มาม่าผักชี ของดี(?) จากเซี่ยงไฮ้

วันนี้มีกล่องพัสดุส่งมาให้น้าแอน แกะดูข้างในมีห่อกันกระแทกแบบนี้ พร้อมจดหมายที่อ่านยังไงก็ไม่น่าไว้ใจเลย

คุณซีเป็นมิตรสหายท่านหนึ่งที่มีความสุขกับการส่งอะไรมาทำไมวะ ว่างนักเหรอ ซึ่งในวาระนี้คุณซีไปจีนมา แล้วเห็นอะไรแปลกๆ เลยซื้อมาฝาก ซึ่งเราควรจะดีใจในน้ำจิตน้ำใจนี้

แต่ ช้าก่อน

นี่มันคุณซี

เราจึงได้เห็นมาม่า 1 ซองใหญ่ สีเขียวสด รูปผักชีเต็มๆ เน้นๆ กดส่องแปลภาษา บรรทัดบนบอกประมาณว่าหอมสุดๆ หอมสัสๆ เข้ หอมโว้ย ส่วนบรรทัดไตเติล บอกว่าเป็นบะหมี่ผักชี! (เออ กูเห็นก็รู้แล้ว!)

เท่านั้นยังไม่พอ เห็นซองข้างๆ ไหม นั่นคือกุ้งสำเร็จรูป และตีนไก่สำเร็จรูป (อ่านไม่ผิด) เพียงคุณฉีกซองก็ใส่ปากเคี้ยวได้เลย ทราบภายหลังจากคุณซีว่าคนจีนชอบเดินดูดตีนไก่แบบยนี้แหละ ทซื้อมา แกะ ดูดตีน แล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นกอง จริงหรือไม่เราไม่รู้ แต่เราได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆ ในช่องแชต

และนี่คือการท้าทายครั้งล่าสุดของมิตรสหายท่านนี้ ที่อุตส่าห์ส่ง “อะไรแปลกๆ” มาให้กิน

โอเค ในเมื่อคุณส่งมา เราก็ขอสนองด้วยการจับทุกอย่างมารวมกัน แล้วแดกแม่งเลย เริ่ม!

พอฉีกซองผักชีปั๊บ กลิ่นงี้ฟุ้งไปถึงในครัว ไม่ใช่ครัวบ้านเรานะ แต่เป็นบ้านปากซอยถัดไปอีก 15 ไมล์

เราซื้อเต้าหู้มาหวังว่าวันหนึ่งจะทำหมาล่ากิน แต่วันนั้นยังมาไม่ถึง งั้นเอามาใส่อาหารประหลาดนี่ก่อน

เทน้ำรดลงไปให้ผักชีงอกงาม

เฮ้ย มันก็ดูดีอยู่นะ ใช่ไหม ได้โปรด

ปิดฝา (หม้อสุกี้นี่ก็เพิ่งแกะมาใช้ครั้งแรกหลังจากพ่อตาได้มาในงานปีใหม่แล้วไม่มีใครเอา วางไว้ในครัวเฉยๆ)

สุกแล้ว กลิ่นเหรอ ก็เหมือนน้ำซุปเครื่องปรุงหอมๆ ของมาม่าแปลกๆ แหละ มีกลิ่นของตีนไก่ไม่รู้กี่ตีนที่สละชีพมาเพื่อการนี้ด้วย แต่เอาจริงสุดท้ายกลิ่นผักชีกลบหมด ทุกอย่าง สูญสิ้นกลายเป็นต้มผักชี

เอาล่ะ ถึงเวลาลองของ

เฮ้ยเส้นนุ่มอยู่นะว่าไป อร่อยเลยแหละ (เราว่าเทียบได้กับนิสชิน) สำหรับคนที่ชอบลองของแปลกอย่างเรานี่ให้ผ่านสบายเลย แล้วเนื่องจากเราใส่น้ำลงไปเยอะให้มันท่วมก้อน ก็เลยจืดกว่าพวกนิสชินปกติ แต่บวกรวมโซเดียมต่างๆ แล้วไม่น่าแพ้กัน แถมพอใส่ฟองเต้าหู้ม้วนลงไปให้มันซับน้ำซุป ก็เลยหอมอร่อยกำลังดี

กินเสร็จแล้วก็เอาตีนไก่มาลองแทะดู แม่ง หนังติดกระดูกนี่มันแทะยังไงก่อน ลองพยายามแล้วพยายามอีกก็พบว่า

เรามาไม่รอดตรงตีนไก่นี่แหละ T-T

ขอบคุณผู้สนับสนุนอีพีนี้ คุณซี ซี้ซั้ว สวัสดีครับ

TK Park

ไม่ได้ไปมาหลายปีมากกกก น่าจะนับได้สิบปีแล้ว ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ยังอยู่กรุงฯ แล้วก็เคยไปขอจัดอีเวนต์สอนทำฟอนต์ในนั้น

จนวันนี้ลองวางทริปพาลูกเมียเที่ยวกรุงเทพฯ (ใช่ เรามันบ้านนอกเข้ากรุง) บวกลบไปมา ดูฟ้าฝน จึงไปจบที่กินข้าวห้าง และไปเยี่ยมเพื่อนแม่ที่ TK Park (เมียมีเพื่อนทำงานในนั้น)

กำหนดการถูกวางไว้อย่างหลวมๆ ทีแรกจะไปเดินเล่นบรรทัดทอง ไปสวนเบญจกิติ อุทยานจุฬาร้อยปี แล้วก็หอศิลป์ด้วย สุดท้ายคือ กินข้าวกินหนมกันเสร็จ ก็เข้าไปนอนกลิ้งอยู่ TK Park เกือบครึ่งวัน

ทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่นาน คือลืมความรู้สึกของการอยู่ห้องสมุดแบบคนเยอะๆ ไปแล้ว เพราะระยะหลังๆ มานี้เราอ่านการ์ตูนทุกวัน จนรู้สึกว่าเสพหนังสือเยอะเกินไปอยู่แล้ว (การ์ตูนก็นับนะ ขอร้อง) แล้วจะไปห้องสมุดเพื่ออะไร

อ๋อ ไปรอรับลูกเลิกเรียนไงล่ะ ที่โรงเรียนของลูกมี Learning Center ซึ่งก็คือ TK Park ฉบับย่อส่วน คนไม่เยอะ ถ้าไม่นับห้องบอร์ดเกม ก็มีมุมเงียบๆ ไว้นั่งอ่านหนังสือได้ แน่นอน เราพกการ์ตูนจากบ้านไปอ่านเอง (ที่จริงเขามีห้องสมุดการ์ตูนด้วย แต่ไม่ค่อยเยอะ) นอกนั้นก็นั่งทำงาน นั่งไถมือถือในห้องแอร์เล่นๆ

แต่กับวันนี้มันไม่ใช่แบบนั้น เราเข้าห้องสมุดไปเพื่ออ่านหนังสือ นอนกลิ้งอ่าน จนง่วงสัปหงก ตื่นมาก็อ่านต่อ ง่วงอีกทีแล้วก็ตื่นมาอ่านอีก

แม้จะเป็นการ์ตูนเรื่องเดียวกับที่มีที่บ้าน แต่ของที่บ้านยังไม่ได้แกะ ก็จะเป็นมือหนึ่ง ขายต่อได้ราคาอยู่เสมอ (แฮ่)

ทั้งนี้เราพบว่า การเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่บรรยากาศเอื้อต่อการอ่านมากๆ มีผู้คนที่เข้ามาอ่านหนังสือ มาทำงาน มาเปิดคอมพิวเตอร์ ก๊อกแก๊กๆ ห้องเด็ก(เราอยู่ห้องนี้เพราะเบาะมันนุ่ม)ก็มีเด็กวิ่งเล่นตะโกนไปมา เขาไม่ห้าม ซึ่งก็โอเคนะ

และที่สำคัญคือมันมีหนังสือดีๆ หลากหลายจนไม่เกิดความรู้สึกว่า “ไม่รู้จะอ่านอะไรดี” คือเดินจิ้มไปเถอะ แป๊บเดียวต้องโดนสักเล่มจนได้

เราอ่านการ์ตูนเงือกเสร็จ ลูกชวนไปหาวันพีซ (อ่านเล่มต่อจากที่บ้าน) จบแล้วก็เดินไปตู้ค้นหนังสือ หาหนังสือผีอ่าน

ส่วนอีพ่อ เจอสาวตึงอยู่โซนหนังสือออกแบบ เลยเลี้ยวเข้าไปซะหน่อย แหะๆ แล้วก็ได้เจอหนังสือโชว์งานออกแบบฟอนต์ของคัดสรรดีมาก เล่มละ 1,600 บาท (ซึ่งเราไม่มีปัญญาซื้อ) ก็นั่งเสพอยู่นาน

ขณะที่เมียขลุกอ่านนิยายจีนเรื่องที่แพงจนไม่มีตังค์ซื้อ และลูกสาวคนโตเอาไอแพดมานอนวาดรูปในช่องรูปรังผึ้ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกำหนดการเดิมที่จะไปหอศิลป์ก็ต้องงดไปก่อนเพราะรถติดมหาศาลแล้ว

แถมฝนก็ทำท่าจะตกอีก บรรทัดทองก็เลยต้องงดไปโดยปริยาย

ถึงกระนั้นเราก็ฝ่ารถติดออกจากใจกลางเมือง แวะกินข้าวแถวอารีย์ และขึ้นทางด่วนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

ลูกเมียต่างแฮปปี้ และนัดกันว่าเดี๋ยวเดือนนี้เรามากันอีก เท่านี้ก็เป็นอันปิดจ็อบอย่างสมบูรณ์แบบ

งานหยาบ

ที่จริงเขียนเป็นเสียงมาแล้ว แต่เมื่อคืนเจ็บคอแล้วพูดวนไปวนมา 55555 มานึกดูเราบันทึกเป็นตัวอักษรดีกว่า เขียนวนแล้วเนียนกว่า

เมื่อวานไป “งานหยาบ” — stand-up comedy ของเบียร์ บัฟแก๊ก (ศรัญญู เพียรทำดี) แถวสามย่านมา เป็นอีกครั้งที่เราเอาตัวเองไปนั่งเป็นส่วนหนึ่งของอีเวนต์ที่เป็นรสนิยมเฉพาะของเราจริงๆ คุยกับใครไม่รู้เรื่องแน่ 55555

ทีนี้ถ้ามองสังคม stand-up comedy ในบ้านเรา ที่ไม่ใช่ระดับซูเปอร์สตาร์อย่างอุดม แต้พานิชแล้ว คนที่ทำให้เรารู้จักวงการนี้ในสายอินดี้ ก็คือยู (กตัญญู สว่างศรี) ที่ตอนนี้ไปโด่งดัง (ดังเปล่าวะ เดี๋ยวนี้ความดังมันคืออะไร) กับรายการกตัญญูทูไนท์ไปแล้ว กับกลุ่มยืนเดี่ยว ที่เป็นคอมมูนิตี้ของคนรักความฮาเหมือนกัน มีจัดโชว์และอีเวนต์ต่างๆ เป็นระยะ เราพอจะเรียกได้แล้วว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นศิลปินยืนเดี่ยว ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างน่าสนใจ

คนอื่นสนใจหรือเปล่าไม่รู้ เรานี่แหละสนใจ 55555

ตัดภาพมาที่เรื่องของเรา การจะเข้าเมืองมาดูงานนี้ก็ต้องใช้ความพยายามประมาณหนึ่ง เพราะบ้านไกล และบวกลบเวลาเดินทางสาธารณะเที่ยวนึงก็ล่อไป 2-3 ชั่วโมง ไปกลับคูณสองก็ยิ่งหมดพลังกันพอดี ทั้งนี้ก็บ่นไปงั้นแหละ เพราะคราวนี้เอารถมา ก็มาบ่นเรื่องรถติดในเมืองแทน

แต่นั่นก็เป็นแค่ปัญหาส่วนตัว ที่ไม่ส่วนตัวคือการเสี่ยงว่าเราจะพาคนอื่นมาดูแล้วรอดไหม เพราะรสนิยมเฉพาะแบบนี้มันไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะชอบ งานของ comedian อีกคนก่อนหน้านี้เราพาเมียมาดูเป็นเพื่อนด้วย แล้วก็อย่างที่คิดเลย ดูจบเมียก็บ่น ประมาณว่าไม่ถูกจริต 55555 เช่นเดียวกับเพื่อนที่โดนลากมาดูด้วยแบบงงๆ (ใช่แล้ว เราหมายถึงอีถลอก) ก็อดนอนมาก่อน เห็นว่านั่งฝืนถ่างตาตลอดงาน ก็เสือกนั่งแถวหน้าสุดกันน่ะสิ…

แถมสเกลงานคราวก่อนที่ใหญ่มาก กลับกลายเป็นทำให้สูญเสียความใกล้ชิดระหว่างคนพูดกับคนฟังไปอีก สิ่งนี้คนที่มีอาชีพโชว์บนเวทีอย่างนักร้อง นักดนตรี พิธีกร จะเข้าใจกันดี เพราะการขึ้นไปโชว์แล้วเห็น reaction ของผู้ชมแบบ 3 เมตร เต็มๆ ตา เทียบกับ 100 เมตรเป็นพิกเซลจิ๋วๆ มันต่างกันมาก

และการออกแบบโชว์ ออกแบบสคริปต์ โทนเรื่อง วิธีเล่า มุกสดต่างๆ มันแทบจะเป็นคนละศาสตร์กันเลย

เขียนยาวแล้วขอคั่นด้วยภาพหน่อย จอดรถตรงนี้ วิวสวย มีห้องน้ำด้วย ส้วมสะอาด ขี้สบายมาก

“งานหยาบ” ที่ไปมานี้จัดขึ้นที่ House No.18 สามย่าน บนชั้นสามมีพื้นที่สวยๆ ขนาดกะทัดรัด (เบียร์บอกว่าจุได้ไม่เกิน 70 ที่นั่ง) ซึ่งเป็นสเกลที่ดีมากกกกกก สำหรับการนั่งดูโชว์แนวนี้ ถ้าให้นึกภาพก็คงเป็นขนาดประมาณห้องเลกเชอร์ แต่ผนังด้านหลังเวทีเป็นจอภาพขนาดใหญ่ อันนี้เซอร์ไพรส์ไม่น้อย ทำไมมันหรูจังวะ

เปิดเวทีด้วยโนะ นนทบุเรี่ยน คนนี้เราชอบแหละ เป็นหนึ่งใน comedian ฝีปากดี ความสามารถด้านอื่นๆ ก็สูง คราวนี้มาแนวร้องเพลงล้อ ล้ออะไรเล่าไม่ได้จริงๆ เพราะนี่คืองาน underground เดี๋ยวเล่าไปก็จะเดือดร้อนทั้งคนพูดคนฟัง

เออ! ลืมบอกไปเลยว่านี่มันคืองาน underground!

underground stand-up comedy ก็คืองานที่เจ้าของโชว์ออกแบบเนื้อหามาให้ดิบเถื่อนกว่าโชว์ปกติ ไม่สามารถออกอากาศได้ ซึ่งในบ้านเราก็มีเรื่องที่เข้าข่ายนี้เยอะเหลือเกิน …..

เนี่ยแค่จะบอกว่าจะพูดเรื่องอะไรบ้างก็พิมพ์ไม่ได้แล้ว แต่เดาไม่ยากหรอกเนอะ

ก่อนหน้านี้เบียร์ก็เคยจัดเทวี underground มาแล้ว (ชื่องาน “ก่อนตาย” ที่ขยายความได้ว่าก่อนตายขอให้ได้พูดเรื่องนี้) และเราก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปนั่งสุมกันฟังในวงแคบๆ

ตอนนั้นเบียร์บอกว่า เป็นโชว์ที่คนฟังหัวเราะไปก็กังวลไป กังวลว่าพอเปิดประตูออกมาแล้วตำรวจจะมารวบกันหมดเลยหรือเปล่า…

ดังนั้นโชว์นี้ก็เลยไม่มีรูปถ่ายหรือคลิปอะไรมาเล่าเลย มัน off record ไปหมด แต่ตลกสัสๆ

เราติดตามงานของคณะนี้มานาน เป็นผู้ชมในมุมมืด ไม่ได้แนะนำตัว ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เป็นความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์ระหว่างศิลปินกับผู้ชมอย่างแท้จริง อุดหนุนกันโดยตรงบ้างตามโอกาสจะอำนวย (ก็บ้านไกลง่ะ)

ที่แน่ๆ คือเราแฮปปี้กับโชว์นี้มาก เต็มอิ่มพอดีคำ ไม่หนักไป ไม่เบาไป อะไรที่เป็นความหลุด ก็ถูกพลิกเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ทั้งหมดด้วยสกิลของศิลปินเองที่ตอนนี้อยู่ในระดับที่สามารถเอาคนดูอยู่เรียบร้อยแล้ว เทียบกับโชว์ปีก่อนๆ แล้วถือว่าพัฒนาการมาเป็นร่างทองเรียบร้อย ดีมากเลย!

แมวสามย่าน

ที่โล่งใจอีกอย่างก็คือ เพื่อนที่ถูกลากมาฟังด้วยคราวนี้ทีแรกก็หวั่นๆ ว่าจะชอบไหม เพราะคราวที่แล้วดันไม่ประทับใจเท่าไหร่ ตอนจะกดบัตรเลยเอาตัวเองไปการันตีว่าคนนี้ของจริง ดูเถอะ มาดูเป็นเพื่อนหน่อย ตูเหงา

แล้วเพื่อนก็ดูจบแล้วชอบ ชอบจนไปขอถ่ายรูปกับเบียร์ก่อนกลับด้วย นี่เซอร์ไพรส์เพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนที่ขอถ่ายคู่ศิลปิน 555555 ทั้งที่ก่อนนี้หยิบลูกอมเปรี้ยวๆ มากันง่วงด้วย แถมนั่งหลังสุดอีก คือกลัวว่าถ้าดูไปหาวไปแล้วจะเกรงใจคนบนเวที 55555 สรุปว่าดูจบแล้วโอเคมาก เราเลยแฮปปี้ด้วย ไว้งานหน้าเดี๋ยวลากมาดูอีก

สุดท้ายนี้ วันนี้เหลืออีกรอบนึง (1 ทุ่ม) ใครบังเอิญมาอ่านก็จิ้มซื้อตั๋วได้นะ ขอเชียร์แบบกังวลๆ 5555555

อ่านบล็อกแล้วสนุกจัง กลับมาเขียนอีกดีกว่า

ไม่ได้เขียนบล็อกมานานเพราะเวลาจะบ่นอะไรก็เอาไปลงทวิตเตอร์หมด

ถึงจะมีตงิดๆ อยู่บ้างว่าอยู่ในนั้นมันมีความเป็น Social platform ที่พูดไม่ได้อย่างที่ใจคิดนักเหมือนสมัยเขียนบล็อกทุกวัน

หรือมองอีกแง่ มันอาจเป็นพลวัตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ได้ ทวิตเตอร์เองก็มีความเบียวจัดๆ ในสมัยก่อน (ซึ่งคนร่วมสมัยกับเราต่างก็พูดตรงกันว่าชอบบรรยากาศที่ป่าเถื่อนในยุคก่อนมาก)

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรายังอ่านข่าว อ่านบล็อกของคนนั้นคนนี้ผ่าน rss feed อยู่เสมอ ซึ่งนี่ก็เช่นกัน เป็นวิธีโบราณ อาจเปรียบได้กับลุงแก่ๆ ที่บอกว่าตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็ได้แหละมั้ง

แต่ทำไมต้องสนด้วยล่ะ ถ้ารสนิยมเราเป็นแบบนี้

บล็อกที่ถ้าเป็นอัปเดตก็ต้องกดไปอ่านทันทีเลยก็คือของถลอก (ขอไม่ทำลิงก์ เจ้าตัวคงอยากเป็นส่วนตัว) ก่อนนี้ไม่ค่อยเขียน แต่พอเขียนทุกวันในระยะหลัง ถลอกจะรีวิวหนัง รีวิวอะไรๆ รวมถึงยืนเดี่ยวที่เพิ่งไปดูด้วยกันมาเมื่อวาน แบบที่อ่านแล้วมีความเป็นส่วนตัวดีมากๆ เลย คือไม่ต้องง้อใคร เพราะน่าจะมีเราเป็นแฟนคลับอยู่คนเดียวปะวะ (ซึ่งดี อย่าแมสเลย)

จนรู้สึกว่า นี่แหละ ความรู้สึกของการเขียนบล็อกแบบที่เราชอบ มันกลับมาแล้ว

ดังนั้นต่อจากนี้ไปจะเขียนบ่อยๆ

ขอบันทึกเรื่องการลง สว. #สมัครเพื่อโหวต ไว้อ่านทีหลัง

นี่เป็นสิ่งที่จะรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ลงมาลุย และในทางกลับกัน มองอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด การได้พบมิตรภาพใหม่ๆ (แบบจริงๆ ไม่ใช่แบบนางงาม) ตอนอายุปูนนี้ เฮ้ยมันเป็นประสบการณ์ที่วิเศษนะ

ได้รู้จักคนที่ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ ได้เข้าไปสัมผัส แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเกมพิสดาร ที่เชื่อเถอะว่าคนออกแบบก็ไม่ได้คิดว่ามันจะยุ่งขนาดนี้ ได้รู้จักมิติลึกลับมากมายที่มีอยู่จริง แต่เราไม่เคยเห็น
ก็ได้เห็นแล้ว และคุ้มค่ามาก

นี่ยังไม่ได้พูดถึงการพบพลังของผู้คน ทั้งร่วมอุดมการณ์ ต่างอุดมการณ์ ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีเหี้ยอะไรก็มี หรือมีเหี้ยเยอะมากก็มี หวังดีต่อชาติ หวังดีต่ออนาคต หวังดีต่ออดีต หวังดีต่อตัวเองและพวกพ้องก็มี ซึ่งความหวังดีเหล่านั้นของแต่ละคน จะถูกเปลี่ยนแปรเป็นการกระทำแบบไหน

จะมากันแบบแฟร์ๆ จะกลายร่างเป็นงูพิษ จะแทงตรง แทงหลัง มีหมด มีครบ

เหมือนย่อประสบการณ์ชีวิตห้าปีสิบปี มารวมกันในสองสัปดาห์ โดยเฉพาะวันออกศึกจริง

การเลือกรอบอำเภอที่ว่ามีเรื่องเล่านับร้อย พอเจอรอบจังหวัดเข้าไป คราวนี้นับพัน จนรอบอำเภอกลายเป็นสนามเด็กเล่นบุนวมปลอดภัยสำหรับคุณหนูไปเลย

และทุกอย่างที่ว่ามา คือพิธีกรรมการคัดเลือกกลุ่มคนเข้าไปนั่งในเก้าอี้วุฒิสภา ที่สามารถกำหนดชะตาของประเทศได้ ให้คุณให้โทษ ให้ความหวัง ความฝัน ผลประโยชน์อีกมากมาย โดยที่ลูกหลานเราจะโตไปอยู่ท่ามกลางสิ่งที่คนเหล่านี้เป็นผู้กำหนด

และเชื่อเถอะ ในสมรภูมิสุดโหดที่เราเพิ่งพลีชีพจากมา เรายังเห็นประกายความหวังอยู่ไม่น้อย

ขอบคุณเมียที่อนุมัติงบ 2,500 บาท
ยอมสละเวลาอยู่กับลูกๆ แทนให้ตลอดที่ผ่านมา
ยอมรับได้กับการสูญเสีย productivity ดองงานสารพัด

ตอนนี้ลีฟกรุ๊ปไลน์ที่มีแต่ใบหน้าผู้สูงวัยเป็นร้อยๆ พันๆ ฟลัดท่วมจออกมาหมดแล้ว

ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เราจะกลับมา
กลับมาดูแลลูกเหรอ
เปล่า กลับมาอ่านการ์ตูน! เสี้ยนมาก
วันพีซ เชนซอว์แมน อาคาเนะ วางกองจนฝุ่นเกาะแล้ว