[Get Talks] โตแล้วยังอ่านการ์ตูนอีก?

อารัมภบทเกี่ยวกับรายการ Get Talks กันนิดนึง
ตอนนี้ตอนทำงานหรือขับรถ ผมนิยมฟัง Podcast (ก็คือรายการวิทยุนั่นแหละ แต่เป็นแบบออนไลน์) ไปด้วย เพราะมันสะดวกดี มือทำอย่างอื่น ตาทำอย่างอื่น แต่หูว่าง ก็เปิดฟังเพลินๆ ตอนนี้ติดตามอยู่ 3-4 รายการ เช่น WitCast, BATCast, Omnivore, JUSTดูIT., GM Cast, RadioMANGA (เกินยังวะ) (ทั้งหมดดูเป็นชื่อรายการฝรั่ง แต่พูดไทยทั้งหมดนะครับ ผมภาษาอังกฤษยังไม่ได้แข็งแรงพอจะฟังฝรั่งคุยกันยาวๆ ได้เถอะ)

และสุดท้ายที่นึกออกและเราจะมาอวยกันวันนี้คือ “Get Talks” ของสองพิธีกร แซมมี่และกตัญญู ซึ่งต่างคนก็ต่างมีหน้าที่การงานกันดีอยู่แล้วแหละนะ แล้วมึงมาจัดรายการกันทำไม ว่างเหรอ

คืองี้ครับ วันก่อน คุณแซมติดต่อเข้ามาชวนคุยเรื่องการอ่านการ์ตูน ผมก็งงๆ ไม่กล้ารับปากมัน เกรงว่าเราจะไปรู้อะไรเรื่องการ์ตูนนักวะ เพราะตัวเองก็แค่คนหนึ่งในท่ามกลางผู้คนอีกมากมายหลายล้านที่ต่างก็เติบโตและอ่านการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กจนโตมาเหมือนๆ กัน คือมันเป็นเรื่องที่หันไปทางไหนก็เจอแต่คนที่รู้เยอะกว่าผมแน่นอน

พอไอ้แซมเห็นผมอึกอักทำท่าจะรับปากแหล่ไม่รับแหล่ มันก็ให้เหตุผลที่รู้สึกว่าเออ ผมยอมรับได้ นั่นก็คือ “ก็ผมรู้จักพี่คนเดียว”

GetTalks-iannnnn

พอถึงวันนัด ทีมงาน Get Talks ก็ยกสตูดิโอ (ก็มีสองคนนั่นแหละ กะมือถือเครื่องนึงไว้อัดเสียง) มานั่งสัมภาษณ์กันอย่างจริงจังที่บ้านลาดปลาเค้า ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ เดือนที่ผมได้นั่งคุยกับมนุษย์นานขนาดนี้ แถมยังเป็นเรื่องที่ตัวเองก็ประหม่าอยู่ใช่ย่อย

แต่พอเริ่มปริปาก โอ้โห ต้องขอกล่าวอย่างสุภาพเลยครับว่าเย็ดเป็ด ความทรงจำของวัยรุ่นยุค 90s (เห็นกำลังฮิตแซะกันใช่มะตีมนี้) ก็พรั่งพรูทะลักทลายพรวดพราดออกมาอย่างรุนแรงเหมือนดั่งเพิ่งอัดน้ำยาดีท็อกซ์สวนเข้าไปในรูตูด อั้นไว้ 3 นาทีแล้วตัดสินใจคลายการเกร็งหูรูด พุ่งมากๆ! พุ่งมากๆ!

มากไป!

มากไปจนกลายเป็นว่า ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งของรายการนั้นเต็มไปด้วยเนื้อหาดักแก่ และความโรแมนติกข้นคลั่กของอดีตเด็กที่โตมากับวัฒนธรรมการอ่านการ์ตูน ทั้งการ์ตูนสายหลัก สายรอง สายโป๊ (<--ดอกจัน) รวมถึงการพยายามลิสต์รายชื่อการ์ตูนโปรดของแต่ละคน แทนที่จะเลยไปเรื่องอื่นที่มันร่วมสมัย เช่นว่าด้วยการล่มสลายของอาณาจักรการ์ตูน หรือวงการการ์ตูนดิจิทัล พวกเว็บตูนงี้ นี่กลายเป็นว่ามาโชว์กันว่าใครจะรำลึกความหลังได้มากกว่ากันซะยังงั้น แต่นั่นกลับกลายเป็นว่า เออแม่งสนุกฉิบหายเลย 5555 คือทุกคนต่างแลกเปลี่ยน ต่างจากเทปอื่นๆ ที่แขกรับเชิญจะเชี่ยวชาญเรื่องอะไรสักอย่างสัสๆ ที่น่าเสียดายมากก็คือ พอคุยๆ ไป เวลามันผ่านล่วงเลยไปเร็วมาก ก็ยังรู้สึกว่ามีการ์ตูนอีกหลายเรื่องที่ปลิวหลุดไปจากความทรงจำ บางเรื่องถูกยกขึ้นมาพูดแล้วก็นั่งนึกกันอยู่นาน แต่พอร้องอ๋อปั๊บ เฮ้ย เรื่องนี้กูอินเว้ยยยยย แต่กับบางเรื่อง กดหยุดเทปอัดจบรายการ ก็มานั่งสบถกันด้วยความเสียดายว่าเฮ้ย เมื่อกี้ลืมพูดถึงเรื่องนี้ว่ะะะะะ อารมณ์ประมาณว่า มีนักท่องเที่ยวมาถามว่าประเทศยูมีอะไรฮาๆ มั่ง ให้เวลาเล่าแป๊บนึง เชื่อเถอะว่าเล่ายังไงก็ไม่หยด (แค่หมวดการปกครองก็ฮาจนหมดเวลาแล้ว) ก็เลยเหมือนเป็นการเปิดช่องให้คนฟัง (ใช่แล้ว คุณนั่นแหละครับถ้าเกิดทนฟังได้จนจบ) ได้ร่วมสนุก ร่วมแชร์ และแบ่งปันประสบการณ์ของคุณกันบ้างเนอะ ขอบคุณทั้งสองท่านนะครับที่ให้เกียรติ และขอบคุณที่เอาพลังงานมาฝากอย่างล้นเหลือ ฟังเลยครับ

ป.ล.
หลังจากจบการบันทึกรายการ เดินไปส่งอีสองคนนี้หน้าบ้าน กำลังจะปิดรั้ว ผมก็บอกอีแซมไปว่า เออ ทำรายการงี้ก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ น่าทำมั่งว่ะ 555

ป.อ.
ไอ้แซมบอก เอาดิพี่

ป.ฮ.
คืนนั้นเลยได้ชื่อและโลโก้รายการเรียบร้อย รวมถึงผู้ดำเนินรายการแล้วด้วย ก็คือแซมกะผมนี่แหละ ไม่ได้หาจากที่ไหนไกลเล้ย 55555 เอาไว้เดี๋ยวให้มันเสร็จสักตอนแล้วมาอัปเดตกันอีกทีครับ

#ระวังโดนหลอก ว่าด้วยกลโกง Dropbox > Email phishing

ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ผมโดนโกง 2 ครั้งครับ ทีแรกว่าจะเขียนเรื่องแรกก่อน แต่นึกดูอีกที เดี๋ยวไปเขียนลงพันทิปดีกว่า ส่วนเรื่องที่สองนี่เนิร์ดหน่อยเลยเอามาเล่าในนี้น่าจะเหมาะดี

เข้าเรื่องเลยนะ… ผมได้รับอีเมลจากคุณหมอท่านนึงที่เคยสนทนากันเมื่อหลายปีมาแล้ว โดยส่งเอกสารมาเป็นลิงก์ PDF ผ่าน Dropbox

Dropbox phishing

ข้อสังเกต:

  1. การที่อยู่ดีๆ คนที่เคยติดต่อกันมาตั้งนานแล้ว ส่งอะไรสักอย่างมาให้โดยไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่ม อันนี้ให้ตระหนักไว้ก่อนเลยครับว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
  2. ชื่อไฟล์นั้นเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเข้าข่าย phishing แบบโง่ๆ ของฝรั่ง (คือไม่ว่าจะกี่ปีผ่านมา อีโจรพวกนี้ก็ไมได้พัฒนาความทึ่มของชื่อไฟล์ให้เหมาะสมกับประเทศปลายทางของเหยื่อเลย)

ด้วยความอยากรู้ เลยลองใช้เมาส์แหย่ตรงปุ่มสีฟ้าดูว่าปลายทางจะเป็นลิงก์อะไร ซึ่งก็เป็นระบบย่อลิงก์ db.tt/นัวๆ ด้วยความอยากรู้ว่าสุดท้ายโจรจะใส่อะไรมาในไฟล์ pdf นี้ เลยลองเปิดดู ก็เจอหน้านี้

Dropbox phishing

อ๋อ ถ้าจะเข้าไปดูใน Dropbox ได้ เราก็ต้องล็อกอินก่อนสินะ อ๋อเดี๋ยวนี้เจ๋งดี ล็อกอินผ่าน Google Account ได้ด้วย ได้เลยๆ (ว่าแล้วก็กรอกมั่วลงไป)

ข้อสังเกต:

  1. ดูในช่อง Address bar จะเห็นได้ว่ามันคือหน้าเว็บที่ใช้ระบบ generate html ขึ้นมาแบบ base64 (กดดูโค้ดมันจะมั่วๆ ครับ) ทั้งหน้านี่คือหน้าเพจปลอมที่มีแค่ช่องกรอกแบบฟอร์มหลอกๆ เฉยๆ ไม่ใช่เว็บ Gmail จริงๆ นะ เพราะไอคอนกุญแจเขียวสักหน่อยก็ไม่มีให้
  2. โจรเขียนหน้าเว็บนี้มาเนียนดี แม้กระทั่งตอนผมกรอกอีเมลแบบไม่ได้ใส่ @gmail.com ลงไป แม่งยังเตือนว่ามึงลืมใส่
  3. ที่จริง ตอนนี้กูเกิลเปลี่ยนหน้าล็อกอินแบบนี้แล้วนะครับ การล็อกอินเข้าสิ่งใดๆ ของกูเกิล มันจะให้เรากรอก username แล้วเคาะผ่านหน้านึง หน้าถัดไปถึงจะมีอวตารเราโผล่ขึ้นมาพร้อมช่องกรอกรหัสผ่าน (น่าจะเอาไว้ต่อกรกับอินเทอร์เฟซเดิมที่โจรใช้อยู่เนี่ย ที่ถ้าเบลอๆ ก็กรอกรหัสผ่านจบในหน้าเดียว ถวายให้โจรเรียบร้อย)

อ้อ อีกอย่าง ถ้าเป็นบริการของกูเกิลจริงๆ เวลาเราผูกกับบริการใดๆ มันจะไม่ได้ให้เรากรอกรหัสผ่านใหม่นะครับ แต่ของแท้จะเป็นหน้าแบบนี้

Dropbox phishing

สังเกตว่าเราล็อกอิน Gmail หรือบริการของกูเกิลอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องไปกรอกรหัสผ่านใหม่ครับ (เช่นเดียวกับพวกต้มตุ๋นในเฟซบุ๊ก ที่ถ้าส่งมาจากระบบเฟซบุ๊กจริงๆ มึงจะมาถามชื่อและรหัสผ่านกูอีกทำไมในเมื่อกูล็อกอินค้างไว้อยู่แล้ว)

และสุดท้าย เมื่อเรากรอกอีเมลและรหัสผ่าน (มั่ว) ลงไป มันก็จะทำการส่งข้อมูลไปถวายโจรตามภาพ

Dropbox phishing

แล้วก็เด้งไปหน้า Dropbox ซึ่งไม่พบไฟล์ PDF (และมุมบนขวาก็แสดงชัดว่าเราไมไ่ด้ล็อกอินอยู่ซะหน่อย) ซึ่งที่จริงสมมติมีไฟล์ PDF ที่เป็นอันตรายต่อคอมเราก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่มี เป็นไปได้ว่า Dropbox อาจจะสแกนเจอแล้วจัดการไปเรียบร้อย หรือไม่ก็มันยิงลิงก์มามั่วๆ จริงๆ

สำหรับกรณีนี้ขอลงบันทึกไว้เฉยๆ ครับ เผื่อใครตกเป็นเหยื่อแล้วมาเจอจะได้ระวังกันถูก

ส่วนเหยื่อที่เป็นต้นทาง (ในที่นี้คือคุณหมอ) อันนี้ยังไม่รู้ว่าติดเชื้อไปได้ยังไง (อาจจะเพราะเคยกรอกอีเมลพร้อมรหัสผ่านไปก่อนหน้า?) เดี๋ยวจะลองเมลกลับไปถามครับ

ป.ล.
ส่วนอีแบบต้มตุ๋นโกงเงินเมดอินไทยแลนด์ที่บอกไว้ข้างต้นว่าเจอเมื่อคืนเป็นกรณีแรก เดี๋ยวกะว่าจะโพสต์พันทิปวันนี้แหละ ขอไปแจ้งความก่อน

ทดลองเป็นคนแก่

image

บล็อกตอนนี้ นอนเขียน ไม่เขียนสิ พิมพ์ เฮ้ยไม่พิมพ์สิ พูดเอาเลย ให้มันแปลงเป็นตัวอักษรให้ เพราะว่าขี้เกียจขยับมือมาไถจอ

นี่ก็เข้าสู่วันที่ 3 ของอาการเจ็บหลังแล้ว เมื่อวานตอนเย็น พ่อกลับมาถึงกรุงเทพ พ่อ พ่อไม่ใช่พ่อ พอ พ่อกลับมาถึงกรุงเทพ โอ๊ยช่างแม่ง พ่อก็พ่อ พ่อกลับมาถึงกรุงเทพ ก็พุ่งไก่หมอที่โรงพยาบาลทันที

ไม่รู้จะเรียกว่าสวยดีไหม สวยไม่ใช่สวย ซวย ซวย ไม่รู้จะเรียกว่าสวยดีไหม หมอก็ดันเป็นประเภทที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา ถามไป 10 บาทตอบมา 2 บาท เล่าอาการให้ฟัง หมอก็ถามว่าอยากเอ็กซเรย์ดูไหม เลยไปเอ็กซ์ดู ผลคือกระดูกไม่เป็นอะไร โดยสรุปก็เป็น หลังยอก หลังยอกต้องเอาหลังบ่งนั่นแหละ เหมือนกับที่ปรึกษาหมอ google มาเป๊ะเลย แต่อันนี้มีบุคลากรทางการแพทย์มายืนยัน ก็เลยมั่นใจขึ้นมาหน่อย

ถามหมอไปว่า ไอ้อาการหลังยอกเนี่ย เขามีชื่อเรียกเป็นภาษาหมอไหมครับ เช่น กล้ามเนื้อหลังอักเสบเฉียบพลันหรืออะไรแบบนี้ หมอยิ้ม แล้วบอกว่า ก็หลังยอกไง แล้วจัดยาให้อย่างรวดเร็ว เมียหันไปมองบนโต๊ะ ก็พบว่ามีนิยายวางอยู่เล่มนึง เมียจึงเข้าใจ ในฐานะคนติดนิยายเหมือนกัน ไม่กลับบ้านมาแค่แบบบ่นๆ นิดๆๆ วงเล็บ เฉพาะค่าตรวจ 750 บาทแน่ะ

คืนวันที่ 2 ของอาการ หลังจากกินยาคลายกล้ามเนื้อ และยาอะไรอีกสักอย่าง จำไม่ได้ เป็นคนไข้ที่ไม่ดี ก็พบว่าหลับสบายขึ้น สบายจนเผลอพริกตัวแบบปกติ คลิก roaring โว้ย พริก คลิปตัว click ตัว click ตัว พริก มวย ช่างแม่ง

ต่อนะ หลับสบายจนพลิกตัวแบบปกติ อ้าวทำไมที่นี้สะกดถูกหรือ ปรากฏว่าโคตรเจ็บหลังเลย ถึงกับตะโกนออกมาเสียงดังลั่น แล้วก็นอนตัวงออยู่แบบนั้น

ตื่นมาตอนสาย วงเล็บ เมียผู้ประเสริฐ อาสาไปส่งลูกสาวคนโตไปโรงเรียนแทนให้วันนี้ ปิดวงเล็บ พบว่าท่านอนหงายสบายที่สุด ลองคลำหลังช่วงเอวดู ก็พบว่าไม่ปวดแฮะ หรือว่าเราหายแล้ว ก็เลยพยายามลุกขึ้นนั่งและค่อยๆ ยืน

ประโยคเมื่อกี้ประโยคเดียว ใช้เวลาประมาณ 15 นาที 15 นาทีจริงๆ เพราะว่ามันปวดโหดๆ ไม่ต่างจากเมื่อวาน แต่คราวนี้ ลูกเองได้ ลุก ลุกเองได้แบบทุลักทุเลที่สุด พยายามเคลื่อนไหวร่างกายไปห้องน้ำ ก็พบว่าท่าที่ทรมานที่สุดก็คือท่ายืนตรง ยืนแก้ผ้าแปรงฟันดูกระจก ก็พบว่าตัวเองยืนเอียง ลองปรับศูนย์ดู ก็ยังเอียง เพราะไข่สองข้างไม่เท่ากันก็ไม่ใช่ อันนี้คือเอียงเลย

พยายามขี้อีกครึ่งชั่วโมง ไม่สามารถออกแรงเบ่งได้ เพราะปวด เอาจริงๆ แม้แต่ไอเบาๆ ก็ยังไม่ได้ มันสะเทือน สรุปว่าขี้ไม่ออก ลุกขึ้นมา อาบน้ำ วงเล็บ ตอนลุกจากส้วม ก็รอไป 5 นาที

อาบน้ำเสร็จก็พบอุปสรรคใหม่ คือ เมื่อกี้ถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ที่พื้น การก้มลงหยิบเป็นไปไม่ได้เลย ต้องใช้เท้าเขี่ยขึ้นมา แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบที่ปลายเท้า โอ้โห แค่นี้ก็ยากหนักหนา

คิดดูละกันว่าการแต่งตัวจะยากขนาดไหน ที่จริง มนุษยชาติควรจะแก้ผ้าเดินกันให้หมดเพื่อแก้ปัญหาการปวดหลัง ทำไมเรื่องแค่นี้คิดกันไม่ได้นะ

อุปสรรคผัดมา ก็คือการกินยากินข้าวกินน้ำ ตอนนี้ร่างกายอยู่ชั้น 3 ตู้เย็นอยู่ชั้น 1 ยาอยู่ชั้น 2 ก่อนอื่นต้องลงไปกินข้าวที่ชั้น 1 แล้วแบกน้ำขึ้นมาชั้นสองกินยา ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม ใช้เวลา 1 ชั่วโมง รวมกินข้าวแล้ว วงเล็บ ที่จริงก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะว่าปกติกินข้าวช้าอยู่แล้ว

ตัดภาพมาปัจจุบัน ตอนนี้ทิ้งตัวลงนอนอยู่ที่ชั้น 2 ที่จริงจะบอกว่าทิ้งตัวก็ไม่ถูกนะ ต้องบอกว่าค่อยๆๆ ย่องลง ย่อตัวลง แบบสโลสุดๆ ถ้านึกไม่ออก ให้ไปดูตัวอย่างหนังซูโทเปีย อันที่มีสล็อตนั่นแหละ slot สะกดด้วยถอดธงโว้ย เออกูยอมแล้ว

เอาเป็นว่าที่นอนชั้น 2 มันฟูกแบบ 3 ฟุตครึ่ง ปกติจะเอาไว้ให้เด็กนอน แต่วันนี้พ่อขอยืมนอนก่อน แล้วก็ดันนอนชิดผนังเกินไป ดูเป็นเรื่องปัญญาอ่อนใช่ไหมครับ ก็แค่เขยิบไปทางขวา คืบเดียว จะไปยากอะไร จะบอกว่าแม่งยากมากครับ เพราะว่าการกระเถิบตัวไปทางขวาในท่านอนนั้น มันต้องอาศัยกล้ามเนื้อหลัง อยากเลี่ยงไม่ได้ อย่าง ดังนั้นตั้งแต่เริ่มหยิบโทรศัพท์ จะเขียน blog วาดรูปจนพิมพ์มาถึงบรรทัดนี้ ผมยังนอนแนบผนังแบบเบี้ยวๆ อยู่เลย เดี๋ยวกด publish แล้วค่อย ลองกระเถิบอีกที

ลืมบอกไปว่า ตอนกินข้าวไม่ได้หยิบโทรศัพท์ลงไป นี่เลยยกมาดู เห็นเมียโทรเข้าก่อนหน้า และล่าสุดเพิ่งส่งข้อความมาใช้ให้ทำธุระด่วนในคอมให้หน่อย ชิบหายแล้ว คอมอยู่ห่างจากตัวประมาณ 5 เมตร

5 เมตร เครื่องหมายตกใจ 38 ตัว ฟอนต์ขนาด 50 สีแดง ตัวหนา

ฮายาชิดะจะทำได้หรือไม่ เขาจะพิชิต 5000000 เยนสำเร็จไหม โปรดติดตาม

ใจกลางความเจ็บปวดหลัง

image

วันที่ 2:

ตื่นมาพร้อมอาการปวด ปวดหลังแบบสุดๆ ตรงช่วงเอว ระหว่างรอเมียอาบน้ำแปรงฟัน ผมก็พยายามลุกขึ้นนั่ง โอเคนั่งได้ แต่พอจะยืน มันไม่ไหวจริงๆ ทรุดลงมากองกับพื้น พยายามแล้วพยายามอีก ตะเกียกตะกายยังไงก็ลุกขึ้นไม่ได้ อย่าว่าแต่ยืนเลย คราวนี้นั่งก็ยังลำบาก

จนยักแย่ยักยันพาตัวเองลุกขึ้นมาได้ ก็รู้สึกเหมือนกำลังแสดงเป็นซอมบี้ คือไล่ดูดเลือดลูกเมีย ทุ้ยไม่ใช่ คือเดินตัวแข็งทื่อด้วยความเร็วประมาณหนึ่งจุดแปดสลอธ

วันนี้ผมจึงมอบหมายหน้าที่หยิบนั่นนี่ อุ้มเด็ก และหอบข้าวของทั้งหมดให้กับเมีย (มาคิดดูก็สบายดีนะ)

.

ย้อนกลับไปเมื่อวาน วันที่ 1:

เด็กๆ กำลังตื่นเต้นสนุกสนานกับห้องพักผนังสีน้ำเงิน เพดานโค้ง ดีไซน์แปลกตา โดยเฉพาะหนูเวลาตัวเล็ก ที่เดินสำรวจไปทั่วๆ จนกระทั่งเจอรูปลั๊กไฟ

คราวนี้ไวเกินกว่าที่เราจะเอาที่ปิดรูปลั๊กมาอุดรูได้ทัน เสี้ยววินาทีถัดมา เวลาก็เดินเอานิ้วชี้พุ่งเข้าไปหารูอย่างรวดเร็ว / ไวเท่าความคิด อีพ่อที่นั่งอยู่ห่างๆ เห็นภาพนั้นพร้อมกับที่แหกปากและเอี้ยวตัวพุ่งไปคว้าเด็กน้อยไว้ทันก่อนนิ้วจะถึงรูนั้นไม่เกิน 2 เซนติเมตร

เด็กเซฟ แต่พ่อไม่เซฟ

รู้เลยว่าปวดบั้นเอวอย่างรุนแรง แรงกว่าที่เคยก้มลงแบกลังจากท้ายรถอย่างผิดท่าเมื่อปีก่อน ที่คราวนั้นปวดจนขยับตัวลำบากไปเป็นปี แต่คราวนี้รู้เลยว่าหนักกว่าเดิม

อาการเริ่มแรกคือปวดหลังส่วนล่างแบบสะกดเป็นตัวอักษรได้ ถัดมาคือตึงหลัง (อาการปวดไม่ลดลงตั้งแต่ตอนนั้น แต่มันจะพอมีท่าที่ไม่ปวด) แต่ก็ยังใช้ชีวิต ทำธุระจนผ่านพ้นวันได้อย่างสโลว์ไลฟ์ คือขยับตัวช้า เดินช้า หายใจช้า และอย่าใช้ตูหยิบอะไรที่ตกพื้นเด็ดขาด 囧

กินข้าวเย็นเสร็จ แม่ยายยื่นยาสักอย่างมาให้กิน ด้วยความไม่ไว้ใจเลยกูเกิลดู ก็พอได้ เลยกิน กะว่าเดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ จะไปหาหมอให้ได้ เสร็จแล้วก็อาบน้ำแปรงฟันจะล้มตัวลงนอน

แล้วก็พบว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือการล้มตัว ยากจริงๆ พยายามอยู่นานมาก ปวดมาก เหมือนเอวผมหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นจุดหมุนของร่างกาย เราไม่สามารถงอตัวได้อีกเลย เลยหาวิธีก้ม ก้มได้แต่ก้มต่ำไม่ได้ เอนไม่ได้ เอียงไม่ได้ ภาระใดๆ ที่ส่งให้กับบั้นเอวนั้นทำไม่ได้ทั้งหมด ทุกอย่างเจ็บปวดครวญคราง

แล้วก็กลั้นใจทิ้งตัวลงบนที่นอน โอเคนอนได้ แต่พลิกตัวไม่ได้ ห่ามาก

และแล้วก็ถึงวันที่สอง… อ่านข้างบนนู่นละกัน

ตอนนี้ขับรถ (เมื่อวานขับไม่ปวด วันนี้มีปวดบ้างละ อาการคงเริ่มจริงจังวันนี้) มาทำธุระที่สถานที่ราชการ สิ่งที่ไม่เคยสังเกตก็คือที่นั่งคนพิการ, รถเข็นบริการฟรีอะไรแบบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเลย แต่คราวนี้พบว่ามันถูกจัดวางไว้เด่นมาก

เดี๋ยวจะคิดว่าบล็อกตอนนี้ผมเขียนด้วยความทรมาน จริงๆ แล้วอาการทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่ผมสนุกกับการสังเกตนะครับ รู้สึกเลยว่านี่คือการซ้อมรับมือกับความชรา และความไม่เที่ยงของสังขารที่เรามีแววมากๆ ที่จะเป็นอาการนี้อย่างถาวรเข้าสักวัน แต่ตรงนี้ขอทดลองเป็นดูก่อน ทุกครั้งที่ร่างกายเคลื่อนไหวเราจะได้สังเกต สังเกตกระทั่งทุกการหายใจ

สนุกดี แต่อย่านานเหอะ

ลองเรียก lalamove มาขนตู้เย็น

lalamove

พอดีซื้อตู้เย็นใหม่มาครับ เลยจะส่งตู้เดิมไปบ้านแม่ยายที่ปทุม สอบถามราคาเปรียบเทียบจากรถขนส่งดูแล้วก็พบว่า มันตั้ง 1500 บาทแน่ะ เลยไม่สู้

พลันนึกขึ้นได้ว่ามีบริการเจ้านึงที่อยากลองใช้มานาน คือ lalamove เพราะชื่อมันน่ารักดี แต่คนรอบกายที่รู้จักยังไม่เคยมีใครใช้เลย จึงไม่มีรีวิวออกมาว่ามันดีหรือไม่อย่างไร รู้แต่ว่ามันน่าจะคล้ายๆ Grab (Taxi) เวอร์ชันขนของ

เลยลองโหลดแอปมา เออ แอปใช้ง่ายดี นี่เป็นตัวตัดสินของเราเลยนะ บางเจ้าดูดี๊ดูดี แต่แอปห่วยมาก (อย่าง All Thai Taxi งี้) ก็เลยไม่เคยได้ใช้ เป็นความโรคจิตอย่างนึง
พอกดเข้าไป เลือกประเภทรถ (เขามีแว้นไว้ส่งคนหรือเอกสาร, รถห้าประตูไว้ขนของเล็ก, รถกระบะไว้ขนของใหญ่) เสร็จแล้วก็ระบุปลายทาง ไม่ต่างจากพวก Uber หรือ Grab เลย กดเสร็จก็มีคำนวณมาให้ว่าค่าส่งกี่บาท ของผม 912 บาท เห็นออปชันเสริมเป็น ขอคนแบกของด้วยคนนึง (เพิ่ม +100 บาท) ก็โอเค ดีลเลย

พอเฟ้นหาคนขับนี่แหละครับเจ๋ง อย่างแอปเรียกแท็กซี่ทั่วๆ ไป มันจะหมุนๆๆ ไปวิ้งๆ ที่คนขับใกล้ๆ แล้วกดตอบรับสู้กันใช่มะ ใครได้ก็จะเด้งชื่อเบอร์โทรมาที่เรา แต่อันนี้พอได้คนขับแล้ว จะมีเสียงดนตรีดังขึ้นเป็น แท้มแท้มแท้มแถ่มมมมม

โอ้โห แกรนด์สัสๆ

ผมไม่ได้รอให้คนขับโทรมาก่อน พอดีอยากรู้เลยกดโทรไปเอง ก็คุยกันปกติ รอครึ่งชั่วโมงรถก็มาถึง มีคนขับท่าทางสุภาพแต่ทะมัดทะแมง พร้อมภรรยาหนึ่งหน่วย (ราคา 100 บาท ซึ่งดูหน่วยก้านแล้วภรรยาน่าจะยกตู้เย็นทั้งตู้ได้ด้วยมือเปล่าเลยแหละ)

ต่อไปเป็นบทสนทนา

ผม: ปกติพี่ขับรถส่งของอยู่แล้วใช่ไหมครับ
พี่: ใช่ครับ
ผม: แล้วนี่เขาโทรหาหรือแอปมันดังอะพี่ (ผมคิดเอาเองว่าคงไม่ค่อยมีคนใช้แอป)
พี่: แอปดังครับ
ผม: ปกติมีคนเรียกผ่านแอปบ่อยไหมครับ
พี่: เยอะครับ ส่วนมากจะเป็นพวกออแกไนซ์
ผม: อ๋ออออออออ

ดีครับ ชอบบริการอะไรแบบนี้ ช่วยพาผู้บริการ (หรือผู้ผลิต) มาพบผู้บริโภคได้ ลดขั้นตอนการเจรจาและระวังระแวงเรื่องคุณภาพสินค้าและงานบริการ ยังไงก็ช่วยมีอีกเยอะๆ นะครับ