แล้วเราเป็นใครในโลกออนไลน์?

ขอเกริ่นก่อนว่า ผมเป็นพวกที่ขี้รำคาญพวกอวดรู้เหลือเกิน
เลยขอเขียนแบบนั้นดูสักครั้ง อยากรู้ว่าอีพวกนักวิเคราะห์นี่มันมองอะไรยังไงกัน 555
ถ้าขี้เกียจอ่านก็กดข้ามไปตอนอื่นๆ เพื่อหาการ์ตูนปัญญาอ่อนได้เหมือนเดิมตามสบายครับ

.

จริงๆ บล็อกตอนนี้ต้องเขียนตั้งแต่เล่น Google+ วันแรก แล้วรู้สึกแวบขึ้นมา
เพราะหลังจากหยอดรีวิวแรก(ของชาติเลยนะ)ไปนิดนึง ก็รู้สึกว่าจะต้องขยายความเพิ่มอีก
แต่ก็ดันดองจนเริ่มเปรี้ยว เลยขอเขียนภาคต่อแบบดิบๆ แบบนี้แหละครับ

ประเด็นที่อยากขยายความก็คือ ขอสำรวจตัวตนก่อนว่าเหล่าสังคมออนไลน์ที่เราสิงสถิตอยู่เนี่ย
มันรู้จักอะไรกะเรา?

Facebook: นี่กูต้องเป็นใคร

ลองสังเกตดูครับ พฤติกรรมที่เว็บสีน้ำเงินแห่งนั้นจูงใจและเอื้ออำนวยให้เราเป็น
ก็คือการบอกว่า “กูเป็นใคร” ไม่ว่าจะ ไม่ว่าจะชอบกินอะไร เที่ยวที่ไหน เล่นอะไร
นับถือใคร ชอบ รัก เกลียด เลือกพรรคไหน และมั่นใจว่าคนไทยจะมั่นใจอะไร :30:
สิ่งเหล่านี้คืออาหารอันโอชะสำหรับเจ้าของเครือข่าย ที่ถึงเวลาแล้วเขาก็นำมาใช้หาประโยชน์
และร่ำรวยจากการรีดข้อมูลส่วนตัวของเราโดยสมัครใจ เอาไปขายโษณาซะงั้น
เราในฐานะผู้ใช้ก็ไม่ต้องไปรู้สึกระแวงหรืออะไรหรอกครับ มึงจะเอาก็เอาไป ขอให้กูได้เลี้ยงหมูก็พอ
(มีฝรั่งบอกว่า วิกิลีกส์เอาความลับมาแจกจนโดนล่า ส่วนเฟซบุ๊กได้ขึ้นปกไทมส์ทั้งที่ขายความลับเรา!)
นอกจากนั้นแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมา ระบบนิเวศในเฟซบุ๊กก็ดันเน่าหนอน
เพราะบรรดาบริษัทห้างร้านก็ดันระดมหลอกคนมากด Like (ฝ่านการตลาดชอบตัวเลขเยอะๆ นี้นัก)
จนข้อมูลส่วนตัวของคุณกลับกลายเป็นอะไรไม่รู้ นี่กูไปชอบบ้านจัดสรรของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
แต่พักหลังทางคุณซักกะเบิกและทีมงานก็ได้เร่งแก้ปัญหานี้ด้วยการออกกฎเหล็กมาแปดข้อแล้ว
เดี๋ยวจะรอดูว่าได้ผลแค่ไหน และสังคมอุดมโฆษณาแห่งนี้จะกลับมาสงบสุขอีกครั้งหรือไม่

Twitter: ที่จริงแล้วกูเป็นใคร

“ในทวิตเตอร์ เราปกปิดตัวตนของตัวเองได้ไม่นานหรอก” ใครหลายคนก็กล่าวแบบนี้
ซึ่งทวิตเตอร์มันก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ครับ มันไม่มีอะไรให้เล่นอีกแล้วนอกจาก 140 ตัวอักษรนั่น
คุณนึกอะไร ชอบอะไร จะสร้างภาพยังไง พอทวีตไปสักพันทวีตมันก็ปกปิดตัวตนคุณไม่อยู่อยู่ดี
ด้วยระบบการ Follow ที่คุณสามารถแอบรักและติดตามความเคลื่อนไหวของคนอื่นได้
โดยเขาไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักเรา มันทำให้ทั้งเขาและคุณต่างก็แสดงความเป็นตัวเองออกมาได้
ฉะนั้นประสบการณ์การใช้งานทวิตเตอร์ของแต่ละคน จึงมีลักษณะที่ไม่เหมือนกันเลย
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพยายามมานั่งหานิยามแบบที่ได้ยินบ่อยๆ ว่า “คนในทวิตเตอร์เป็นคนยังไง”
เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ในสังคมไหน มีความสนใจอะไร แสตนด์จะย่อมดึงดูดแสตนด์ด้วยกันครับ
ไม่เชื่อก็ลองกดดูไทม์ไลน์ของคนที่เราไม่รู้จักเลย แล้วดูสิครับว่าคนในทวิตภพของเขาเป็นยังไง
สนุกดีนะครับ ผมเคยหลุดไปในวงการที่คุยกันแต่เรื่องปลากัด ปลาตู้ โคตรเจ๋งเลย

Google+: คนอื่นมองเรายังไง

ผมคงไม่มานั่งพูดกันแล้วนะว่ามันลอก หรือมันทำมาฆ่า Facebook หรืออะไร
เพราะภายใต้หน้าตาที่ออกจะคล้ายกันนั้น .. วิธีคิดมันคิดกลับหัวกันเลย

ความเจ๋งมันอยู่ที่ Circles ครับ
อย่างที่เขียนไว้ในตอนก่อนว่านี่แหละของเด็ด แล้วก็ไม่ได้ขยายความต่อว่ามันเด็ดยังไง วันนี้จะมาว่ากัน

ก่อนอื่นต้องแนะนำอีเจ้า Circles ให้คนที่อาจจะยังไม่ได้ลองเล่น Google+ ซะก่อน
มันคือระบบที่หน้าตาใช้ง่าย เอาไว้ให้เราจับลาก “คนรู้จัก” ลงไปอยู่ในหมวดหมู่ต่างๆ
ซึ่งมันสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางสังคมของเราพอดี ที่เวลานึกหน้าเพื่อนขึ้นมาสักคน
มันจะมีสถานะพ่วงมาด้วยเสมอ ผมก็เป็น คุณก็เป็น ไม่เชื่อลองสักสองสามสี่ห้าตัวอย่าง:

  • ไอ้บิ๊ก เพื่อนสมัยเรียนมัธยม ที่ตอนนี้กลับมาเจอกันและอยู่ในบอร์ดเดียวกันด้วย อาชีพทำเว็บ
  • ไอ้ตั๊ก ที่เป็นน้องมหาลัย แต่หลังๆ มันมาเที่ยวบ้านบ่อย แถมเป็นแก๊งกินที่ตามไปกินทุกที่
  • ไอ้แก้ว ที่รู้จักกันตอนทำงานที่ทำงานเก่า จนตอนนี้ก็ยังมาอยู่ที่ทำงานใหม่ด้วยกัน และเป็นแก๊งหมา
  • อีแชมป์ คนทำเว็บ วาดการ์ตูน เขียนหนังสือแนวจิกกัด รู้จักกันจากในเน็ตก็เพราะความจิกกัด
    จนพอมาเจอตัวจริงก็พบว่าเป็นชาวลาดพร้าวเหมือนกัน
  • เจ๊เพชร รู้จักกันในเน็ตแถมยังไม่เคยเห็นหน้าตากันเลย รู้แต่ว่าเจ๊กวนตีนจนน่าคบมาก และชอบหมา
  • ฯลฯ (รายนามบุคคลและสมาคมที่ถูกพาดพิงข้างบนนี้ ดันมีตัวตนอยู่จริงทั้งสิ้น)

เห็นไหมครับว่ามันมีบางอย่างที่กลุ่มคนที่กล่าวมาข้างต้นมีอะไรบางอย่างที่ “ทับซ้อน” กันอยู่หน่อยๆ
นั่นคือใน 1 คนอาจจะโคจรมาข้องแวะกับเราในฐานะ “สมาชิกร่วมวงการ” อะไรสักอย่าง
อาจจะเป็นวงใดวงหนึ่ง หรือมากกว่า 1 วงก็ได้ เช่นแก๊งกิน แก๊งเตะบอล แก๊งเที่ยว แก๊งเพื่อนสมัยเรียน ฯลฯ
กรุณาเปิดเพลง “เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ” ประกอบก็จะยิ่งเห็นภาพว่าวงโคจรมันมีอยู่จริง จริงๆ

Google-Plus-Circles

ในเมื่อวงมันมี แต่เราไม่เคยแปลงมันออกมาเป็นรูปธรรมแบบจับต้องได้ซะที
จน Google+ มันคลอดออกมาพร้อมกับภาพแรกที่เราเห็นแล้วก็จะงงว่า ไอ้ Circles นี่มันเชี่ยไรวะเนี่ย
มันคือ Circles อย่างที่เห็นในภาพนั่นแหละครับ แปลเป็นไทยว่า “แวดวง” (ฟังทีแรกจั๊กจี๋มาก แต่เริ่มชินละ)
ความที่มาถึงปั๊บ เราต้องไปเคลียร์กับตัวเองก่อนว่าจะจัดความสัมพันธ์กับคนนั้นคนนี้อย่างไร
อันนี้แหละที่ทำให้วิธีคิดของ Google+ นั้น “กลับหัว” กับทั้ง Facebook และ Twitter โดยสิ้นเชิง
เพราะ Facebook และ Twitter นั้นเรียกเพื่อนเราเป็น List และไม่ถูกขับเน้นเป็นสำคัญนัก
คือจะมีสักกี่ครั้งที่คุณได้ใช้การคุยกับเพื่อนเฉพาะลิสต์ที่ว่า? นอกนั้นก็เป็นระนาบเดียวกันหมด
โอเค ใน Facebook มีระบบ Groups ที่มองคล้ายกับเว็บบอร์ดที่ถึงเวลาก็ไปสุมหัว “ในนั้น”
แต่กับ Google+ นั้นไม่ต้องเข้าไปที่ไหน แต่การพูดทุกคำออกมาจะใช้การเจาะจงว่าเราพูด “กับใคร”
ผมเลยนับถือสถาปนิกระบบตรงนี้มากว่าเขาคิดได้ไงวะ พลิกกลับหัวจากระบบที่เราชินได้ โคตรเก่งเลย

ทีนี้มาต่อกันด้วยหัวข้อที่เขียนถึงในวันนี้ ว่า “คนอื่นมองเรายังไง”
ถ้าเปรียบเทียบกับใน Facebook และ Twitter การจัดเพื่อนเข้า List นั้นเพื่อความสะดวก
แต่สำหรับ Google+ มันมีมากกว่านั้นครับ ลองสังเกตดูว่าที่ผ่านมา Google ขาดอะไร?
Google มีคลังข้อมูลที่มีปริมาณเยอะที่สุดในโลก
Google มีสารพัดโปรแกรมระดับเทพ ที่พลิกระบบการคิดจากโปรแกรมอ้วนๆ ที่เรามี ไปอยู่บนเว็บ
Google มีระบบหุ่นยนต์และอัลกอริทึมมากมายที่ใช้วัดระดับความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เก๋าที่สุดของโลก
ฉลาดที่สุดในโลกขนาดนี้ แต่กลับพลาดท่าตรงที่เสือกไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์!
เรียกได้ว่า Google สามารถ Search หาอะไรก็เจอแม่งทุกอย่าง
แต่กลับหาใจเธอไม่เจอ (ฮิ้วววว)

แต่ในที่สุด ตอนนี้พอมี Google+ ขึ้นมาปั๊บ
มันก็เริ่มจะหาใจเธอเจอแล้วครับ

ก็จากการที่หลอกใช้พวกเราในฐานะ User (ตอนนี้แค่กลุ่มเล็กๆ แต่ต่อไปก็ทั้งโลก)
ให้ระบุ Metadata ต่างๆ ที่พ่วงมากับทุกคน โดยไม่ต้องอวยสร้างภาพตัวเองแบบใน Facebook
เพราะแทนที่จะให้เราบอกใครๆ ว่าเราเป็นใคร แต่คราวนี้คนอื่นจะบอกเราเองว่ามึงเป็นใคร!
ก็ด้วย Circles นี่แหละครับ

circles-me

และฐานข้อมูลมนุษย์นี่แหละครับที่กูเกิลกำลังเริ่มเปิดฉากเพื่อครอบครองต่อจากฐานข้อมูลภายนอก
แบบเดียวกับที่ไอน์สไตน์คุยกะซิกมุนด์ ฟรอยด์ ว่าตูเนี่ยรู้หมดทั้งจักรวาล แต่ไม่รู้เรื่องในสมองคน
บัดนี้ไอน์สไตน์ที่เกิดใหม่มาในคราบหุ่นยนต์ มันเริ่มรู้แล้วครับ และเฟสต่อไป มันก็จะเริ่มครองโลก

ตัดจบ!

คอมเมนต์

เดอะ โซเชียล เน็ตเวิร์ก

The-Social-Network

ป.ล.
สังเกตว่าพยายามจะวาดให้เนี้ยบๆ มีลงสีลงเสอด้วย
แต่ก็มีปัญญาเนี้ยบได้เท่านี้แหละ

ป.อ.
นี่เป็นเหตุการณ์จริงที่กำลังเกิดขึ้นกับผมตอนนี้เลยครับ
แต่เพิ่มไปอีก 2-3 ช่องคือเสียเวลานั่งอ่านฟีดกับติดเว็บบอร์ด
แถมไอ้ Google+ นี่ก็ดันขยายร่างกระจายทั้งเว็บฟีดทั้งอีเมล ปิดไม่ได้ด้วยนะ
แถมมันหน้าตาช่างน่ารักน่ากดเสียนี่กระไร ก็ขอแวะนิดนึง.. แล้วก็ยาวทุกที
(ตอนนี้ยังนึกวิธีบล็อกมันไม่ออกเลยครับ ฝ่ายไอทีบริษัทต่างๆ เตรียมปวดกบาลได้)

ป.ฮ.
กะว่าจะขอเขียนการ์ตูนลงบล็อกเล่นสักพัก
แล้วก็หมดไปอีกชั่วโมง..

FAIL

คอมเมนต์

Google+ : บวกแม่งเลย

บล็อกตอนนี้จะเขียนสั้นๆ ดูบ้าง ติดนิสัยเขียนทีไรยาวทุกที
เรื่องของเรื่องคือได้ลองเล่น Google+ แล้วครับ

สั้นๆ สำหรับคนที่ไม่รู้จักว่า Google+ มันคืออะไร:
มันคือ Facebook ยี่ห้อ Google นั่นเองครับ จบ

แต่ถ้ายาวๆ มันก็คือรวมบริการที่กูเกิลมีอย่างกระจัดกระจายเต็มไปหมดไว้เป็นก้อน
คือคงรู้สึกแล้วว่าถ้าปล่อยให้กระจายอยู่แบบนี้ รับรองตายแน่นอนครับ
เพราะคนเล่นเน็ตเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้เข้าถึงเนื้อหาผ่านกูเกิลเป็นหลักเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แต่เราจะเจอคลิปเพลงคันหู คลิปนั่นคลิปนี่ หรืออะไรฮาๆ ผ่านเพื่อนก่อนเสมอ

ยุคนี้จึงเป็นยุคของ Facebook ไงครับ เพราะมันสนองตัณหาของมนุษย์ขาเสือกได้ดียิ่ง
(อ้ะ ขอพ่วงเครดิตให้ Twitter ด้วยก็ได้ เพราะผมเกลียดความเยอะของ Facebook)

ในขณะที่ชาวบ้านเขา Social กันตูมตูม แต่กูเกิลเองดันจุดสังคมผู้ใช้ของตัวเองไม่ติด
Google Wave เราก็อ่านออกเสียงว่า “กูเกิลว้าเหว่” และเจ๊งไป
Google Buzz ก็มาผิดรูปผิดรอย เพราะดันเสียบเข้าไปในทุกบริการจนคนรำคาญ ก็ดับอีก
จนบิ๊กบอสของกูเกิลเองต้องออกมารำพันว่า “ที่ผ่านมาเราแพ้ Facebook ในสนามนี้แล้ว..”

แต่ก็ยังไม่ยอมครับ เพราะสาวกยังเยอะอยู่ทั่วโลก ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ได้ตายห่าจริงๆ แน่
Google+ จึงมา (อ่านรายละเอียดได้ใน Blognone ครับ)

ผมได้รับ Invite เมื่อเช้าจาก @koojane และ @icez ก็เลยกดเข้าไปเล่น
และทำตัวเหมือนสาวกท่านอื่นๆ คือเล่นมันซะทุกปุ่มทุกอย่าง ไล่มันทุกเมนู
(ค้นพบว่าพฤติกรรมร่วมของคนที่ใช้กูเกิลจะเป็นแบบเดียวกันนี้แหละครับ)
และก็เลยเปลี่ยนทัศนคติที่ว่า “แม่งแป้กแหงๆ” กลายเป็น “เฮ้ย แม่งเจ๋งว่ะ”
ต่างจาก Google Wave ที่เจ๊งไปเพราะแม้จะเจ๋งแต่นึกไม่ออกว่าจะใช้ทำอะไีรกะมัน
แต่ Google+ นี่ชัดเจนว่าใครที่วนเวียนอยู่ในโลกแห่งกูเกิลอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเกร็งครับ
วันหนึ่งมันจะมาเยือนคุณเอง อย่างเนียนๆ แน่นอน เพราะอุปกรณ์พี่แกเยอะเหลือเกิน

ยาวละ พอๆ ขอสรุปปิดท้ายหน่อย

googleplus

คือ “นิสัยของคนใช้ Google” เนี่ย จะต่างจากคนใช้ Facebook ครับ
อย่างคนใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์ จะเห็นได้ชัดเลยว่าวิบากกรรมแรกที่เจอแน่นอน
ก็คือการนั่งเรียง Contact List ที่เคยใช้อย่างสะเปะสะปะตอนใช้ Gmail
กลายเป็นชื่อนามสกุล ใส่รูปเริปอะไรเรียบร้อย เหนื่อยคืนนึงแล้วสบายตลอดชีวิต
นี่ก็เช่นกันครับ Google+ มันมีระบบ “Circles” หรือวงเพื่อน (ไม่รู้มีภาษาไทยยังนะ)
พอเข้าไปปั๊บ ภารกิจแรกที่ต้องทำก็คือ เวลามีเพื่อนโผล่มา ก็จับมันเข้าวงก่อนเลย
แก๊งเพื่อน แก๊งที่ทำงาน แก๊งหมา แก๊งแมว แก๊งมัธยม แก๊งสาวตึง อะไรก็ว่าไป
เสร็จแล้วเวลาเราโพสต์อะไรออกไป มันจะชี้เลยว่าจะแชร์ลงวงไหน
ดูเหมือนจะยุ่งยากนะครับ แต่ที่จริงไม่เลย เพราะหน้าตาการใช้งานของมันง่ายโคตรๆ
และแนวคิดมันกลับหัวกับการรับแอดเพื่อนสะเปะสะปะใน Facebook Groups
หรือแอดก็ได้ไม่แอดก็ได้ ไม่ค่อยสนใจ อย่างระบบ Lists ใน Twitter
ซึ่งโดยส่วนตัวนิสัยผมก็เข้ากับพฤติกรรมชอบจัดระเบียบอะไรแบบนี้พอดี
ยิ่งไปโผล่ในอุปกรณ์อื่นๆ (อาทิ มือถือสารพัด) ที่ถูกวางแผนไว้อย่างดีแล้วก็ยิ่งหรูหรา

แถมการออกแบบให้ใช้ง่าย และทุกอย่างดูฉลาดยืดหยุ่นจนไม่มีข้อสงสัยในทุกๆ รายละเอียด
(เคยเจอไหมที่ใช้บางเว็บแล้วงงว่าเฮ้ยแม่งใช้ไงวะ ผมนี่แหละคนนึงที่เซ็ง Facebook มาก)
ซึ่งความง่ายโคตรๆ นี่แหละ ที่เป็นจุดขายสไตล์กูเกิลตลอดมา
อย่างที่ชอบมากก็คือไอ้ก้อนตัวเลขสีส้มๆ ที่เอาแจ้งเตือนตรงมุมจอ ที่เหมือนจะไม่มีอะไร
แต่พอกดปั๊บ เราสามารถ “ทำอะไรกับมันก็ได้” ตั้งแต่จัดเพื่อน ดูรูป อ่านหรือพิมพ์คอมเมนต์ ฯลฯ
แม่ง เหยดดดดด เหยอออออออ (ไอ้เหยอนี่คืออะไรวะ อ่านออกเสียงแล้วฟังดูดี งั้นไม่ลบ)

ดังนั้น Google+ จึงชิมแล้วถูกใจและยินดีบอกต่ออย่างชื่นชมครับ!

ขี้แรกของโลกใน Google Plus

ป.ล.
พอได้ลองแล้วก็เลยลองทำอะไรเป็นคนแรกในประัติศาสตร์ดู
นั่นคือการวาดรูปขี้ครับ (ก็ดันมีคนมากด +1 ซะเยอะเลยนะ :30: )

ป.อ.
ตอนนี้มันยังไม่เปิดสาธารณะ แต่ใช้ระบบขายตรง หาดาวน์ไลน์กัน
เห็นว่าเมื่อเช้าเราสามารถ Invite ต่อกันได้แหลกเลย
แต่ตะกี้เพิ่งมีประกาศปิดการ Invite ชั่วคราว เพราะสาวกคงเยอะเกินไปครับ
คิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวก็เปิดใหม่อีกที เพราะมันคงไม่กั๊กไว้จนแห้งตายเหมือน Wave ละ

ป.ฮ.
ลองเล่น Hangouts ในนั้นละ มันคือ Video Chat แบบกลุ่มครับ
ใช้ง่าย หน้าตาสะอาดสะอ้านสมชื่อกูเกิล และที่สำคัญคือเร็วจี๋!
แนวคิดก็เหมือนเดิมคือกดเริ่มปั๊บ แล้วก็เลือกว่าจะคุยกะเพื่อน “วง” ไหน
คิดดูละกันว่าต่อไปถ้าไอ้ Google+ นี่เกิดขึ้นมาจริงๆ รับรอง CamFrog เจ๊งแน่ๆ :30:
(แก้ไขเพิ่ม: นางแก้ว @kejuliso ก็เป็นคนแรกของโลกที่เต้นเพลงคันหูผ่าน Hangouts ครับ)

.

//เขียนเพิ่มในบ่ายวันเดียวกัน:
ผมเชื่อเสมอว่า ของมันจะดีเมพแค่ไหน ถ้าไม่มีคนใช้ หรือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จากที่ชิน ก็ดับ
แต่สำหรับ Google+ เนี่ยมันร้ายกาจกว่านั้นครับ เพราะมันหาทางออกให้กับปัญหาที่เคยเจอได้แล้ว
นั่นคือฤทธิ์เดชของไอ้เม็ดแจ้งเตือนสีส้มนี่ละครับ ..แม่งเล่นโผล่ทุกเว็บในเครือกูเกิลเลย!!
ดังนั้นจึงกลบจุดอ่อนของ Wave ที่ใครจะเล่นต้องปีนกระได หรือของ Buzz ที่เยอะเกินจนน่ารำคาญ
ตรงที่ว่า กูขอมีตัวตนแค่เม็ดสีส้มน่ารักในแถบสีเทาดำก็พอ ใครใคร่กดดูก็กด ใครไม่สนก็เชิญ
ตรงนี้จึงแก้ปัญหาทั้งเรื่องความเยอะและน้อยไปได้ลงตัวมากครับ มึงคิดได้ไงเนี่ยวิธีนี้

googleplus-notification

คอมเมนต์

ผีหนูอร

เวลาใครถามผมว่าจะให้ลง “ตำแหน่ง” ว่าอะไร ผมก็จะงงๆ ไม่รู้จะตอบว่าไงดีครับ
คือไม่ค่อยจะรู้สึกอินเท่าไหร่ว่าคนเราต้องเรียกกันด้วยชื่อ และตามด้วยหน้าที่การงาน
อาจจะเป็นเพราะสังคมเราชินกับการที่ถามกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ล่ะมั้ง

.

..ซึ่งไอ้ที่เกริ่นมาข้างบนนั่นไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของบล็อกวันนี้เลยครับ

.

คือก่อนที่ผมจะหายจากการเขียนบล็อกมาปีนึงเนี่ย เรื่องอาชีพการงานมันก็เปลี่ยนไปตามเวลา
เอาไว้จะมาเล่าให้อ่านอีกทีว่าตัวเองทำ “ตำแหน่ง” อะไรอยู่บ้าง
แต่คราวนี้ขอโหมดนี้หน่อยนะครับ.. ผมเป็นตากล้องจำเป็นให้กับร้านเสื้อของคุณแม่ยายจ้ะ

แม่ยายผมชื่อเพราะครับ ชื่อนลินฟ้า
ป้านลินฟ้าแกชอบตัดเสื้อ แต่ก็ทำอาชีพแม่ค้าในตลาดมาหลายสิบปี
จนวันหนึ่งคุณลูกสาว (เมียผมเอง) บอกว่า แม่เลิกขายของเหอะ เหนื่อย ..แก่แล้ว
พอดีผมกะโบว์ทำร้านสกรีนเสื้อยืดอยู่ด้วย เลยชวนแม่มาเข้าวงการซะเลย!
ก็เลยจัดการสร้างร้านตัดเดรสแบบผู้หญิงๆ ขึ้นมา ก็ตัดเย็บกันด้วยจักรที่บ้านนั่นแหละ
แล้วก็เอามาขายที่ LadySquare เดือนสองเดือนครั้ง แล้วก็รับตัดตามออเดอร์แบบออนไลน์ซะด้วย
โดยป้านลินฟ้าเปลี่ยนจากแม่ค้าตลาดสดที่ไม่เคยรู้จักคอมพิวเตอร์เลย จนตอนนี้เล่นทั้งทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก
จึงเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับใครจะเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปสอนผู้ปกครองที่เปิดใจนะครับ  :22:
(อันนี้ต้องขออวดหน่อย เพราะแม่ยายผมฝีมือตัดเย็บเสื้อแกผ้าเจ๋งจริงๆ เคยเปิดสอนด้วยแหละ)

.

..แต่ไอ้ที่เกริ่นมาข้างบนนั่นไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของบล็อกวันนี้เลยครับ

.

ประเด็นก็คือผมเลยกลายเป็นตากล้องจำเป็นที่จะต้องมาถ่ายแบบให้กับร้านนลินฟ้า
โดยมีนางแบบประจำก็คือหนูอร (จริงๆ ก็แก่แล้วนะ แต่หน้าเด็กไง เลยเรียกหนูมาตลอด :27: )
ส่วนมากก็ใช้ฉากที่บ้านถ่ายง่ายๆ ดิบๆ ไม่ได้เซ็ต เพราะถ่ายเสร็จเราจะออกไปหาอะไรกินกัน
เลยแซวกันอยู่หลายครั้งว่าสาเหตุที่มารวมพลถ่ายแบบชุดกันแต่ละทีคือมาเพื่อกินกันมากกว่า
แล้ววันนี้ก็มาถึงคิวถ่ายอีกครั้ง แต่คราวนี้เดินทางไปถ่ายที่คอนโดของพี่ที่สนิทสนมกัน
เราเรียกพี่ติ๊กพี่เจน ผู้เป็นสามีภรรยาที่เคารพรักคู่นี้ว่า.. สองผัวเมียเมืองทอง (ผู้มีตู้เย็นอันอุดมสมบูรณ์)

.

..ซึ่งไอ้ที่ว่ามาข้างบนนั่น ก็ยังไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของบล็อกวันนี้เลยครับ

.

สาระก็คือ พอดีถ่ายชุดเสร็จแล้วเลยเห็นว่าชุดสุดท้ายที่เป็นเดรสขาวยาวกรอมเท้าเนี่ย น่ากลัวดี
น่าเอามาถ่ายเล่นให้เหมือนผีสาวดูนะ คงหลอนดี (เกิดแม่ยายขายไม่ออกตูจะโดนด่าไหมเนี่ย)
เลยถ่ายมาแบบนี้ครับ (ต้นฉบับอยู่ที่ Flickr นะ)

P1120007

P1120008

P1120006

P1120009

P1120014

แล้วก็ลองเทำเป็นสต็อปโมชันดู (ภาพจะขึ้นไหมหว่า)

ผีหนูอร

.

เท่านั้นยังเรียกว่าจริงจังกับเรื่องไร้สาระได้ไม่พอ..
ต้องนี่ ปิดท้ายด้วยการเอามาใส่เสียงเพิ่มอีกหน่อย ทำเป็นคลิปผีซะเลย
เสียดายที่รีบทำไปหน่อยเพราะจะทำงานต่อ เลยพอเรนเดอร์ออกมา ภาพตอนท้ายๆ มันดีเลย์เกินเสียงฉิบ
แต่ช่างมัน ขี้เกียจแก้ เราอดทนไม่พอ (เอ๊ะตูนี่มาแนวนี้ตลอดเลยนะ)

จึงได้ออกมาเป็นคลิปนี้ครับ

จบแล้วครับ สาระของบล็อกวันนี้

.

ป.ล.
ภาวนาให้แม่ยายผมขายชุดนี้ออกนะครับ

คอมเมนต์

ราชประสงค์/ไม่ลงสี

บล็อกภาพถ่ายครั้งแรกของปีนี้ครับ :05:
จากกล้อง GF1 ตัวเล็กสีแดงเจ้าเก่า
ภาพเยอะหน่อยนะครับ ขี้เกียจเลือกเลยลงแม่งหมดเลย
อ้อ คำบรรยายบางภาพอาจไปเชื่อมกับที่ทวีตในเหตุการณ์ไว้ด้วยนะครับ เชิญยล..

P1110680
หกโมงเป๊ง ฝนเพิ่งหยุดตก รอดจากคำสาปแช่งไปอย่างหวุดหวิด

P1110678
สังเกตได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ประจำการทุกจุด
ตอนขากลับ เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าสถานีสยาม เจอตำรวจอีกเพียบเลยในวัดปทุมฯ

P1110679
สะพานลอยจากสถานีชิดลม พ่อยกแม่ยกเยอะมาก การจราจรโดยเท้าติดขัดฝุดๆ

P1110687
เข้าไปพบภรรยาในห้าง เห็นฝูงชนอยู่แถวนั้นเลยเข้าไปดูหน่อย

P1110690
เขามารอต้อนรับผู้สมัครกันในนี้ครับ ปลายทางเป็นห้องเก็บตัวฯ

P1110688
เจ้าหน้าที่ตำรวจเยอะมาก มากกว่าที่คิดไว้อีกมาก มาก มาร์คมาก

P1110694
ออกมาข้างนอก ตรงลานเซ็นทรัลเวิลด์

P1110699
กองเชียร์เบียดกันแน่นขนัดครับ แน่นจริงๆ จนไม่รู้จะบรรยายยังไง
ตอนไปคอนเสิร์ตเขาใหญ่ยังพอมีทางให้เดินได้บ้าง แต่นี่ไม่มีเลย
ต้องเดินเบียดลุงป้าน้าอาจำนวนมหาศาล (ราวๆ แปดร้อยล้านคน)

P1110700
อากาศค่อนข้างอบอ้าวครับ เข้าใจว่าเพราะเป็นความแฉะหลังฝนตกด้วย

P1110702
ฝ่าเลียบชายคามาจนถึงจุดใกล้ๆ ประตูทางออกของผู้สมัคร ส.ส.ครับ
ตรงนี้คนจะโล่งนิดนึงเพราะข้างหน้ามีปีนดูตามกระถางต้นไม้ ก็เลยได้มาหยุดดูคุณยาย

P1110707
แกกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจมากที่สุดในประเทศไทย

P1110737
เจอเพื่อนโบว์ด้วย

P1110706
มองไปกลางคลื่นมนุษย์ โอ้ ขอเสียงหน่อยคร้าบบบบ

P1110708
งานนี้เราจะได้เห็นคนชูกล้อง ชูมือถือ ไม่ต่างจากคอนเสิร์ตครับ

P1110709
คุณชวนกำลังพูดอยู่บนเวทีครับ ไม่ได้ฟังแกพูดมานาน
จนกระทั่งการปราศรับครั้งนี้จบลง ผมก็ยังรู้สึกว่าแกพูดดีที่สุดจริงๆ

P1110712
คือนอกจากโทนเสียงแบบเย็นๆ ฟังดูผู้ดีๆ แล้ว
การออกหมัดแต่ละหมัดของแกนี่เข้าเป้าจังๆ ทุกครั้งครับ
ตอนที่ฮาก็ฮาขี้แตกขี้แตน (เช่นมุกตอนโดนทุบรถ)

P1110718
เรื่องเนื้อหา หรือข้อโต้แย้งต่างๆ ของการปราศรัยนี่ขอละไว้ ขี้เกียจเขียนถึง
เพราะน่าจะหาอ่านได้ตามแหล่งอื่นทั่วไปนะครับ แต่เรื่องลีลา วาทะของแกนี่ต้องยกให้จริงๆ

P1110722
ลองต่อเลนส์ 100-300 ที่ยึดยืมมาจาก @dotpng พอซูมเล่นดู พบว่าแม่งแดกแบตมาก
และยิ่งทำให้รู้ว่าเราสู้ความมืดไม่ได้จริงๆ ก็ต้องปรับ ISO สูงๆ ภาพเลยยิ่งแตก
ตอนนี้เลยตัดสินใจเปลี่ยนเป็นโหมดขาวดำดีกว่า เพราะพอแตกเป็นเม็ดๆ แล้วดันเท่

P1110726
ทีนี้มาดูเหล่าแฟนคลับกันบ้าง

P1110730

P1110731

P1110732

P1110734

P1110735

P1110738
จอแอลซีดีข้างเวที

P1110739

P1110740
ขอถ่ายน้องหน่อยนะครับ :22:

P1110741
กรี๊ดๆ :22:

P1110744
ตอนนี้ขยับมาจนถึงหน้าประจูที่ผู้ปราศรัยเดินออกมาจากที่เก็บตัวเพื่อขึ้นเวที
ตรงนี้จะมีไอเย็นจากแอร์ในห้างออกมาด้วย ดีเหมือนกัน สบาย~
เข้าใจความรู้สึกของหมาหน้าเซเว่นแล้วครับ

P1110745
สเต็ปบนเวทีคราวนี้คือ สุเทพเปิด ชวนถล่ม กอร์ปศักดิ์อัด และอภิสิทธิ์ขยี้

P1110746

P1110747

P1110748
ถ้าภาพนี้มีเสียงก็จะได้ยินเสียงตะโกน เบอร์สิบ เบอร์สิบ ตลอดเวลา
จนคุณบุญยอดที่เป็นพิธีกร (เกาะเสาอยู่ห่างผมประมาณห้าเมตร) ต้องทำมือขอให้เพลาๆ หน่อย

P1110749
คิดว่าถ้าประชาธิปัตย์ได้เบอร์ 1-5 น่าจะทำให้เชียร์กันง่ายกว่านี้

P1110750
เพราะตอนนี้พ่อยกแม่ยกต้องชูจั๊กกะแร้ถึง 2 ข้าง ไม่เหลือมือไว้ถือของ

P1110751
ดังนั้นเลือกตั้งคราวหน้าก็หาคนดวงดีๆ ไปจับฉลากเลือกเบอร์นะครับ

P1110753
ทีแรกดีใจ คิดว่ามีเสื้อแดงมาฟังกะเขาด้วย (ป้ายนี้สีแดงเถือกเลยนะ)

P1110754
ที่ไหนได้..

P1110755
ส่วนนี่ป้ายไฟครับ มีป้ายไฟจริงๆ ด้วย :07:

P1110756
กรี๊ดมาก เลยขอถ่ายคนถือป้ายครับ

P1110758
เจ้าหน้าที่ก็เดินกันขวักไขว่

ต่อไปเป็นชุดภาพนิ่ง (จริงๆ ก็นิ่งมาตลอดนี่หว่า)

P1110759

P1110760

P1110761

P1110762

P1110766

P1110767

P1110772

P1110773

P1110774

P1110775

พอคุณอภิสิทธิ์พูดไปได้สักพักก็พบว่าแกมาคุว่ะ ไม่ฮาเหมือนคุณชวนเลย
ก็เลยบอกโบว์ว่าชิ่งกันเถอะ ก่อนที่คุณหัวหน้าพรรคจะกล่าวปิด และคลื่นมหาชนแตกฮือ
ไม่งั้นคงขึ้นรถไฟฟ้ากลับยากแน่ๆ.. ก็เลยเดินเข้าไปในห้าง

P1110776
และเปลี่ยนไปมองจากข้างบนแทน :30:

P1110777
ถ้ารู้ว่ามองจากข้างบนก็แจ่ม แถมเย็นดีด้วยแบบนี้ คงขึ้นมานานแล้ว

P1110778
มองเห็นข้างล่างชัดแจ๋วเลย

P1110779
ผมอยากให้คนไทยบินได้..

P1110790

P1110791
มีคนบอกว่ามาจากต่างจังหวัดเยอะเลยนะครับ

P1110796

P1110799

P1110801

P1110802

P1110803

P1110805

ปิดท้ายด้วยภาพนี้ เป็นอันจบและชิ่งกลับบ้านของจริงครับ

P1110806

ป.ล.
ทีแรกจะลงเฉพาะภาพขาวดำ แต่ตอนแรกดันถ่ายเป็นสี
เลยช่างมันละกัน ถือว่าเมื่อประชาธิปัตย์เริ่มพูดบนเวทีปั๊บ
ก็เท่ากับเริ่มสาดสีกันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลงสีละ

ป.อ.
ฉิบหาย คิดได้ไงวะข้างบน

ป.ฮ.
จริงๆ มีคลิปด้วยนะครับ แต่ถ่ายมาส่งเดชมาก
เอามาต่อๆ กันใส่ตัวอักษรขึ้นยูทูบเลย ไร้ความสุนทรีย์ใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าไงคลิกไปดูกันเองเด้อ :27:

คอมเมนต์