งเจอมาหลายทีละว่าความหมายมันเพี้ยนไปเลยครับ

แนะนำทวิตเตอร์ที่ RT แบบปกติได้เป็นปกติอย่างมืออาชีพครับ: @paipibat, @SpringNews_TV

.

ในฐานะที่ตัวเองก็เป็นคนหนึ่งที่เสพติดและคลุกคลีกับทวิตเตอร์มากๆ คนนึง เลยอยากให้มันดีขึ้นๆ
ก็อยากให้เข้าใจว่าทำไมหลายคนถึงต้องจ้ำจี้จำไชว่าเฮ้ย มึงอย่า RT ตอบสิ มันรำคาญตา ฯลฯ
ซึ่งที่จริง แค่เราใช้มันให้ “เป็นปกติ” ไม่ต้องไปคิดวิธีพิสดารสวมลงไป เท่านี้ก็เกิดประโยชน์สูงสุดแล้วครับ

ป.ล.
ปกติผมใช้คำว่า วิกฤติ มากกว่า วิกฤต (เขียนได้สองแบบ) คราวนี้ลองเขียนอีกแบบดู
เออ ดีเหมือนกัน ประหยัดตัวอักษรไปหนึ่ง สมเป็นเรื่องเกี่ยวกะทวิตเตอร์เสียจริง

ป.อ.
ผมเขียนด้วยสำนวนที่ไม่น่าอ่านเท่าไหร่ อัดความเห็นของตัวเองด้วยอคติเต็มที่ แถมพาดพิงคนนั้นคนนี้
แต่ทั้งหมดนี้เพราะหวังจะให้ทวิตเตอร์เป็นเครื่องมือที่สร้างประโยชน์สูงสุดในยามคับขันครับ
ยังไงก็ฝากพิจารณาก่อนบอกต่อนะครับ เดี๋ยวดราม่าอีก แค่นี้ไทม์ไลน์ก็รกพออยู่แล้ว  :30:
หรือถ้าอยากเสนอไอเดียอะไรก็เชิญที่ด้านล่างได้เลย ถือว่านี่เป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่ต้องช่วยกันครับ

คอมเมนต์

โฆษณา HomePro Expo เจ๋งมาก ขอเก็บไว้ดูหน่อยเหอะ

ตะกี้ดูทีวีแล้วเจอโฆษณาโฮมโปร เป็นป้าคนนึงนั่งรถกระบะแห่รอบเมือง
รถกระบะคันนั้นติดป้ายผ้าว่า “ซื้อมาถูก” อะไรแบบนี้แหละ
แถมท้ายรถมีขบวนแห่ แตรวงเรียบร้อย ฮาบันเทิงมาก
ก็เลยนึกได้ว่าก่อนหน้านี้งานเดียวกันนี้ก็เคยมีโฆษณาที่ฮาขี้แตกตัวนี้อยู่ครับ

เฮ้ย แสดงว่าโฮมโปรนี่มันต้องมีดีอะไรสักอย่างสิครับ
ที่แหกกรอบประเพณีโฆษณางานเฟอร์นิเจอร์แฟร์เชยๆ (ที่ชอบเอาสมบัติ เมทะนีมีพากย์เสียงน่ะ)
ก็เลยอยากรู้จักเพิ่มขึ้นไปอีก เลยไปค้นๆ ในยูทูบดูครับ แล้วก็เจอเพียบเลย!

ปกติเวลาเล่นตลกเขาจะห้ามบอกว่ามันตลก งั้นมันจะไม่ตลกใช่ไหมครับ
แต่นี่ต้องเตือนไว้ก่อนเลย ว่าฮาเหี้ยๆ จงคาดหวังไว้ได้เลย

อันนี้ของปีนี้ มันมาแล้วครับ เซ็ตเดียวกะขบวนแห่ “อยากอวด” ที่ว่านั่นเลย

http://www.youtube.com/watch?v=rRDAdsnYfnk

http://www.youtube.com/watch?v=nx-eXZipUMI

ส่วนอันต่อจากนี้ พอดีไล่กด Related ในยูทูบไปเรื่อยๆ เจอ เลยขอเอามารวมๆ ละกัน
ตัวลข พ.ศ.นี่ถ้าไม่มีบอกไว้ในคลิป ก็คือดูจากข้อมูลท้ายคลิปนะ อาจจะไม่ตรงบ้างมั่วบ้างก็ขออภับครับ

ปี 2554

http://www.youtube.com/watch?v=LdNy6WCjmGg

.

ปี 2553

รู้สึกว่าเซ็ตข้างบนนี้จะได้ Gold ที่คานส์

อันนี้ป๋าเต้ดนำแสดงใช่ไหมเนี่ย

.

ปี 2552

.

ปี 2551

.

ปี 2550

ชุดคอมโบ้ข้างบนนี่ ได้ Gold Lion ที่คานส์ด้วยนะ

.

ปี 2549

.

ปี 2548

.

สุดท้ายเป็นคลิปซ้อมเต้นของบูทสีนิปปอนเพนต์ในงานโฮมโปรนี่แหละมั้ง

ถ้ากดเข้าไปดูในคลิป จะมีคำอธิบายสเต็ปการเต้นด้วยครับ โคตรเจ๋งเลย

คอมเมนต์