รีวิวห้องสมุดลาดปลาเค้า ห้องสมุดที่เมพเกินคาด

พอนับนิ้วดู ผมอาศัยอยู่ลาดปลาเค้ามาหกเจ็ดปีแล้วครับ ที่นี่มีศูนย์กลางชุมชนคือวัดลาดปลาเค้า ที่ผมเองก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเขามากไปกว่าการไปทำเรื่องขอยืมโต๊ะกับหม้อไหมาจัดงานทำบุญบ้านเมื่อสมัยย้ายมาอยู่ใหม่ๆ แน่ล่ะ เวียนเทียน งานบุญอะไรก็ไม่เคยไปร่วม (#คนบาป)

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมปั่นจักรยานผ่าน เหลือบไปเห็นว่าหลังซุ้มประตูวัดนั้นมีห้องสมุดประชาชนเหี่ยวๆ ตั้งอยู่ ด้วยความว่าง เลยแวะเข้าไป ในใจก็คาดไว้อยู่แล้วว่าสิ่งที่จะได้พบคืออะไร แล้วก็เป็นไปตามคาด

มันคือห้องสมุดเหี่ยวๆ จริงๆ

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีเพื่อนบ้านมาโพสต์ในกรุ๊ปของหมู่บ้านว่า ห้องสมุดแห่งนั้นได้รีโนเวตใหม่เอี่ยม เป็น “ห้องสมุดอย่างดี” ไอ้ผมที่มีภาพติดตาในครานั้นก็นึกไม่ออกแหละว่ามันจะไปดีได้ยังไง สถานที่ราชการที่เดินเข้าไปก็นึกออกว่าต้องมีกลิ่นขี้นกพิราบลอยมาเตะจมูกนั่น

แต่ด้วยความว่างหลังจากไปส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนอนุบาล ผมเช่าการ์ตูนมา แต่เกิดขี้เกียจเข้าบ้านทันที อยากเอ้อระเหยหาที่นั่งอ่านการ์ตูนก่อน

ส่วนตัวไม่ชอบบรรยากาศอันน่าอึดอัดของร้านกาแฟ (คิดไปเองว่ามันต้องเก๊กนั่งหลังตรง และต้องพรีเซนต์เป็นตัวของคนอื่นตลอดเวลา) และสารภาพว่าสมัยเด็กผมเคยเป็นเด็กเนิร์ดสุดๆ ขนาดที่พักเที่ยงต้องไปสิงอยู่ห้องสมุดทุกวัน ยืมหนังสือจนบัตรยืมเปื่อยยุ่ย และสนิทกับครูบรรณารักษ์อะไรแบบนั้น แต่พอโตมาก็ห่างหายจากห้องสมุดไปเสียนาน

ในเมื่อโอกาสเหมาะเจาะแบบนี้ ผมจึงตั้งใจวกไปห้องสมุดเหี่ยวๆ แห่งนั้นอีกครั้ง อยากรู้ว่าพอศัลยกรรมออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร

พอจอดแว้นที่ด้านหน้าอาคาร เท่านั้นเอง ผมนี่ถึงกับอึ้งเลยครัชเมี้ยว

Continue reading รีวิวห้องสมุดลาดปลาเค้า ห้องสมุดที่เมพเกินคาด

นิทานกับแม่ห่าน

อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อตอนนิทานอายุแค่ไม่กี่เดือน ผมไปซื้อตุ๊กตาแม่ห่านและลูกๆ ที่เป็นหนึ่งในของกุ๊กกิ๊กจากบ็อกซ์เซ็ตหนังสือและวีซีดีเพลงเด็กเก๊าเก่าของ Mother Goose จากบูธสำนักพิมพ์เนชั่น เขาไปจัดงานสักอย่างที่เทอร์มินัล 21 เมื่อ 2-3 ปีก่อน พอเห็นป้ายว่ามันลดราคาเหลือ 999 บาท ด้วยความดีใจเลยแบกและเอาขึ้นแว้นขี่กลับบ้านมาด้วยความทุลักทุเล คือกล่องมันใหญ่ไง ขนลำบากมาก แถมแว้นกลางคืนอีก แต่ก็ถึงบ้านด้วยความปลอดภัยจนได้ (ทุกวันนี้เวลาเนชั่นจัดงานที่ไหนก็ยังเอามาขายราคานี้อยู่ …ปัดโธ่)

พอมาถึงบ้าน เรียกลูกสาวมาดู เปิดกล่องและหยิบของชิ้นนั้นชิ้นนี้ที่อยู่ข้างในออกมาให้ดู นิทาน (อายุ 6 เดือน) ดีใจมาก ดีใจที่ได้เห็นหนังสือเซ็ตใหญ่ แม้จะเป็นภาษาอังกฤษ ที่พ่ออ่านไม่ค่อยออก ส่วนแม่อ่านไม่ออกเลย (จบอักษร) และนั่นจึงเป็นพัฒนาการก้าวแรกๆ ที่ทำให้นิทานเป็นติ่งหนังสือนิทานมาจนทุกวันนี้

แต่ที่ดีใจกว่านั้นคือการได้พบกับตุ๊กตาครอบครัวแม่ห่านและลูกๆ 4 ตัว (ทุกตัวไม่ใส่กางเกง) ที่เอามาต่อยอดเสริมสร้างจินตนาการเวลาอ่านหนังสือไปพร้อมๆ กับเด็กคนนี้ (คือในหนังสือมันจะมีห่านพวกนี้ไปเกะกะตามหน้าต่างๆ ด้วย) เมื่อนิทานรัก แม่ห่านก็รักนิทาน เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็กระเตงไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ จนเรียกได้ว่า แม่ห่านคือเพื่อนสนิทคนแรกในโลกของเด็กคนนี้มาจนทุกวันนี้ และน่าจะกลายเป็นตุ๊กตาที่กอดจนเน่าแต่ไม่ยอมทิ้งในสักวัน

เมื่อกี้นี้ผมเลยเปิด Picasa ในคอม (คอมที่ผมใช้ทำงานเป็นหลักก็ตั้งชื่อเครื่องว่า “แม่ห่าน” เหมือนกัน ซื้อมาในช่วงใกล้ๆ กับแม่ห่านของนิทานนี่แหละ) เพื่อค้นภาพนี้ เราสองผัวเมียยังจำสีหน้าตื่นเต้นดีใจของเด็กอายุ 6 เดือนคนนั้นได้ไม่ลืม ตอนนั้นถ่ายตอนนั่งคู่กันก็เห็นเลยว่าขนาดตัวพอๆ กันเลยนะ

2558

แต่นั่นมันเมื่อสองปีกว่าๆ มาแล้ว ก็เลยบอกให้นิทานลองไปนั่งคู่กับแม่ห่านดูใหม่อีกที พ่อจะถ่ายเอามาเทียบกันดูว่านิทานโตขึ้นแค่ไหนแล้ว แล้วก็พบว่า เออ โตเยอะจริงๆ 5555 ส่วนแม่ห่านก็หง่อมไปตามสภาพละนะ :D

เลยนึกถึงเพลง “เข้าใจแล้วครับพ่อ” ของลุงปั่น (เอ็มวีโคตรเรียกน้ำตา ขนาดไม่ได้สนิทกะพ่อขนาดนั้นนะ)

ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกแบบนี้
ไม่เคยมีคนตัวเล็กๆ ให้กอด
ไม่เคยนึกว่าเราจะเลี้ยงใครรอด
แล้วเราก็ทำได้จริงๆ

ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าคนแบบเราจะเลี้ยงลูกได้จริงๆ แถมยังมีเวอร์ชันสองที่แก้บั๊กจากเวอร์ชันแรกไปหลายอย่างด้วยนะ 5555

เวลามีใครที่ไม่มีลูกหรือไม่อยากมีลูกมาถามว่า “มีลูกแล้วมันดียังไง” ผมก็จนใจจะหาคำตอบให้เข้าใจได้จริงๆ นะครับ คนที่มีลูกแล้วกับไม่มีเนี่ย มันเหมือนยืนอยู่ในโลกคนละมิติกัน ต้องลองก้าวข้ามพรมแดนนั้นมาแล้วจะเข้าใจเอง เลกเชอร์ยังไงก็ไม่เก็ตหรอกครับว่ามันดียังไง หรือแม้แต่ตอนผมมีลูกคนเดียวก็ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าการมีสองคนมันไม่ได้เหนื่อยขึ้นสองเท่าแบบที่เราเตรียมใจไว้ แต่กะๆ ดูคร่าวๆ น่าจะประมาณ 5 เท่าเลยนะครับ

ถึงกระนั้นมันก็เป็นความเหนื่อยที่เต็มใจให้เหนื่อยชะมัด 55555

เก็ตไหม ไม่เหรอ ก็สมควรอยู่ 5555

ที่จริงบล็อกตอนนี้จะบอกว่านิทานก็กลายเป็นเด็กเล็ก กำลังจะถึงวัยอนุบาลแล้ว (ที่จริงเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันเขาเข้าเนิร์สเซอรี่กันหมดแล้ว แต่เราพ่อแม่อยู่บ้านกันตลอด ก็เลยเลี้ยงเอง) เลยน่าจะถึงคราวปิดบล็อกนิทานสี่ช่องแล้วครับ

การ์ตูนนิทานสี่ช่องยังไม่ได้หายไปไหน ยังปรากฏอยู่ในูปแบบแอนิเมชันความละเอียดสูงสมจริง และเห็นเป็นประจำต่อหน้าอยู่ทั้งวัน ทุกวัน ดื้อบ้าง เกรียนบ้าง แกล้งน้องบ้างนานๆ ถี่

ส่วนต้นฉบับการ์ตูนที่วาดไว้ในบล็อกตั้งแต่ยังพูดไม่เป็น (จนทุกวันนี้เรียกว่าหยุดพูดไม่เป็น) นั้นเดี๋ยวจะเอามารวมเล่มเป็นฉบับกระดาษจริงๆ โดยใช้บริการโรงพิมพ์ดิจิทัลออฟเซ็ตสักแห่ง แล้วเก็บไว้แบล็กเมล์ลูกตอนโต

เชื่อว่าความประทับใจแบบที่ลูกมีกับแม่ห่านนั้น พ่อก็จะมีในแบบของพ่อเหมือนกัน

Book Fair 1st Time • ไปงานหนังสือครั้งแรก

วันนี้ไปงานหนังสือมาครับ

02-PA213182
ทีแรกกะว่าจะไปตอนไปนั่งเฝ้าแจกลายเซ็นช่วงเย็นวันที่ 23-24-25 ต.ค.นะ แต่อยู่ดีๆ เมียเห็นเราทำท่ากระสับกระส่าย ตื่นเต้นดีใจที่หนังสือเสร็จจากโรงพิมพ์ซะที (เพิ่งวางขายในงานเมื่อวานเป็นวันแรก) เลยอนุญาตให้ไปเที่ยวชมก่อนในวันนี้ เพื่อไปเที่ยวจริงๆ แล้วสามวันตามกำหนดการค่อยไปปฏิบัติหน้าที่

01-PA213181
จนกระทั่งพอไปถึงงานตอนประมาณบ่ายโมง บูธแซลมอนปีนี้รวมร่างกับของบันลือ ก็ดีเหมือนกันนะครับ เด่นมาก เพราะเดินเข้าจากทางรถไฟฟ้าโผล่หัวไปก็เห็นเลย ผมไปแอบด้อมๆ มองๆ อยู่ห่างจากบูธพอสมควร (คืออยากรู้ว่าหนังสือตัวเองขายออกไหม 55555) ก็พบว่าเฮ้ย ท่าทางขายได้เลยนี่หว่า คนหยิบกันเยอะมากๆ …หยิบมาพลิกๆ ดู แล้วก็วาง

การได้เห็นหนังสือตัวเองตัวเป็นๆ วางขายปะปนอยู่กับงานเขียนของนักเขียนและนักวาดที่เราชื่นชม เฮ้ยมันดีมากเลยนะ

03-PA213183
เนื่องจากกล้องที่แบกไปมันเป็นเลนส์ 75mm (x2) เลยสามารถแอบถ่ายไกลๆ โดยเหยื่อไม่รู้ตัวเท่าไหร่ เลยได้เห็นภาพแรกของหนังสือตัวเองบนชั้น ที่พนักงานกำลังจัดอยู่ จากที่มันดีๆ…

04-PA213185
ก็ดันจับให้มันกลับหัว -_- Continue reading Book Fair 1st Time • ไปงานหนังสือครั้งแรก

#makeuptransformation

#makeuptransformation เมื่อยสครับ

ทีแรกอุตส่าห์เตรียมอุปกรณ์จะทำอันนี้ แต่พอมานึกดูก็เออ แล้วฝรั่งจะรู้จักพี่เมื่อยปะวะ เพราะเผื่อว่าแท็กนี้มันใช้กันทั่วโลก (เอาแค่บ้านเราก็พอ จะเก็ตกันแค่ไหนเหอะ)

ก็เลยเอาอันนี้เลย

#makeuptransformation มาริโอ้

มานึกๆ ดู หน้าเราก็คล้ายอยู่นะ เหลือแค่กินเห็ดกับมุดท่ออีกหน่อย

ครับ ทั้งหมดนี้คือสาระ

ป.ล.
เหล่าคอมเมนต์ที่ตอบกลับที่ทวีตไป ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันใช่เลย ถูกต้อง งดงาม เฉิดฉาย เป็นตัวอย่างที่ดีกับเยาวชน

ป.อ.
ลิงก์ต้นทางของ meme นี้อยู่ที่ Faceblog ครับ ที่จริงก็เห็นฝรั่งเล่นในทวิตเตอร์มาหลายวันละ ก็เพิ่งรู้ว่ามันเข้าไทยแล้วจากเพจที่แปะในแหล่งข่าวนี่แหละ

ป.ฮ.
งานยังไม่เสร็จ แต่ #ลูกเมียนอนแล้วจะเล่นอะไรก็ได้

ปั่นจักรยานผ่านมวลมหาประชาชน #ShutdownBangkok

เสร็จงาน ง่วงแล้ว สปีดเขียนบล็อกแล้วนอนดีกว่า

ถือเป็นภาคต่อจากการปั่นไปดูม็อบราชดำเนิน สมัยที่เขายังต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอยู่ละกันนะครับ

วันนี้บ่ายมีนัดที่สามย่าน อดีตที่ทำงานเก่าของเรา (เป็นชื่อบริษัทที่อยู่เพลินจิต นี่ต้องเสียเวลาหนึ่งประโยคเพื่ออธิบายงี้เสมอ) เลยกะว่าจะปั่นจากบ้านไปในเส้นที่ปกติไม่ได้ไป นั่นคือเส้นพหลโยธินตรงแนวรถไฟฟ้าพอดี (คือปกติถ้าจะไปก็ปั่นไปถึงหมอชิตแล้วขึ้นรถไฟฟ้าเอา จบเลย ง่ายดี) เพราะว่าจะได้แวะผ่านม็อบเสียหน่อย ถึงจะไม่ได้เห็นด้วยกับเขา แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้มีให้ดูบ่อยๆ

กินข้าวเสร็จก็ปั่นออกไปจากลาดปลาเค้า แล้วเลาะเลี้ยวเข้าซอยภาวนา วิ่งผ่านเส้นลาดพร้าวไปจนถึงห้าแยก


เจอม็อบแรก ปิดแยกลาดพร้าวทั้งแยกเลย จอดรถไว้ใต้สะพานลอยแล้วเดินขึ้นไปถ่ายลงมา (ดูก็รู้ว่าแดดร้อนมาก)


จะมีเฮียหน้าดุมากบ้างน้อยบ้าง แต่ดุทุกคน เป็นนายทวารเฝ้าประตูแบบนี้ ห้ามรถยนต์รถเครื่องเข้า แต่พอหันมาเห็นจักรยาน เฮียยิ้ม แล้วเชิญเช้าไป รู้สึกเหมือนเป็นอภิสิทธิ์ชน


และยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้จอดถ่ายตรงนี้ ซึ่งถ้าไม่มีม็อบปิดถนนละก็ ชาตินี้คงไม่มีโอกาส


ที่จริงตรงแยกลาดพร้าวไม่ค่อยมีอะไร เพราะมันไม่มีพื้นที่โล่งเยอะๆ เท่าไหร่ ตัวเวทีลาดพร้าวจะไปอยู่แถวหน้าสวน(สาธารณะ)จตุจักรมากกว่า ดังนั้นใต้สะพานข้ามแยกเลยมีกิจกรรมอื่นๆ แทน


ผู้คนทยอยมากันเยอะนะ นี่บ่ายสองเองมั้ง


มีเสื้อขายแน่นอน แต่ที่เจ๋งก็คือ มีการดัดแปลงจากลายที่เราออกแบบไว้ขาย เอามาเปลี่ยนสี ใส่ภาษาไทย ใส่ธงเข้าไป 5 ผืน เสร็จแล้ว! (ที่รู้ว่าเป็นลายที่เราออกแบบเองก็เพราะตัว K แบบนี้มีเจ้าเดียว)


ปั่นมาใกล้ BTS หมอชิต ก็พบความเหวอ คือถนนมันโล่งจริงๆ โล่งยังกะวอล์กกิ้งเด๊ด (ทวีตไว้)

อ้าว หน้าเดียวไม่พอละมั้ง ขอคั่นหน้าก่อน (เดี๋ยวมีอะไรขาวๆ ให้ดู กดเข้ามาข้างในเองนะ)