เอาซะหน่อย

ที่มาของภาพจากข่าวนี้ครับ: ‘ประยุทธ์’สวมชุดข้าราชการครั้งแรก

.

.

เป็นภาคต่อจากอันนี้นะ

ถ้าไม่รอดยังไงก็เตรียมพบ iannnnn.com V2 ครับ

ฉันมันไม่มีวาดสนา

จากบล็อกที่แล้วที่พร่ำบ่นว่าอยากหัดวดรูปและระบายสีน้ำ

อันนั้นยังไม่ได้เล่าย้ำอีกทีว่าที่ผมชอบวาดการ์ตูนนั่นนี่ คือวาดแบบการ์ตูนที่เป็นการ์ตูนจริงๆ ว่ากันตรงๆ คือขาดทักษะพื้นฐาน แต่มาถึงก็วาดเลย อันนี้หลายคนก็เป็น

โอเค ของผมอาจจะเอามาทำมาหากินได้ตังค์จากการวาดมาพอสมควร แต่คนจ้างน่าจะไม่รู้หรอกว่าแกเผลอมาจ้างคนที่วาดไม่เป็นกระทั่งรูปผู้หญิง รูปคน (แบบที่เป็นคนจริงๆ) รูปรถ รูปต้นไม้ หรือแม้กระทั่งรูปบ้าน!

ถาม: แล้วมึงเรียนจบสถาปัตย์มาได้ยังไง
ตอบ: จบได้ครับ เพียงคบเพื่อนเก่งๆ ไว้ แล้วตลกแดกเนียนเป็นคนออกแบบพรีเซนเทชันตอนทำงานกลุ่มด้วยกันไงล่ะ พอปีท้ายๆ ที่มีงานกลุ่มเยอะกว่างานเดียว เกรดก็เลยสูงเอาๆ ยังกะเด็กเรียน (คือนี่มองจากมุมผมนะ ได้ 2.50+ ก็เหมาว่าเป็นเด็กเรียนแล้ว เพราะปีแรกๆ นี่โฉบ 2.00 เป็นเรื่องธรรมดา 55555)

ทีนี้ตอนปีหนึ่งมันมีวิชา Architectural Presentation ทั้งเทอมต้นและเทอมปลาย โดยเทอมต้นเขาให้วาดและนำเสนอสถาปัตย์ด้วยดินสอ เทอมนั้นผมได้ D+ พร้อมผลงานที่โดนอาจารย์เอาไปหัวเราะเยอะ (ใช้คำนี้ถูกแล้ว) หน้าชั้นเรียนเกินครึ่งของผลงานทั้งหมดที่ส่งไป

ส่วนเทอมหลังเป็นภาคต่อวิชาที่ใช้ชื่อเดียวกัน ภาคนี้โทนี่สตาร์กเปลี่ยนมาใช้สีน้ำ ซึ่งความเหี้ยก็คือ ผมไม่มีพื้นฐานเลยแม้แต่เสี้ยวขนปลายหำหมา

ย้อนกลับไป ม.ต้นซึ่งเป็นวิชาศิลปะ (ผมเรียนสายวิทย์) จำได้ว่าทั้งเทอม “อาจารย์ไม่เข้าสอนเลยแม้แต่ครั้งเดียว” …งงไหมครับ มาคิดดูทีหลังแม่งเหี้ยมาก แต่ตอนนั้นแฮปปี้มาก เพราะได้วิชาว่างมาหนึ่งคาบฟรีๆ แต่ก็นั่งอ่านการ์ตูน ยืมเกมเพื่อนมาเล่นในห้องจนหมดเวลานะ ไม่ได้ออกไปเสพยาบ้าหลังห้องน้ำ เพราะผมเป็นเด็กเนิร์ด แต่นั่นก็ทำให้มารู้ทีหลังว่าเราพลาดโอกาสหัดวาดรูปด้วยสีน้ำ ซึ่งต่อไปมึงจะต้องเอามาใช้ตอนเข้ามหาลัยปีหนึ่งเทอมสองนะโว้ย

ตัดภาพกลับมาที่ไอรอนแมนภาคสอง อาจารย์ให้โจทย์มา ผมหันไปมองเพื่อนๆ ที่นั่งวาดกัน เฮ้ย ทำไมมันคล่องกันจังวะ ตวัดพู่กันป๊าบ สวยเลย คนนี้ยิ่งเทพ คนนั้นมีเทคนิคเซียน เลยถามๆ ดู ก็ได้คำตอบว่า บางคนฝึกตอนมาติว (ผมมาจากบ้านนอก ไม่รู้ว่าโลกนี้มีการมีติวเข้าคณะนี้ด้วย) บางคนเรียนตอน ม.ปลาย บางคนหัดเอง (อันนี้น่านับถือ) ฯลฯ

ที่จริงผมไม่ควรจะมาบ่นโทษระบบการศึกษาหรอก เพราะคนหัดเองก็มี แล้วก็ทำได้ดีด้วย แต่มึงไม่พยายามเอง ทำมาย้อนอดีตโทษนั่นโทษนี่ ไอ้บ้าเอ๊ย 555

เอาเป็นว่าเทอมนั้นเกรดผมได้ C+ ทั้งๆ ที่งานเหี้ยกว่าเทอมแรกที่วาดด้วยดินสออีกนะ (ไม่รู้ทำไมเกรดดีกว่า) ซึ่งนั่นก็ทำให้บางคืนผมเก็บเอาไปฝันร้ายว่าอาจารย์ท่านเดียวกันนี้มาสั่งงานวาด เพื่อนๆ วาดกันสบายมาก และผมไม่มีปัญญาแม้แต่จะผสมสีให้มันไม่เน่า

ฝันด้วยพล็อตแบบนี้ติดต่อกันมาสิบกว่าปี มันน่าเจ็บใจไหมล่ะ

เกริ่นมาทั้งหมดเพื่อจะปูพื้นว่า ต่อไปนี้ผมจะกำจัดฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนนั้นด้วยตัวเอง ด้วยคาถา “อยากวาด ก็วาดสิวะ”

หลังจากบ่นไปคราวก่อนแล้วว่าอยาก ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนสนองความอยากครับ พอดีวันนี้ได้เข้าเมืองไปซื้อหมึกสกรีนเสื้อไว้ทำมาหากิน ก็เลยแวะ B2S เพื่อซื้ออุปกรณ์สีน้ำมา ด้วยความงูปลา ก็เลยจัดชุดที่น่าจะไม่เด็กประถมเกินไป และไม่แพงสัส (ส่วนมากจะแพงสัสนะครับพวกเครื่องเขียนศิลปินเนี่ย สมุดห่าอะไรไม่รู้เล่มเท่ากระดาษทิชชู่ แม่งเล่มละสี่ห้าร้อย นี่เขียนผิดแล้วมีปุ่ม undo ใช่ไหม)

ก่อนวงเล็บจะเยอะเกินไป ขอกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง วันนี้ก็เลยได้ชุดนี้มา

watercolor-0

  • สีน้ำแบบก้อนของ REEVES (195 บาท)
    นี่เลือกเอาจากขนาดเลยนะ ดูมันพกง่ายดี เนื้อสียังไม่รู้ ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไงว่าดีหรือไม่ดีกว่าอะไร เพราะถ้าไม่นับสมัยเรียนที่ช่างมันเถอะแล้ว นี่ก็นับเป็นการซื้อสีน้ำด้วยความเต็มใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยความน่าจะพกง่ายกว่าซื้อแบบหลอดๆ ก็เลยเลือกแบบก้อนมา อยากใช้ก็เอาพู่กันเปียกไปยีๆๆ เดี๋ยวมันก็ละลายมาเอง ง่ายดี แถม(ขายพ่วง)พู่กันแหลมๆ มาด้วย ยังไม่รู้ว่าจะได้ใช้ตอนไหน เพราะเรามี…
  • พู่กันแบบแทงก์ DERWENT (307 บาท …แพงสัส นี่เมียยังไม่รู้นะ)
    นี่ฉันเลือกนายเพราะอ่านบล็อกของ @hackhq (ไปไล่ดูลิงก์ได้จากบล็อกตอนที่แล้ว) แล้วเห็นว่ามันเติมเต็มสิ่งที่ขาดดี คือไม่ต้องพกน้ำไปเยอะๆ แค่มีพู่กันที่บีบตูดแล้วน้ำมันจะเยิ้มออกมาชุ่มฝีแปรงตลอดเวลา เวลาล้างสีก็แค่บีบ แล้วเอาไปป้ายกระดาษทิชชู่แบบส่งเดช เท่านี้ก็สะอาดแล้ว // ในภาพด้านบนนี่คือเพิ่งแกห่อเลย อยากฮิปสเตอร์มากก็เลยเอามาเรียงแล้วถ่ายทันที หัวมันเลยบานๆ เพราะยังแห้งอยู่
  • ปากกาหัวเข็ม Artline 0.5mm (58 บาท)
    ไม่ถนัดปากกาเส้นเล็ก เพราะไม่ชอบเขียนแบบกดน้ำหนักลงไปแรงๆ ก็เลยใช้ขนาดที่ชิน ที่จริงเวลาใช้ปากกาปกติจะชินกับไซส์ 0.7-0.8 มากกว่า แต่อันนี้น่าจะเอามาวาดและเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้นกว่าไง หวังว่านะ
  • สมุดสเก็ตช์ของศิลปากร (49 บาท)
    อันนี้ซื้อจากร้านสโมของศิลปากรตั้งแต่ช่วงวันพ่อ หนีเมียไปเดินเล่นกับหนุงหนิงมา โคตรถูกเลย ถูกจนอยากจะนั่งรถไปเหมามาตุนไว้อีก 30 เล่ม (ที่จริงมีถูกกว่านี้อีกคือเล่มละ 15 บาท แต่จะบางกว่า และการเข้าเล่มจะเป็นอีกแบบ) ดีใจมากเลยที่มีร้านสโม ถึงแม้เมื่อก่อนจะเกลียดเจ้ามากขนาดไหนก็เถอะ เพราะการเข้าไปแต่ละครั้งคือการซื้ออุปกรณ์เพื่อทำงานเรียนส่งครู แล้วงานผมเหี้ยซะ 97% เลยโทษสโม (เห็นมะ นิสัย) เอาเป็นว่าใครอยากซื้อเครื่องเขียนอะไรนี่ ยอมเสียเวลาเดินทางไปศิลปากรสักหน่อย แล้วคุณจะพบว่ามันคุ้มมาก เพราะสาวโบราณน่ารัก

watercolor-2

ที่จริงให้ดูใบเสร็จนี่ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาพิมพ์ยาวแล้ว นี่อีกายรู้เข้าเดี๋ยวก็ตามมาทวงต้นฉบับอีก หาว่าเอาเวลามาเขียนบล็อกงี้

watercolor-1

เติมน้ำลงไปในพู่กัน แล้วลองยีๆ กับสีก้อน เอามาระบายๆ ดูในภาพที่เขียนไว้ก่อนหน้าสัก 10 นาที (แต่ใช้ปากกาอีกด้ามนะ อันนั้นเป็น unipin 0.8 ที่ใช้เขียนสมุดบันทึกเป็นปกติ) พบว่าเส้นสีดำมันไม่เยิ้มเข้ามา คือเป็นหมึกกันน้ำ ส่วนกระดาษนั้นก็ไม่ซึมเปื้อน อันนี้ยังไม่ได้ทดสอบมาก เพราะแต้มสีลงไปหน่อยเดียวเท่าที่เห็น เดี๋ยวครั้งหน้าถ้าได้ระบายอะไรฉ่ำๆ (อยากหัดระบายให้มันฉ่ำมากๆ ทำไม่เป็น) อาจจะเห็นมันซึมก็ได้ ไม่รู้เหมือนกัน

ที่แน่ๆ ความรู้สึกครั้งแรกในชีวิตที่เอาพู่กันจุ่มสีมาปาดลงบนกระดาษเองด้วยความเต็มใจ ไม่มีใครบังคับนั้น มันดีมาก ดีมากๆๆๆๆๆๆ มากๆๆๆ ถึงจะสีเน่าเหมือนเมื่อก่อนในยุคที่ตัวเองเกลียดสีน้ำที่สุดในโลกยังไงยังงั้น แต่ช่างหัวอุปสรรคในอนาคตมันปะไร เพราะอย่างน้อยตอนนี้เราได้เริ่มแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือหัดวาด หัดระบาย และทำซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ในโหมดสนุกแบบนี้เลยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเบื่อขึ้นมาวันไหน แต่วันนี้ได้เริ่มแล้ว ก็ดีแล้ว

ถึงจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่การที่คนอายุเลยสามสิบมาพอสมควร มีลูกเต้าโตงเตงพันรอบเอวและเมียใช้ไปทำนู่นนี่ตลอดเวลาแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็เพิ่งมาหัด มามีความฝันอะไรสนุกๆ แบบเด็กๆ นี่มันโคตรดีเลยนะครับ

จะว่าไป นี่คงเพราะมีตังค์แล้วด้วยแหละ 5555 ถ้าย้อนไปสมัยเรียนนะ ของเล่นราคา 5-600 บาทนี่ อย่าแม้แต่จะคิด

มีความสุขจัง คืนนี้นอนตายตาหลับละ ส่วนต้นฉบับก็ผลัดไปพรุ่งนี้ งานหนังสืออีกตั้งนาน

Sloth Machine ตอนพิเศษมาแล้วจ้ะ เชิญอ่าน

sloth-machine

ลืมกล่าวขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนสร้างพลังใจให้กับข้าพเจ้าใจการอุตริกลับมาเข้าค่ายนักเขียนกับเขาในรอบปีสองปี จนได้คลอดหนังสือ ‘Sloth Machine‘ ดังที่ได้เขียนโฆษณาไว้ในตอนที่แล้วนู้น

ซึ่งตามธรรมเนียมของหนังสือจากสำนักพิมพ์ปลาขยันนี้ เขาได้มีโครงการยุยงให้ผู้อ่านได้ไปหาเศษหาเลยกับของแถมที่อยู่บนเว็บ และเรียกมันว่า ‘Extra’ ซึ่งใครอยากอ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ได้ แต่ถ้าอ่านแล้วคงเหมือนดูหนังฮีโร่มาร์เวลแล้วนั่งรอจนหมดเครดิตท้ายเรื่อง แล้วมันจะมีเนื้อหาที่(ส่วนใหญ่จะ)คุ้มค่ากับการอั้นเยี่ยว

Sloth Machine ของข้าพเจ้าก็เช่นกัน ตัวหนังสือเล่มจริงนั้นใช้เวลาหามรุ่งหามค่ำสร้างสรรค์มันขึ้นมาโดยการฟาดแส้ทุกครั้งจากบรรณาธิการ (อีกาย) ในระยะเวลา few เดือน แต่พองานเสร็จแล้ว หนังสือวางแผงเรียบร้อยแล้ว (แต่ค่าต้นฉบับยังไม่ออก) ปรากฏว่าตอนพิเศษที่เป็นสัญญาใจนี่ …มันไม่ทวงเว้ย คือไม่ได้กำหนดเดดไลน์เลยนะ อยากทำก็ทำไป

ซึ่งการไม่มีเดดไลน์นี่ถือเป็นสิ่งอันตรายมากสำหรับอีพวกเหลวไหลอย่าง… เออ อย่างกูนี่แหละ จนคนอ่านหลายท่านเขาบ่นแล้วบ่นอีกว่าเมื่อไหร่จะมีให้อ่านซะทีวะ กดเข้าไปยัง coming soon อยู่ได้

ถ้าจะให้หาเสียงแบบพวกผู้แทนหรือศิลปินประดิษฐ์ๆ ก็จะต้องกล่าวว่า เสียงจากผู้อ่านนั้นสำคัญเสมอ กระผมจึงได้รีดเค้นเวลาว่างทุกหยาดหยดที่เหลือจากการอ่านการ์ตูนและช่วยเมียเลี้ยงลูก 2 ตัว มาเขียนตอนแถมเป็นการ์ตูนตามคำเรียกร้อง ซึ่งเวลาว่างนี่โคตรจะน้อยเลยนะครับ เพราะตอนเขียนเล่มจริงนี่ผมขออนุญาตเมียให้ช่วยรับภาระเลี้ยงลูกอ่อนไปซะเยอะ คราวนี้จึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูก จนวันๆ มีสภาพไม่ต่างจากมนุษย์เกษียณจริงๆ

และด้วยความตั้งใจมาตั้งนาน (ตั้งกะอีกายยังทวงต้นฉบับอยู่ยิกๆ) ว่าจะเขียนภาคเสริมของหนังสือเล่มดังกล่าว เป็นเรื่องของผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในหนังสือ นั่นคือเมีย (อ้าวฉิบหาย สปอยล์ไปแล้ว)

การ์ตูนตอนพิเศษ ‘ร้อยมาลัยนี้มาบูชาเมีย’ จึงได้ไปปรากฏโฉมบนเว็บ min.ms/SLO ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (มันต้องใช้รหัส serial ท้ายเล่มนะ ใครขี้เกียจเสียตังค์ซื้อ แนะนำให้ไปแอบดูของเพื่อนหรือตามร้านหนังสือก็ได้ แล้วถ่ายไว้กรอกในเว็บ เอ๊ะนี่มึงจะแนะนำให้ชาวบ้านเขาอ่านเถื่อนกันทำไม)

ใครอ่านจบแล้วยังอารมณ์ค้าง เชิญเสพต่อได้ แต่ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ก็ไปซื้อซะนะครับ (ไม่โฆษณาตอนนี้แล้วจะโฆษณาตอนไหน) ท่องไว้ Sloth Machine สำนักพิมพ์แซลมอน เล่มสีเขียวๆ ถ้าหาไม่เจอถามพนักงานดูได้ ถ้าพนักงานไม่รู้เรื่องก็บอกว่านิ้วกลมเขียนไง

ป.ล.
การมีลูก 2 คนนั้นไม่ใช่แค่ยุ่งขึ้น 2 เท่านะครับ นี่นับคร่าวๆ ได้ 5 เท่า

ป.อ.
ฟีดแบ็กจากผู้อ่านส่วนหนึ่งบอกกลับมาว่า มึงไปเอาดีทางเขียนการ์ตูนเถอะ ดังนั้นเนื้อหาตอนแถมเลยเขียนเป็นการ์ตูนซะเลยไงครับ

ป.ฮ.
และเผลอๆ เล่มถัดไป (ยังไม่เข็ด!) ก็ะเขียนการ์ตูนมากกว่าเดิมด้วย คอยติดตามนะครับ ขอบพระคุณครับ (ไหว้งึกงักๆ แบบสายัณห์สัญญา)

ขอแนะนำหนังสือ Sloth Machine: กำเนิดมนุษย์ชิล / by iannnnn

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา กดดูคลิปเลยครับ

เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากการที่อยู่ดีๆ ผมก็ลาออกจากงานประจำ (ที่รายได้ดี) โดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร อดีตเจ้านายเรียกไปถามก็บอกไปตรงๆ ว่าขี้เกียจ

พอลาออกเสร็จแล้วก็มานั่งเลี้ยงลูกและอ่านการ์ตูนเป็นงานหลักอยู่ที่บ้าน ส่วนงานรองคือสกรีนเสื้อขาย รับงานออกแบบกรุบกริบ และช่วยเมียทำร้านเดรสแฟชั่น (ลิงก์ SEO นี่มาเต็ม) ซึ่งเรื่องงานนั่นช่างมันเถอะ ในแต่ละวันผมใช้เวลาไปกับมันวันละไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง (ยังกะพวกรับจ้างโพสต์สแปมตามเว็บบอร์ด) ส่วนเวลาที่ใช้ไปในแต่ละวันที่เยอะจริงๆ นั้นคือเลี้ยงลูกครับ

ถ้าเทียบกับงานที่เคยทำมาตลอดหลายปี ก็คงเรียกได้แล้วแหละว่าผมเกษียณตัวเองมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกเรียบร้อย
Continue reading ขอแนะนำหนังสือ Sloth Machine: กำเนิดมนุษย์ชิล / by iannnnn

ขอขายวิญญาณอวย Galaxy Note อย่างเป็นทางการครับ #MyNoteStory

01
02
03
04
05
06
07

การ์ตูนข้างบนเป็นพื้นที่โฆษณาครับ (ตกใจเหมือนกันที่เขียนออกมาแนวนี้แล้วส่งให้ซัมซุงดู กะว่าคงโดนแก้แหละ แต่ดันอนุมัติเฉยเลย 5555)

เรื่องของเรื่องคืออยู่ดีๆ ผมก็ถูกซัมซุงเรียกใช้บริการ ในฐานะที่แสดงออกมาตลอดว่าเป็นติ่ง Galaxy Note โดยเขาบอกว่าให้เขียนการ์ตูนเล่าเรื่องของตัวเองให้หน่อย จึงได้ผลงานด้านบนขึ้นมาครับ ทั้งหมดวาดในแอป ArtFlow (เมพกว่า Autodesk Sketchbook เยอะ!) บน Galaxy Note 3 ที่ไปแข่งชนะมา … และก็ขอจบการโฆษณาแต่เพียงเท่านี้

ส่วนเนื้อหาข้างล่างต่อไปนี้ จะเรียกว่าอะไรดีนะ เอาเป็นข้อความเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของผมเองละกันครับ เพราะไหนๆ ก็ได้รับเกียรติจากซัมซุงให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในโครงการแล้ว เลยขอขยายผลให้อีกหน่อย

Continue reading ขอขายวิญญาณอวย Galaxy Note อย่างเป็นทางการครับ #MyNoteStory