สัมภาษณ์โชเฟอร์รถตู้อนุสาวรีย์-ฟิวเจอร์

ตะกี้ผู้โดยสารคนอื่นลงหมดก่อนตั้งแต่ป้ายหมอชิต ผมเลยได้มีโอกาสคุยกับพี่โชเฟอร์มาตลอดทางครับ
ถึงแกจะแก่กว่าผมเป็นสิบปี แต่สรรพนามที่คุยกันต่างก็เรียกอีกฝ่ายว่า “พี่”
พี่ของผมคือเรียกตามวัยวุฒิจริงๆ แต่พี่ของแกนั้นบ่งบอกถึงอะไรหลายๆ อย่างที่ตัวเองแบกรับอยู่

ผมลิสต์เป็นก้อนๆ ไปเท่าที่นึกออกละกันนะครับ

  • ปกติรายได้ของรถตู้ที่วิ่งอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นระดับที่โอเค จะอยู่ที่ประมาณวันละสองพันบาท
  • แต่บางครั้งถ้ารถติดมากๆ หรือต้องแวะเติมแก๊ส (ต่อคิวยาวโคตร) ได้วันละพันห้า-พันหกก็โอเค อยู่ได้แล้ว
  • สิ่งที่แกเกลียดคือรถติด มันทำให้สุขภาพใจเสีย พาลให้ปวดขา เมื่อยหลัง เมื่อยตัวไปด้วยกว่าจะถึงบ้าน
  • ปีใหม่ปีนี้เงียบเหงามาก
  • ในกรุงเทพฯ ปีที่ผ่านๆ มา ช่วงเวลาแบบนี้จะมีแสงสีบรรยากาศรื่นเริงครื้นเครง แต่ปีนี้นี่ผิดไปจากทุกปี
  • ปกติแล้วพอใกล้ๆ สิ้นปีอย่างช่วงอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์ก่อน จะมีการ “ล็อกคิว” จองตัวจากวินรถตู้ต่างจังหวัด อย่างของพี่แกคือเพื่อนๆ ที่อยู่วินนครสวรรค์จะโทรมาล็อกตัวไว้ละ ไม่ให้ไปไหนนะ เพราะรถไม่พอ ต้องขอเบิกตัวช่วยเป็นคิวรถกรุงเทพฯ นี่แหละ แล้วก็นัดกันเรียบร้อยแฮปปี้
  • แต่ปีนี้กลับไม่มี (แกพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายมากๆ)
  • ดังนั้นช่วงสิ้นปี-ปีใหม่เนี่ย เป็นช่วงทำกำไรของคนขับรถตู้เลยครับ
  • การวิ่งคิวนครสวรรค์เที่ยวนึงไปกลับ จะได้ประมาณสามพันบาท ที่จริงก็พอๆ กับวิ่งในกรุงเทพฯ แต่ในมุมมองของแก มันเหนื่อยและใช้สมาธิมากกว่า
  • ในวงการนี้ มีหลายคนยอมอดหลับอดนอนเพื่อขับรถส่งผู้โดยสาร บางคนสองวันสองคืนก็มี!
  • โดยเฉพาะกรณีที่เกิดกับเพื่อนแกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง เพื่อนรับจ็อบส่งแรงงานพม่าข้ามไปแม่สอด ปรากฏว่าวิ่งทั้งวันทั้งคืนจนหลับใน ปีนเกาะกลางถนนไปชนคนที่ยืนอยู่บนทางเท้าตายไปสอง ส่วนผู้โดยสารพม่าในรถตู้ก็บาดเจ็บกันระนาว
  • (ผมบอกว่าบ้านผมอยู่เพชรบุรี) เพชรบุรีเดินทางสะดวก คิวรถมีให้เลือกเยอะ ไม่ต้องไปไหนไกลเลย แค่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ก็เพียบแล้ว แต่ระหว่างทางก็มีรถเยอะมากไปด้วยเพราะมันเป็นขาลงใต้ เวลาเดินทางต้องระวังอุบัติเหตุหน่อย
  • ถ้าให้เลือก แกยอมทนรถติดในกรุงเทพฯ มากกว่า
  • ค่าโดยสารตลอดสายยี่สิบบาท

ผมลงจากรถที่ป้ายปากซอยพหลโยธินแปด ขอบคุณพี่แก แกก็ขอบคุณพี่(เรา)
แล้วเราก็ต่างโคจรออกจากกัน

meme: ความฮาที่ไร้พรมแดน

อันนี้เป็นบันทึกเรื่อยเปื่อย ภาคต่อจากบล็อกที่เสนอทฤษฎีวิถีข่าวสั้นไปเมื่อครั้งกระนู้น
ตรงไหนที่พอจะมีลิงก์อ้างอิงได้ผมจะใส่ไว้ อาจจะดูน่ารำคาญนิดนึงแต่ก็สามารถกดเข้าไปอ่านต่อได้นะครับ

ไม่รู้มีใครสนใจศึกษาเรื่องนี้จริงจังหรือยัง
คือผมสนใจ แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ลงไปทุ่มเทกะมันเท่าไหร่
เลยเอามาเขียนโน้ตไว้หน่อยเผื่อใครจะเอาไปสานต่อครับ (ดูเหมือนจะมีสาระนะ..)

นอกจากโลกออนไลน์มันจะย่อย่นระดับความสัมพันธ์ของคน จากที่เคยรู้จักกันในระดับถิ่นฐานที่อยู่อาศัย
เปลี่ยนจนกลายเป็นรู้จักจนได้เสียเป็นเมียผัวกัน โดยไม่จำเป็นต้องเห็นหลังคาบ้านด้วยซ้ำ
จนเขามาปรับผลวิจัยทฤษฎีเมื่อหลายปีก่อน ที่บอกว่าคนเรายังไงก็ต้องสัมพันธ์กันใน 6 สเต็ป
ตอนนี้โลกออนไลน์ย่นมันให้เหลือน้อยกว่านั้นได้แล้ว (ขอบคุณทั่นศาสดาซักกะเบิกเนตร)

ไอ้นั่นเรารู้กันอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ที่ผมสนใจคือ ใครจะไปรู้ว่าวันนึงมุกตลกทั่วโลกเนี่ย
แม่งจะถูกทำให้เป็นสากลได้เร็วไฟแลบขนาดนี้ (ฝรั่งใช้คำว่า Meme และ Internet meme )
ยิ่งเป็น พ.ศ.นี้ การล้อเล่นกับอะไรนั้นไม่ใช่แค่เล่นกันเอง ฮากันเองในหมู่เพื่อน หรือหมู่ชนชาติเดียวกัีนแล้ว
แต่พฤติกรรมการยั่วล้อที่ทำได้ง่ายขึ้น คนรับได้กันมากขึ้นเนี่ย มันขยายและลามปามไปทั่วโลกแล้วครับ
อันนี้ก็เป็นผลพวงมาจากย่อหน้าที่แล้ว ที่โลกออนไลน์มันดันไปลดความยุ่งยากในการส่งต่อข้อมูลลงอย่างเหลือเชื่อ

wtc-animated-gif

จากเมื่อก่อนที่จะฮากับอะไรที่คนเขาล้อกัน ก็ต้องมานั่งเปิดอีเมลอ่าน FWD หรือกระทู้ตามเว็บบอร์ด
ซึ่งมันไม่เรียลไทม์ (งั้นผมควรเลิกพูดเรื่องอดีตได้แล้ว เพราะถ้ามีคำว่า “เมื่อก่อน” เมื่อไหร่แสดงว่าตัวเองแก่)
แต่บัดนี้มุกที่ฝรั่งเขาฮากันเมื่อวาน แป๊บๆ ก็เอามาล้อกันด้วยสำเนียงภาษาและกลิ่นไทยๆ ได้ฉิบแล้ว
ตัวอย่างก็เช่นมุก “#จนกระทั่งโดนธนูปักที่เข่า” ที่ฮิตระเบิดระเบ้อในทวิตเตอร์เมื่อวานซืน
อันนั้นก็ตามฝรั่งแค่อาทิตย์เดียว แต่ก็ต้องเข้าใจว่ามันยากจะฮาเพราะค่อนข้างเฉพาะกลุ่มไปหน่อย
แถมไม่ค่อยมีกลิ่นไทยแบบตลกสามช่าหรือบร๊ะเจ้าโจ๊ก (ที่มันแมสโคตรๆ) สักเท่าไหร่

แล้วอะไรที่เป็น meme แบบไทยๆ?

มันก็ต้องเป็นสิ่งที่คนไทยเก็ต และรู้จักกัน (ผมขอเจาะเฉพาะกลุ่มคนออนไลน์นะ)
จะให้ดีต้องเกิดจากการเสียดสี ยั่วล้อ จิกกัดสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ในขณะนั้นๆ อย่างจงใจเกรียน
ก็ตามสูตรวิถีข่าวสั้น คือเริ่มจากดราม่า และต่อมามีไอ้บ้าที่มานำขบวนตลก และตลกต่อกันไปเรื่อยๆ
ยิ่งเจ๋งยิ่งแชร์ ยิ่งเป็นของแท้ก็ยิ่งลามทุ่ง ด้วยพลังของมวลชนอย่างแท้จริงเลยครับแบบนี้
ถ้านึกไม่ออก จะให้ยกตัวอย่างน่ะเหรอ ได้ๆ ..เอาเท่าที่นึกออกตอนนี้นะ

  • คลิปโดมเซ็ตผม มียอดคนดูล้านคนนิดๆ ลามไปยันโคมปะการัง ที่ทำคลิปเล่นๆ มาล้อเลียน
    จนตอนนี้ยอดคนดูก็เฉียดล้าน! และคุณโคมก็มีหน้ามีตาในวงการไปจริงจังเรียบร้อยแล้ว (วงการไรวะ)
  • คลิปยูทูบซับนรกต่างๆ โดยเฉพาะฮิตเลอร์อยากทำนั่นนี่ ที่มาจากหนังเรื่อง Down Fall
    (อันนี้ผมเคยเอาไปพูดในงาน SMCON เมื่อปีกลายด้วยแหละ แหะๆ)
    รวมถึงคลิปทำเอามันส์แบบต่างๆ ที่ปรากฏถี่ขึ้นเรื่อยๆ และมีดาราแจ้งเกิดด้วยยูทูบมากขึ้นเรื่อยๆ
  • จ๊ะคันหู อันนี้สุดยอดของสุดยอดแห่งปรากฏการณ์!!! (ล่าสุดในคลิปต้นฉบับนี้ 16 กว่าล้านวิว)
  • ดราม่าสารพัดสารเพ อันนี้ไปอ่านต่อในเว็บจ่าพิชิตเอาเองนะ
  • ดราม่าทวิตเตอร์อย่างแท็ก #wongthanongiswatchingyou ที่เสียดสีคุณวงษ์ทนงไว้เจ็บแสบ
    (meme แบบนี้เจ้าตัวไม่ตลกด้วยนะครับ แต่กระแสบริสุทธิ์ที่แรงแบบนี้ไม่พูดถึงก็เสียดาย)
  • พวกมุกภายในต่างๆ ตามเว็บบอร์ดบ้านเรา หรือที่ไร้สาระนุกรมเอาไปล้อ
  • วลี “เอาอยู่” ของ ศปภ. ที่โดนเอามายั่วล้อจนกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้
  • แพลงกิ้ง (คงไม่ต้องอธิบาย) รวมถึงไอ้พวกพับเพียบไทยแลนด์และสารพัดจะทำตามๆ กันนั่น
  • อวตารปลาไหล รวมถึงอวตารอื่นๆ ที่เกิดเองโดยธรรมชาติบ้าง มีบริษัทจัดตั้งบ้าง
  • คลิปรู้สู้ฟลัด อันนี้ชื่นชมคนทำคลิปนี้จริงๆ ครับ คนดูในยูทูบคลิปแรกเป็นล้านๆ คน
    ในทีวีอีกไม่รู้กี่ล้าน และสร้างคุณประโยชน์มหาศาลให้กับชาติบ้านเมืองเราอย่างหนักหน่วงเลย
    และขอยอมรับอย่างพ่ายแพ้เลยว่าก่อนหน้าที่จะมีคลิปนี้ ผมก็ทำไว้เหมือนกัน (ใจตรงกัน!)
    เสียดายว่าคิดบทเอย วาดเอย ฯลฯ ไว้แล้ว เหลือแค่แอนิเมชันเท่านั้นเอง แต่ก็เป็นหมันไป
    ก็นะ.. ไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ ไม่มีข้ออ้างครับ เสียดายๆ อยากดังกะเขาบ้างง่ะ
  • การเซ็นเซอร์แบบปัญญาอ่อนของกองเซ็นเซอร์ตามสื่อหลักต่างๆ อันนี้เป็นดราม่าคลาสสิก
  • คำผกาโชว์นม (อันนี้ข้ามประเด็นเรื่องอากงกันไปหมดเลย คือเห็นเลยว่าคนสนใจสารอะไรกันแน่)
  • พี่เสพโลโซ (ซึ่งก็ดันมาวันเดียวกะคำผกาจนกลบข่าวอากงให้จมหายไปอีก)
  • มุกละครวนิดา เรยา เด่นจันทร์ อะไรไม่รู้สารพัดที่ฮิตจนทวิตเตอร์แตก
  • ประโยคที่ผุดขึ้นมาโดยมีสาเหตุมั่ง ไร้สาเหตุมั่ง เช่น
  • อวดของเก่าที่ตัวเองมีเอี่ยวมั่ง – กรุ๊ปเฟซบุ๊กชื่อ “พี่แม๊วสบายดี และบินเดี่ยวมาแล้วทั่วโลก
    ผมทำไว้เมื่อเกือบสองปีก่อน สนุกโคตรๆ ถ้าเป็นตอนนี้คนเล่นคงมากกว่าไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า ฮ่าๆ
  • หรือถ้าจะให้เก่ากว่านั้นก็ยุคที่ทำคลิปทักษิณร้องเพลงมายยะฮี้เมื่อหกเจ็ดปีก่อนนั่นเลย
    อาจจะเรียกว่าเป็น meme แบบทำเองที่ฮิตที่สุดโคตรพ่อโคตรแม่ของความบ้าบอแล้ว
    เป็นปรากฏการณ์ออนไลน์ที่เกิดแบบระเบิดปรมาณูถล่มทุกเว็บที่ผมทำตอนนั้นจนล่มวินาศทั้หงหมด
    ออกทีวีครบทุกสำนัก นี่ขนาดยุคนั้นไม่มีเฟซบุ๊กทวิตเตอร์ยังมีคนดูคลิปบ้านี่เป็นล้านๆ ครั้งในไม่กี่วัน
    จะว่าไปผมหากินกับคุณทักษิณบ่อยมากเลยนะเนี่ย ก็แกตลกอะ (ชูวิทย์ก็ตลก แต่คนเล่นเยอะแล้ว)
  • ฯลฯ .. ใครนึกออกอีกช่วยเพิ่มลงในคอมเมนต์ได้จะขอบพระคุณยิ่งจ้ะ :27:

เขียนเรื่อยเปื่อยจนดึกละ พอๆ สรุปละกัน
ผมสนใจคำว่า meme จนอยากเห็นสารานุกรมออนไลน์ที่บรรจุเรื่องราวที่มาของ meme แบบไทยๆ เอาไว้
เพราะมันเป็นแหล่งอ้างอิงชั้นดีกับวัฒนธรรมย่อยในโลกออนไลน์ ที่มาเร็วโคตรๆ
ส่วนจะไปเร็วหรือเปล่าก็แล้วแต่ความคลาสสิกของ meme นั้นๆ นั่นเองงง

ว่าแล้วใครสนใจจะเปิดเว็บสารานุกรมบ้าบอแบบไทยๆ นี้มั่งก็ดีนะครับ โดเมนเนม meme.in.th ยังว่าง!
ถ้าจะให้แจ๋วก็ทำแบบ Knowyourmeme ของฝรั่งไปเลย (ผมชอบจนดูดฟีดไว้อ่านเลย บ้าจริงกู)

.

ป.ล.
ลองเล่นแอปฟรี: ROiDRAGE ครับ ของแอนดรอยด์ ใช้ง่ายมาก ใช้วาดการ์ตูนซีรี่ส์ RAGE GUY
ไอ้การ์ตูนชุดนี้เห็นบางคนเรียกการ์ตูน 9GAG ถ้านึกไม่ออกก็กดลิงก์ หรือไม่ก็ข้ามไปดูข้างล่างเลย
ที่จริงฝรั่งก็มีเว็บแนวๆ นี้อีกเพียบ และ 9GAG.com เองก็ไม่ค่อยน่านับถือเท่าไหร่
เพราะแม่งไม่เคยให้เครดิตใครเลยนอกจากใส่ลายน้ำเว็บตัวเอง แล้วเสือกดัง เพราะระบบมันเลอเลิศจริงๆ ดอกส์!

ลองเล่นแอป ROIDRAGE

กระสุนตกขึ้นฟ้า

ที่จริงเรื่องนี้จะเขียนไว้สองสามปีแล้ว แต่ลืมทุกที เพราะมันไม่ได้จี๊ดขึ้นมาตอนที่อยู่หน้าคอม
พอตะกี้เพิ่งเห็นข่าวนี้ของเมื่อวานซืน แล้วยังโยงไปข่าวที่สองอีก.. ก็เลยเป็นแรงผลักให้เขียนถึงสักหน่อย

เมื่อคืนก่อน ที่มีจันทรุปราคาแล้วก็ตามสูตร มีโหรทำนายว่าประเทศเราจะฉิบหาย
ด้วยเหตุเพทภัยครบทุกชนิดเท่าที่หมอดูแกจะจินตนาการออกด้วยหลักวิทยาศาสตร์นั่นแหละ
คือดูในข่าว แม่งลิสต์มาแบบเหมาทุกความฉิบหายเลยครับ คือนึกว่าจะไม่เกิดอะไรยังยากกว่าเลย

ผมกลับเพชรบุรีไปเยี่ยมพ่อแม่และรายงานตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่น้ำท่วมครับ
ไปถึงก็เกือบๆ สามทุ่มพอดี ก็ตอนที่ราหูกระเดือกจันทร์ไปอย่างเงียบๆ นั่นแหละครับ
แต่ที่ไม่เงียบเพราะรอบๆ ตัวได้ยินแต่เสียงปืน.. ปืนนะครับไม่ใช่ปะทัด และคนยิงก็คือคนบ้านใกล้ๆ ผมเองทั้งนั้น
คือแถวบ้านที่เพชรเขาจะมีธรรมเนียมห่าเหวอยู่ว่าพอถึงหน้าเทศกาลไม่ว่าจะปีใหม่หรือฉลองอะไร
เขาก็จะยิงปืนขึ้นฟ้ากันให้หมดแม็ก หมดแล้วเติมใหม่ แล้วยิงอีกให้หมด เรียกว่ามีโอกาสก็จัดซะคนละเป็นร้อยๆ นัดเลย

ขอโทษ ไอ้ที่ยิงนั่นไม่ใช่เพราะงมงาย อยากไล่ราหูหรืออะไรหรอกครับ
แต่เป็นการ “ประกาศแสนยานุภาพ” ของแต่ละบ้านว่าบ้านกูมีอาวุธปืนในครอบครองแค่ไหน กี่ ม.ม.
อันนี้เรื่องจริงครับ เจอมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่สมัยขโมยขโจรชุมๆ จนเดี๋ยวนี้มาถึงสมัยดราม่าการเมืองกันเยอะๆ
การประกาศตนว่า “บ้านกูมีปืน” ด้วยการยิงขึ้นฟ้าในคืนเทศกาล หรือตามงานบวชงานแต่ง จึงยังคงทำกันอยู่เสมอมา

คืนนั้นผมยังทวีตอยู่เลยว่านึกถึงข่าวที่มีคนเคยโดนกระสุนที่หล่นจากฟ้าตายแล้วก็เสียว จนไม่กล้าไปยืนกลางแจ้ง
ซึ่งในข่าวที่ดังไปทั่วประเทศเมื่อปี 2551 ก็คือน้องฟลุค-เด็กเพชรนี่แหละครับ
น้องเขาว่ายน้ำอยู่ในสระอยู่ดีๆ ก็โดนกระสุนลอยตกทะลุหลังคาสระว่ายน้ำ ลงมาเจาะหัวพอดี
โป๊ะ..
เมื่อหมอไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ เราเลยเสียคนบริสุทธิ์ไปหนึ่ง (สอง สาม สี่ ห้า) คน
และยังไม่หยุดนับจำนวนศพที่จะยังมีต่อไป ตราบที่ไอ้จารีตบ้าบอนี่ยังไม่มีใครลุกขึ้นมาต่อต้านเสียที

แล้วในวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมาเมื่อสักราวๆ สองสามปีที่แล้ว
ผมไปนอนบ้านแม่ยายที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี (ที่เจริญน้อยกว่ารังสิตเยอะ) เพื่อจะได้ตื่นมาทำบุญตักบาตร
ห้องที่นอนนั้นมีเพียงหลังคาและฝ้าเพดานกั้นเรากับท้องฟ้าข้างบน และคืนนั้นก็มีกระสุนตกทะลุหลังคาลงมา
ห่างจากจุดที่น้องอีกคนนอนอยู่แค่เมตรเดียวได้ละมั้ง แบบนี้ไม่รู้จะเรียกว่าเคราะห์ดีได้ไหมเหมือนกัน

ที่จริงกระสุนปืนที่ยิงขึ้นฟ้า และหล่นลงมาทะลุหลังคาบ้านมาโดนคนที่อยู่ข้างใต้เนี่ย
อ่านมาจากหลายๆ ที่ เขาก็บอกว่าความแรงของมันเท่าๆ กับการยิงออกจากปากกระบอกปืนเลยนะครับ
เพราะเวลายิงมันจะเป็นวิถีโค้ง (คือยังไงเรายิง 90 องศาขึ้นฟ้าไม่เป๊ะกันอยู่แล้ว) ยังไงก็จะไปจบสักที่อยู่ดี
ก็อยู่ที่ว่าใครจะซวย พระเจ้าหลับตาปาลูกดอกไปโดน โป๊ะ.. ก็สวัสดีครับ ได้ออกข่าวสั้นทันโลก กรอบเล็กๆ

แม้จะมีประกาศกันพอเป็นพิธี หรือล้อมคอกกันตอนวัวหายเป็นระยะๆ
แต่ตราบใดที่ยังไม่มีลูกหลานใครโดนโป๊ะเข้ากับตัวตรงกลางกบาลพอดี แม่งก็ไม่เลิกกันหรอกครับ
คือที่จริงมันไม่ใช่ประเพณีเก่าแก่อะไรเลยนะครับ เพิ่งมาฮิตกันเมื่อสมัยผมเด็กๆ นี่เอง
หรือถ้ามันเก่าแก่แต่เฮงซวยแบบนี้ ก็เลิกได้ครับ บรรพบุรุษไม่ว่าหรอก

เผื่อจะสนใจ

ป.ล.
ภาพพระจันทร์ข้างบนนั่นผมพยายามถ่ายแล้วครับ กะว่าจะได้พระจันทร์ดวงกลมๆ โตๆ กะเขามั่ง
แต่กล้อง GF1 ที่มี เลนส์มันซูมไม่ได้ เลยอดเป็นน้าๆ เลย :05:

สวัสดี Galaxy Note: มันคือ PDA พร้อมปากกาแห่งยุคนี้

บล็อกตอนนี้ทุนนิยมสุดขั้วครับ
ใครคิดจะถือศีลแปดศีลสิบกรุณากดปิดแท็บซะ และไปหาอะไรสร้างสรรค์ๆ ทำแทน

ผมจะคุยโอ้อวดว่าตัวเองเพิ่งซื้อมือถืออันใหญ่เท่าควายมาเมื่อกี้
มันเป็นมือถือที่ไม่มั่นใจว่าสรุปแล้วนี่กูเป็นมือถือหรือแท็บเล็ตกันแน่?
ใครไม่เก็ต ให้ดูโฆษณานี้ก่อน

สรุปว่ามันคือของเล่นครับ ของเล่นราคาแพง (มาก) ชิ้นล่าสุดที่ขอเงินเมียไปซื้อมา
เป็นของไม่กี่อย่างที่จ่ายตังค์ซื้อเลยโดยยังไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน
และเป็นของบันเทิงไม่กี่อย่างที่ผมเสียเงินซื้อ นอกจากการ์ตูนและแผ่นซีดีเพลง

คือผมอยากได้ Galaxy Tab มานานมาก ตั้งแต่มันออกรุ่น 7 นิ้วแรกๆ ละครับ
เนื่องจากพนันข้างแอนดรอยด์มานาน แบบเดียวกับที่พวกสาวกแอปเปิลทำกับสินค้าตระกูลไอต่างๆ นั่นแหละ
แต่นี่อยู่ค่ายแอนดรอยด์ครับ เพราะชีวิตตัวเองผูกกับกูเกิลมาตลอด กะว่าถ้าบริษัทมึงเจ๊งกูคงเจ๊งตามแน่
แล้วก็กะว่าเดี๋ยวจะเลิกใช้มือถือ หันมาใช้ไอ้พวกนี้เป็นหลัก ตัดขาดกับโลกแห่งโทรศัพท์ไปเลย
ใครจะติดต่อกรุณาผ่านทวิตเตอร์และอีเมลเท่านั้น สันโดษมาก อยากโทรจงเอาเบอร์เมียไปซะ
คือผมไม่ชอบการคุยโทรศัพท์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ถ้าจะคุยกันมาเจอตัวเป็นๆ กันเลยดีกว่า

ซึ่งเอาเข้าจริงก็โดนปฏิเสธไอเดียนี้จากคุณเมีย (จะไม่โทรหาใครก็ได้แต่ต้องโทรหาเมีย)
ก็เป็นอันพับโครงการไป

ทีนี้พอ Galaxy Tab 8.9 และ 10.1 นิ้วโผล่มา ก็อยากได้อีก เก็บเงินตั้งแต่ตอนนั้น
แต่พอได้เห็นได้จับของจริงกลับผิดหวัง คือรุ่น 10.1 นิ้วที่มันน่าจะชกรุ่นเดียวกะไอแพดได้สักหน่อย
แต่นี่ไม่เลย อึดอัดกว่ากันมากๆ หน้าตาอินเทอร์เฟสก็ไม่สวย (เป็นพวกจุกจิกกับความไม่สวยตรงนี้)
ก็เป็นอันพับโครงการไป

จนได้เห็นการเปิดตัว Galaxy Note ตามคลิปข้างต้น
มันคือคำตอบของสิ่งที่หามานานครับ กูอยากได้ไอ้นี่แหละ เพราะมันมีปากกา..
พี่เช่ @suppakit_ แกบอกว่ามันคือมือถือราคาหมื่นแปด ที่ขายพ่วงปากกาอีกสี่พัน ก็ฟังดูสมเหตุสมผล!

สมัยก่อนผมเคยทำเว็บให้พี่ที่สนิทสนมกันคนนึง แกมีอาชีพขาย PDA มือสอง
และได้ค่าจ้างเป็น PDA เครื่องเก่าๆ ที่ข้างในยัด WindowsCE รุ่นเก่ากึ้ก แต่โคตรเปิดโลกจินตนาการเลย
มันทำให้ผมรู้ว่าเฮ้ย ไอ้อะไรที่ถือในมือและวาดด้วยปากกาลงไปบนจอได้เนี่ย มึงครองโลกได้เลยนะ
เพราะผมเป็นพวกขี้วาด วาดแบบทิ้งขว้าง ไม่สวยกูก็จะวาด สมัยนั้นสมุดบันทึกกี่เล่มก็ไม่พอรองมือรองตีน
พอได้ไอ้ตัวนั้นมาเลยตอบโจทย์ และพกพาเป็นของเล่นอย่างสนุกสนาน (ยุคนั้นไม่ได้ต่อเน็ตใดๆ)
จำได้ว่านึกสนุก นั่งวาดๆ เขี่ยๆ ออกแบบตัวอักษรใน PDA จนเสร็จออกมาเป็นฟอนต์ผีชื่อ iannnnnPDA
ที่ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งแบบอักษรแฟนซีที่เป็นตัวแทนแห่งเรื่องผีเอย หนังผีไทยเอยไปแล้ว เย้! ขี้อวด!

แล้ววันหนึ่งมันก็เจ๊งไปตามสภาพ
พร้อมกับการล้มหายตายจากของสมุดบันทึก ที่เขียนได้ร้อยกว่าเล่มก็ยุ่งกับชีวิตวัยทำงาน จนไม่ได้เขียนอีก
ผมเลิกทำฟอนต์ตั้งแต่ตอนนั้น ความสนุกของรสสัมผัสที่หลายปากกา มันหมดลงที่ตรงนั้น

เสียดายลายมือตัวเอง เดี๋ยวนี้ลายมืออย่างเหี้ย

จนได้มาเจอไอ้เครื่องนี้แหละครับ ที่เขาคุยว่าปากกามันไม่กากเหมือนแท็บเล็ตของอีกค่ายที่ออกมาก่อนหน้า
ก็เลยสนใจ ศึกษาข้อมูล เปิดโหมดสาวกเต็มที่ ต่อสู้กับเมียเสร็จเรียบร้อย ทำเรื่องผ่านและเตรียมเสียเงิน

และแล้วมันก็มา..
ของเล่นราคาแพงชิ้นล่าสุด ในราคาสองหมื่นกว่าบาท
ราคานี้สามารถซื้อ Nexus S ได้สองเครื่อง (เป็นรุ่นที่ผมว่าคุ้มสุดละตอนนี้)
หรือซื้อมือถือโนเกียรุ่นขาวดำ(ที่เคยซื้อตอนรอซ่อมมือถือเก่าแล้วประทับใจมาก) ได้ถึงเกือบ 30 เครื่อง
หรือซื้อไอโฟน มือถือที่มนุษย์ครึ่งรถไฟฟ้าในเมืองหลวงเขาถือกันได้ 1 เครื่อง (เออ ราคาเท่ากันนี่หว่า)
อืม.. ไม่รู้จะเขียนรีวิวช่วยซัมซุงเขาโฆษณาบ้างดีไหม เพราะเขาเขียนกันเกลื่อนเมืองแล้วนี่
งั้นไม่เขียนละกันครับ แต่ยินดีจะตอบคำถามในฐานะคนที่ซื้อใช้จริง(หรือเรียกอย่างสุภาพว่าสาวก)ละกันจ้ะ

ขอบคุณมือถือเครื่องเก่าที่ต่อไปเจ้าจะเป็นเครื่องฟังเพลงและนาฬิกาปลุกต่อไป: HTC Legend อันเป็นตำนาน
คือไม่มีใครขุดมาอัปเกรดให้เป็นปัจจุบันเลย ปล่อยให้แม่งตกรุ่นไปจนแทบจะลงอะไรไม่ได้เลย :05:

จบ.

เออเดี๋ยวๆ นี่เป็นภาพแรกที่ใช้ปากกาของมันนี่แหละวาดครับ

GalaxyNote

ลื่นดี ประทับใจ สมเป็นปากกาญาติๆ ของ Wacom รุ่นแพงๆ ที่วาดลงบนจอได้เลย
แต่ยังไม่ดีที่สุด คือมันจะหน่วง “นิดนึง” สู้ปากกาสมัย PDA โบราณที่วาดปุ๊บติดปั๊บไม่ได้
เออแปลก สงสัยอยู่ที่ซอฟต์แวร์ของมันด้วย ซึ่งผมไม่ห่วง ไอ้ตัวนี้อนาคตไกล เดี๋ยวก็มีพัฒนาเรื่อยๆ แหละ
ยังไงขอใช้ไปสักพักให้คุ้นมือ น่าจะใช้ประโยชน์ได้จากมันมากกว่านี้ครับ!

ป.ล.
#กินมาม่าที่เหลือจากการตุนไว้ตอนน้ำท่วมต่อไปได้อีกเดือน

มันน่าสกรีนเสื้อน้ำท่วมแบบนี้มั่งนะ

ตะกี้พี่เม่น @iMenn ทวีตมาให้ครับ ชอบมาก ถึงกับอู้งานมาเขียนบล็อกเลย
แถมยังมีคนอื่นร่วมแจมอีกเยอะเลย ทั้ง @warong @kafaak และ @everysundays
เห็นว่านี่มันเป็นมุกสดที่ผ่านไปสามปีคนก็ไม่เก็ตกันแล้ว เลยเอามาลงซะหน่อย
พอทำออกมาก็รู้สึกว่าเฮ้ย น่าใส่จริงๆ ด้วย นี่ถ้าเครื่องสกรีนเสื้อที่ร้านว่าง จะทำขายจริงๆ นะครับ 555

floodshirts-01

floodshirts-02

floodshirts-03

floodshirts-04

floodshirts-05

ป.ล.
ตอนนี้ร้านโมนามาเฟียกำลังเร่งเคลียร์เสื้อยืดการกุศลที่เอาตังค์ไปช่วยน้ำท่วมอยู่
(อ่านรายละเอียดได้จากโครงการเสื้อยืดน้ำ(ใจ)ท่วม) งานหลักเลยหยุดไปก่อนครับ
เสียดายเหมือนกัน ช่วงน้ำท่วมนี่เล่นอะไรฮาๆ ได้เยอะเลย แต่บ้านผมดันเป็นผู้ประสบภัยเองซะงั้น
แถมถ้าผลิตจริงก็ไม่รู้จะส่งยังไงอีก เพราะไปรษณีย์แถวบ้านก็โดนท่วมเหมือนกันหมด โวะ!