ทบทวนทุกอย่าง

บรรทัดต่อจากนี้ไปขอให้อ่านโดยนึกอยู่เสมอว่าผมที่เป็นผู้เขียนเนี่ย เขียนด้วยหน้านิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกคร่ำครวญหรืออะไร แต่อยากบันทึกความรู้สึกไว้ เพราะคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าดี แน่นอนว่าเขียนเรื่อยๆ นึกอะไรออกก็พิมพ์เหมือนเดิม อย่าหวังความสละสลวย

วันนี้พี่ที่เคารพท่านนึงชื่อจ๋ง (นามสมมติ ซึ่งจริงๆ แกก็ชื่อจ๋ง) นัดสัมภาษณ์ที่ร้านแถวบ้านผม อันที่จริงบ้านผมกะบ้านแกนี่ปุ่นจักรยานไปเจอกันได้ภายใน 10 นาทีด้วยซ้ำ

ประเด็นที่แกมาสัมภาษณ์คืองานวิจัยเกี่ยวกับศูนย์การเรียนรู้แห่งหนึ่ง ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นความลับหรือเปล่า (ลืมถามแก) แต่ก็น่าจะพูดได้แหละ แค่จำมาเขียนไม่หมดเท่านั้นเอง Continue reading ทบทวนทุกอย่าง

#กรุ๊ปไลน์ครอบครัว

เมื่อเช้าทวีตไปว่างี้ครับ

คือพ่อผมชอบส่งอะไรแบบนี้มา แต่ละวันจะมีคำทักทายพร้อมแนบภพในสไตล์ที่ทำให้สงสัยอยู่เสมอว่าเฮ้ย ทำไมชีวิตเราถึงไม่เคยผ่านสังคมที่มีภาพพวกนี้เลยวะ แต่พ่อกลับเป็นคนที่ส่งอะไรแบบนี้มาได้ทั้งวัน ในแวดวงไลน์ของพ่อจะต้องมีอะไรแบบนี้เป็นทรัพยากรอยู่อีกเยอะแหงๆ เลย

แล้วก็มีชาวทวิตภพทยอยแบ่งปันภาพจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเพื่อช่วยย้ำให้มั่นใจว่า #กรุ๊ปไลน์ครอบครัว นั้น ช่างคัลต์อย่างน่ามหัศจรรย์ Continue reading #กรุ๊ปไลน์ครอบครัว

ครอบครัว #ที่ดี

ที่บ้านมีทีวีไว้เปิดยูทูบครับ (ใช้ Chromecast)

ตั้งกติกาให้ลูกไว้ว่าในหนึ่งวันสามารถดูทีวีได้ประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มๆ ส่วนมากจะเปิดคลิปจากเพลย์ลิสต์นี้ ส่วนของเมียก็จะเป็นอีกเพลย์ลิสต์นึง ซึ่งในนั้นมีรายการ ‘พี่บาร์นีย์’ ด้วย (พอดีผมไม่มีลิงก์ ลองเข้ายูทูบค้นเอานะ มีเพียบ)

บาร์นี่ย์เป็นรายการเด็ก ตัวละครคือไดโนเสาร์สีม่วงตัวใหญ่เท่าควาย มาเล่นกับเด็กๆ อายุประมาณ 4-5 ขวบ โดยเนื้อหาจะเน้นสอนเรื่องประสบการณ์ชีวิต สร้างเสริมลักษณะนิสัย และการงานพื้นฐานอาชีพให้เด็ก สลับกับร้องเพลงที่พอพากย์ไทยแล้วอาจจะฟังดูประหลาดสักหน่อย เนื่องจากไร้ซึ่งความคล้องจองสัมผัสนอกสัมผัสใจ แต่นิทานก็ยังชอบและฟังบ่อยจนร้องได้ทุกเพลง (มีแต่งเนื้อเองด้วย!)

ทีนี้มีตอนนึงที่เพิ่งเปิดดูเมื่อกี้แล้วประทับใจจนต้องเอามาเขียนบล็อกสั้นๆ นี้ เป็นตอนที่กล่าวถึงการอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว

บาร์นีย์บอกเป็นเพลงว่า ครอบครัวนั้นมีความหลากหลาย บางครอบครัวอยู่กันพ่อแม่ลูก บ้างก็อยู่กับแมว กับสัตว์เลี้ยง หรือบางครอบครัวอยู่แค่ตัวหนูเองและคุณยายแค่สองคน แต่นั่นแหละครอบครัว

และความแตกต่างนี่แหละที่เป็นสิ่งพิเศษ

ดูแล้วสะกิดใจเลยครับ ผมโตมากับเพลงอนุบาลที่เคยร้องมาตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีมาแล้วตอนรอเข้าแถวเคารพธงชาติสมัยอยู่โรงเรียนวัด และยังวนเวียนอยู่ในหัวมาจนทุกวันนี้ ไม่รู้มีโรงเรียนไหนใช้เพลงนี้สอนเด็กกันบ้างไหมนะ มันร้องว่า

“บ้านของฉันอยู่ด้วยกันมากหลาย มีพ่อมีแม่ ลุงป้าตายาย มี
ทั้งน้าอาพี่และน้องมากมาย ทุกคนสุขสบายเราเป็นพี่น้องกัน”

ไหนจะการโตขึ้นมาโดยที่ทุกคนต้องแต่งเรียงความส่งครูเรื่องพ่ออันสุดประเสริฐของฉัน แม่อันแสนรักลูกสุดชีวิตที่ไม่มีใครรักมากเท่านี้อีกแล้ว เป็นความรักบริสุทธิ์ในอุดมคติแบบที่พวกควรตอบแทนพระคุณในวันแม่ด้วยการถือพวงมาลัยไปก้มกราบเท้าดอกมะลิบนเวทีโรงเรียนกันเราทุกคน …นึกภาพย้อนไปตอนมัธยมที่ผมหันไปเห็นเพื่อนทำหน้าเจื่อนเพราะมันไม่มีแม่

ในขณะที่ทุกวันนี้ ในฐานะที่ตัวเองก็เป็นพ่อของลูกสาวสองคน คืออยู่ในฐานะบุพการีเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยังได้ยินคนหลังบ้านที่ดูภายนอกก็ปกติดีเหมือนชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ทั่วไป แต่กลับแหกปากตะเบ็งเสียงด่าและตะคอกลูกชายอายุเท่ากันกับนิทานเป๊ะๆ ด้วยความโมโหร้ายขาดสติ และขาดคุณสมบัติความเป็นแม่ที่ดี (แบบที่กระทรวงวัฒนธรรมอยากเห็น) อย่างชัดเจน คือด่าตะคอกแม้กระทั่งเวลาลูกร้องไห้ อีแม่ก็กรี๊ดดดดดดดดดดดด เสียงดังไปแปดบ้าน (ดังกว่าลูกเยอะ) แล้วตะคอกให้ลูกเงียบด้วยโทนเสียงสูงหวีดแหลมดังกว่าเดิม มลพิษทางเสียงนี้มีให้ได้ยินแทบทุกวัน!

เวลาที่ผมไปยืนล้างจานในครัวแล้วได้ยินเนื้อหาที่เจ๊แกด่า (จะอุดหูหรือเปิดเพลงกลบยังไงก็ได้ยิน เพราะบ้านเป็นตึกแถว เสียงมันส่งถึงกันง่าย) หลายครั้งไม่ใช่เรื่องที่จะต้องโมโหและไปใส่พิษให้ลูกเลยแม่้แต่น้อยนะ ตัวอย่างเช่น เรื่องการที่ถามลูกก่อนตอนอยู่เซเว่นว่าหิวนมไหม แล้วลูกบอกไม่หิว แต่พอมาถึงบ้าน ลูกบอกหิวแล้ว อีแม่ได้ยินเข้าก็กรี๊ดแล้วด่าลูกแรงขนาดให้ไปเกิดใหม่ บางวันลูกร้อง อีพ่อก็ทำเสียงกรรโชกให้เงียบ (เด็กมันจะเงียบไหม) ฯลฯ

คือมึงเป็นแม่ที่ไม่ควรให้เด็กไหว้เลยนะ แล้ววันแม่เด็กมันจะเขียนเรียงความส่งครูยังไง

ผมจำได้ว่าทวีตเรื่องนี้บ่อยครั้งเพื่อหาทางระบายความหงุดหงิดให้ชาวบ้านรับพลังลบไปบ้าง กูจะได้โล่งๆ คือมันอัดอั้นมาก ชีวิตนึงผมเครียดกับเรื่องแค่ไม่กี่เรื่องหรอก เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในนั้น

พอมาดูรายการของเด็กฝรั่งเรื่องการยอมรับและเข้าใจความหลากหลาย (แบบไม่ต้องพยายามอะไรเลยนะ มันเกิดขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว) แล้วก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอีกหน่อย อย่างน้อยก็เอาไว้สอนลูกได้

Book Fair 1st Time • ไปงานหนังสือครั้งแรก

วันนี้ไปงานหนังสือมาครับ

02-PA213182
ทีแรกกะว่าจะไปตอนไปนั่งเฝ้าแจกลายเซ็นช่วงเย็นวันที่ 23-24-25 ต.ค.นะ แต่อยู่ดีๆ เมียเห็นเราทำท่ากระสับกระส่าย ตื่นเต้นดีใจที่หนังสือเสร็จจากโรงพิมพ์ซะที (เพิ่งวางขายในงานเมื่อวานเป็นวันแรก) เลยอนุญาตให้ไปเที่ยวชมก่อนในวันนี้ เพื่อไปเที่ยวจริงๆ แล้วสามวันตามกำหนดการค่อยไปปฏิบัติหน้าที่

01-PA213181
จนกระทั่งพอไปถึงงานตอนประมาณบ่ายโมง บูธแซลมอนปีนี้รวมร่างกับของบันลือ ก็ดีเหมือนกันนะครับ เด่นมาก เพราะเดินเข้าจากทางรถไฟฟ้าโผล่หัวไปก็เห็นเลย ผมไปแอบด้อมๆ มองๆ อยู่ห่างจากบูธพอสมควร (คืออยากรู้ว่าหนังสือตัวเองขายออกไหม 55555) ก็พบว่าเฮ้ย ท่าทางขายได้เลยนี่หว่า คนหยิบกันเยอะมากๆ …หยิบมาพลิกๆ ดู แล้วก็วาง

การได้เห็นหนังสือตัวเองตัวเป็นๆ วางขายปะปนอยู่กับงานเขียนของนักเขียนและนักวาดที่เราชื่นชม เฮ้ยมันดีมากเลยนะ

03-PA213183
เนื่องจากกล้องที่แบกไปมันเป็นเลนส์ 75mm (x2) เลยสามารถแอบถ่ายไกลๆ โดยเหยื่อไม่รู้ตัวเท่าไหร่ เลยได้เห็นภาพแรกของหนังสือตัวเองบนชั้น ที่พนักงานกำลังจัดอยู่ จากที่มันดีๆ…

04-PA213185
ก็ดันจับให้มันกลับหัว -_- Continue reading Book Fair 1st Time • ไปงานหนังสือครั้งแรก

!

exmark

(บันทึก)
ลูกทั้งตัวเล็กตัวใหญ่เพิ่งหลับไปตอนห้าทุ่ม
สงสารเมียที่เหนื่อยมาก ซึ่งที่จริงเราแม่งก็เหนื่อยเหมือนกันแต่ไม่ได้ครึ่งหรอก
หลังจากเดือนนี้คงหายเหนื่อย และได้มีเวลากลับมาเขียนบล็อกเยอะๆ เหมือนเดิม