ขอกล่าวสดุดี Facebook Timeline

หลายปีที่ผ่านมาผมด่าเฟซบุ๊กมาโดยตลอด
คือมันดันเป็น Hi5 ที่ใช้โคตรยากและไม่สนุก ทุกคนต้องทำตามกติกาที่มันกำหนดไว้
จะดิ้นไม่ได้ สร้างสรรค์อะไรสนุกๆ ไม่ได้ ติดกรอบแม่งตลอด และเป็นแบบนั้นเสมอมา
เรื่องน่าปวดกบาลก็คือมันดันเป็นเว็บที่คนติดกันมากๆ .. มากที่สุดในโลก
แต่ระหว่างนั้นก็ต่อเติมอะไรไม่รู้เข้ามายังกะตึกนิวเวิลด์ที่บางลำภู จะถล่มแหล่มิถล่มแหล่
จนกระทั่งพักหลังๆ ที่มี Google+ มาแข่งด้วยเนี่ย ยิ่งลอกกันเละเทะรายวัน

ไม่รู้มีใครรู้สึกเหมือนกันไหมว่า ที่ผ่านมาการอวยพรวันเกิดเนี่ยแม่งหมดขลังสิ้นดีเพราะอีซักกะเบิกแท้ๆ
หรือการบันทึกความประทับใจอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น แล้ววันเวลาก็จะพาให้มันพร่าเลือนไปเนี่ย
มันเป็นสุดยอดเสน่ห์ของโลกอะนาล็อก ที่คนยุคก่อน MP3 ไม่มีทางเข้าใจเลยนะ

แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องคนแก่เอาไว้คุยกัน วันนี้เด็กๆ ยังไม่เข้าใจหรอกว่าเราจะมารำลึกอดีตกันทำไม
เพราะข้อความที่ทวีตออกไป หรือโพสต์อะไรออกไป มันคือ “ปัจจุบัน” เท่านั้น
ทุกคนทุกค่ายแย่งกันเป็นปัจจุบัน ไม่มีใครชอบบ้าสะสมเหมือนคนยุคซื้อเทปสะสมซีดีกันอีกแล้ว

สำหรับโลกออนไลน์ ผมใช้ทวิตเตอร์เป็นหลัก กูเกิลพลัสเป็นรอง ในการแบ่งหรือบ่นในชีวิตประจำวัน
แต่ก็ได้ประกาศอยู่บ่อยๆ ว่าอยากติดเฟซบุ๊กบ้าง แต่ทำยังไงก็ไม่ติดซะที แม่งไม่ใช่ทางของเราเลยอะ
จนหลังๆ ต้องตั้งเป็นหน้า Home จะได้ติดกะเขาบ้าง (อาจดูกระแดะ แต่สาบานได้ว่าพยายามจริงๆ)
ทีนี้ทุกเครือข่ายมันมีปัญหาคือเราดันไม่มีที่ไว้ “เก็บอดีต” เลยว่ะ อดีตมันจมหายไปหมดเลย

และแล้ว การเปลี่ยนแปลงล่าสุดเมื่อคืน เฟซบุ๊กก็ทำได้ และชนะแบบที่คิดว่ามึงเอาโลกไปเลย
นั่นเพราะพี่แกเปิดตัวหน้า Profile แบบใหม่ที่ชื่อ Timeline (อ่านเอาจาก faceblog นะ)
นั่นทำให้เราสามารถคลิกลากไถดูประวัติของตัวเอง หรือของเพื่อนได้ จะย้อนไปศักราชไหนก็ได้
จะสำคัญหรือไม่สำคัญก็เอาเหอะ คนออกแบบเขาทำให้เราไถย้อนกันไปได้อย่างเร็ว
เร็วจนไปขุดเอาเรื่องที่เคยหัวเราะร้องไห้กันมาตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาให้เป็นบทสนทนากันอีกครั้ง

เฮ้ย สำหรับมนุษย์วัยนี้ ที่คาบเกี่ยวระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์นี่มันสุดยอดเลยนะ!

ความซวยไปตกอยู่ที่ทวิตเตอร์ ที่ดันจำกัดการย้อนดูไว้แค่ 3200 ทวีตล่าสุด
ที่ผ่านมาผมหาที่เอาไว้เก็บทวีตเก่าๆ แต่มีคุณค่าอยู่พักนึง แต่ก็ไม่ได้อันที่ถูกใจ (และฟรี) สักที
ที่ผ่านมาผมเลยสั่งให้ทวิตเตอร์มันโยนทุกข้อความที่เราทวีต ไปโผล่กองๆ เกะกะในเฟซบุ๊กไว้ซะ
ไม่คิดว่าวันนึงอยู่ดีๆ อีไทม์ไลน์แบบนี้จะโผล่มาเป็นเครื่องมือที่อยากได้เลยครับ (วิธีเปิดใช้งาน)
คือมึงตอบโจทย์กูทุกอย่างเลย ก็เล่นเก็บข้อความย้อนหลังได้ตั้งแต่ปีมะโว้ที่สิบหกเลยนะ
ที่สำคัญดันพรีเซนต์ออกมาหน้าตาดูดีโคตรๆ ซะด้วย

iannnnn's facebook timeline

ที่สำคัญอย่างยิ่งยงยอดบัวงาม ก็คือมันแต่งหน้ากากได้ (แต่พอสมควร ไม่ได้เปรอะเหมือนฮิห้า)
เป็นความสามารถที่น่ารักที่สุดเท่าที่จะคิดได้ของเว็บนี้แล้วครับ!
คือก่อนหน้านี้มันแห้งแล้งสุดๆ แต่ตอนนี้ทุกคนสามารถใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้
และต่อไปเทรนด์ใหม่ที่จะทยอยโผล่ตามมาก็คือทำหน้า Profile จ๊าบๆ มาอวดกัน
ทำให้ Facebook Profie นี้มีศักดิ์ศรีพอที่จะเอาไว้เป็น “บัตรประชาชนออนไลน์” จริงๆ ละ

ว่าแล้วก็หัดเล่นเฟซบุ๊กจริงๆ จังๆ ให้ติดแบบที่ชาวบ้านเขาคิดกันมาเป็นชาติแล้วมั่งดีกว่า
เพราะเริ่มเห็นอนาคตแล้วว่าถ้ามึงคิดได้ขนาดนี้ เว็บนี้ก็น่าจะมีอนาคตไปอีกชั่วฟ้าดินสลายแน่นอน

อ้าว แล้วกูเกิลพลัสที่รักของฉันล่ะ

คอมเมนต์

นอนห้าตื่นหกแมนถือกำเนิดแล้ว~

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมนอนดึกและตื่นสายมาโดยตลอด
เป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย เข้าใจว่าคนอื่นก็เป็นกัน แต่บางคนที่มีวินัยทางการนอนคงไม่เป็น
พอดีพ่อผมชื่อวินัย (วินัยๆๆๆ) ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยคงต้องทำอะไรกับชีวิตตัวเองบ้างแล้วล่ะ
เพราะตัวเองมีนิสัยที่พออยู่ดีๆ เกิดตระหนักขึ้นมาก็จะเลิกแบบหักดิบทันที เป็นแบบนี้มานานละ
ก่อนหน้านี้เคยมี “ปฏิญญากุมภาพันธ์” และเขียนสิ่งที่ต้องการหักดิบ พร้อมรายงานไว้ในบล็อกทุกวัน
(แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีเวลาซ่อมบล็อกตอนเก่าที่เน่าไปเหมียนเดิม ไม่งั้นจะทำลิงก์กลับไปซะหน่อย)

ล่าสุด พอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกินน้ำอัดลม และเฉาก๊วย​(!) มากไป ก็เลยลุกขึ้นมาเลิกแม่งซะเลย ง่ายๆ งี้แหละ
น้ำอัดลมยังพอว่า คือไม่ได้ติด แต่เวลายกพวกไปกินข้าวเที่ยงเห็นสั่งกันทุกวัน เลยกลัวตัวเองจะติด เลิกซะ
แต่อีเฉาก๊วยนี่สุดยอดครับ หน้าตึกจะมีเจ้านึง เอาเฉาก๊วยชากังราวมาใส่นมคาร์เนชั่น (แบบไม่ข้นนะ)
โอ้โห โคตรอภิมหามหึมาอลังการอร่อยถล่มโลกเลยครับ ผมงี้กินวันละแก้วจนหน้าจะเป็นเฉาก๊วยอยู่แล้ว
แถมยังไปซื้อเฉาก๊วยถุงกับนมคาร์เนชั่นในเซเว่นไว้รีฟิลเองยามอยากที่บ้านอีกด้วย

อยู่ดีๆ นึกขึ้นมาได้เมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว ก็เลยเลิกกินไปซะดื้อๆ กะว่าจะเลิกเดือนนึง ..ตอนนั้นถือว่าหินมาก
แต่ตอนนี้เฉยละครับ พี่จะมาวางขายยั่วก็ขายไป นี่พอเลิกติดปั๊บ จะขยายขอบเขตเป็นเลิกกินตลอดไปก็ยังได้ละ
(แต่ไม่เอาหรอก มันสุดโต่งเกินไป – ไอ้บ้า เรื่องกินเฉาก๊วยนมเนี่ยนะ)

ทีนี้ประเด็นร้อนส่วนตัวขณะนี้ก็คือ

ผมจะเลิกนอนดึกครับ

จริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่านอนดึกไม่ดี มันส่งผลลบต่อเข็มนาฬิกาธรรมชาติในร่างกายยังงั้นยังงี้
แต่ตัวเองเสพติดความเงียบของกลางคืนมานาน นานเป็นสิบๆ ปีตั้งแต่สมัยเรียนมาแล้ว
คนทำงานประเภทเดียวกันก็จะรู้ว่าเวลาทำงานกลางคืนๆ โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืนเนี่ยมันสุดยอดเลยนะ
แถมถ้าเป็นเด็กๆ หน่อยก็จะเอามาอวดเพื่อนได้บ่อยๆ ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนดึก (มันเท่มากใช่ไหม)

แถมยังมีข้อดีอย่างปฏิเสธไม่ได้คือ
– ขโมยไม่เคยขึ้นบ้าน (เคยประสบเหตุตอนอยู่บ้านเดิม ขโมยขึ้นทุกหลังเว้นแต่บ้านเราที่นั่งทำงานอยู่)
– ได้ฟังเดอะช็อก (ไม่ได้กลัวผีสักนิด แต่เปิดไว้เป็นเพื่อน บางเรื่องงมงายเกินไปก็ฟังแล้วฮาดี)
– ได้ดูรายการที่เขาบอกว่าถ้าพลาดแล้วพรุ่งนี้จะคุยกะใครไม่รู้เรื่อง (ไอ้คนที่ดูนี่แหละที่คุยไม่รู้เรื่อง)
– เน็ตเร็ว (โหลดบิตแม่ง)

ซึ่งข้อเสียที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็คือ
– เมียบ่น

โอ้โห พอแล้วครับ ข้อเดียวพอเลย เลยมองย้อนไปว่าถ้าเรานอนไม่เกินเที่ยงคืนจะเสียอะไรไปบ้าง
– ขโมยขึ้น? (ย้ายบ้านหนีซอยเก่ามาแล้ว มียามแล้ว มีแมวเฝ้าบ้าน คงยังไม่โดนยกเค้าล่ะนะ)
– เดอะช็อก? (เดี๋ยวนี้โหลดย้อนหลังมาฟังที่ทำงานตลอดเลย กรอข้ามโฆษณาเว็บพนันบอลได้ด้วย)
– อดดูรายการทีวีหลังละครจบ? (ช่างแม่ง เดี๋ยวนี้ยูทูบช่วยได้แล้ว)
– เน็ตเร็วตอนดึก? (เพิ่งไปปรับแพ็กเกจ TOT มาเป็น 15 เม็ก วิ่งเต็มสูบเลย ขอคารวะครับ)

โอเค หมดข้ออ้าง แถมยังได้ข้อดีมากๆ อีกเรื่องคือ

1.ได้ดูสรยุทธ์!!!!!
เป็นความใฝ่ฝันมานมนานเลยนะครับ คือเดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูทีวีตอนเช้าๆ มานานแล้ว
ตื่นมาก็แจ๋วพากิน แจ๋วพาเที่ยวตลอดเลย แถมรายการผู้หญิงๆ ก็หดหู่เกิน ผู้ชายแม่งจัญไรทั้งประเทศ
เราจำเป็นจะต้องตื่นมาดูซะหน่อยว่าเสี่ยแกพูดอะไรบ้าง แล้วเอามาเป็นมุกไว้ตั้งชื่อเฟล :30:

2.ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น
ก่อนหน้านี้ก่อนจะทำงานบริษัท เคยตั้งโครงการออกวิ่งตอนเช้าทุกวัน
ก็วิ่งได้ประมาณ 2 วันด้วยรองเท้าแตะ (ไม่มีรองเท้าวิ่ง) แล้วพบว่าพระอาทิตย์มันสวยสวดยวดจริงๆ
เลยไปซื้อรองเท้าวิ่งมาซะดิบดี แต่แม่งกัดตีนเพราะสรีระตีนเราไม่เหมาะกับมัน อีห่า เสียดายตังค์
หลังจากนั้นมีข้ออ้างนู่นนี่เลยไมไ่ด้วิ่งมาตลอด แต่ยังจำได้ว่าพระอาทิตย์ลาดปลาเค้ามันสวยฉิบหาย

3.สุขภาพดี
จริงๆ อยากคาดหวังกับข้อนี้ ก็เพราะไอ้เรื่องนาฬิกาชีวภาพตามธรรมชาติของมนุษย์อะไรนี่แหละ
ที่บอกว่าช่วงเที่ยงคืนร่างกายจะหลั่งอะไรสักอย่างให้เผาผลาญอะไรไม่รู้ จำมาไม่ได้ศัพท์สักอย่าง
แต่หลายๆ ตำราพูดเข้าก็คงดีแหละ ยิ่งตอนนี้ “ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย” การนอนคงช่วยได้

4.เมียเลิกด่า
ข้อนี้ฟินครับ ไม่มีอะไรประเสริฐกับชีวิตไปมากกว่านี้อีกแล้ว

จะว่าไปก่อนหน้านี้ผมก็เคยนอนหัวค่ำและตื่นเช้ามาก่อนเหมือนกัน คือตอนที่ตัวเองเป็นทหารเกณฑ์
สมัยนั้นเขาบังคับนอนตอนสามทุ่ม และตื่นมาวิ่งตอนตีห้าทุกๆ วัน ช่วงนั้นรู้สึกสุขภาพดีโคตรๆ
(ดีขนาดเคยคิดจะท้าต่อยกับพ่อบากิอยู่แล้ว แต่มันไม่ยอมมาไทย มันบอกกลัวจาพนม)
แม้จะพ้นช่วงทหารใหม่ และต้องไปทำงานหน้าห้องเจ้านายที่ดอนเมืองอีกปีครึ่ง
แต่ก็ต้องตื่นตีห้า ใส่เครื่องแบบทหารตึงเปรี๊ยะ (ขนาดตอนนั้นยังตึงนะ) แล้วเริ่มงานหกโมงเช้าทุกวัน
โห เราผ่านช่วงชีวิตที่โคตรมีวินัย (วินัยๆๆๆ) แบบสุดๆ ขนาดนั้นมาได้ ..ตอนนี้ก็ต้องได้สิวะ

ปัญหาและอุปสรรค

(ใครเป็นคนชอบยัดคำนี้ลงในรายงานวะ อ่านแล้วชิน โคตรผ่านตาเลย แต่พอมานึกดูมันก็เป็นคำสำคัญนะ)
จนถึงวันนี้ผมทำงานบริษัท ตื่นแปดโมงปลายๆ แล้วแต่วันไหนขี้เซามากก็ปลายมาก ปลายสุดก็เก้าโมง
เลิกงานทุ่มนึง(อันนั้นเป็นอุดมคติ แต่เลิกจริงก็ทุ่มกว่า สองทุ่ม สามทุ่ม) ถึงบ้านก็ดึกแล้ว
นั่นทำให้การกินมื้อเย็นจะต้องเย็นกว่าชาวบ้าน นึ่นคือสามสี่ทุ่มเป็นปกติ แล้วก็เลยยังนอนไม่ได้ ไม่งั้นอ้วก
ไหนจะมีงานอดิหลักอย่างเว็บนู่นนี่ที่นั่งเสพบ้างทำเองบ้าง อยู่หน้าคอมสักสองสามชั่วโมง เท่านี้ก็ดึกแล้วครับ
นี่ขนาดไม่ได้ทำงานนะ ถ้าวันไหนมีงานด่วนจากออฟฟิศหรืองานส่วนตัว ก็ล่อไปตีสามตีสี่อยู่บ่อยๆ

นั่นแปลว่าถ้าจะนอนห้าทุ่ม ต่อจากนี้ไปผมจะต้องเลิกงานปั๊บ หาอะไรเล็กๆ กินแล้วกลับถึงบ้านนอนเลย
คุณเมียที่กำลังท้องอ่อนๆ และเห็นด้วยกับโครงการนี้ก็บอกว่าโอเค ตอนเย็นจะหาอะไรกินเองละกัน
แล้วย้ายภาระการงานทุกอย่างมาไว้ช่วงเช้า รวมถึงเพิ่มมื้อเช้าเบาๆ ทำให้เป็นนิสัยซะ
ตอนนี้ตั้งเป้าไว้ว่าวันไหนได้กินน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋และดูสรยุทธ์ไปด้วยจะบรรลุมาก!

ยังจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำไหวไหม แต่ขอท้าตัวเองไว้ก่อนเหมือนเคยว่ากูต้องไหว
ใครผ่านมาอ่านลองหาเรื่องท้าทายตัวเองสักเรื่องดูบ้างก็ได้นะครับ หนุกดี

อย่าลืมกดดอกจันเก้าๆๆๆๆๆ เพื่อโหวตให้มนุษย์นอนกลางคืนตื่นกลางวันด้วยนะครับ

คอมเมนต์

บาร์แคมป์ บางเขน ครั้งที่ 2

ตั้งโจทย์ไว้ว่าบล็อกนี้จะเขียนให้จบในห้านาที
โดยอาศัยจังหวะช่วงคาบว่าง (จริงๆ แล้วเป็นคาบที่ไม่มีอะไรฟัง) มาเขียน
(เขียนก่อนงานเขาจะเลิกนี่คงไม่เสียมารยาทเนอะ)

ผมมางานบาร์แคมป์บางเขนครับ
ก่อนหน้าที่จะมาเนี่ยก็คุยกะเมีย เมียเห็นว่าช่วงนี้งานเหนื่อยและไม่ชิวเลย ยังจะมาอีกเหรอ
เลยบอกว่า มันเป็นการพักผ่อนเดียวในช่วงเดือนนี้เลยนะ (ใช่ครับ ความสุขของเด็กเนิร์ด!)
ก็เลยได้มา

สนุกครับ งานนี้มันส์กว่าคราวที่แล้วที่จัดเป็นครั้งแรก
ถามคุณน้องที่เป็นหนึ่งในผู้จัดก็เลยได้รู้ว่าคราวก่อนโยนหินถามทาง
พอโยนเจอทางแล้วก็จัดคราวนี้ และก็คนมากันล้นหลาม! แถมงานก็สนุกดี!
ที่สำคัญคือ เสื้อสวยเหมือนเดิม!

หมดไปหลายนาทีแล้ว ขอแปะภาพ (จาก Flickr)

P1130669
มาถึงงานก็คิดว่าเป็นงานแสดงมุทิตาจิต ถึงกับเหวอ :48:

P1130670
มีให้แปะๆ โหวตด้วย สังเกตว่าคราวก่อนเป็นแปะ Like แต่คราวนี้ +1 กินขาด

P1130682
คงเป็นที่การออกแบบปุ่มด้วยแหละ เอามาวางแข่งกัน ปุ่ม +1 มันเข้มๆ เด่นๆ จะตาย

P1130672
ตอนเช้าไปฟังทีม Pantip3G มาโฆษณาพันทิปเวอร์ชันใหม่ครับ
เขาบอกว่าน่าจะได้เปิดวันทดลองใช้วันนึงในปีนี้แหละ แล้วเก็บเกี่ยวผลตอบรับปิดไปพัฒนาอีกพัก
เจ๋งดี พันทิปมันต้องแบบนี้แหละ! (ผมชอบโลโก้ใหม่ด้วยนะครับ)

P1130677
อันนี้เซอร์ไพรส์มาก ทีมแบไต๋ไฮเทคมาโฆษณาแอปแมกกาซีนในไอแพด
คือมาแบบแปะโหวตเหมือนชาวบ้านนี่แหละครับ ไม่ได้อำมาตย์อะไร
แต่พี่พิธีกรทั้งสามคนแกจัดเต็มโคตรๆ เรียกว่าเป็นแบไต๋เวอร์ชันดาร์ก ไม่เหมาะสำหรับเด็กเด็ดขาด!
แต่เฮ้ย แบบนี้เอาคนดูอยู่ครับพี่ ขอชื่นชม ผมไม่ได้ฮาแบบนี้มานานแล้วครับ :30:

P1130681
เนี่ย ต่อคิวกินข้าวโรงอาหารเหมือนประชาชนทั่วไป
(อาหารอร่อยโคตรๆๆๆๆ ครับ อยากจะเบิ้ลแต่ดูพุงตัวเองแล้วต้องหยุดใจไว้)

P1130685
มี Kinect ให้เล่นด้วย เป็นไฮไลต์หน้างานเลยแหละ

P1130686
นอกนั้นก็ Sessions อื่นๆ จ้ะ (ตามอ่านได้จาก #bkbc)
เลยห้านาทีจนได้ หมดคาบแล้ว ไปล่ะ!

คอมเมนต์

ชายผู้วิ่งตามหาความฝัน ด้วยลำแข้งของตนเอง

ทีแรกจะเขียนอธิบายเกริ่นอะไรยาวๆ ซะหน่อย
แต่ดึกแล้ว ต้องนอน เลยสแกนแปะมันทั้งแบบนี้แหละ
(ขนาดจะ resize ภาพให้มันพอดีๆ กันยังขี้เกียจ)

มนุษย์เงินเดือนนี่นะ ไม่ชิวเลย

ScanImage003

ScanImage004

ScanImage005

ScanImage006

ScanImage007

ScanImage008

ScanImage009

ScanImage010

จบ.

ป.ล.
ตั้งชื่อหมวดเป็น “การ์ตีน” ครับ.. คือวาดได้แต่แบบส้นตีนๆ ยังงี้แหละ
เดี๋ยวไว้ว่างๆ จะเพิ่มเมนูข้างล่างหน่อย จะได้ขุดของเก่ามาอ่านง่ายๆ
นี่ขนาดตัวเองยังหาเองไม่เจอเลย น้อยเกิ๊น

คอมเมนต์

HLP Hackathon: ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมาโค้ด

ไม่ใช่แค่สามวัน..
ไม่ใช่แค่หนึ่งอาทิตย์ หรือสอง หรือสามอาทิตย์
แต่นี่ล่อไปเดือนกว่าๆ หลังจากจบงานหัวลำโพงแหกกระท้อน ข้าพเจ้าถึงเพิ่งมาเขียนถึงมัน
มองยังไงก็ไม่มีแง่ดีให้เห็น เว้นแต่ว่านี่คือการประกาศว่าเฮ้ย เราไม่ต้องรีบเสพข้อมูลกันนักก็ได้!
แต่นั่นมันก็แค่ข้ออ้างล่ะนะ :39:

อ้ะเข้าเรื่อง

ขอเกริ่นก่อนนะครับ
คือผมเพิ่งมานึกได้ว่าตัวเองแทบไม่เคยเขียนบล็อกเรื่อง “หน้าที่การงาน” เลย
จนบางทีใครผ่านเข้ามาอ่านต้องคิดว่าไอ้นี่มันเลี้ยงปากท้องด้วยการเปิดเว็บตลกหากินแน่ๆ
จริงๆ แล้วตอนนี้ผมกลับมาทำงานบริษัทอีกครั้งเพราะโดนพี่เม่นหลอกให้มาอยู่ที่สามย่านครับ

“สามย่าน” เป็นบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่น้องใหม่เอี่ยม ที่ไม่ได้มีออฟฟิศอยู่ที่สามย่านนะ
(โดนถามประจำจนเกือบเตรียมป้ายคำตอบสำเร็จรูปเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ละ – ตูไม่ได้อยู่ที่สามย่านโว้ย!)
เช่นเดียวกับ “หัวลำโพง” (ซึ่งก็ไม่ได้อยู่หัวลำโพงเช่นกัน) ที่เป็นบริษัททำอะไรก็ได้ให้ไปโผล่ในมือถือ
สองเจ้านี้นอกจากจะลงรถใต้ดินอยู่สถานีใกล้กันแล้ว ยังเป็นดั่งเครือญาติกันกลายๆ อีกด้วย

แล้ววันหนึ่งหัวลำโพงกับสามย่านก็ร่วมมือกันจัดงานนี้ขึ้นมาครับ

แถ่แน้มมมม~♫

อธิบายโดยสังเขป:

สำหรับใครที่เคยดูหนังต้นกำเนิดศาสดาซักกะเบิก – The Social Network
มันคือฉากที่ Facebook รับสมัครคนเข้าทำงานด้วยการแข่ง “โค้ดแบตเทิล” กัน (กดดูก่อนจะได้เก็ต)
โดยไม่ให้แข่งแบบสบายๆ นะ เพราะอีโปรแกรมเมอร์ที่มาแข่งทุกคน ต้องโดนกรอกน้ำเมาไม่อั้น
ความท้าทายมันอยู่ที่เหล่าผู้แข่งขันเนี่ย นอกจากจะมึนกับโค้ดแล้ว ยังต้องโดนอุปสรรคอย่างอื่นขัดขวางอีก
บรรยากาศการแข่งจันจึงไม่ใช่แค่มาแข่ง / ตัดสิน / ประกาศผล / จบ แล้วกลับบ้านไปแบบสาระเต็มเปี่ยม
แต่ต้องเป็นการ “ดวลวิชา เขียนโปรแกรมกันสดๆ และต้องสนุกโคตรๆ” โอว.. ท้าทายยิ่งนัก
ซึ่ง@nuuneoi และหัวลำโพงก็ถูกจริตกับอะไรแบบนี้เข้าอย่างจัง
จึงดำริว่า อยากจัดอะไรแบบนี้มั่งในประเทศไทย!

ก็เลยออกมาเป็นงาน Hua Lampong Hackathon ครั้งแรกในโลกครับ!
(เว้นแต่จะมีสักประเทศที่เผอิญมีเมืองหัวลำโพงและจัดงาน Hackathon ตัดหน้าไปแล้ว)

ดูคลิปกันก่อน อันนี้ทำโดย @vbanku มือกราฟิกและตัดต่อของสามย่านจ้ะ

เมื่อหัวลำโพงเป็นเจ้าภาพหลัก ที่คิดเรื่องโจทย์สารพัดในฝั่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีวันรู้เรื่อง
และทีมสามย่านก็โดดมาทำให้งานนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง (และให้มนุษย์เข้าใจ) ครับ

แต่เนื่องจากงานนี้มันผ่านไปตั้งสองอาทิตย์แล้ว จะเขียนรายละเอียดก็ลืม 555
ก็เลยขอสรุปให้อ่านเป็นหัวข้อๆ ละกันนะครับ เผื่อใครอยากจะจัดบ้าง เราก็ยินดีช่วยเหลือครับ

Hackathon

เตรียมงาน

  • ต้องบอกก่อนว่าทั้งทีมสามย่านและหัวลำโพงต่างก็มีงานประจำที่ยุ่งกันทั้งคู่
    ดังนั้นงานนี้ถ้าเทียบกับกูเกิล จึงน่าจะเรียกได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่าง 20% ของพนักงาน
  • อ้อ แต่ความว่างของพนักงานของทั้งคู่เกือบเป็น 0% ครับ
  • ทางหัวลำโพงที่เป็นแม่งาน วางกรอบกติกา รวมถึงเตรียมการด้านเทคนิคต่างๆ
    ตั้งแต่คอนเซปต์ โจทย์ กติกา และระบบที่ใช้รองรับการแข่งขัน
  • ส่วนทีมสามย่านก็เตรียมการในด้านอีเวนต์ทั้งหมด ทั้งเรื่องการจัดงาน ประสานงาน ฯลฯ
  • ติดต่อสถานที่ ขอขอบคุณ CS Loxinfo ที่สนับสนุนและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีครับ
  • คิดกิจกรรม รูปแบบงาน กติกา รางวัล บรรยากาศ-โทนงาน และอาร์ตไดเรกชัน-กราฟิกที่ใช้
    (ตอนเสนอโทนสิบล้อๆ ไปนี่ เสียวมาก กลัวท่านจะไม่ให้ผ่าน แต่ก็ผ่าน กร๊าก :30:)

Hackathon

การแข่งขันรอบคัดเลือก

  • การแข่งขั้นตั้งใจจะให้วันจริงมีคนไปประลองกันประมาณ 20 คน
    ดังนั้นจะต้องมีการคัดกรองฝีมือกันก่อนในรอบคัดเลือก ก็เปิดให้แข่งกันแบบออนไลน์ซะเลย
  • การแข่งขันมีขึ้นในเวลาสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่โปรแกรมเมอร์ตาสว่าง :30:
  • แจกโจทย์กันบนเว็บ เริ่มทำพร้อมกันและปิดรับคำตอบตอนเที่ยงคืนเป๊ะ รวม 3 ชั่วโมงพอดี
  • ทีแรกกะว่ารอบคัดเลือกนี้เอา 2 รอบละกัน แต่ปรากฏว่าโจทย์ยากไปจนมีเสียงครวญมาจากผู้ท้าชิง
    ดังนั้นทางทีมงานจึงเพิ่มรอบให้อีก 1 รอบ จึงได้ผู้ผ่านเข้ารอบชิงทั้งหมด 14 ทีมพอดี
  • 14 ทีมที่ว่านี่ บางทีมมีคนเดียว บ้างก็มี 2 คนตามกติกา แต่รวมแล้วได้ 19 ชีวิต (จาก 300 กว่าผู้ท้าชิง)

Hackathon

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ

  • การแข่งขันมีขึ้นตั้งแต่เที่ยงครึ่งของวันที่ 23 กรกฎาคม 2554 ที่ CS Loxinfo อาคารไซเบอร์เวิลด์ รัชดา
  • ผู้เข้าแข่งขันมากันพร้อม ผู้ชมเอยทีมงานเอยก็นับได้เป็นร้อยๆ ชีวิต พอดิบพอดีกับขนาดของสถานที่จัด
  • มีวงดนตรีที่ติดต่อผูกปิ่นโตไว้คือ iHear เจ้าเก่า มากันครบวง!
  • ถ่ายทอดสดกันแบบออนไลน์โดยทีมงาน FukDuk เจ้าเก่าอีกเช่นกัน ..นี่มันดรีมทีมแล้วนะเนี่ย
  • จริงๆ ก่อนวันงานผมตั้งใจว่าจะถ่ายทอดสดส่วนตัว ด้วยการเปิด Hangouts อีกวงไว้เหมือนกัน
    แล้วก็ให้ผู้แข่งขันหรือผู้ชมในงานมาร่วมพูดคุยกับผู้ชมทางบ้าน หรือจะเปิดวงเองก็ว่าไป
    เพราะการถ่ายทอดสดเดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเรื่องง่ายแสนง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้เองกันแล้ว
    แต่พอเอาเข้าจริงๆ ดันยุ่งจนลืมครับ ไม่งั้นคงเอามาอวดได้แล้วว่าทำไอ้แบบนี้คนแรกเลยนะ 555

Hackathon

กติกาการประลอง

  • ชี้แจงกติกากันก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วให้เริ่มทำสามชั่วโมง แต่ถ้าไม่เสร็จก็ขยายให้อีกชั่วโมง
  • กติกาคือทุกทีมจะมีแผ่น QR Code ว่างๆ ไว้ การพิชิตโจทย์ได้แต่ละข้อ จะได้คำตอบออกมาเป็นบิต
    แล้วเอามา “ฝน” ใส่แผ่น QR ที่แจกให้ .. อ้อ ต้องฝนในคูหาที่จัดเตรียมไว้ให้ด้วยนะครับ
  • ใครที่ฝนเสร็จแล้วจะมี QR MAN คอยยิงกล้องมือถือส่องตรงหน้าคูหา
    ถ้าเกิดโค้ดติดออกมาเป็นรหัสผ่านปั๊บ ก็เตรียมเฮได้เลย แล้วเอารหัสผ่านนั้นไปไขกุญแจสุดท้าย
  • ตอนนี้ในเว็บของงานมีแจกโจทย์ให้เอาไปทำเล่นพร้อมกติกาละเอียดด้วยครับ กดโหลดโลด
  • และหน้านี้คือกุญแจที่ว่าไว้ด้านบน สังเกตว่ามีการเนียนโฆษณาเว็บบางแห่งด้วยหละ ฮิฮิฮิฮิฮิหุฮิหุ
  • ถ้านับกันแค่กติกาตรงนี้ ความสนุกและท้าทายมันก็ทะลักอยู่แล้ว
    แต่สำหรับ HLP Hackathon.. เก่งอย่างเดียวไม่พอครับ ต้องดวงดีด้วย
    เพราะ QR Code เป็นรหัสที่สามารถอ่าอนุโลมให้ผิดพลาดได้ประมาณ 20-30%
    นั่นแสดงว่า แม้จะตอบคำถามไม่หมดทุกข้อ แต่บางข้อที่ตอบได้ดันไปลงล็อกพอดีก็ลัคกี้แมน

Hackathon

เท่านั้นยังไม่พอ

  • ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดข้างบนคือกติกาแบบใสสะอาดครับ
    แต่ก็นะ เราคงไม่ยอมให้การแข่งขันเป็นไปด้วยความมาคุแน่ๆ ก็เลยเตรียมพิธีกรรมป่าเถื่อนไว้จำนวนมาก
    (ตรงไหนที่ทำลิงก์ไว้ก็คือมีภาพประกอบนะครับ คลิกไปดูเพื่อเพิ่มอรรถรสได้)
  • อ่านถึงตรงนี้แล้วอยากให้นึกหน้าทีมงานตอนนั่งปวดกบาลว่า แล้วตูจะคิดวิธีแกล้งยังไงดีวะ
    เพื่อไม่ให้โปรแกรมเมอร์รู้สึกว่า “มึงจะอะไรของมึงวะ กูมาแข่งเขียนโปรแกรมนะเว้ย”
    (คือเรามีภาพเหมารวมของโปรแกรมเมอร์ไทยไว้ว่าต้องค่อนข้างเก็บตัวและไม่ค่อยฮาไงครับ)
  • ดังนั้นวิธีการแกล้งก็คือเราจะมีนาฬิกาปลุกเชยๆ หนึ่งเรือน เอาไว้เตือนทุกๆ 15 นาที
  • พอถึงนาทีที่ 15 ปั๊บ นาฬิกาปลุกดัง ทุกอย่างต้องหยุด! ผู้แข่งขันทุกคนต้องปล่อยมือ
    และปฏิบัติตามธรรมเนียมหนึ่งข้อ นั่นคือ ..หมดแก้ว (มีพริตตี้คอยรินเครื่องดื่มตลอดงานครับ)
  • ส่วนน้องๆ ที่อายุไม่ถึง 20 ขวบก็ไม่เป็นไร เราไม่บังคับฝืนใจแต่ก็อยากให้มึน
    น้องๆ จึงต้องปั่นจิ้งหรีด 10 รอบ แล้วค่อยนั่งเก้าอี้และแข่งต่อได้
  • คิดดูละกันว่าระยะเวลาแข่งขัน 3-4 ชั่วโมงเนี่ย มีพักยกทุกๆ 15 นาที มันจะมึนแค่ไหน!
    หลังๆ พอดูอาการผู้แข่งบางท่านบางทีมแล้วเราเลยงัดลูกเล่นอื่นๆ ที่ซ่อนไว้มาเล่นกัน
    เช่น หลอกใส่น้ำเปล่าบ้าง หรือให้เต้น MK พร้อมๆ กันบ้าง (ภาพออกมาดูทุเร้ศทุเรศครับ)
    หรือให้ล้วงใต้โต๊ะแล้วมีเครื่องหมายเป่ายิ้งฉุบอยู่ ก็เอามาเป่ากะคนตรงข้าม ใครซวยดื่ม
    หรือแม้กระทั่งให้ “เยล” วง iHear ที่อุตส่าห์มาร่วมป่วนกับเราก็มี (ดูคลิปแล้วจะเข้าใจ)
  • แล้วก็มีการจับฉลาก “วิธีการแกล้ง” อีก ซึ่งเป็นคนละลูปกับไอ้ 15 นาทีที่ว่ามาตะกี้นะครับ
    โดยเราเตรียมฉลากวิธีการแกล้งไว้สารพัด ทั้งแบบหนัก แบบเบา แบบ “อะไรของมึงวะ” ก็มี เช่น
    • ให้วิ่งรอบห้อง อันนี้เด็กๆ
    • ให้ร้องเพลงซิงกูล่าร์ (ไปเตี๊ยมกะวงดนตรีไว้ว่าให้เปลี่ยนเวอร์ชันเป็นฮาร์ดคอร์)
    • ให้นั่งเขี่ยพื้นสำนึกผิด 1 นาที อันนี้โหดมากครับ ยิ่งมีวงดนตรีบิ๊วด้วย เศร้าอย่างสุดซึ้ง
    • ให้โพสท่าเกาหลีคู่กับใครก็ได้ในงาน แล้วถ่ายรูปทวีตออกอากาศด้วย
    • ให้เล่นมาริโอ้ด่าน 1-1 ให้จบ อันนี้คิดมาเล่นๆ  แต่พอเอามาแกล้งจริง ปรากฏว่าฮือฮามาก
      คนโดนรู้สึกจะเป็นน้องไท เล่นขึ้นจอยักษ์และมีซาวด์แทร็กมาริโอ้สดๆ ประกอบด้วย!
    • ส่วนการแกล้งที่เป็นเซอร์ไพรส์จริงๆ และคนที่โดนคือลิ่ว ลองดูกันเอาเองว่าคืออะไร
    • ฯลฯ
  • ก็สุดแท้แต่จะกรึ่มกันไป ครับ นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นแกล้งสารพัดจะแกล้งอีกเพียบ
    (เช่นอยู่ดีๆ พี่ฉัตรก็เดินมาร้องเพลงด้วยเสียงอันทรงพลังถึงติ่งหูของผู้แข่งขัน เหวอกันไปเลย)
    ฯลฯ
  • อ้อ ขอกระซิบว่ากติกาหลายๆ อย่างปรับเปลี่ยนจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
    ดังนั้นถ้าใครอยากจัดงานแบบนี้บ้างก็ให้ดูทิศทางลม รวมถึงฮวงจุ้ยและโหงวเฮ้งผู้ท้าชิงให้ดี!

รางวัล Hackathon

ผู้ชนะ / รางวัล

  • ใครที่สามารถถอดรหัส QR Code ได้ปั๊บ จะมีรหัส 4 หลักปรากฏในมือถือครับ เฮ!!
  • ให้นำรหัสนั้นไปพิมพ์กรอกเพื่อเปิดตู้เซฟ ถ้าผิดก็จะด่าให้ แต่ถ้าถูก ก็เป็นอันแจ็กพ็อตแตก
  • พอใกล้หมดเวลาแบบฉิวเฉียด ก็มีผู้ที่สามารถพิชิตการแข่งขัน นับได้ทั้งหมด 4 ทีมครับ
  • เสร็จแล้วหมดเวลาก็มาทำการตรวจเช็กและไล่ลำดับกันว่าใครได้กี่คะแนนกันบ้าง
  • และเมื่อประกาศผล ก็ให้คนที่ชนะเป็นผู้เลือกรางวัลชิ้นใดชิ้นหนึ่งก่อน (ตามภาพด้านบน)
    ซึ่ง @tanin47 ก็เลือก Samsung Galaxy SII ไป
  • และรองชนะเลิศคือทีมของ @ensecoz และ @nantcom ก็จัด iPad 2 (3G) ไปแบ่งครึ่งกันเอง
  • นอกนั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่านก็ได้ของเล็กๆ น้อยๆ จนถึงใหญ่ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันจ้ะ

Hackathon

หลังงาน

  • จบลงด้วยดี ชักภาพกันก่อนแยกย้ายท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำข้างนอก
  • พี่อาท หัวเรือใหญ่ก็ใจป้ำ พาผู้แข่งขันและทีมงานไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ข้าวต้มที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์คครับ
  • ฝนตกกระหน่ำมาก รัชดาน้ำท่วมจนแทบจะเลี้ยวเข้าอาคารสถาปัตยกรรมโอ่อ่าก่อนถึงโรงแรมซะแล้ว!

.

ปิดท้ายด้วยบรรยากาศงาน

คลิปจากสามย่าน ถ่ายและทำโดย @vbanku

http://www.youtube.com/watch?v=uEHt5a8IRwo
อีกบรรยากาศจากน้องเก่ง @kengkawiz พิธีกรสาวสวยของงาน :51:


ปิดท้ายด้วยภาพครับ กล้องผมแต่ฝาก @sweetiejeep และ @chaiyosart ถ่ายจ้ะ

นอกนั้นก็ดูได้จากเฟซบุ๊กเพจของ HLP Hackathon โลด

บทความที่เกี่ยวข้องกันจากบล็อกชาวบ้าน

แฮก แฮก เหนื่อยโคตร :05:
แต่คุ้มเหนื่อยที่ต้องบันทึกไว้ละเอียดๆ เพราะมันเป็นงานที่คนไม่ได้มาจะบอกตรงกันว่า “โคตรเสียดาย”
(ต่อไปจะเขียนสั้นๆ ละ)

คอมเมนต์