ความไม่สำเร็จครั้งที่หนึ่งประจำปี 2556

บล็อกนี้ไม่เท่ ไม่หล่อ ไม่ลึก ไม่คม นี่เตือนไว้ก่อนนะ

หนึ่งในโจทย์ใหญ่ของปณิธานปีใหม่ที่ได้ตั้งเอาไว้ นั่นคือลาออกจากงาน ตอนนี้ขออัปเดตว่าทำไม่สำเร็จครับ

ตอนบ่ายเดินเข้าห้องไปคุยกับเจ้านายว่าจะขอลาออก เหตุผลคือเบื่อชีวิตซ้ำๆ การเดินทางในกรุงเทพฯ ที่ทำให้ชีวิตฝ่อลงทุกวัน (ต้องย้ำว่าไม่ได้มีปัญหากับงานหรือคนในออฟฟิศนะครับ แค่มีปัญหากับวิถีชีวิตหุ่นยนต์ เป็นความชิวของตัวเอง) จึงขอกลับไปช่วยเมียพับเสื้อขายอยู่บ้าน หรือรับงานมาทำกุ๊กกิ๊กๆ นิดหน่อย ได้ตังค์น้อยก็จ่ายน้อยลงเหมือนเมื่อก่อน สบายดี

แต่กลับได้รับข้อเสนอกลับมาว่า เอางี้ไหม ลดวันมาทำงานวันเดียวพอ อย่างน้อยๆ ก็โผล่หัวมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้น้องๆ ในออฟฟิศบ้าง ส่วนเนื้องานก็เหลือไว้พัฒนาสมองหน่อย กันโง่ (ซึ่งผมเห็นด้วย ทุกวันนี้มีึความสุขกับการได้ออกแบบอะไรต่อมิอะไรอยู่ดี)

เรื่องเงินน่ะคงโดนลดไปเยอะแหละ (ไม่ได้คุยละเอียด) แต่ช่างมัน ในเมื่อสิ่งที่เราได้คิืนมาคือเวลาชีวิตอีกมหาศาล เอาเวลานี้ไปทำเสื้อ ไปทำฟอนต์ ไปวาดการ์ตูนเล่น เขียนอะไรเล่น หรือหัดทำโน่นนี่ยังได้ ที่สำคัญคือได้เลี้ยงลูกแบบเต็มๆ ซะที

ข้อเสนอนี้จึงโอเคแฮะ กลายเป็นว่าขอลาออกไม่สำเร็จ เราจึงอยู่ในระบบการทำงานแบบสังกัดมนุษย์เงินเดือนต่อไป แต่คงชิวขึ้นแหละ เพราะคุณภาพของเพื่อนฝูงพี่น้องร่วมงานที่นี่ก็ดีมากๆ แถมหัวก็ไม่ฝ่ออีกด้วย

บันทึกตรงนี้ไว้ว่าวินวินนะ ต่อไปจะเป็นยังไงเดี๋ยวค่อยมาดูกันอีกที

ป.ล.
ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ผมขับรถพาลูกเมียไปเที่ยวต่างจังหวัดแทบทุกสัปดาห์เลยครับ เปิด Location History ใน Google Latitude แล้วสนุกดี พอเสาร์อาทิตย์ปั๊บ กราฟการเดินทางพุ่งปรี๊ดเลย เนี่ยดูดิ ชีวิตในฝัน :30:

เรื่องเล่าของปลาโลมาพ่อแม่ลูก (ห้ามอ่านก่อนกินข้าว)

ทีแรกว่าจะทวีตสั้นๆ แต่พอมันยาวเลยก็อปมาลงบล็อกซะเลยครับ สะเทือนใจดี
อ้อ มีคอมเมนต์จากผู้อ่านด้วยครับ ขออนุญาตนำส่วนหนึ่งมาลงแนบท้ายนะ

(ทำไมบางอันทวิตเตอร์มันไม่ทำเป็นกล่องๆ ให้วะ ช่างมันละกัน)

แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ

ปณิธานปีใหม่ 2556

2556

เพิ่งสังเกตว่าเมื่อต้นปีนี้ ตัวเองเขียนเรื่องเกี่ยวกับปีใหม่ไว้เป็นการ์ตูน 2 ตอน ซึ่ง เหี้ยมาก พอขึ้นปีหน้าเลยกะจะขอจริงจังสักหน่อย ด้วยการตั้งจิตอธิษฐาน กำหนดนโยบายของตัวเองในปีหน้า (และหวังว่จะเป็นธรรมเนียมในปีต่อๆ ไปด้วย) ที่จริงเขียนไว้ในบอร์ดแล้วแหละ ขอเอามาเรียบเรียงลงในพื้นที่ส่วนตัวอีกที

อ้อ ก่อนอื่นเราคงขอข้ามไอ้ประโยคหล่อๆ แบบว่า เฮ้ย ทำไมต้องปีใหม่ด้วย เราตั้งใจทำอะไรให้ได้ทุกวันไม่ได้เหรอ อะไรพวกนั้นไปเลยนะครับ

เนื่องจากปีก่อนไม่ได้เขียนปณิธานอะไรเอาไว้ ก็เลยไม่มีจุดหมายอะไรในชีวิตมาก ดังนั้นปี 2555 ที่ผ่านมาเลยค่อนข้างเป๋ไปเป๋มา มีความสุขบ้าง มีความกังวลเรื่องเวลาชีวิตส่วนตัวบ้าง ส่วนปีก่อนหน้านั้นอีกก็ผ่านครึ่งนึง ไม่ผ่านอีกครึ่ง ก็ถือว่าพอถูไถละเนอะ

เอาล่ะ ปี 2556 ที่จะถึงนี้ ข้าพเจ้ามีความตั้งใจหลายประการ

เรื่องงาน

  • กลับมาทำฟอนต์ ไม่มีข้ออ้างอีกแล้ว หลังจากผัดมาหลายปี (อันนี้มันถือเป็นงานได้มะ งานอดิเรกก็นับละกันเนอะ) ไม่รอแล้วอี FontLab ห่าเหวนั่น เมลไปถามเรื่องเวอร์ชันใหม่ (ที่ไม่ตกยุค) ทีไรก็บอกว่าปีนี้แหละ ปีนี้แหละจะออกทุกที แม่งเลื่อนมาหลายปี เลยทำกูเหลวไหลไปด้วย (ไม่โทษตัวเองเลยนะ)
  • รื้อเว็บฟอนต์ใหม่ทั้งเว็บ ให้เป็นอย่างที่ “ว่าจะ” มานานแล้ว และกลับมาทำให้เว็บฟอนต์มันมีเสน่ห์มากๆ อีกครั้ง
  • เลิกบ่นเรื่องการเป็นมนุษย์เงินเดือน ด้วยการลาออกจากงานประจำเสียที เกษียณตัวเองจากโลกหุ่นยนต์ กลับมามีชีวิตเพื่อครอบครัวและตัวเอง เรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเราอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่ารวย (ใครรู้จักกันจะรู้ว่ากูแกล้งรวย แกล้งไม่เนียนด้วย) ประเด็นคือ มาถึงป่านนี้เราพิสูจน์ตัวเองมาหลายครั้งแล้ว ว่าเงินไม่ใช่คำตอบของชีวิตจริงๆ แต่เป็นความชิว อันเป็นความฝันอันสูงสุด (เขียนไว้ในบล็อกนี้: อย่างไม่คิดจะถุยชีวิตให้เสียเวลา) คือจะกลับมาพับเสื้อที่บ้าน ช่วยเมียสกรีนเสื้อขายเหมือนเดิม และหารายได้อื่นๆ ที่ไม่ต้องจ่ายเวลาไปวันละ 4-5 ชั่วโมงบนท้องถนนอีก อาจจะรับจ้างทำฟรีแลนซ์อยู่บ้านเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตามเรื่องตามราวงี้
  • หรือถ้ามันยากนักก็อาจจะเกษียณตัวเองออกจากวงการออกแบบสื่อดิจิทัลไปเลย (ข้อนี้ไม่มั่นใจ และไม่คิดว่าจะทำได้)
  • เขียนหนังสือออกวางขาย ตอบโจทย์ความฝันหนึ่งก้อนของตัวเองเรื่องการเป็นอยากนักเขียน
  • เอาเวลามาทำร้านโมนามาเฟียให้ดี ให้เป็นอย่างที่เคยฝันไว้ว่าอยากเห็น

เรื่องครอบครัว

  • เล่นกับลูกทุกวัน ทำให้ลูกติดพ่อให้ได้ ฮ่าๆๆ
  • ไปเที่ยวกับครอบครัวบ่อยมากๆ ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรกของชีวิตเสียที (ที่ผ่านมาคืองาน)

เรื่องสุขภาพ

  • ออกวิ่งทุกเช้า หรือหาทางออกกำลังกายอื่นที่พอแก้เขินได้ เช่นว่ายน้ำ ขี่จักรยาน (ถ้าไม่ได้ทุกวันก็อย่างน้อยวันเว้นวัน) ข้อนี้เริ่มทำทันทีตั้งแต่ต้นปีเลย
  • เออใช่ ซื้อจักรยานมาขี่ด้วย แต่ขอศึกษาข้อมูลและดูความพร้อมก่อน
  • นอนก่อนห้าทุ่มครึ่งให้ได้โดยถาวร (เขียนบล็อกตอนนี้ในเวลาห้าทุ่มครึ่งเศษๆ)

สรุปว่าปี 2556 ที่จะถึงนี้ เราตั้งใจว่าจะเป็นคนที่มีความสุข และเป็นครอบครัวที่มีความสุข เป้าสูงสุดในอุดมคติ (พูดอย่างไม่อาย) คือ กูจะสุขจนคนอิจฉา.. แต่ถ้าไม่ได้ตามเป้า ก็ขอให้เป็นชีวิตแบบที่ตัวเองอยากเป็นมานาน

เป็นตัวเองเสียที

ขนมหน้าโรงเรียน

เห็นด้วยกับอะไรแบบนี้ไหมครับ

ผมเห็นด้วยนะ (ที่จริงต้องบอกว่าเห็นแบบนี้มานานแล้ว) และคิดว่านี่คือปัญหาของนโยบายประชานิยมอย่างแร็งเลย

อารมณ์เหมือนตอนนี้เรามีสูตรสำเร็จการเลือกตั้ง (ซึ่งเขาว่ามันคือการได้มาซึ่งประชาธิปไตยอันศักดิ์สิทธิ์ และใครดูถูกจะถูกตราหน้าว่าไร้อารยะ) แบบแจกขนมหน้าโรงเรียน พอถึงฤดูทีไรก็เอารถมาตั้งแจก ครูก็ปล่อยเด็กๆ ก็กรูกันไปกิน กินฟรีทุกวันๆ โดยที่ไม่ได้มีใครเป็นห่วงเรื่องสุขภาพและการพัฒนาความคิดของเด็กในระยะยาว แม่งโตมาถือไหแบบในคุนิมิตสึกันหมด

ในขณะที่บริษัทใดที่ไม่ได้ใช้กลยุทธ์ซื้อใจแบบนี้ ก็ไม่มีวันขายขนมได้หรอก แถมกลับมีเสียงเรียกร้องให้ต้องปรับวิธีมาแจกขนมบ้าง เผื่อยอดปีนี้จะได้ชนะ คู่แข่งหน่อย และอ้างว่ามันคือความชอบธรรม

(หมายเหตุ: ย่อหน้าสุดท้าย ทีแรกจะพูดถึงประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่ตรงนัก เพราะ ปชป ก็แจกขนมเหมือนกัน แต่มันซื้อใจเด็กไม่ได้แล้วไง ขนมคุณไม่อร่อยนี่หว่า และเด็กมันเสพติดขนมของบริษัทคู่แข่งไปแล้ว งั้นก็รอเงกไปเหอะ)

อย่างไม่คิดจะถุยชีวิตให้เสียเวลา

เตือนไว้ก่อนว่าบล็อกตอนนี้ออกแนวเพ้อเจ้อและนามธรรมมาก ไม่รู้จักกันก็ไม่จำเป็นต้องอ่าน

คือระยะนี้เห็นคนรอบข้างกำลังแสดงอาการเบื่อหน่ายและถ่มถุยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองบ่อยครั้ง เลยหันมามองตัวเองบ้าง ก็พบว่า

อันข้างบนนี้ทวีตไว้หลายวันแล้ว (ไม่หลายเท่าไหร่หรอก เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้เอง) แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่

ถ้าเทียบกับคนอื่นที่เวลาเล่าจะเล่าอย่างโลดโผน ว่าผ่านนู่นนั่นนี่มาแล้วทั้งชั่วดี โดยเฉพาะเพื่อนที่ยิ่งผ่านเรื่องชั่วๆ มาก่อน จะยิ่งเล่าได้อย่างออกรส ในขณะเดียวกันถ้ายังไม่ผ่าน แต่ยังอยู่ในสถานการณ์เหี้ยๆ อันนี้จะออกแนวถุยชีวิตหน่อย … พอมองตัวเองบ้าง ก็จะพบว่าชีวิตเรานี่ค่อนข้างเรียบง่าย และออกแนวน่าเบื่อด้วยซ้ำ เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีเสน่ห์อะไรเลย ซึ่งจะว่าเกิดด้วยความบังเอิญก็ไม่ใช่ เพราะเราเชื่อเสมอว่าแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตนั้นไม่เคยมีปาฏิหาริย์ ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลของมัน แปลว่าอะไรที่ดูเหมือนเป็นผล ก็ต้องมีเหตุ (คือนี่แม่งพุทธมากๆ เลยนะ ดูเหมือนเป็นพวกหยิบปรัชญามาใช้กับตัวเองส่งเดชจริงๆ)

แต่รู้สึกอย่างชัดเจนว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้ว เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรื่อยเปื่อยเลยนะ คือวางแผนไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ก็เป็นแผนที่แบบหลวมๆ และชิวๆ (ที่จริงมันต้องเขียนว่าชิลล์ แต่เราติดเขียนแบบนี้ ให้อภัยเราเถอะ) คือไม่ได้แน่นจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้หลวมจนเหลาะแหละ (นี่ก็ปรัชญาพุทธอีก เท่ฉิบหายเลยสิมึง)

ประเด็นคือ เราค้นพบตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเราชอบอะไร เรามองเห็นแล้วว่าเป้าหมายสูงสุดที่ถ้าไปถึงได้จะฟินมากคืออะไร ทีนี้ก็เริ่มก้าวเดิน..

ใช่ ชีวิตแต่ละคนมีเป้าหมายไม่เหมือนกันเลย บางคนก็อยากรวยสุดๆ หรืออยากเท่สุดๆ อยากดังสุดๆ อยากประสบความสำเร็จสุดๆ อยากมีเกียรติยศศักดิ์ศรีสุดๆ หรืออยากเป็นพ่อพันธุ์ ไล่ปี้ตัวเมียให้มากที่สุด ฯลฯ ซึ่งก็ไม่ผิด ตราบใดที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น (เช่นไม่ไปไล่ปี้คนอื่น) ก็ทำไป.. ยอดเขาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แถมบางคนมีหลายยอดด้วย ปีนมาถึงนี่ กูพอละ ขอลองลูกข้างๆ บ้าง ก็ว่าไป

สำหรับเรา ที่ผ่านมาพอรู้แนวทางว่าตัวเองชอบอะไร และเสี้ยนหนามของเป้าหมายในชีวิตคืออะไร แต่ก็ยังคงเบลอๆ จนมาถึงระยะหนึ่งก็ตอบได้แล้วว่า เราเป็นมนุษย์ชิว.. อะไรก็ตามที่ขัดขวางความชิวของชีวิต นั่นคืออุปสรรค แต่ก็จะค่อยๆ แกะเสี้ยนหนามออกทีละหน่อยเท่าที่มีโอกาส ความสามารถ และกำลังพอ อย่างไม่คิดจะถุยชีวิตให้เสียเวลา

ยอดเขาของเรานั้นชื่อว่าชิว และเรากำลังค่อยๆ ปีนอยู่

อย่างชิวๆ