วิถีข่าวสั้น

สัญญาว่าจะเขียนบล็อกสั้นๆ .. ออกจะน่าอายด้วยที่ไปเอาไมโครบล็อกที่มันสั้นอยู่แล้วมาขยายตีกินแบบนี้

news-on-twitter

วันก่อนทวีตไว้แบบข้างบน แล้วรู้สึกว่าเออ มันอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ได้อยู่นะ

คือตั้งแต่ข่าวทวิตเตอร์ของนายกโดนแฮ็ก ไม่สิ คนอื่นปลอมเข้าไปเกรียนจนเป็นข่าวเอิกเกริกละ
พอดีตอนนั้นผมอยู่ด้วยและเห็นข้อความตั้งแต่ทวีตแรก ยังทักอยู่เลยว่าเฮ้ย ทีมงานแกจะหักมุมอะไรไหม
ที่ไหนได้ ก็เป็นข่าวแบบที่เราทุกคนคงรู้กันหมดแล้วนี่แหละครับ
ทีนี้ไอ้เฮ้ยแรกนั่นน่ะคือระยะที่ 1: ตกกะใจกับข่าวครับ ไทม์ไลน์ช่วงนี้จะไหลบ่ามาก ด้วยเรื่องเดียวกันทั้งนั้น
หลังจากนั้นแค่ไม่นาน ก็เริ่มมีนักวิเคราะห์วิจารณ์ฟันธง ดาหน้ากันออกมาชม-เชียร์กันไปต่างๆ นานา
สำหรับเหตุการณ์นี้ก็น่าสนใจตรงที่คนที่ชังหรือเชียร์นายก ไม่จำเป็นต้องรุมด่าหรือชมแฮ็กเกอร์เหมือนกันหมดนิ
ซึ่งอันนี้คือระยะที่ 2: วิเคราะห์ครับ (บางคนเพิ่งรู้ข่าว ก็ยังมีโผล่มาตกกะใจอยู่บ้าง เจ๋งดี)
แล้วไม่นานหลังจากนั้น ..ไม่นานเลยนะ ข่าวทวิตเตอร์นายกโดนแฮ็กก็เข้าสู่ระยะที่ 3: ระยะตลก อย่างรวดเร็ว
ทีนี้ล่ะมึงเอ๊ย สารพัดมุกที่ไม่รู้จะแข่งกันฮาไปไหนก็ทยอยหลั่งไหลเข้ามาอย่างฟ้าฝนกระหน่ำ
มีตั้งแต่ปล่อยมุกเปิด มุกชง มุกแก้ มุกตัด มุกคำผวน ยันมุกขยี้ (ขออภัยที่ทำลิงก์วนไปวนมาแค่นี้ จริงๆ มีอีกเยอะมาก)

ไหนจะข่าวเปิดตัวไอโฟนโฟร์เอสสร้างสรรค์อีกละ.. ไม่พูดไม่ได้ เอาสั้นๆ นะ
พอดีคืนนั้นผมขี้เกียจรอฟังเขาเปิดตัว เลยเข้านอนก่อนแล้วค่อยตื่นมาอ่านตอนเช้า
ซึ่งคนที่ฟังทั้งสาวก แอนตี้สาวก และแอนตี้แอนตี้สาวก ก็ได้ชมและด่ากันไปเรียบร้อยตั้งแต่กลางดึกคืนนั้นกันหมดแล้ว
แต่ผมเพิ่งตื่นมาอ่านไง สาบานได้ว่าสนใจข่าวน้ำท่วมมากกว่า (ไม่ได้ซึนหรือกระแดะ แต่เพราะมันใกล้ตัวครอบครัวผม)
พอเปิดทวิตเตอร์ดูปั๊บก็เพิ่งเข้าสู่ระยะเฮ้ย ว่าอ้าว ตกลงปากกาเซียนนักเดาแม่งหักหมดโลกเลยเรอะ
พออ่านไอ้ที่วิเคราะห์หรือดราม่ากันจบปั๊บ ก็เริ่มเล่นมุกเลย ..ก็ตามสูตรเลยครับ เรามาระยะนี้ช้าไป แม่งจะไม่ซ้ำได้ยังไงวะ

โฟร์เอสสร้างสรรค์
ภาพนี้ก็เลยกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานไปละ เพราะมันถูกส่งต่อมหาศาลกว่าความพยายามของนักการตลาดใดๆ ซะอีก
(ใครเป็นต้นตอของภาพนี้ทราบไหมครับ เขาเจ๋งมากเลยนะที่คิดแล้วทำทันทีได้เนี่ย อยากสืบให้เจอและให้เครดิตครับ)
// 16:05 น. แก้ไขเพิ่ม เจอเจ้าของภาพตัวจริงแล้วครับ ฝีมือคุณ Kenshin BHX จ้ะ (เจ้าตัวมาบอกเอง)

ฉะนั้นบทเรียนที่ได้มาจากการวิจัยครั้งนี้คือ จะเล่นมุกก็หัดดูตาม้าตาเรือหน่อย หรือไม่ก็ต้องเร็วส์หน่อย
..เว้นแต่อีพวกที่ลอกมุกขี้ปากชาวบ้านมาทวีตเป็นของตัวเองแล้วไม่ให้เครดิตต้นตอนี่ก็ขอยกเว้นในกรณีนี้
(ในบอร์ดฟอนต์จะมีศัพท์สแลงคำนึงคือ “ละโว้” ที่แปลว่า เฮ้ย เขาเล่นหรือเขาเจอไอ้นี่กันตั้งนานแล้ว เพิ่งเห็นเรอะ)

และล่าสุด ..ข่าวเช้านี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่จริงๆ คือการจากไปของศาสดาจ็อบส์ แห่งอาณาจักรผลไม้ศักดิ์สิทธิ์
อันนี้มีการตายของบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลกเกิดขึ้น ไม่ใช่ข่าวการเมือง ไม่ใช่ข่าวขายของ (ที่แม่งกาก)
ดังนั้นเราจึงเห็นระยะแรกและสองนานหน่อย นานจนสามารถแยกได้ว่านี่ไม่ใช่ “แค่” ปรากฏการณ์ของโลกออนไลน์
แต่มันคือข่าวระดับโลก (ก็แหงสิครับ) ถ้าให้เปรียบเทียบระดับความใหญ่ก็คงพอๆ กะไมเคิลแจ็กสันได้ไหมอ้ะ?

แต่ก็นะ พอมีระยะแรกกันท่วมไทม์ไลน์ปั๊บ เราก็ได้เห็นดราม่าตามมาในเวลาไม่นาน
ตั้งแต่มีคนเอาเรื่องน้ำท่วมและเหตุการณ์ 6 ตุลาที่เราควรเศร้ามากกว่าฝรั่งตายเหรอ? มาเปรียบเทียบ
ยันคน ที่ไปด่าคนกลุ่มแรกอีกที แล้วก็คนกลุ่มแรกบวกด้วยกลุ่มใหม่ ที่ไปด่ากลุ่มที่สองอีกที เอ้า ดราม่ากันให้เพลิน
อ้อ ข่าวนี้ยังไม่ค่อยเห็นใครตลกนะครับ คนที่จะตลกกับข่าวคนตายได้นี่.. มึงต้องล้ำและหากาลเทศะจริงๆ

ฉิบหายละ เขียนยาวอีกจนได้.. งั้นตัดสรุปจบเลยนะ

news-life

คือผมสนใจปรากฏการณ์ออนไลน์ที่เรียกกันว่า “meme” คืออะไรก็ได้ที่ดังเปรี้ยงขึ้นมาในเน็ตซะเฉยๆ น่ะครับ
เพราะมันมีอิทธิพลต่อโลกที่ผมอยู่* แถมยังให้สาระต่อสังคมมากบ้างน้อยบ้าง หรือไม่ให้เลย (ก็แล้วไง?)
ยิ่งเดี๋ยวนี้เส้นแบ่งคำว่า “โลกออนไลน์”  กับ “โลกจริง” มันบางลงทุกวัน คนที่พูดแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันก็เริ่มเชยละ
(แหงสิ โลกออนไลน์มันไม่จริงตรงไหนวะ เหมือนกะที่มึงดูทีวี คุยมือถือ ฟังวิทยุนั่นแหละ มันก็เป็นสื่อเหมือนกันนะ)
เราจึงเริ่มเห็นว่าข่าวในทีวีบ้านเราหลังๆ นี้ เริ่มพูดเรื่องเดียวกันกับที่เราคุยกันใน “โลกออนไลน์” บ่อยขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะพาดหัว Breaking News ช้ากว่าระยะตลกของอีพวกในเน็ตก็ยังดีวะ..

.

ป.ล. (ขยายดอกจัน*ข้างบน)
คุยกะพี่เม่นวันก่อน วันเดียวกะที่นายกโดนแฮ็กนั่นแหละ ได้ย้ำแนวคิดเรื่องโลกออนไลน์อีกครั้ง
ว่ามันเป็นสังคมแบบใหม่ที่เลือกมาให้แล้วว่าเราจะมีโลกแบบไหน จะปัจเจกแค่ไหนก็เชิญเลยครับ เป็น “ชีวิตในแบบคุณ”
ใครสนใจแค่เรื่องอะไร แม่งก็จะกรองมาให้เราเห็นแค่นั้น โดยปัดเรื่องที่มันควรจะต้องมีสักหน่อยเพื่อการถ่วงดุลออกไปฉิบ
(เช่นผมก็จะชอบแต่อีพวกตลกๆ ทวิตเตอร์ก็ตามแค่พวกตลกปัญญาอ่อนทั้งนั้น ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ)
ไอ้สิ่งแสนสะดวกนี่แหละ ที่ต้องคอยเฝ้าจับตาดูดีๆ นะครับ ว่ามันจะพาต่อมความคิดของมนุษยชาติไปทางไหน
เอาแค่ปรากฏการณ์ที่เห็นในระยะสองสามปีให้หลังมานี้ เราได้เห็นว่าต่อมดราม่าของพวกเราตื้นลงเรื่อยๆ
อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ที่คิดๆ กันไว้มันจะจริงไหม

หากคุณเบื่อบทความรีวิวมือถือ.. นี่คือรีวิว HTC EVO 3D

ย่อหน้าบนๆ นี่อ่านข้ามไปก็ได้ครับ ถ้าคุณเผลอหลุดเข้ามาทางกูเกิลเพื่อจะดูแค่มือถือมันเป็นยังไงน่ะนะ
แต่ถ้าอยากให้ได้อรรถรสเพิ่มเติม .. ก็อ่าน.. ไม่สิ ก็อย่าอ่านเลย ผมอ่านแล้วสงสาร HTC เขา :30:

ต้องเล่าดักไว้ก่อนว่าผมเขียนรีวิวนี้ด้วยความเกรงใจทาง HTC อย่างแรง
เพราะก่อนหน้านี้เขาเชิญไปงานเปิดตัวที่ชื่อว่า HTC Blogger Day ครั้งที่ 2
แล้วก็ให้มือถือเครื่องนึงมารีวิว ผมก็เอามาดองไว้ ว่าจะรี จะรี แล้วก็ไม่ได้รี เพราะใช้แล้วไม่ชอบ :30:
ต่อมาเขาก็ส่งมาอีกเครื่อง ประมาณว่าถ้ามึงไม่่เขียนอะไรให้กู กูก็จะส่งมาเรื่อยๆ แบบนี้ละนะ
เครื่องที่สองคือ HTC ChaCha ครับ อันนี้ทวีตชมไปเยอะแยะเชียว แต่ไม่ได้ว่างมาเขียนรีวิวให้เขาอีกละ

แล้วเขาก็ดันชวนมางาน HTC Blogger Day ครั้งที่ 3 อีก! เอาเข้าไป! คือนี่กูอายแล้วนะเนี่ย!
คือต้องบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้อยู่ในวงการรีวิว ทีแรกคิดว่าคนรีวิวเขาได้ตังค์มาเขียน (เอ๊ะหรือได้จริงๆ หว่า)
สำหรับ HTC แล้วเขาไม่ได้จ้างเป็นเงินครับ แต่เอาของกินในงานเลี้ยง มาล่อให้นักเขียนออนไลน์มารุมๆ ดู
เสร็จแล้วก็ให้มือถือมายืมเล่นเครื่องนึง เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วค่อยคืน ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
แต่พอถึงเวลาเขาจะมาขอ URL ลิงก์ที่เราเขียนถึงสินค้าเขาว่าเป็นตายร้ายดียังไง อ้าวเฮ้ย!

ก็ถือว่านี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เมื่อเทียบกะเอาไปลงหนังสือพิมพ์ ที่แพงกว่า แต่เห็นแว้บเดียวแล้วก็ทิ้ง
แต่นี่พอให้คนเขียนรีวิว (ซึ่งมันก็คือการโฆษณา) ข้อความเหล่านี้ก็จะคงอยู่ในเน็ตไปอีกนานแสนนานเอย

แหม พอเขียนแบบข้างบนไปแล้ว ก็เสียวว่า HTC คงจะไม่ส่งอะไรมาให้ผมเล่นอีกเลยก็เป็นได้ :30:

เอ้า เข้าเรื่อง
ในงาน Blogger Day ที่ว่า เขาเปิดตัวมือถือรุ่นนึงึ่งเป็นหนึ่งในเรือธงของค่ายครับ มันคือ HTC EVO 3D
เป็นมือถือรุ่นเมพ หน้าตาก็อย่างที่เห็น ผมเคยดูในรูปตามเว็บแล้วไม่สวย แต่ของจริงดันสวยแฮะ
พอเขาให้มาลองเล่นเป็นเวลาครึ่งเดือนปั๊บ ผมก็จัดการแงะซิมจากมือถือเครื่องปัจจุบันออกมาเสียบแทนทันที

ผมใช้ HTC Legend มาได้แค่ปีกว่าๆ เองครับ แต่วงการมือถือก็สะกดจิตให้รู้สึกว่ามันเก่าตกรุ่นเสียเหลือเกิน
คือมันก็ยังใช้ได้ตามปกตินะ แม้สภาพเครื่องจะแย่สักหน่อยเพราะทำตกมาแล้วหลายรอบ แต่ข้างในก็ยังดีอยู่
ดังนั้นการกล่าวถึง HTC EVO 3D เครื่องนี้จึงเลี่ยงไม่ได้ ที่จะเจือไปด้วยอคติ-เปรียบเทียบกะอีแก่ของผม

สเป็กและคุณสมบัติโดยรวมของ EVO 3D

ระหว่างที่เขียนบทความนี้ ผมได้จ้างผู้รู้และกูรูกว่าสามร้อยท่านให้มาช่วยเขียนไว้แล้ว กรุณาอ่านเอาเองที่นี่
ที่จริงจะบอกว่าตัวเองไม่เคยสนใจค่าตัวเลข ความเร็ว ขนาดจอหรือชิปเชิปอะไรเลยครับ
นี่ใช้มาหลายวันจนคืนเครื่องเขาไปแล้วยังไม่รู้เลยเนี่ย รู้แต่ว่า

  • จอใหญ่ฉิบหาย
  • วัสดุเจ๋งฉิบหาย
  • เครื่องเร็วฉิบหาย
  • กล้อง 3D เมพฉิบหาย

ทีนี้จะมาว่ากันด้วยรายละเอียดปลีกย่อยนะครับ เริ่มด้วย..

htc evo 3d vs htc legend

จอใหญ่ฉิบหาย

ผมใช้มือถือจอเล็กครับ ก็อีเครื่องที่อายุได้ปีกว่าๆ นั่นแหละ
พอเอามาเปรียบเทียบขนาดกับอีเครื่องยักษ์ด้านซ้ายนี่ เลยกลายเป็นมือถือพ่อลูกกันเลย


เนี่ย พอเอามาถือ จะพบว่าแถบแจ้งเตือนมันอยู่ไกลเกินอุ้งมือไปเยอะ

null
แล้วแอนดรอยด์นี่ยังไงก็ต้องใช้แถบที่ว่าซะด้วย
นี่ขนาดมือผมว่าใหญ่แล้วนะ แต่การจะเอานิ้วโป้งเลื่อนลากลงมาบ่อยๆ นี่เล่นเอาเส้นยึดเหมือนกัน
ดังนั้นทางแก้ก็คือ รีบตบตีพ่อแม่บ่อยๆ ตายไปเป็นเปรตจะได้ใช้มือถือยักษ์ๆ นี่ถนัด
หรือไม่ก็ใช้มันซะสองมือ (มือถือที่ออกแบบมาให้ใช้สองมือนี่ก็ประหลาดๆ อยู่นะ –ก็บีบีไง)

null
แต่ความดีของมันก็คือ เวลาอ่านอะไรแล้วใหญ่เบ้ง ชัดแจ่มเต็มตาเลยครับ
ไม่รู้คนอื่นเขาใช้มือถือเพื่ออะไร แต่ผมนี่ชอบดูดฟีดข่าวไว้อ่านตอนเช้า (ตอนขี้นั่นเอง)
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ HTC ที่รับเครื่องนี้กลับไปก็ให้ระวังไว้นะครับ เพราะมือถือเครื่องนี้ผ่านการขี้มาแล้ว

null

วัสดุเจ๋งฉิบหาย

ไอ้ลายเลื่อมๆ ขยักๆ ขรุขระๆ ด้านหลังนี่เหมือนเป็นดอกยางล้อรถครับ
จับแล้วไม่ลื่นเด็ดขาด เสียวแค่ว่าเวลาเราหยิบขนมกินแล้วลืมดูดนิ้วไปจับมันก็จะมีคราบติดตามร่องจนได้
เวลาจับใส่กระเป๋ากางเกง มันจะครูดกับขอบกระเป๋าดังกรื๊ด~ ให้ตกใจเล่น
แต่ยอมรับว่าวัสดุมันเนี้ยบดีครับ ไม่กระจอกเหมือนของ Samsung ในระดับราคาเดียวกัน
(ผมจำขี้ปากเขามาครับ ยังไม่รู้เลยว่าแซมซังมันราคากี่บาท และเอ้อ.. อีเครื่องที่เล่นอยู่นี่มันกี่บาท)
ความที่วัสดุมันไม่เหมือนพลาสติกกระจอกๆ ก็ทำให้รู้สึกว่า เออ ดูแพงหน่อย เอาไว้ถือหันอวดชาวบ้านได้

null

ทีนี้ปัญหา (ที่ไม่ใช่ปัญหา) ก็คือมันใส่ซิมยากเกินไปเยอะเลยครับ เพราะมันติดฝาหน้าหลังได้เนี้ยบมาก
ทำให้แงะยาก พอแงะฝาหลุดปั๊บก็เสียบซิมยาก แต่ก็นะ เราคงไม่ได้บ้ามาเสียบซิมบ่อยๆ กันหรอกใช่ไหม
หมายเหตุ: สังเกตซิมในภาพผมเป็น Orange รุ่นหนึ่งครับ ทุกวันนี้ใช้โปรญาติพนักงานอยู่ เลยไม่ย้ายค่ายซะที
ว่าแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นโฆษณาออเร้นจ์เลย เดี๋ยวจะย้ายค่ายไปดีพร้อมพ์แล้วนะ เอ๊ะหรือ GSM 2 วัตต์ดี?

เร็วฉิบหาย

ก็อย่างที่บอกไว้ข้างบนว่าผมไม่ได้ไปสนใจตัวเลข (จริงๆ มนุษย์นักรีวิวที่ดีมันควรจะสนใจใช่ไหม แต่กูไม่ใช่)
แต่ให้รู้ว่าไอ้เจ้าอินเทอร์เฟซที่ HTC เขาทำมาครอบแอนดรอยด์ปกติน่ะ มันเอามาปั่นเล่นได้ สนุกมากครับ
ใครมีมือถือของค่ายนี้รุ่นใหม่ๆ ที่เขายัด Sense UI ไว้ ก็ลองเอามาถูปั่นๆ ซ้ายขวาเล่นนะ โคตรเพลินเลย
ได้อารมณ์เหมือนไปซื้อโรตีสายไหมที่หยอดแล้วกดสวิตช์เสี่ยงว่าจะได้กี่อันน่ะ (ผมโดนอาบังหลอกประจำ)
ทีนี้ประเด็นคือผมขี้รำคาญครับ อะไรที่มันแต่งมาสวยๆ เนี้ยบๆ จะไม่ไว้ใจ
ยิ่งวิดเจ็ตพยากรณ์อากาศที่มีก้อนขี้เมฆแดดส่องนี่โคตรงดงามเลยครับ แต่เราจะดูพยากรณ์อากาศกันทำไมวะ
ในเมื่อกรมอุตุของเราช่างคูลขนาดนี้ ..วันไหนทั่นทายว่าแดดออกก็เตรียมพกร่มออกจากบ้านได้เลยครับ
ฉะนั้นผมเองไม่ชอบความ “สวยแต่เยอะ” ของมัน เลยโหลด GO Launcher มาลงทับดังภาพบนสุดนู่นซะ
นอกนั้นพวกเกมสามมิติหรืออะไรนั่น ไม่ได้ลองทดสอบเลยครับ ไปหาอ่านเอาที่อื่นก็ได้เหอะ

null
null

กล้อง 3D เมพฉิบหาย

จุดขายของรุ่นนี้คือมันมีคำว่า 3D พ่วงท้าย ก็ต้องบอกก่อนครับว่าทุกคนที่เห็น “จำเป็นต้องตื่นเต้นให้ได้นะ”
คือมันเมพไงครับ หน้าจอ 3 มิติแบบไม่ต้องใส่แว่น มันใช้หลักการเอากระจกเป็นฟันปลาซ่อนไว้ใต้แผงจอ
แล้วก็เอากระจกเรียบมาทับไว้ พอเปิดโหมด 3D ปั๊บเราก็จะเห็นภาพมีมิติเหมือนไม้บรรทัดตอน ป.3 เลย!
ทุกคนที่ซื้อรุ่นนี้มา ยังไงก็อดที่จะอวดชาวบ้านไม่ได้ครับ เห็นแล้วก็ขยันไปโหลดคลิป 3 มิติจากยูทูบมาลง
อ้อ.. มันมีแอปชื่อ JetVD ครับ เอาไว้โหลดยูทูบได้ ไป search หา 3D Trailer หรืออะไรงี้มีเพียบ
อย่างข้างบนคือ MV วง SNSD แบบ 3D ที่นูนเว้าจนแทบจะล้วงได้ จึงเหมาะกับการอวดเพื่อนให้มันหื่นเล่น

null
ส่วนโหมดถ่ายภาพและวิดีโอนั้นก็เลือกได้ว่าจะเอาโหมด 2D หรือ 3D ครับ โดยภาพจะยาวกว่าปกติหน่อย
คือมันมีสวิตช์ให้เลื่อนสลับโหมดที่เข้าใจง่ายดี แถมมีปุ่มชัตเตอร์อันเท่าเห็บเกาะอยู่ข้างเครื่องอีกอัน
ส่วนข้อสังเกตคือไม่รู้เครื่องอื่นเป็นไหม แต่เครื่องที่ผมลอง ปุ่มชัตเตอร์มันจะดูหลวมๆ ขยับได้นิดหน่อย

null
เวลาถ่ายภาพแล้ว ภาพที่เป็น 3 มิติมันจะเป็นนามสกุลแมวอะไรไม่รู้ที่เอาไปใช้ที่ไหนก็ไม่ได้ ฮ่วย!
ยกเว้นจะดูในเครื่องนี้เท่านั้น หรือไม่ถ้าอยากให้ชาวบ้านดูก็ share ออกเป็นภาพ 2 มิติธรรมดาๆ ซะ
หลักการของอีภาพ 3 มิตินี่คือต้อง 3D ที่เนื้อภาพเองด้วย และตัวเล่นต้องสามารถเล่น 3D ได้ด้วยครับ
ไม่งั้นจะเป็นแบบคลิปข้างล่างนี้..

เนี่ย ยูทูบมันรองรับคลิปที่เป็น 3D นะครับ แต่ว่าต้องเอาไปเล่นใน Player ที่รองรับความสามารถนี้ด้วย
ไม่งั้นมันก็จะกลายเป็นภาพ 2 ภาพบีบๆ ซ้ายขวาแบบนี้แหละจ้ะ
(ขอบคุณ @kejuliso และเขี้ยวเสือสำหรับคลิปข้างบน แต่ถ้าจะดูเขี้ยวเสืออย่างเดียวก็จิ้มที่นี่ครับ)
อ้อ รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เริ่มมีจอที่เป็น 3 มิติขายกันตามห้างแล้ว ใครอยากลองก็ไปหาซื้อมาละกันครับ

อ้อ.. ไอ้กล้อง 3D และภาพ 3D นี่ ระยะเห่อของมันอยู่ที่ไม่เกิน 10 วันครับ
หลังจากนั้นก็จะบรรลุธรรมว่ากูขอถ่ายแบบธรรมดาๆ แทนละกัน ปวดกบาล :30:
ซึ่งถามว่ากล้องในโหมด 2 มิติธรรมดาทั่วไปเนี่ย มันโอเคไหม ..โอเคนะ

null

ข้อเสีย

จอมันสัมผัสไวมากครับ ไวจนกดพลาดบ่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ นี่เป็นอุปสรรคในการใช้งานจริงๆ นะ
คือบางครั้งตอนเอานิ้วไปแหย่ใกล้ๆ ปุ่มเนี่ย ขนาดยังสัมผัสไม่โดนมันก็ดัน active เสียแล้ว

null
อีกอย่างนึงคือปุ่มที่เรียงกัน 4 ปุ่มด้านล่างเนี่ย นอกจากจะไวแล้ว มันยังชิดมุมเครื่องเกินไปอีกล่ะ
หลายครั้งจะเจอปัญหาแบบที่ว่า จะจับมือถือเป็นแนวนอนเพื่อเตรียมถ่ายภาพ แล้วอุ้งมือไปโดนปุ่ม Home
หรือไม่ก็ตอนถือด้วยมือซ้ายแล้วเอื้อมนิ้วโป้งไปบนๆ ของจอแล้วอุ้งมือมันไปโดน Home อีกละ
อันนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับบางคน ที่สนเรื่องตัวเลขสเป็กมากกว่าการใช้งาน
แต่มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผู้ใช้แบบผมครับ (เอ๊ะนี่หรือมือถือมันไม่เลือกคนอย่างกูก็ไม่รู้สินะ)

ตกลงว่ารุ่นนี้มันน่าซื้อไหมเนี่ย

ถ้าคุณเป็นพวกขี้อวด รุ่นนี้แหละโคตรจะตอบโจทย์เลย ..รีบซื้อเลยครับ
ถ้าคุณไม่เห็นว่าจะต้องใช้กล้อง 3D ไปทำอะไรในชีวิตประจำวันแบบธรรมด๊าธรรมดา ..อย่าซื้อครับ
สรุปว่าถ้าคุณมีตังค์เหลือพอจะหาอะไรหล่อๆ ไว้อวดหญิงละก็ ..ไปซื้อมินิสักคันเถอะครับ

ขอกล่าวสดุดี Facebook Timeline

หลายปีที่ผ่านมาผมด่าเฟซบุ๊กมาโดยตลอด
คือมันดันเป็น Hi5 ที่ใช้โคตรยากและไม่สนุก ทุกคนต้องทำตามกติกาที่มันกำหนดไว้
จะดิ้นไม่ได้ สร้างสรรค์อะไรสนุกๆ ไม่ได้ ติดกรอบแม่งตลอด และเป็นแบบนั้นเสมอมา
เรื่องน่าปวดกบาลก็คือมันดันเป็นเว็บที่คนติดกันมากๆ .. มากที่สุดในโลก
แต่ระหว่างนั้นก็ต่อเติมอะไรไม่รู้เข้ามายังกะตึกนิวเวิลด์ที่บางลำภู จะถล่มแหล่มิถล่มแหล่
จนกระทั่งพักหลังๆ ที่มี Google+ มาแข่งด้วยเนี่ย ยิ่งลอกกันเละเทะรายวัน

ไม่รู้มีใครรู้สึกเหมือนกันไหมว่า ที่ผ่านมาการอวยพรวันเกิดเนี่ยแม่งหมดขลังสิ้นดีเพราะอีซักกะเบิกแท้ๆ
หรือการบันทึกความประทับใจอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น แล้ววันเวลาก็จะพาให้มันพร่าเลือนไปเนี่ย
มันเป็นสุดยอดเสน่ห์ของโลกอะนาล็อก ที่คนยุคก่อน MP3 ไม่มีทางเข้าใจเลยนะ

แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องคนแก่เอาไว้คุยกัน วันนี้เด็กๆ ยังไม่เข้าใจหรอกว่าเราจะมารำลึกอดีตกันทำไม
เพราะข้อความที่ทวีตออกไป หรือโพสต์อะไรออกไป มันคือ “ปัจจุบัน” เท่านั้น
ทุกคนทุกค่ายแย่งกันเป็นปัจจุบัน ไม่มีใครชอบบ้าสะสมเหมือนคนยุคซื้อเทปสะสมซีดีกันอีกแล้ว

สำหรับโลกออนไลน์ ผมใช้ทวิตเตอร์เป็นหลัก กูเกิลพลัสเป็นรอง ในการแบ่งหรือบ่นในชีวิตประจำวัน
แต่ก็ได้ประกาศอยู่บ่อยๆ ว่าอยากติดเฟซบุ๊กบ้าง แต่ทำยังไงก็ไม่ติดซะที แม่งไม่ใช่ทางของเราเลยอะ
จนหลังๆ ต้องตั้งเป็นหน้า Home จะได้ติดกะเขาบ้าง (อาจดูกระแดะ แต่สาบานได้ว่าพยายามจริงๆ)
ทีนี้ทุกเครือข่ายมันมีปัญหาคือเราดันไม่มีที่ไว้ “เก็บอดีต” เลยว่ะ อดีตมันจมหายไปหมดเลย

และแล้ว การเปลี่ยนแปลงล่าสุดเมื่อคืน เฟซบุ๊กก็ทำได้ และชนะแบบที่คิดว่ามึงเอาโลกไปเลย
นั่นเพราะพี่แกเปิดตัวหน้า Profile แบบใหม่ที่ชื่อ Timeline (อ่านเอาจาก faceblog นะ)
นั่นทำให้เราสามารถคลิกลากไถดูประวัติของตัวเอง หรือของเพื่อนได้ จะย้อนไปศักราชไหนก็ได้
จะสำคัญหรือไม่สำคัญก็เอาเหอะ คนออกแบบเขาทำให้เราไถย้อนกันไปได้อย่างเร็ว
เร็วจนไปขุดเอาเรื่องที่เคยหัวเราะร้องไห้กันมาตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาให้เป็นบทสนทนากันอีกครั้ง

เฮ้ย สำหรับมนุษย์วัยนี้ ที่คาบเกี่ยวระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์นี่มันสุดยอดเลยนะ!

ความซวยไปตกอยู่ที่ทวิตเตอร์ ที่ดันจำกัดการย้อนดูไว้แค่ 3200 ทวีตล่าสุด
ที่ผ่านมาผมหาที่เอาไว้เก็บทวีตเก่าๆ แต่มีคุณค่าอยู่พักนึง แต่ก็ไม่ได้อันที่ถูกใจ (และฟรี) สักที
ที่ผ่านมาผมเลยสั่งให้ทวิตเตอร์มันโยนทุกข้อความที่เราทวีต ไปโผล่กองๆ เกะกะในเฟซบุ๊กไว้ซะ
ไม่คิดว่าวันนึงอยู่ดีๆ อีไทม์ไลน์แบบนี้จะโผล่มาเป็นเครื่องมือที่อยากได้เลยครับ (วิธีเปิดใช้งาน)
คือมึงตอบโจทย์กูทุกอย่างเลย ก็เล่นเก็บข้อความย้อนหลังได้ตั้งแต่ปีมะโว้ที่สิบหกเลยนะ
ที่สำคัญดันพรีเซนต์ออกมาหน้าตาดูดีโคตรๆ ซะด้วย

iannnnn's facebook timeline

ที่สำคัญอย่างยิ่งยงยอดบัวงาม ก็คือมันแต่งหน้ากากได้ (แต่พอสมควร ไม่ได้เปรอะเหมือนฮิห้า)
เป็นความสามารถที่น่ารักที่สุดเท่าที่จะคิดได้ของเว็บนี้แล้วครับ!
คือก่อนหน้านี้มันแห้งแล้งสุดๆ แต่ตอนนี้ทุกคนสามารถใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้
และต่อไปเทรนด์ใหม่ที่จะทยอยโผล่ตามมาก็คือทำหน้า Profile จ๊าบๆ มาอวดกัน
ทำให้ Facebook Profie นี้มีศักดิ์ศรีพอที่จะเอาไว้เป็น “บัตรประชาชนออนไลน์” จริงๆ ละ

ว่าแล้วก็หัดเล่นเฟซบุ๊กจริงๆ จังๆ ให้ติดแบบที่ชาวบ้านเขาคิดกันมาเป็นชาติแล้วมั่งดีกว่า
เพราะเริ่มเห็นอนาคตแล้วว่าถ้ามึงคิดได้ขนาดนี้ เว็บนี้ก็น่าจะมีอนาคตไปอีกชั่วฟ้าดินสลายแน่นอน

อ้าว แล้วกูเกิลพลัสที่รักของฉันล่ะ

บาร์แคมป์ บางเขน ครั้งที่ 2

ตั้งโจทย์ไว้ว่าบล็อกนี้จะเขียนให้จบในห้านาที
โดยอาศัยจังหวะช่วงคาบว่าง (จริงๆ แล้วเป็นคาบที่ไม่มีอะไรฟัง) มาเขียน
(เขียนก่อนงานเขาจะเลิกนี่คงไม่เสียมารยาทเนอะ)

ผมมางานบาร์แคมป์บางเขนครับ
ก่อนหน้าที่จะมาเนี่ยก็คุยกะเมีย เมียเห็นว่าช่วงนี้งานเหนื่อยและไม่ชิวเลย ยังจะมาอีกเหรอ
เลยบอกว่า มันเป็นการพักผ่อนเดียวในช่วงเดือนนี้เลยนะ (ใช่ครับ ความสุขของเด็กเนิร์ด!)
ก็เลยได้มา

สนุกครับ งานนี้มันส์กว่าคราวที่แล้วที่จัดเป็นครั้งแรก
ถามคุณน้องที่เป็นหนึ่งในผู้จัดก็เลยได้รู้ว่าคราวก่อนโยนหินถามทาง
พอโยนเจอทางแล้วก็จัดคราวนี้ และก็คนมากันล้นหลาม! แถมงานก็สนุกดี!
ที่สำคัญคือ เสื้อสวยเหมือนเดิม!

หมดไปหลายนาทีแล้ว ขอแปะภาพ (จาก Flickr)

P1130669
มาถึงงานก็คิดว่าเป็นงานแสดงมุทิตาจิต ถึงกับเหวอ :48:

P1130670
มีให้แปะๆ โหวตด้วย สังเกตว่าคราวก่อนเป็นแปะ Like แต่คราวนี้ +1 กินขาด

P1130682
คงเป็นที่การออกแบบปุ่มด้วยแหละ เอามาวางแข่งกัน ปุ่ม +1 มันเข้มๆ เด่นๆ จะตาย

P1130672
ตอนเช้าไปฟังทีม Pantip3G มาโฆษณาพันทิปเวอร์ชันใหม่ครับ
เขาบอกว่าน่าจะได้เปิดวันทดลองใช้วันนึงในปีนี้แหละ แล้วเก็บเกี่ยวผลตอบรับปิดไปพัฒนาอีกพัก
เจ๋งดี พันทิปมันต้องแบบนี้แหละ! (ผมชอบโลโก้ใหม่ด้วยนะครับ)

P1130677
อันนี้เซอร์ไพรส์มาก ทีมแบไต๋ไฮเทคมาโฆษณาแอปแมกกาซีนในไอแพด
คือมาแบบแปะโหวตเหมือนชาวบ้านนี่แหละครับ ไม่ได้อำมาตย์อะไร
แต่พี่พิธีกรทั้งสามคนแกจัดเต็มโคตรๆ เรียกว่าเป็นแบไต๋เวอร์ชันดาร์ก ไม่เหมาะสำหรับเด็กเด็ดขาด!
แต่เฮ้ย แบบนี้เอาคนดูอยู่ครับพี่ ขอชื่นชม ผมไม่ได้ฮาแบบนี้มานานแล้วครับ :30:

P1130681
เนี่ย ต่อคิวกินข้าวโรงอาหารเหมือนประชาชนทั่วไป
(อาหารอร่อยโคตรๆๆๆๆ ครับ อยากจะเบิ้ลแต่ดูพุงตัวเองแล้วต้องหยุดใจไว้)

P1130685
มี Kinect ให้เล่นด้วย เป็นไฮไลต์หน้างานเลยแหละ

P1130686
นอกนั้นก็ Sessions อื่นๆ จ้ะ (ตามอ่านได้จาก #bkbc)
เลยห้านาทีจนได้ หมดคาบแล้ว ไปล่ะ!

HLP Hackathon: ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมาโค้ด

ไม่ใช่แค่สามวัน..
ไม่ใช่แค่หนึ่งอาทิตย์ หรือสอง หรือสามอาทิตย์
แต่นี่ล่อไปเดือนกว่าๆ หลังจากจบงานหัวลำโพงแหกกระท้อน ข้าพเจ้าถึงเพิ่งมาเขียนถึงมัน
มองยังไงก็ไม่มีแง่ดีให้เห็น เว้นแต่ว่านี่คือการประกาศว่าเฮ้ย เราไม่ต้องรีบเสพข้อมูลกันนักก็ได้!
แต่นั่นมันก็แค่ข้ออ้างล่ะนะ :39:

อ้ะเข้าเรื่อง

ขอเกริ่นก่อนนะครับ
คือผมเพิ่งมานึกได้ว่าตัวเองแทบไม่เคยเขียนบล็อกเรื่อง “หน้าที่การงาน” เลย
จนบางทีใครผ่านเข้ามาอ่านต้องคิดว่าไอ้นี่มันเลี้ยงปากท้องด้วยการเปิดเว็บตลกหากินแน่ๆ
จริงๆ แล้วตอนนี้ผมกลับมาทำงานบริษัทอีกครั้งเพราะโดนพี่เม่นหลอกให้มาอยู่ที่สามย่านครับ

“สามย่าน” เป็นบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่น้องใหม่เอี่ยม ที่ไม่ได้มีออฟฟิศอยู่ที่สามย่านนะ
(โดนถามประจำจนเกือบเตรียมป้ายคำตอบสำเร็จรูปเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ละ – ตูไม่ได้อยู่ที่สามย่านโว้ย!)
เช่นเดียวกับ “หัวลำโพง” (ซึ่งก็ไม่ได้อยู่หัวลำโพงเช่นกัน) ที่เป็นบริษัททำอะไรก็ได้ให้ไปโผล่ในมือถือ
สองเจ้านี้นอกจากจะลงรถใต้ดินอยู่สถานีใกล้กันแล้ว ยังเป็นดั่งเครือญาติกันกลายๆ อีกด้วย

แล้ววันหนึ่งหัวลำโพงกับสามย่านก็ร่วมมือกันจัดงานนี้ขึ้นมาครับ

แถ่แน้มมมม~♫

อธิบายโดยสังเขป:

สำหรับใครที่เคยดูหนังต้นกำเนิดศาสดาซักกะเบิก – The Social Network
มันคือฉากที่ Facebook รับสมัครคนเข้าทำงานด้วยการแข่ง “โค้ดแบตเทิล” กัน (กดดูก่อนจะได้เก็ต)
โดยไม่ให้แข่งแบบสบายๆ นะ เพราะอีโปรแกรมเมอร์ที่มาแข่งทุกคน ต้องโดนกรอกน้ำเมาไม่อั้น
ความท้าทายมันอยู่ที่เหล่าผู้แข่งขันเนี่ย นอกจากจะมึนกับโค้ดแล้ว ยังต้องโดนอุปสรรคอย่างอื่นขัดขวางอีก
บรรยากาศการแข่งจันจึงไม่ใช่แค่มาแข่ง / ตัดสิน / ประกาศผล / จบ แล้วกลับบ้านไปแบบสาระเต็มเปี่ยม
แต่ต้องเป็นการ “ดวลวิชา เขียนโปรแกรมกันสดๆ และต้องสนุกโคตรๆ” โอว.. ท้าทายยิ่งนัก
ซึ่ง@nuuneoi และหัวลำโพงก็ถูกจริตกับอะไรแบบนี้เข้าอย่างจัง
จึงดำริว่า อยากจัดอะไรแบบนี้มั่งในประเทศไทย!

ก็เลยออกมาเป็นงาน Hua Lampong Hackathon ครั้งแรกในโลกครับ!
(เว้นแต่จะมีสักประเทศที่เผอิญมีเมืองหัวลำโพงและจัดงาน Hackathon ตัดหน้าไปแล้ว)

ดูคลิปกันก่อน อันนี้ทำโดย @vbanku มือกราฟิกและตัดต่อของสามย่านจ้ะ

เมื่อหัวลำโพงเป็นเจ้าภาพหลัก ที่คิดเรื่องโจทย์สารพัดในฝั่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีวันรู้เรื่อง
และทีมสามย่านก็โดดมาทำให้งานนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง (และให้มนุษย์เข้าใจ) ครับ

แต่เนื่องจากงานนี้มันผ่านไปตั้งสองอาทิตย์แล้ว จะเขียนรายละเอียดก็ลืม 555
ก็เลยขอสรุปให้อ่านเป็นหัวข้อๆ ละกันนะครับ เผื่อใครอยากจะจัดบ้าง เราก็ยินดีช่วยเหลือครับ

Hackathon

เตรียมงาน

  • ต้องบอกก่อนว่าทั้งทีมสามย่านและหัวลำโพงต่างก็มีงานประจำที่ยุ่งกันทั้งคู่
    ดังนั้นงานนี้ถ้าเทียบกับกูเกิล จึงน่าจะเรียกได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่าง 20% ของพนักงาน
  • อ้อ แต่ความว่างของพนักงานของทั้งคู่เกือบเป็น 0% ครับ
  • ทางหัวลำโพงที่เป็นแม่งาน วางกรอบกติกา รวมถึงเตรียมการด้านเทคนิคต่างๆ
    ตั้งแต่คอนเซปต์ โจทย์ กติกา และระบบที่ใช้รองรับการแข่งขัน
  • ส่วนทีมสามย่านก็เตรียมการในด้านอีเวนต์ทั้งหมด ทั้งเรื่องการจัดงาน ประสานงาน ฯลฯ
  • ติดต่อสถานที่ ขอขอบคุณ CS Loxinfo ที่สนับสนุนและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีครับ
  • คิดกิจกรรม รูปแบบงาน กติกา รางวัล บรรยากาศ-โทนงาน และอาร์ตไดเรกชัน-กราฟิกที่ใช้
    (ตอนเสนอโทนสิบล้อๆ ไปนี่ เสียวมาก กลัวท่านจะไม่ให้ผ่าน แต่ก็ผ่าน กร๊าก :30:)

Hackathon

การแข่งขันรอบคัดเลือก

  • การแข่งขั้นตั้งใจจะให้วันจริงมีคนไปประลองกันประมาณ 20 คน
    ดังนั้นจะต้องมีการคัดกรองฝีมือกันก่อนในรอบคัดเลือก ก็เปิดให้แข่งกันแบบออนไลน์ซะเลย
  • การแข่งขันมีขึ้นในเวลาสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่โปรแกรมเมอร์ตาสว่าง :30:
  • แจกโจทย์กันบนเว็บ เริ่มทำพร้อมกันและปิดรับคำตอบตอนเที่ยงคืนเป๊ะ รวม 3 ชั่วโมงพอดี
  • ทีแรกกะว่ารอบคัดเลือกนี้เอา 2 รอบละกัน แต่ปรากฏว่าโจทย์ยากไปจนมีเสียงครวญมาจากผู้ท้าชิง
    ดังนั้นทางทีมงานจึงเพิ่มรอบให้อีก 1 รอบ จึงได้ผู้ผ่านเข้ารอบชิงทั้งหมด 14 ทีมพอดี
  • 14 ทีมที่ว่านี่ บางทีมมีคนเดียว บ้างก็มี 2 คนตามกติกา แต่รวมแล้วได้ 19 ชีวิต (จาก 300 กว่าผู้ท้าชิง)

Hackathon

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ

  • การแข่งขันมีขึ้นตั้งแต่เที่ยงครึ่งของวันที่ 23 กรกฎาคม 2554 ที่ CS Loxinfo อาคารไซเบอร์เวิลด์ รัชดา
  • ผู้เข้าแข่งขันมากันพร้อม ผู้ชมเอยทีมงานเอยก็นับได้เป็นร้อยๆ ชีวิต พอดิบพอดีกับขนาดของสถานที่จัด
  • มีวงดนตรีที่ติดต่อผูกปิ่นโตไว้คือ iHear เจ้าเก่า มากันครบวง!
  • ถ่ายทอดสดกันแบบออนไลน์โดยทีมงาน FukDuk เจ้าเก่าอีกเช่นกัน ..นี่มันดรีมทีมแล้วนะเนี่ย
  • จริงๆ ก่อนวันงานผมตั้งใจว่าจะถ่ายทอดสดส่วนตัว ด้วยการเปิด Hangouts อีกวงไว้เหมือนกัน
    แล้วก็ให้ผู้แข่งขันหรือผู้ชมในงานมาร่วมพูดคุยกับผู้ชมทางบ้าน หรือจะเปิดวงเองก็ว่าไป
    เพราะการถ่ายทอดสดเดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเรื่องง่ายแสนง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้เองกันแล้ว
    แต่พอเอาเข้าจริงๆ ดันยุ่งจนลืมครับ ไม่งั้นคงเอามาอวดได้แล้วว่าทำไอ้แบบนี้คนแรกเลยนะ 555

Hackathon

กติกาการประลอง

  • ชี้แจงกติกากันก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วให้เริ่มทำสามชั่วโมง แต่ถ้าไม่เสร็จก็ขยายให้อีกชั่วโมง
  • กติกาคือทุกทีมจะมีแผ่น QR Code ว่างๆ ไว้ การพิชิตโจทย์ได้แต่ละข้อ จะได้คำตอบออกมาเป็นบิต
    แล้วเอามา “ฝน” ใส่แผ่น QR ที่แจกให้ .. อ้อ ต้องฝนในคูหาที่จัดเตรียมไว้ให้ด้วยนะครับ
  • ใครที่ฝนเสร็จแล้วจะมี QR MAN คอยยิงกล้องมือถือส่องตรงหน้าคูหา
    ถ้าเกิดโค้ดติดออกมาเป็นรหัสผ่านปั๊บ ก็เตรียมเฮได้เลย แล้วเอารหัสผ่านนั้นไปไขกุญแจสุดท้าย
  • ตอนนี้ในเว็บของงานมีแจกโจทย์ให้เอาไปทำเล่นพร้อมกติกาละเอียดด้วยครับ กดโหลดโลด
  • และหน้านี้คือกุญแจที่ว่าไว้ด้านบน สังเกตว่ามีการเนียนโฆษณาเว็บบางแห่งด้วยหละ ฮิฮิฮิฮิฮิหุฮิหุ
  • ถ้านับกันแค่กติกาตรงนี้ ความสนุกและท้าทายมันก็ทะลักอยู่แล้ว
    แต่สำหรับ HLP Hackathon.. เก่งอย่างเดียวไม่พอครับ ต้องดวงดีด้วย
    เพราะ QR Code เป็นรหัสที่สามารถอ่าอนุโลมให้ผิดพลาดได้ประมาณ 20-30%
    นั่นแสดงว่า แม้จะตอบคำถามไม่หมดทุกข้อ แต่บางข้อที่ตอบได้ดันไปลงล็อกพอดีก็ลัคกี้แมน

Hackathon

เท่านั้นยังไม่พอ

  • ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดข้างบนคือกติกาแบบใสสะอาดครับ
    แต่ก็นะ เราคงไม่ยอมให้การแข่งขันเป็นไปด้วยความมาคุแน่ๆ ก็เลยเตรียมพิธีกรรมป่าเถื่อนไว้จำนวนมาก
    (ตรงไหนที่ทำลิงก์ไว้ก็คือมีภาพประกอบนะครับ คลิกไปดูเพื่อเพิ่มอรรถรสได้)
  • อ่านถึงตรงนี้แล้วอยากให้นึกหน้าทีมงานตอนนั่งปวดกบาลว่า แล้วตูจะคิดวิธีแกล้งยังไงดีวะ
    เพื่อไม่ให้โปรแกรมเมอร์รู้สึกว่า “มึงจะอะไรของมึงวะ กูมาแข่งเขียนโปรแกรมนะเว้ย”
    (คือเรามีภาพเหมารวมของโปรแกรมเมอร์ไทยไว้ว่าต้องค่อนข้างเก็บตัวและไม่ค่อยฮาไงครับ)
  • ดังนั้นวิธีการแกล้งก็คือเราจะมีนาฬิกาปลุกเชยๆ หนึ่งเรือน เอาไว้เตือนทุกๆ 15 นาที
  • พอถึงนาทีที่ 15 ปั๊บ นาฬิกาปลุกดัง ทุกอย่างต้องหยุด! ผู้แข่งขันทุกคนต้องปล่อยมือ
    และปฏิบัติตามธรรมเนียมหนึ่งข้อ นั่นคือ ..หมดแก้ว (มีพริตตี้คอยรินเครื่องดื่มตลอดงานครับ)
  • ส่วนน้องๆ ที่อายุไม่ถึง 20 ขวบก็ไม่เป็นไร เราไม่บังคับฝืนใจแต่ก็อยากให้มึน
    น้องๆ จึงต้องปั่นจิ้งหรีด 10 รอบ แล้วค่อยนั่งเก้าอี้และแข่งต่อได้
  • คิดดูละกันว่าระยะเวลาแข่งขัน 3-4 ชั่วโมงเนี่ย มีพักยกทุกๆ 15 นาที มันจะมึนแค่ไหน!
    หลังๆ พอดูอาการผู้แข่งบางท่านบางทีมแล้วเราเลยงัดลูกเล่นอื่นๆ ที่ซ่อนไว้มาเล่นกัน
    เช่น หลอกใส่น้ำเปล่าบ้าง หรือให้เต้น MK พร้อมๆ กันบ้าง (ภาพออกมาดูทุเร้ศทุเรศครับ)
    หรือให้ล้วงใต้โต๊ะแล้วมีเครื่องหมายเป่ายิ้งฉุบอยู่ ก็เอามาเป่ากะคนตรงข้าม ใครซวยดื่ม
    หรือแม้กระทั่งให้ “เยล” วง iHear ที่อุตส่าห์มาร่วมป่วนกับเราก็มี (ดูคลิปแล้วจะเข้าใจ)
  • แล้วก็มีการจับฉลาก “วิธีการแกล้ง” อีก ซึ่งเป็นคนละลูปกับไอ้ 15 นาทีที่ว่ามาตะกี้นะครับ
    โดยเราเตรียมฉลากวิธีการแกล้งไว้สารพัด ทั้งแบบหนัก แบบเบา แบบ “อะไรของมึงวะ” ก็มี เช่น
    • ให้วิ่งรอบห้อง อันนี้เด็กๆ
    • ให้ร้องเพลงซิงกูล่าร์ (ไปเตี๊ยมกะวงดนตรีไว้ว่าให้เปลี่ยนเวอร์ชันเป็นฮาร์ดคอร์)
    • ให้นั่งเขี่ยพื้นสำนึกผิด 1 นาที อันนี้โหดมากครับ ยิ่งมีวงดนตรีบิ๊วด้วย เศร้าอย่างสุดซึ้ง
    • ให้โพสท่าเกาหลีคู่กับใครก็ได้ในงาน แล้วถ่ายรูปทวีตออกอากาศด้วย
    • ให้เล่นมาริโอ้ด่าน 1-1 ให้จบ อันนี้คิดมาเล่นๆ  แต่พอเอามาแกล้งจริง ปรากฏว่าฮือฮามาก
      คนโดนรู้สึกจะเป็นน้องไท เล่นขึ้นจอยักษ์และมีซาวด์แทร็กมาริโอ้สดๆ ประกอบด้วย!
    • ส่วนการแกล้งที่เป็นเซอร์ไพรส์จริงๆ และคนที่โดนคือลิ่ว ลองดูกันเอาเองว่าคืออะไร
    • ฯลฯ
  • ก็สุดแท้แต่จะกรึ่มกันไป ครับ นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นแกล้งสารพัดจะแกล้งอีกเพียบ
    (เช่นอยู่ดีๆ พี่ฉัตรก็เดินมาร้องเพลงด้วยเสียงอันทรงพลังถึงติ่งหูของผู้แข่งขัน เหวอกันไปเลย)
    ฯลฯ
  • อ้อ ขอกระซิบว่ากติกาหลายๆ อย่างปรับเปลี่ยนจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
    ดังนั้นถ้าใครอยากจัดงานแบบนี้บ้างก็ให้ดูทิศทางลม รวมถึงฮวงจุ้ยและโหงวเฮ้งผู้ท้าชิงให้ดี!

รางวัล Hackathon

ผู้ชนะ / รางวัล

  • ใครที่สามารถถอดรหัส QR Code ได้ปั๊บ จะมีรหัส 4 หลักปรากฏในมือถือครับ เฮ!!
  • ให้นำรหัสนั้นไปพิมพ์กรอกเพื่อเปิดตู้เซฟ ถ้าผิดก็จะด่าให้ แต่ถ้าถูก ก็เป็นอันแจ็กพ็อตแตก
  • พอใกล้หมดเวลาแบบฉิวเฉียด ก็มีผู้ที่สามารถพิชิตการแข่งขัน นับได้ทั้งหมด 4 ทีมครับ
  • เสร็จแล้วหมดเวลาก็มาทำการตรวจเช็กและไล่ลำดับกันว่าใครได้กี่คะแนนกันบ้าง
  • และเมื่อประกาศผล ก็ให้คนที่ชนะเป็นผู้เลือกรางวัลชิ้นใดชิ้นหนึ่งก่อน (ตามภาพด้านบน)
    ซึ่ง @tanin47 ก็เลือก Samsung Galaxy SII ไป
  • และรองชนะเลิศคือทีมของ @ensecoz และ @nantcom ก็จัด iPad 2 (3G) ไปแบ่งครึ่งกันเอง
  • นอกนั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่านก็ได้ของเล็กๆ น้อยๆ จนถึงใหญ่ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันจ้ะ

Hackathon

หลังงาน

  • จบลงด้วยดี ชักภาพกันก่อนแยกย้ายท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำข้างนอก
  • พี่อาท หัวเรือใหญ่ก็ใจป้ำ พาผู้แข่งขันและทีมงานไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ข้าวต้มที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์คครับ
  • ฝนตกกระหน่ำมาก รัชดาน้ำท่วมจนแทบจะเลี้ยวเข้าอาคารสถาปัตยกรรมโอ่อ่าก่อนถึงโรงแรมซะแล้ว!

.

ปิดท้ายด้วยบรรยากาศงาน

คลิปจากสามย่าน ถ่ายและทำโดย @vbanku

http://www.youtube.com/watch?v=uEHt5a8IRwo
อีกบรรยากาศจากน้องเก่ง @kengkawiz พิธีกรสาวสวยของงาน :51:


ปิดท้ายด้วยภาพครับ กล้องผมแต่ฝาก @sweetiejeep และ @chaiyosart ถ่ายจ้ะ

นอกนั้นก็ดูได้จากเฟซบุ๊กเพจของ HLP Hackathon โลด

บทความที่เกี่ยวข้องกันจากบล็อกชาวบ้าน

แฮก แฮก เหนื่อยโคตร :05:
แต่คุ้มเหนื่อยที่ต้องบันทึกไว้ละเอียดๆ เพราะมันเป็นงานที่คนไม่ได้มาจะบอกตรงกันว่า “โคตรเสียดาย”
(ต่อไปจะเขียนสั้นๆ ละ)