เจ็ดวันจองเวร

หายจากการเขียนบล็อกไปนานมากๆ เนื่องจากปั่นต้นฉบับอยู่ครับ ปั่นแม่งโต้รุ่งทุกวัน จนเมียหอบลูกเต้าหนีไปอยู่บ้านแม่ยายมากกว่าอยู่บ้านอีก (เป็นความช่วยเหลืออันประเสริฐของเมียเลยครับ ซึ้งมาก เดี๋ยวพาเที่ยวเป็นการตอบแทน)

ตอนนี้ใกล้เสร็จแล้ว ใกล้มากๆ แล้ว เดี๋ยวปิดเล่มสมบูรณ์แล้วจะเอามาอวด 😀

เอาเรื่องนี้ก่อน

ตลอดสิบกว่าวันที่ผ่านมา ผมทำงานโต้รุ่งทุกคืน เมื่อก่อนเวลาอยู่ดึกๆ จะเปิดเดอะช็อกฟังไปเป็นเพื่อน ไม่ได้กลัวผีนะ แต่กลัวฟังเพลงแล้วง่วง ทำไปทำมาฟังเดอะช็อกดันง่วงกว่าอีก เลยเปิดเทยเที่ยวไทยตอนที่เซฟไว้ในลิสต์ Watch It Later มาดูจนเกลี้ยงคลัง เลยไม่รู้จะดูอะไรต่อดี

อยู่มาวันหนึ่ง ยูทูบก็แนะนำซีรี่ส์ “เจ็ดวันจองเวร” ของเวิร์กพอยต์มาให้ดู ทีแรกก็เซฟไว้ก่อน จนพอตัดสินใจเปิดปั๊บ ทีนี้ตาสว่างไม่แพ้เทยเที่ยวไทยเลยครับ แต่เป็นโหมดผีนะ

ดูแล้วสนุกดีครับ เป็นละครผียาวๆ แบบพี้ผีเลยนะ มีพล็อตหลักเป็นเรื่องของพระเอกชื่อซัน (แสดงโดยชาคริต) ที่อยู่ดีๆ ก็เห็นวิญญาณได้ มีโครงเรื่องหลักคือสืบเรื่องแฟนตัวเองที่อยู่ดีๆ ก็หายไป แล้วมีพล็อตย่อยแบ่งเป็ฯตอนๆ ค่อยๆ พาโครงใหญ่คืบหน้าไปเรื่อยๆ ช้าๆ แต่ไม่ได้ช้าแบบหลอกแดกเหมือนโคนัน

ดูมา 14 ตอนแล้ว ไม่มีผีแฮ่ ใครเกลียดผีแฮ่ก็สบายใจได้ ที่สำคัญคือบทดี นักแสดงดี ประเด็นผีๆ สางๆ ในแต่ละตอนทำออกมาค่อนข้างดี งานสร้างก็ดี คุณภาพพอที่จะส่งออกไปขายต่างประเทศได้ (แต่เปิดให้ดูฟรีในยูทูบนะ)

ใครที่ลูกเมียไม่อยู่และต้องทำงานโต้รุ่งอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ แนะนำครับ

คอมเมนต์

ทัศนคติต่อในหลวง

อ่านความเห็นของคุณคนนี้ที่มีต่อสมศักดิ์เจียม (ไม่รู้จักนะ เห็นเขาแชร์ๆ กันมาเลยกดอ่าน หาต้นตอไม่เจอแล้วว่ามาจากไหน) คุณคนนี้ได้โพสต์แสดงความเห็นต่อสมเจียม โดยก่อนหน้านี้สมเจียมได้โพสต์แสดงความเห็นต่อโฆษณาเรื่องการยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงหนัง ที่ชาวเน็ตได้แสดงความเห็นต่อโฆษณานี้กันอย่างกว้างขวาง ชมบ้างด่าบ้าง (ทำไม refer หลายชั้นจัง)

สำหรับผมนั้นเฉยๆ ค่อนไปในทางไม่ชอบครับ โฆษณามันยาวยืดไป ที่จริงตัดต่อให้กระชับและ impact ได้มากกว่านี้เยอะ พอดูจบแล้วก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าการที่คนที่ไม่จะไม่ยืนในโรงหนังเพราะอะไร ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ที่จะเอามีดไปจี้กันให้ทำตามซะหน่อย เพราะตอนนี้คนรุ่นใหม่ๆ (ต่ำกว่า 30 ขวบ) ในบ้านเราส่วนใหญ่ก็รู้จักในหลวงผ่านตำนานและคำบอกเล่ากันทั้งนั้น ถ้าเขาไม่เชื่อ นั่นก็คงเพราะวิธีสื่อสารมันยังไปไม่ถึง หรือโลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นต่างจากคนที่เชื่อก็ได้… ทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่เรื่องทัศนคติ

ในยุคที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ทัศนคติ บรรทัดถัดจากนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทัศนคติ

kings-lab

Continue reading ทัศนคติต่อในหลวง

คอมเมนต์

รีวิว Galaxy Note Edge: สั่ง Note 4 เพิ่มขอบชีส

ถ้าไม่ชอบอ่านยาวๆ ผมมีเกริ่นก่อนไว้ก่อนดังนี้ครับ

  • บล็อกตอนนี้ยาวและมีภาพเยอะมาก ใครอ่านในมือถือแล้วมีโปรเน็ตจำกัด กรุณากดหยุดตั้งแต่บรรทัดนี้ครับ เอ้า กดเลย
  • ขอออกตัวว่าเป็นติ่ง Galaxy Note ครับ เคยเขียนอวยสุดคมไว้ด้วย ดังนั้นรีวิวนี้จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานอคติที่ว่า “ไอ้นี่มันเชียร์โน้ตอยู่แล้วแหงๆ” …และก็จริงตามนั้นครับ (อ้าว)
  • มือถือเครื่องปัจจุบันที่ซื้อมาใช้คือ Galaxy Note 4 สีขาว ซึ่งจะปรากฏตัวเพื่อเปรียบเทียบกับ Note Edge เป็นระยะๆ นั่นเป็นความตั้งใจของรีวิวนี้ เพื่อจะหาคำตอบว่า การมีขอบโค้งๆ เพิ่มมาในราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มจากปกติ 3,000 บาทนั้น มันคุ้มไหม
  • รีวิวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากซัมซุง ซึ่งไม่มีผลต่อการเขียนนะครับ (คือตรงไหนไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ)โดยซัมซุงส่ง Note Edge มาให้ผมถูไถเล่น และเอามาใช้อวดญาติมิตรประดุจมือถือตัวเองเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  • พวกข้อมูลสเป็ก ชื่อซีพียู เบนช์มาร์ก อะไรที่เป็นตัวเลขเนิร์ดๆ นั่น ไม่มีเขียนนะครับ ถ้าอยากรู้ไปกูเกิลเอาเอง

เข้าเรื่องกันเลยนะ…


Continue reading รีวิว Galaxy Note Edge: สั่ง Note 4 เพิ่มขอบชีส

คอมเมนต์

แค่พูดว่า

theboykee-full

แนะนำให้เปิดทำนองแล้วอ่านเนื้อตาม ร้องเสียงบีบๆ ตามแบบบอยตรัยนะครับ

.

ฉันนั่งอยู่ตรงที่เดิม เวลานี้
ทุกอย่างก็ยังดูคล้ายๆ เดิม แต่ไม่ดี

ในห้องน้ำ ฉันอยู่ข้างไน
มีใครมารออยู่ท่าทาง
จะราดแล้ว เคาะรัวโป้งป้าง
ประตูกั้นกลางระหว่างเธอและฉัน
รอเพียงเวลาเท่านั้น
ราวกับความฝันที่มันอ้างว้าง

แค่พูดว่ารอก่อน ทำไมยากอย่างนี้
อยากบอกเธอว่าเดี๋ยวสิ แค่นี้ยังพูดไม่ไหว
เพิ่งโดนส้มตำปู นี่กูก็เพิ่งอุ๊จไม่เท่าไหร่
ต่อให้เจ็บก็ต้องฝืน ไม่มีทางอื่นใช่ไหม
แค่รอคิวเดียว จะเบ่งให้ส้วมกระจุยกระจาย
แต่มึงต้องรอก่อน

ใกล้แต่ทำไมเหมือนหัวใจช่างห่างไกล
เหมือนเพลงที่รอเพียงให้ถึงท่อนสุดท้าย

ในห้องน้ำ ฉันอยู่ข้างใน
รู้ไหม เข้าใจเธอทุกอย่าง
เธอก็นะ เห็นใจฉันบ้าง
ยิ่งโครมยิ่งคราง
แต่พอเธอรัวแล้วฉัน ขี้หดหมดเลยซะงั้น
ราวกับกดดันให้มันอ่างอ๊าง

แค่พูดว่ารอก่อน ทำไมยากอย่างนี้
อยากบอกเธอว่าชั้นสี่ ก็มีนะห้องน้ำชาย
ห้องนี้ขอกูก่อน จะทุบห้องแบบนี้ถึงเมื่อไหร่

ต่อให้ขี้แตกก็ต้องฝืน ได้ดูคนยืนขี้ไหล
แค่คิวคิวเดียว มึงอยากจะเร่งก็ทำต่อไป

แค่คำคำเดียว แต่ก็ไม่กล้าพูดมันออกไป
แค่คำว่ากูก่อน

คอมเมนต์

ลาดปลาเค้าไม่ใช่ของเรา …คืนเขาไปเถอะ

road

สลับโหมดมาบ่นเรื่องท้องถนนอีกที

เมื่อไม่นานมานี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจราจรได้แก้ปัญหารถติดบนเส้นเกษตรนวมินทร์ ด้วยการยกเลิกสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกลาดปลาเค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยทำแบบเดียวกันนี้มาแล้วกับแยกลาดปลาเค้าฝั่งที่ตัดกับถนนรามอินทรา ก็คือใครที่คิดจะออกจากลาดปลาเค้าและข้ามไปฝั่งวังหิน หรือเลี้ยวขวาไปแยกเกษตร ก็จะต้องเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดและปาดเข้าขวาในระยะ 300 เมตร แล้วค่อยยูเทิร์น

ผลคือการจราจรโดยรวมโล่งขึ้น คล่องตัวขึ้นนิดนึง (เพราะไปติดข้างหน้าเหมือนเดิม) แต่นั่นหมายถึงชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ขับขี่รถยนต์เท่านั้นครับ

ให้นึกภาพดูว่ารถยนต์ที่วิ่งมาบนถนน (กี่เลนวะ เอาเป็นว่าเยอะ) ผ่านแยกนี้ซึ่งเป็นอยู่ถัดจากสะพานข้ามคลองมาปั๊บ ก็เจอเลย นั่นแปลว่ามันน่าขับเหยียบเต็มที่มาก ถนนสวย ผิวดี ตีโค้งนิดๆ โอ้โห เหยียบเต็มครับ เต็มกันทุกคัน ไม่มีไฟแดงที่เคยเป็นที่น่ารำคาญแล้วด้วย

แต่!!!! ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดนั่นคือเสียงดังจากฝั่งผู้ขับขี่บนเส้นทางหลักเท่านั้นครับ จะว่าให้เจาะจงลงมาอีก ก็คือการปิดสัญญาณไฟจราจรนี้ มันอำนวยความสะดวกเฉพาะคนมีรถยนต์ (หรือนั่งแท็กซี่) เท่านั้น

roadmap

อะ ทำภาพมาประกอบก็ได้ สังเกตว่าโค้งที่มาจากเกษตร (ด้านซ้ายของแผนที่) นั้นมันช่างสวยงามน่าเกยียบให้มิดตีนเสียจริง

ลองนึกภาพต่อเลยครับว่าถ้าเราขับ(หรือขี่)ออกมาจากเส้นลาดปลาเค้าที่เป็นถนนรองมาจากด้านบนขวาของภาพใช่มะ เพื่อจะปาดเข้าชิดเลนขวา “ทันที” บนถนนใหญ่ในระยะ 300 เมตร แล้วยูเทิร์น เพื่อวนทวงระยะ 300 เมตรคืนมา แล้วปาดซ้ายอีกทีเพื่อไปวังหิน หรือจะเลือกตรงไปแยกเกษตร สถานการณ์แบบนี้อันตรายมากครับ ถ้าไม่อยากนึกภาพ ลองมาดูได้ ตอนเย็นๆ ทุกวัน มีช็อตโหดๆ จากพี่กระป๊อให้เห็นบ่อยๆ

ที่พูดมาทั้งหมดก็ยังเป็นเรื่องของรถยนต์ต่อรถยนต์นะครับ เราเกิดมาในวัฒนธรรมรถยนต์เป็นใหญ่ เวลาเขาออกแบบ หรือแก้กฎกติกาอะไร มันก็ต้องเอื้อต่อรถยนต์ (และลามไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เป็นผลพวงต่อการเอื้อนี้) เป็นธรรมดา

ไม่นับคนเดินเท้าหรือจักรยาน ที่เมื่อนับศักดิ์บนถนนแห่งนี้แล้ว จากเดิมที่เป็นแค่หมา แต่เดี๋ยวนี้คุณค่าของชีวิตเหลือเพียงแค่จุลินทรีย์ที่เกาะอยู่ตรงซอกขวาของเห็บหมาเท่านั้นเอง

เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้คนเดินเท้าเดินข้ามถนนได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป แม้จะมีทางม้าลาย แต่แล้วไงล่ะ ในเมื่อไม่มีไฟแดงให้รถหยุด และความเร็วบนผิวจราจรบนเส้นนี้ก็โหดเหี้ยไม่น้อย นั่นคือต้องเสี่ยงดวง และรอจังหวะรถว่าง(สักนิดนึง) แล้วค่อยใส่เกียร์หมา อัดสปีดวิ่งข้ามทางม้าลายกันเอาเอง …อย่าลืมว่ามันเป็นถนนที่เพิ่งพ้นโค้งมานะครับ

และจักรยาน — วันนี้ผมเพิ่งขี่ปั่นข้ามไปฝั่งวังหินเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาปิดไฟแดงมา — ก็เลยพบว่า ชีวิตมันบัดซบมากๆ จากแต่เดิมที่ลัดเลาะแทรกระหว่างคันรถตอนรอไฟแดงเพื่อมายืนพักไข่อยู่บรรทัดหน้า แต่ตอนนี้คือไม่มีไฟแดง และต้องปาดในระยะ 300 เมตรเหมือนกัน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ไอ้บ้า!!!!!!!!!!! อีกรวยไต!!!!!!!!!!!! นึกภาพไม่ออกเลยครับว่าชีวิตจะปลอดภัยได้ยังไงเฮ้ย

แต่วันนี้ก็ทำไปแล้วครับ

นั่นยังดีที่จักรยานของผมค่อนข้างปั่นง่ายหน่อย ถึงจะเป็นรถพับเล็กๆ ก็ตาม แต่มันก็ยังมีเกียร์ถึง 7 เกียร์ หรือวันไหนไม่อยากปั่นแล้วก็ยังเลี่ยงไปขี่ฟีโน่ได้ (ก็ยังอันตราย แต่มันบิดเร่งปาดขวาได้เร็วกว่าจักรยาน)

แล้วรถป้าๆ น้าๆ ลุงๆ ที่เขาใช้ปั่นทำมาหากินล่ะ อันนี้หมดสิทธิ์นะครับ จะให้ปั่นไปไกลๆ แล้วแบกขึ้นสะพานลอย (นับเป็นสิ่งที่เหี้ยมากในมุมมองด้านฟังก์ชันสถาปัตยกรรม) แล้วแบกลงอีกงี้เหรอ

เชี่ย บัดโซ้บบบบบบ

แต่บ่นไปก็เท่านั้นแหละ (นอกจากบ่นมึงทำอะไรได้มั่ง? แจ้งเขาไปสิ) อ๋อ แจ้งแล้วครับ เคยร่วมลงชื่อร้องเรียนแล้วกับกลุ่มเพื่อนบ้าน แต่ก็เงียบไป เป็นที่เข้าใจได้นะ เวลา “เขา” (ใคร) มองก็คงยึดเอาความสะดวกในภาพรวม (ซึ่งหมายถึงรถยนต์) มากกว่าอะไรที่เป็นสเกลเล็กๆ อย่างคนเดิน หรือจักรยาน หรือแม้แต่ชาวบ้านที่ขับรถยนต์ นี่แหละ แต่เผอิญว่าบ้านอยู่บนถนนเส้นรองที่ถูกท่านๆ กำหนดชะตาชีวิตมาแล้วว่า

มึงเสี่ยงเอาเองนะ 🙂

ป.ล.
แยกลาดปลาเค้าตัดรามอินทราก็เช่นกันครับ ก่อนหน้านี้นานๆ ทีผมจะแว้น หรือปั่นข้ามไปฝั่งตรงข้าม เขามีสวนกีฬารามอินทรา ซึ่งชิลมาก โคตรชิล สามารถพาลูกไปได้ทุกวันเลยเถอะ แต่พอยกเลิกไฟแดงฝั่งนั้น อย่าว่าแต่จักรยานเลย (ว่าซะหน่อยก็ได้ ผมไม่สามารถจูงรถเดินข้ามถนนรามอินทราได้อีกเลย เพราะถนนเส้นหลักแน่นและขับกันเร็วมาก ต้องเดินไปไกลประมาณ 1-200 เมตรเพื่อแบกรถขึ้นสะพานลอย เห็นไหมว่ากรณีเดียวกับฝั่งเกษตรนวมินทร์เป๊ะๆ) อย่าว่าแต่จักรยานเลย ขนาดแว้นเองยังข้ามไม่รอด ต้องเล็งดีๆ มากๆ ถึงจะปาดเข้าซ้ายได้ แต่ก็ไม่คุ้มเสี่ยง ทุกวันนี้เลยไม่ไปละ ถ้าไปคงขับรถยนต์พาลูกไป ถึงจะอ้อมไกลหน่อยก็ไม่ซีเรียสนะ น้ำมันถูกนี่ ขับแม่งให้โลกร้อนตายห่ากันให้หมด

ป.อ.
เมื่อวานไปดูฮิโชว์ที่ชาชดำเนิน ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพอดี อันนี้ผมแว้นไปนะครับเพราะมีเวลาปั่นไม่พอ และก็ไม่อยกขับรถยนต์ไปเพราะมันไม่ชิล ปรากฏว่าเลนจักรยานสีเขียวตลอดเส้นราชดำเนิน ก็กลายเป็นที่จอดรถยนต์อย่างที่เห็นเขาด่าๆ กันนี่แหละ เห็นแล้วก็คิดในใจว่าไอ้เหี้ยเอ๊ย แล้วส่ายหน้า แล้วแว้นต่อไป

ป.ฮ.
เออ แต่พอแว้นไปถึงท่าช้างสนามหลวง แล้ววนมาราชดำเนินอีกที ถึงจะเป็นช่วงดึกแล้ว (หลังสามทุ่ม) แต่ก็พบว่ามีปริมาณคนขี่จักรยานเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ ซึ่งดีไง ช่วยกันแสดงตน แสดว่าเรามีตัวตนแบบนี้ดีแล้วครับ เผื่อวันหนึ่ง… เผื่อวันหนึ่ง… โวะ ไม่ฝันดีกว่า

คอมเมนต์